The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1312 - เหล่าเทพโกรธเกรี้ยว
ตอนที่ 1312 – เหล่าเทพโกรธเกรี้ยว
ผู้ใดกันจะยอมภักดีต่อคนที่สั่งให้ลอบสังหารเจ้าตระกูลปราบอสูรอันดับหนึ่งขู่ฆ่าตระกูลหลินหลาง แ ละจะปกครองตระกูลปราบอสูรอื่นตามใจนึก?
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายอย่างตระกูลฉีเหมินเมื่อใด
แผ่นหลังเจ้าพันธมิตรเต็มไปด้วยเหงื่อใบหน้าเขาซีดราวกับกระดาษ
พวกเจ้าจงฟังนี่เป็นแผนร้ายของฉีเหมินเจี้ยนกับเทพสีเงินที่ตั้งใจใส่ร้ายข้า ได้โปรดเถอะ เชื่อข้า ความจริงมันไม่…
ฉีเหมินเจี้ยนพูดด้วยความโมโห
พอได้แล้ว!เจ้าคิดจะหลอกลวงพวกข้าจนถึงเมื่อไหร่?
เทพอื่นเองก็โกรธแค้นถึงขีดสุด
เราเชื่อใจเจ้าแต่สุดท้ายเจ้าก็ใช้พวกเราเพื่อกำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด! หากเทพหลินหลางไม่หยุดพวกข้า พวกข้าคงจะสังหารเทพสีเงินผู้บริสุทธิ์และกลายเป็นเบี้ยให้เจ้าหลอกใช้งานไปแล้ว!
ลั่วหวนเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นเจ้าพันธมิตร!
เหล่าเทพพากันตะโกนด้วยความแค้น
ตอนที่เจ้าพันธมิตรใช้ประโยชน์จากเจ้าเทพเขาไม่เคยคิดเลยว่าความคิดจะถูกเปิดโปงออกมา
เหล่าเทพโกรธแค้นมิใช่เพราะความชั่วร้ายของเจ้าพันธมิตรลั่วเพียงเท่านั้น แต่เพราะพวกเขาชิงชังที่จะถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ
พวกเขาโกรธแค้นเพราะพวกเขาถูกลั่วหวนหลอกราวกับคนโง่
นี่คือเหตุที่พวกเขาโกรธแค้น
ไป!ไปฆ่ามันด้วยกัน!
ฉีเหมินเจี้ยนตะโกนเทพผู้โกรธเกรี้ยวทำตามเขา
แก้วแตกสลายถึงจุดจบของลั่วหวนแล้ว มันจบแล้วทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
ความพยายามตลอดหลายปี…กลายเป็นเพียงความไร้ค่า
ลั่วหวนมิอาจยอมรับสถานการณ์อันโหดร้ายที่ตนต้องเผชิญและมิอาจเชื่อว่าเขาจะเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปในทันทีทันใด
ชีวิตที่รุ่งโรจน์ได้ตกลงสู่ก้นบึ้งในพริบตาเดียว
ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า!
ลั่วหวนแค้นจัดเขาพูดด้วยความชิงชัง
เจ้าวางอุบายใส่ข้าทุกอย่างถึงได้เป็นแบบนี้!
เจ้าต้องตาย!
ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์
ข้าเคยฝืนใจเจ้าให้ทำเรื่องพวกนี้รึ?เจ้าอยากเหยียบก้อนหินอย่างข้าเพื่อทะยานขึ้นไปสู่บัลลังก์ ข้าต้องนอนรอความตายอยู่เฉย ๆ หรือ? เจ้าต่างหากที่คิดแต่แผนการชั่วร้ายสุดท้ายพอทำแผนไม่สำเร็จ เจ้าก็มาโทษคนอื่นที่ทำให้เจ้าล้มเหลวงั้นเรอะ? นี่น่ะรึคนที่เป็นเจ้าพันธมิตร! เจ้ามันคนไร้ค่า
ซือหยูผิดหวัง
หากข้าเป็นเจ้าข้าจะรีบหนีสู่ธารดาราให้เร็วที่สุด ข้าจะรออีกสิบปีจนอสูรบุกเข้ามา ยามที่โลกปั่นป่วน ข้าจะกลับมาในโอกาสนั้น
เจ้าจะตะโกนอย่างไร้สมองไปก็ไม่ได้อะไรมันไร้ค่าเฉกเช่นกับเจ้า!
