The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1317 - เบ็ดตกปลา
ตอนที่ 1317 – เบ็ดตกปลา
เทพไม้กังวลอย่างประหลาด
ถ้าหากพลังเหนือกว่าข้ามันก็ต้องมีพลังอย่างน้อยที่องค์หญิงหก! จะมีใครอีกล่ะ?
ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นใครแต่…
ซือหยูยืนขึ้นช้าๆ สายตาเขาหม่นหมอง
นักล่าจากโลกอสูรมาถึงแล้ว!
เขานำรัชทายาทอสูรออกมาทำให้ยักษ์ทะเลขมไม่ได้พลังจากอวตาลของตัวเอง
การถูกโลกอสูรตามล่าจึงไม่ใช่เรื่องแปลงเลย
เพียงแต่การตามล่านี้รวดเร็วกว่าที่เขาคาดเพิ่งจะผ่านมาไม่กี่เดือน แต่เขาก็ถูกตามจนเจอตัวแล้ว
ที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คืออสูรเหล่านั้นรู้ตำแหน่งซือหยูอย่างรวดเร็ว
พ่อของราชาเขตกลาง…จะเป็นใครล่ะ?
ซือหยูพึมพำเขาใช้ความคิด
ถึงเวลาเร่งการเคลื่อนตัวของพันธมิตรแล้วที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
ฉีเหมินเจี้ยนหลินหลางฟาน เข้ามา
ซือหยูเรียก
เมื่อซือหยูบอกข่าวเรื่องนักล่าจากโลกอสูรฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลางฟานตกตะลึงไม่ต่างกัน
ท่านเจ้าพันธมิตรพวกเราควรทำอย่างไร?
ส่งกำลังเทพไปสืบข่าวมีเทพที่กำลังรอไถ่โทษอยู่ไม่ใช่รึ?
สั่งพวกมันไปตรวจสอบว่าข้าศึกมาจริงหรือไม่ถ้าหากทำได้ดี ความผิดจะเป็นอันยกโทษ!
อีกเรื่องคือต้องเร่งการเคลื่อนย้ายพันธมิตรเวลาไม่รีรอใคร อสูรรู้ตำแหน่งข้าแล้ว ไม่มีใครเดาได้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
ฉีเหมินเจี้ยนพูดเสียงเบา
เรื่องแรกมิใช่ปัญหาแต่เรื่องที่สอง ข้าเกรงว่าจะต้องเจรจาต่อไปอีก
ติดขัดเรื่องอะไร?
ฉีเหมินเจี้ยนกล่าว
พันธมิตรตั้งอยู่ใกล้โลกอสูรมาหลายล้านปีไม่ใช่เพราะเราคุ้นเคยกับที่นี่ แต่ที่สำคัญกว่าคือมันมีจุดที่มีรากฐานของพันธมิตรอยู่
มีโลกมากกว่าร้อยใบที่ยึดติดกับรากฐานต้องใช้เวลามากกว่าข้ามคืน
ซือหยูเข้าใจในจุดนี้
เช่นเดียวกับโลกเสี้ยววิญญาณการมีอยู่ของโลกนั้นต้องยึดโยงกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างแหวนหนึกเทพเก้าอสูร
มิเช่นนั้นพลังของจักรวาลอย่างเดียวจะมีอาจยึดโยงโลกเข้าดว้ยกันได้โลกจะไหลออกไปอย่างไร้จุดจบ พันธมิตรบูรพาก็เช่นเดียวกันที่หยุดอยู่กับที่ได้ก็เพราะมีการยึดโยงแบบเดียวกัน
ไม่ยากที่จะคิดว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่แล้วจะทนรับน้ำหนักของโลกร้อยใบได้มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก
สิ่งนี้คือรากฐานที่ฉีเหมินเจี้ยนกล่าวถึง
รากฐานอาจไม่ได้แข็งแรงนักแต่มันใช้ในการยึดเหนี่ยวโลกในจักรวาลได้เป็นอย่างดี
ซือหยูมิได้ควบคุมพันธมิตรมานานเขายังไม่รู้เรื่องทั้งหมดของการเป็นเจ้าพันธมิตร เขายังไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่ารากฐาน
สิ่งทีเ่ป็นรากฐานของพันธมิตรประจิมทำให้ทั้งพันธมิตรเลือกที่จะต่อสู้กับอสูรแทนที่จะเคลื่อนตำแหน่งหนีมันยากที่จะหาชิ้นที่สองในจักรวาลแห่งนี้
ไม่ต้องสงสัยคำพูดข้ากำลังอสูรเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ ให้เทพทุกคนเคลื่อนไหว ทิ้งทุกอย่างที่ทำได้และหนีไปจากที่นี่ ไปเจอกันที่พันธมิตรบูรพา! ทั้งสองรับคำสั่งและออกจากตำหนักเจ้าพันธมิตรด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
เจ้าไม่คิดว่าเจ้าพันธมิตรกลัวโลกอสูรเกินไปรึ?
ฉีเหมินเจี้ยนอดพูดขึ้นมาไม่ได้
เพราะพันธมิตรได้ต่อสู้กับอสูรมาหลายล้านปีพวกเขาเชื่อว่าพันธมิตรประจิมมีกำลังเทียบเท่าอสูรตั้งแต่ก่อนที่ซือหยูจะมาถึงเสียอีก
แม้ซือหยูจะบอกเรื่องราวในโลกอสูรแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เชื่อตามมากนัก เพราะไม่ได้เห็นเองกับตา
หลินหลางฟานขมวดคิ้ว
จากนิสัยของเจ้าพันธมิตรเจ้าพันธมิตรของเรามิใช่คนขี้ขลาด หากกลัวบางอย่างมากเช่นนี้ พวกเราจำเป็นต้องรีบดำเนินการและมุ่งหน้าไปยังพันธมิตรบูรพาให้ได้
ฉีเหมินเจี้ยนพยักหน้าแม้จะขาดแรงจูงใจยากสำหรับเขาที่จะเชื่อว่าพวกเขาคือแกะในกรงขังเพราะเขายังไม่ได้เห็นโลกอสูรกับตา
ทั้งสองทำตามคำสั่งซือหยู
เทพหกคนได้นำว่าที่เทพกลายสิบคนเดินทางเข้าใกล้โลกอสูรอย่างเร่งรีบ
การเดินทางครั้งใหญ่นี้หาได้ยากในประวัติศาสตร์พันธมิตรประจิม
บางคนที่เฉลียดฉลาดสัมผัสได้ถึงความพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้น
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลางฟานกำลังเร่งรีบการเคลื่อนย้ายพันธมิตรซึ่งทำให้หลายฝ่ายหนักใจ
จะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น?
ในจักรวาลอันมืดมิดพลังอสูรแดงดั่งโลหิตล่องลอยผ่านจักรวาลอย่างเงียบเชียบ ตามด้วยกลิ่นของโลหิต
ท่ามกลางแสงพลังโลหิตนั้นดวงวิญญาณเทพที่กำลังจะตายได้ถูกพลังอสูรสะกดเอาไว้
กายาเทพหายไปแล้วจิตวิญญาณเทพเองก็เช่นกัน
หากมีเทพของพันธมิตรประจิมโผล่มาที่นี่ก็คงจะรู้ว่าดวงวิญญาณเทพนี้คืออดีตเจ้าพันธมิตรลั่วหวนนั่นเอง!
เขาได้ขู่ว่าวันหนึ่งจะกลับมาล้างแค้นใยถึงได้มาลงเอยในสภายนี้?
ท่านแม่ทัพอีกห้าวันเราจะถึงพันธมิตรประจิม
เทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งรายงานอย่างไร้ความรู้สึกเขายืนอยู่นำหน้าพลังอสูร
ด้านหลังมีเทพอสูรหลายคนที่เงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
ข้าได้กลิ่นอายของพวกที่หนีออกมาแล้วถ้าไม่มีคนที่แข็งแกร่งกว่าข้าเข้ามายุ่ง มันจะหนีจากสัมผัสตำแหน่งของข้าไม่ได้
เทพอสูรคนหนึ่งกล่าวช้าๆ ด้วยเสียงอันยิ่งใหญ่
เขาก้มลงเหลือบมองดวงวิญญาณเทพที่ถูกจับไว้ของลั่วหวนและพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก มันไม่มีประโยชน์อีกแล้วเอามันเป็นรางวัลของเจ้าซะ
เทพอสูรที่อยู่ด้านหลังยิ้มกริ่มด้วยความดีใจพวกมันอ้าปากขนาดยักษ์และกำลังจะกัดกินดวงวิญญาณเทพของลั่วหวน
ลั่วหวนหวาดกลัวจนดวงวิญญาณเทพจะสลาย
ช้าก่อน!ใต้เท้าจากแดนอสูร ข้ายังมีประโยชน์อยู่ ข้าคือเจ้าพันธมิตรแห่งพันธมิตรประจิม ข้ายังมีความรู้ที่จำเป็นกับพวกท่าน
ลั่วหวนตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อมองเทพอสูรร่างยักษ์ตรงหน้า
ต่อให้เขาหนีรอดไปได้เขาจะไม่มีวันลืมพละกำลังอันยิ่งใหญ่ของเทพอสูรนี้ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ
ตลอดมาเทพอสูรผู้นี้ใช้มือเพียงข้างเดียวในการจับตัวเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรประจิมเช่นเขา เทพอสูรผู้นี้ทำลายกายหยาบและกลืนกินจิตวิญญาณเทยไป เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้ลั่วหวนโศกเศร้าจนตัวสั่น
ก่อนที่จะได้เจอกับเทพอสูรผู้นี้ลั่วหวนไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย
ความเชื่อของเขาย่อยยับป่นปี้ในทันทีที่ได้เจอกับเทพอสูร
สุดท้ายเขาจึงเชื่อว่าซือหยูไม่ได้โกหกเลยโลกอสูรนั้นแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาโดยตลอด โลกอสูรกำลังปล่อยให้พวกเขาเติบโตดั่งแกะในกรง!