ฉีเหมินเจี้ยนประทับใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินซือหยูกล่าวเช่นนั้น
น้ำเสียงซือหยูไม่ต่างกับผู้ครองใต้หล้าที่กำลังพูดกับมดปลวก
มันเป็นคำพูดอันเปี่ยมด้วยปัญญาแม้ทั้งพลังและอายุจะด้อยกว่าเจ้าพันธมิตรก็ตาม
แต่ฉีเหมินเจี้ยนไม่เคยรู้สึกถึงความหลอกลวงจากตัวเขาได้
ดูจากที่ทุกฝ่ายกระทำซือหยูมีคุณสมบัติในการตำหนิลั่วหวน
ฮ่าๆๆๆๆ!ข้าฆ่าเจ้าแล้วค่อยหนีไปจะไม่ดีกว่าเรอะ?
ลั่วหวนหัวเราะ
เจ้าคิดว่าจะหยุดข้าโดยใช้แค่ฉีเหมินเจี้ยนได้สินะ?
ลั่วหวนใช้โอกาสนี้เข้าประชิดตัวซือหยูอย่างรวดเร็ว
เขาตั้งใจจะฆ่าซือหยูและดูราวกับจะไม่มีใครหยุดได้
ฉีเหมินเจี้ยนเรียกกระบี่ไม้ออกมา
หากมีข้าคนเดียวคงยากที่จะหยุดยั้งเจ้าแต่เจ้าแน่ใจรึว่าข้ามาคนเดียว?
พลังมิติปะทุจากกระบี่ไม้เกิดรอยแยกจากตรงกลาง
แสงสีมรกตเบ่งบาน
ร่างสตรีบอบบางลอยออกมา
กลิ่นอายเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าไม้นี้มีที่มาจากเทพไม้เท่านั้น
ลั่วหวนตกใจแต่เขาก็กล่าว
นึกอยู่แล้วตระกูลฉีเหมินค้นทั่วพันธมิตรแต่ก็ไม่เจอร่องรอยเทพไม้ แต่เป็นเจ้าที่เก็บซ่อนนางไว้ข้างกาย!
หากคิดให้ดีมันน่าหัวเราะเป็นอย่างยิ่ง เพราะการค้นหาเทพไม้อย่างเอาเป็นเอาตายของตระกูลฉีเหมินนั้นเป็นเพียงการแสดงต่อลั่วหวน
เขารู้สึกว่าโดนหลอกอยู่ในใจมันยิ่งทำให้จิตสังหารพุ่งพล่านขึ้น
ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปซะ!
ฉีเหมินเจี้ยนกับเทพไม้ร่วมมือกันปกป้องซือหยูจากลั่วหวน
ตู้ม!
ทั้งสามกระเด็นไปข้างหลังทันทีที่เกิดการปะทะ
เทพไม้กับฉีเหมินเจี้ยนล้วนต่อสู้กับลั่วหวนไม่ได้แต่เมื่อจับมือกัน มันง่ายมากที่จะต่อกรกับลั่วหวน
ลั่วหวนไม่คิดยอมแพ้เขาบุกเข้ามาอีกครั้งพร้อมส่งเสียงกู่ร้อง
แต่หลังจากผ่านไปหลายกระบวนท่าแทนที่จะเป็นฝ่ายบุกเพื่อหาโอกาสฆ่าซือหยู เขาได้กลายเป็นฝ่ายที่ถูกยื้อและมิอาจหนีไปได้
เขาหรี่ตามองเทพพันธมิตรประจิมที่กำลังเข้ามาใกล้ถ้าหากเขาไม่หนีตอนนี้ เขาจะไม่มีโอกาสได้หนีไปตลอดกาล
ลั่วหวนกัดฟันจ้องซือหยูด้วยความชิงชัง
เทพสีเงิน!เจ้าทำลายชีวิตข้า ข้าจะไม่มีวันลืมเรื่องวันนี้! วันหนึ่งข้าจะกลับมาฆ่าเจ้าและทุกคนที่่เจ้ารัก รวมถึงนังกงซุนหวูซื่อไร้ประโยชน์ด้วยเ จ้าจะต้องเจ็บปวดจนอ้อนวอนความตาย ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า!
ไสหัวไป!
ลั่วหวนสลัดตัวจากเทพไม้และฉีเหมินเจี้ยนเขามุ่งหน้าไปยังธารดารา
ซือหยูสัมผัสลูกปัดในข้อมือเขาลังเลเล็กน้อย เขากำลังตัดสินใจ
นี่คืออาวุธสังหารสุดยอดของเขาเขาไม่ได้เตรียมไว้เพื่อลั่วหวน แต่เพื่อ…
ฟึ่บ…
ไม่นานจากนั้นก็มีแสงเทพมากมายส่องประกายลงมา
ฉีเหมินเจี้ยนนำเหล่าเทพไปยังสถานที่นั้น
เทพหลินหลางมาหาซือหยูด้วยความห่วงใย
เทพสีเงินเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?