จากที่ได้ฟังเทพอสูรพูดลั่วหวนรู้ว่าเทพอสูรนี้มีนามว่าเทพอสูรหกวิถี ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่ซือหยูบอกว่าแข็งแกร่งเป็นรองแค่จักรพรรดิอสูร!
เจ้าถูกริบตำแหน่งเจ้าพันธมิตรไปแล้วเจ้าจะมีประโยชน์อะไรอีก?
เทพอสูรหกวิถีถามอย่างไม่แยแส
ทีแรกเหล่าอสูรไม่พบตำแหน่งของซือหยูเพราะปราณอสูรถูกปิดบังเอาไว้ ดังนั้นการเจอตำแหน่งที่แน่ชัดจึงเป็นไปได้ยาก
พวกเขาจะหาซือหยูเจอในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตได้อย่างไร?
แต่เมื่อได้จับตัวลั่วหวนมาพวกเขาก็ได้ข้อมูลสำคัญมาจากลั่วหวนที่บอกว่ามีชายแข็งแกร่งหนีมาจากโลกอสูรได้ปรากฏตัวในพันธมิตรประจิม
เทพอสูรหกวิถีสละโลหิตเทพของตัวเองเพื่อใช้งานคำสาปที่ราชาเขตกลางทิ้งเอาไว้เขาจึงรู้ตำแหน่งของซือหยูได้
เขาจึงได้รู้ตำแหน่งที่ชัดเจนและมุ่งหน้าตรงไปหาซือหยู
ลั่วหวนนั้นมีผลอย่างมากต่อความเลื่อนไหวนี้จากฝ่ายอสูร
ลั่วหวนพูดทันที
ข้ารู้บันทึกโบราณมากมายมีบันทึกที่ถูกส่งต่อของพันธมิตรประจิมจากรุ่นสู่รุ่น ข้าคือคนเดียวที่รู้เพราะเป็นเจ้าพันธมิตร… บันทึกโบราณรึ?
เทพอสูรหกวิถีส่ายหน้าเขาไม่สนใจ
ด้านหลังเทพอสูรหกวิถีมีอสูรรับใช้ที่กำลังยิ้มเยาะ
โลกอสูรมีบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งหมดในหลายล้านปีที่ผ่านมาบันทึกของพวกเจ้าจะมีค่าอะไรกัน?
หากซือหยูอยู่ที่นี่เขาจะรู้ว่าข้ารับใช้อสูรสาวคนนี้ก็คือไค่หลินที่เป็นมนุษย์
นางพูดถูกโลกอสูรอยู่มานานกว่าโลกของมนุษย์ อย่างน้อยในด้านของบันทึกประวัติศาสตร์ก็ย่อมต้องมีข้อมูลที่ยาวนานกว่า
ลั่วหวนเหงื่อไหล่เต็มหน้าผากแต่ทันใดนั้นก็เกิดความคิด
ช้าก่อน!ข้าเป็นเจ้าพันธมิตร ข้ารู้รากฐานของพันธมิตรประจิม ข้าเชื่อว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์กับใต้เท้า!
ไค่หลินขมวดคิ้ว รากฐานของพันธมิตรงั้นหรือ?
ประวัติศาสตร์ของโลกอสูรมีบันทึกเอาไว้แต่มีเพียงจักรพรรดิอสูรที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมัน อสูรทั่ว ๆ ไปย่อมไม่รู้เรื่อง
รากฐานใหญ่โตมโหราฬไม่เพียงจะทนรับแรงกดันของโลกร้อยใบได้ แต่ยังมีพลังพิเศษ ถ้าหากใช้พลังให้ดีจะไม่มีสิ่งใดในจักรวาลที่ทนรับพลังนั้นได้
ไค่หลินสีหน้าจริงจัง
เจ้าแค่พูดเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเรอะ?ถ้าหากมีรากฐานแบบนั้นในพันธมิตรประจิม โลกอสูรก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว!