ซือหยูส่ายหน้า
ข้าไม่เป็นไรฉีเหมินเจี้ยนมาทันเวลา
ทุกคนมองฉีเหมินเจี้ยนด้วยสายตาประหลาด
เมื่อไม่นานมานี้ทั้งสองยังเป็นศัตรูที่ชิงชังกันอย่างสุดหัวใจ แต่ตอนนี้ ทั้งสองได้มาเป็นพวกเดียวกันในพริบตา
ที่แปลกที่สุดก็คือฉีเหมินเจี้ยนที่ดูเหมือนตายไปแล้วกลับมามีชีวิตต่อหน้าพวกเขา
แน่นอนว่าพวกเขากำลังคาดเดาทุกอย่างผ่านแก้ว
เทพสีเงินส่งคนไปติดต่อฉีเหมินเจี้ยนอย่างลับๆ และเปิดโปงแผนการชั่วร้ายของลั่วหวน จากนั้นจึงคิดที่จะล่ออสรพิษออกจากรู เขาทำให้ทั้งพันธมิตรประจิมได้รู้แผนของลั่วหวน ความจริงจึงได้ปรากฏ
ทั้งซือหยูและฉีเหมินเจี้ยนหลอกพวกเขาได้อยู่หมัด
เทพทุกคนยิ่งแปลกใจที่เทพสีเงินสามารถพยากรณ์อนาคตได้แม่นยำขณะที่พวกเขาไม่เคยเล็งเห็นแผ่นชั่วของเจ้าพันธมิตร ซือหยูผู้เป็นเทพสีเงินที่เพิ่งจะมาพันธมิตรประจิมได้เดือนเดียวกลับรับรู้ได้แทบจะทันที จากนั้นจึงได้วางกับดักเพื่อลั่วหวนผู้เจ้าเล่ห์เสียอำนาจในพันธมิตรประจิม เหล่าเทพแอบตกตะลึงในเรื่องนี้
หากลั่วหวนแข็งแกร่งที่สุดแล้วซือหยูที่รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้จะอยู่ในระดับใดกัน?
ฉีเหมินเจี้ยนใบหน้าอับอายเขารีบมาโค้งให้ซือหยู
ข้าย่อมไม่กล้ารับความดีความชอบนี้เป็นเทพสีเงินที่ช่วยชีวิตชายชราอย่างข้า!
ฉีเหมินเจี้ยนยิ่งอับอายเขายิ้มอย่างขมขื่น
ข้าลุ่มหลงในพลังจิตใจถูกความคิดด้านลบบดบัง ข้าดูหมิ่นเจ้าอย่างไร้เหตุผล บังคับให้เจ้าต้องใกล้ชิดกับลั่วหวน สุดท้ายข้าจึงติดกับดักที่ลั่วหวนวางเอาไว้ ข้ามันโง่เขลายิ่งนัก
หลังจากผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาฉีเหมินเจี้ยนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่ากำลังเจอกับอะไร เขาคิดอ่านได้ดีขึ้นมาก
เทพสีเงินพูดถูกผู้ที่ใฝ่หาแต่พลังและคิดปกครองทุกสิ่งย่อมจะได้มาซึ่งพลัง แต่ผู้ที่จงใจเข้าสู่อำนาจ ท้ายสุดจะตกต่ำ พวกเราเป็นเทพ สิ่งที่ต้องใฝ่หาคือพลัง หาใช่อำนาจ
ฉีเหมินเจี้ยนชมซือหยูอีกครั้ง
เทพสีเงินเจ้ายังอ่อนวัย แต่ความคิดอ่านเหนือกว่าพวกเราที่แก่เฒ่าที่มีชีวิตมายาวนาน ขอบคุณที่ขจัดหมอกควันให้กับข้า
ขอข้าขออภัยกับทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเถอะ
ซือหยูยิ้มเขาทำมือให้ฉีเหมินเจี้ยนยืนขึ้น
เทพฉีเหมินรีบลุกขึ้นเถอะท่านคือเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพันธมิตรประจิม ข้าย่อมรับคำขออภัยจากท่านไม่ได้
เทพอีกหลายคนละอายใจกับตัวเองพวกเขารีบมาคำนับซือหยู
พวกเราเคยดูหมิ่นเทพสีเงินมาก่อนขอให้เทพสีเงินจงอภัยให้กับเรา
ข้าตามืดบอดถูกลั่วหวนบงการ ข้าผิดไปแล้ว ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง
… ซือหยูที่เห็นเหล่าเทพคุกเข่าให้กับเขาไม่เรียกให้ใครลุกขึ้นอีกแล้ว
เหล่าเทพอับอายและไม่พอใจกับการนิ่งเฉยของซือหยูเทพสีเงินเพิ่งจะได้รับนามนี้มา การโค้งคำนับจากเทพทั้งร้อยคนนี้มักจะมีให้กับเจ้าพันธมิตรเท่านั้น
ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ารู้สึกอย่างไรหลังจากผ่านเรื่องเหล่านี้มาได้
ซือหยูกล่าว
เหล่าสมาชิกพันธมิตรได้ทำเรื่องที่คาดไม่ถึงมันอาจเป็นที่จดจำไปตลอดกาล
ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการเลือกผู้นำคนใหม่และรีบจัดการความวุ่นวายลงเสีย
ใช่แล้วการเลือกผู้นำคนใหม่คือเรื่องสำคัญที่สุด
พันธมิตรประจิมปกครองโดยรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลางมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้ว
มังกรย่อมต้องมีศีรษะบนบ่าทุกวันมิเช่นนั้นอสูรจะฉวยโอกาสจู่โจมเอาได้! ซือหยูยิ้มบางๆ
พวกเจ้าตัดสินใจแล้วรึว่าเจ้าพันธมิตรคนต่อไปจะเป็นใคร?
เรื่องนี้…
มันมิใช่สิ่งที่ตระกูลปราบอสูรทุกตระกูลจะใฝ่หาหรือ?
แต่ใครกันเล่าที่เหมาะสมที่สุด?
เหล่าเทพหวังจะได้เห็นฉีเหมินเจี้ยนหรือเทพหลินหลางครองตำแหน่งตามคุณสมบัติแล้ว สองตระกูลนี้ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ข้าคิดว่าเป็นฉีเหมินเจี้ยน!
ข้าแนะนำเทพหลินหลาง!
เหล่าเทพออกเสียงของตัวเอง
มีเทพอื่นที่ถูกแนะนำขึ้นมาด้วย
แต่เหล่าเทพก็ไม่เห็นด้วย
ซือหยูยืนมองราวกับกำลังชมการแสดงชั้นดีเขามองดูเงียบ ๆ และปล่อยให้เหตุการณ์วุ่นวายต่อไป
ฉีเหมินเจี้ยนกล่าว
เทพสีเงินจะไม่ออกความเห็นกับพวกเราหรือ?
เทพหลินหลางกล่าว
เจ้ามีความดีความชอบมากที่สุดในเรื่องนี้เจ้าคิดเห็นร่วมกับพวกเราได้ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?
เมื่อเทพที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนพูดเทพคนอื่นก็เงียบลง
พวกเขาเองก็สงสัยว่าซือหยูจะพูดอย่างไร
ซือหยูมองเหล่าเทพด้วยรอยยิ้ม
เจ้าเห็นเพียงตำแหน่งที่ว่างเปล่าของเจ้าพันธมิตรแต่เจ้าคิดหรือไม่ว่าใยตำแหน่งนี้ถึงได้ว่าง?
เหตุที่ตำแหน่งว่างหรือ?แน่นอนว่าเป็นเพราะลั่วหวนที่ใช้อุบายร้ายในการกำจัดฉีเหมินเจี้ยน เหล่าเทพตระหนักได้ถึงบางอย่าง
ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้ง
ซือหยูพูดเบาๆ
ไม่ว่าศูนย์กลางอำนาจและความสามัคคีของพันธมิตรประจิมจะดูยอดเยี่ยมเพียงใดปัญหาภายในย่อมมักเกิดขึ้นอยู่เสมอ!
หากอสูรรุกรานแผ่นดินความขัดแย้งอาจหายไปชั่วคราว แต่ในยามสงบ ความขัดแย้งจะยิ่งปะทุรุนแรง!
เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำลั่วหวนยอมทำลายคู่แข่ง ตระกูลอื่นยอมทำลายอีกตระกูลเพื่อได้อันดับที่สูงกว่า
ข้าขอถามทุกท่านที่นี่จะมีผู้นำใดที่ขจัดความขัดแย้งได้อย่างหมดจด?
เหล่าเทพมองหน้ากันพวกเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าจะฉีเหมินเจี้ยนหรือเทพหลินหลางก็มิอาจขจัดมันไปได้
นั่นก็เพราะมีตระกูลที่ต่างกันสนับสนุนทั้งสองใครก็ตามที่เลือกเจ้าพันธมิตรย่อมได้รับความสนับสนุนจากคนที่ได้เป็นเจ้าพันธมิตร และจะต่างกันกับตระกูลอีกขั้ว
เลือกเจ้าพันธมิตรคนใหม่มิใช่หนทางแก้ปัญหา!กว่าปัญหาจะจบสิ้นอาจกินเวลาไปร้อยปีหรือตลอดกาล แต่เรามีเวลาหรือ? เผ่าอสูรจะให้เวลากับเราหรือ?
คำตอบก็คือไม่!
พวกเขามีเวลาอีกสิบปีเท่านั้น