แล้วพันธมิตรประจิมก็เกือบจะถูกทำลายมาหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นเจ้าใช้รากฐานนั่นมาก่อน
ลั่วหวนรู้ว่าฝ่ายอสูรย่อมไม่เชื่อเขาจึงพูดต่อ
ข้าถึงได้พูดว่าต้องใช้มันให้ดีในเวลาที่เหมาะสมยังไงล่ะ! แท้จริงแล้วลั่วหวนไม่รู้ว่าการใช้พลังของรากฐานนั้นทำอย่างไรเขาแค่พยายามทำให้เหล่าอศูรหวาดกลัวเพื่อที่เขาจะยื้อชีวิตตัวเองได้สักระยะ
ไค่หลินมองเทพอสูรหกวิถี
เทพอสูรตาเป็นประกายเล็กน้อย
ไว้ชีวิตมันไปก่อน
ลั่วหวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแววตาเขาแค้นอยู่ภายใน
เทพสีเงิน!เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำแบบนี้ เจ้าต้องเจออย่างที่ข้าต้องเจอ!
เขาไม่กล้าโทษเทพอสูรหกวิถีที่มีพลังเหนือกว่าใครๆ เขาได้แต่ระบายความแค้นใส่ซือหยู
…
ในเรือนหนึ่งที่พันธมิตรประจิม…
กงซุนหยากับกงซุนหวูซื่อและลั่วเฟยกำลังสำนึกในบุญคุณ ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าอีกแล้ว!
กงซุนหยาทั้งรู้สึกขอบคุณและอึดอัดในเวลาเดียวกัน
เป็นความผิดข้าที่ไม่ฟังท่านสุดท้ายข้าก็โดนหลอก จนเกือบจะนำภัยมาสู่ท่าน
ซือหยูโบกมือ
ไม่ต้องกังวลลั่วหวนเจ้าเล่ห์เจ้าอุบาย หากมันคิดร้ายกับเจ้า มันก็ยากที่เจ้าจะป้องกันตัวได้
พวกเจ้าควรหนีไปจากพันธมิตรประจิมหาที่อยู่ที่ห่างไกลจากโลกอสูรและสองพันธมิตร ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นั่น
ซือหยูกล่าว
เขาตัดสินใจที่จะให้ทั้งสามได้มีชีวิตอย่างสงบสุขหลังจากเจอความลำบากยากแค้นมาโดยตลอดเพื่อที่ทั้งสามจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสงครามจักรวาลของพันธมิตรและเผ่าอสูร
และยังเป็นผลดีกับซือหยูด้วยเขาชุบชีวิตกงซุนหยามาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกซือหยูหลอกว่าเขาใช้พลังพิเศษ
แต่เมื่อเป็นครั้งที่สองดวงวิญญาณกงซุนหยาเกือบจะสลายไปพร้อมกับกายหยาบ ถ้าหากกงซุนหยาปรากฏตัวต่อคนภายนอกอีกครั้ง เรื่องพลังชุบชีวิตของซือหยูอาจจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
ดังนั้นครอบครัวนี้จึงจำเป็นต้องหนีไปจากพันธมิตรประจิม
ข้าไม่อยากไปข้าอยากอยู่กับพี่ซือหยู
กงซุนหวูซื่อเกาะแขนซือหยู
ซือหยูส่ายหน้า
ถ้าอีกสิบปีข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าค่อยตามหาข้าอีกครั้ง แต่ตอนนี้เจ้าต้องหนีไปให้ไกลจากโลกอสูร ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า
เทพอวี่ไปส่งพวกเขาด้วย
ช้าก่อน!
ลั่วเฟยเป็นคนกล่าวขึ้นบ้างนางเรียกเบ็ดตกปลาออกมาจากแหวนมิติสีขาวนวลด้วยความลังเล
ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราในทุกครั้งท่านผู้มีพระคุณ ไม่มีทางที่ลั่วเฟยผู้นี้จะตอบแทนได้ ข้าให้ได้แต่เบ็ดตกปลาคันนี้เป็นของขวัญ
ซือหยูมองเบ็ดตกปลาที่ดูคุ้นเคยสำหรับเขาเขาถาม
มันคืออะไร?
ข้าบังเอิญได้ไปเจอที่ลับในจักวาลเมื่อครั้งอดีตเบ็ดคันนี้อยู่ในมือซากศพเทพที่ไม่เน่าเปื่อยเลยแม้จะผ่านมาหลายล้านปี
ศพที่ไม่เน่ามาหลายล้านปีรึ?ตามทฤษฎีแล้วเป็นไปไม่ได้นอกจากจะมีวิชาอวตาลอย่างที่จักรพรรดิอสูรมี
คำอธิบายเดียวคือซากศพนั้นต้องเป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดจากเมื่อหลายล้านปีก่อน
ซือหยูนึกย้อนกลับไปยังบันทึกโบราณที่เขาได้อ่านและกล่าวถึงยอดฝีมือสุดยอดที่พเนจรในจักรวาล หรือว่าเจ้าของคันเบ็ดนี้จะเป็นหนึ่งในนั้น?