The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1334 - ปืนใหญ่เทวะ
ตอนที่ 1334 – ปืนใหญ่เทวะ
สิ่งที่หลูจูหวังจะใช้เพื่อหลบหนีกำลังหักหลังนางแล้ว
จะไปไหนรึองค์หญิง?
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น
เงือกหนุ่มรูปงามนำหน่วยเงือกล้อมเป็นครึ่งวงกลมขวางทางออกเอาไว้
ป้าหนี?ทำอะไรของเจ้า? ให้ใครเจ้าออกมา?
หลูจูจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเขาคือป้าหยีที่ซือหยูอยากจะกำจัดทิ้ง
ป้าหยีสีหน้าแข็งกร้าว
หลูจูทั้งเผ่าเงือกรู้ว่าข้ารู้สึกอย่างไรกับเจ้า แล้วดูที่เจ้าทำสิ?
เจ้าปลดข้าออกจากตำแหน่งเพียงเพราะเจ้าฟังคำชี้แนะจากคนนอก ลึกในใจเจ้า ข้าเทียบคนแปลกหน้าคนเดียวไม่ได้เลยหรือ? หลูจูมองเขา
เจ้าเติบโตข้างกายข้าท่านพ่อจับคู่พวกเรา หวังจะให้เจ้าได้สืบทอดบัลลังก์
ข้าจะไม่มีความรู้สึกต่อเจ้าหรือ?คนนอกจะเทียบกับเจ้าได้หรือ?
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นสีหน้าป้าหยีอ่อนลง เขายิ้ม
ถ้าอย่างนั้นตราบเท่าที่เจ้าอยู่ข้างข้า เราก็จะกลับไปเป็นดังเดิมอีกครั้ง
สายไปแล้วก่อนที่เจ้าจะนำทหารเข้ามา ข้ามองเจ้าดีกว่านี้ ยิ่งกว่าท่านใต้เท้าผู้นี้ แต่ตอนนี้น่ะ…
แววตาหลูจูเย็นชา
อย่างที่ใต้เท้าซือกล่าวเจ้าไม่ได้ภักดีต่อเผ่าเงือก เจ้าสลับฝั่งไปหาสองทรราชย์นั่น!
นางคือองค์หญิงที่มีอำนาจเหนือผู้ใดนอกจากสามขุนพลแห่งเผ่าแล้วก็ไม่มีปล่อยตัวป้าหยีออกมาได้
รอยยิ้มเป็นสุขของป้าหยีหยุดนิ่งสายตาเขาเยือกเย็น
หลูจูคนฉลาดมักจะรู้ว่าต้องทำสิ่งที่ถูกต้องในเมื่อใด
ทิ้งจักรพรรดิเงือกไปซะหากข้าได้ครองบัลลังก์จักรพรรดิเมื่อไหร่ ข้าจะแต่งงานกับเจ้าและให้เจ้าได้เป็นราชินีเงือก!
แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ?
หลูจูหัวเราะด้วยความเศร้าแววตานางมีเพียงความผิดหวัง
ป้าหยีอย่างอย่างเย็นชา
เจ้าหนีไปไหนไม่พ้นตั้งแต่ที่เจ้ากับน้องออกไปเก็บมุกวิญญาณไร้สิ้นสุด เผ่าเงือกก็ไม่เคยเป็นอย่างเคยแล้ว
ญาติพี่น้องเจ้าและคนที่แข็งแกร่งในเผ่าล้วนเข้าร่วมฝ่ายเราส่วนพวกที่ยังภักดี…ตายหมดแล้ว
เกิดการชิงอำนาจขึ้นตั้งแต่ก่อนที่นางจะกลับมาถึงเผ่า!
พวกเราเตรียมการทุกอย่างพร้อมเพื่อรอให้เจ้ากลับมาเจ้าควรจะรู้ว่าเราต้องการอะไร
ป้าหยีกล่าว
เหตุที่เขาแสร้งเป็นทำดีและเหตุที่ไม่แตะต้องจักรพรรดิเงือกก็เพราะเพื่อไม่ให้หลูจูรู้ตัวแต่โชคร้ายที่เรื่องทั้งหมดถูกซือหยูจับได้
และตอนนี้เขากำลังจะหนีไปกับหลูจูและจักรพรรดิเงือกที่แย่ยิ่งกว่าคือจักรพรรดิเงือกกำลังจะฟื้นพลังกลับมา
หลูจูถอนหายใจแรง
เจ้าอยากจะสืบทอดมุกโลหิตของท่านพ่อและสืบทอดวิถีเทพสินะ?ฮ่าๆๆๆ ฝันไปเถอะ!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเงือกจะได้เป็นจักรพรรดิเงือกมานานชั่วทุกยุคสมัย
ใครก็ตามที่ได้สืบทอดวิถีเทพของจักรพรรดิเงือกจะมีโอกาสได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเงือกและได้รับพลังของราชวงศ์ไปครอง หรือก็คือถ้าหากไร้ซึ่งวิถีเทพของจักรพรรดิเงือกการได้ปกครองเผ่าเงือกนั้นยังคงไม่พอ หากไร้ซึ่งกำลัง คนที่ครองบัลลังก์จะถูกชิงบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ
หลูจูเห็นแก่ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า เอามุกโลหิตของจักรพรรดิมาให้ข้า ไม่อย่างนั้น…
แววตาป้าหยีเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
นักรบเงือกรอบกายเขาปล่อยจิตสังหารอันเดือดพล่านออกมาและเข้าประชิดพวกเขามากขึ้น
หลูจูตอบ
น่าเสียดาย…มุกโลหิตไม่ได้อยู่ที่นี่
ที่ไหนล่ะ?
ป้าหยีร้อนรนเขาอดมองซือหยูไม่ได้
เจ้าให้มันไปเรอะ?
ฮ่าๆๆๆๆ….
หลูจูพูดเบาๆ ผ่านกระแสจิต ท่านใต้เท้าข้าจะฝ่าวงล้อมออกไป ท่านหนีไปกับพ่อข้า
ไม่มีทางที่ทุกคนจะหนีได้โดยง่าย
แต่ซือหยูไม่สนใจแม้แต่น้อยเขาใช้ทั้งห้านิ้วขว้างชิ้นผ้าเปื้อนเลือดออกมา
ผ้าเปื้อนเลือดขยายอย่างรวดเร็วจนมีขนาดพันศอกมันปกคลุมซือหยูและหลูจูเอาไว้
จากนั้นพลังธาตุวารีก็ได้ปกคลุมพวกเขากลายเป็นกระแสน้ำผลักยานไปข้างหน้า
ไม่มีใครคิดว่าครุฑที่พังไปแล้วจะยังทำงานต่อได้
ป้าหยีแววตาดุร้าย
หยุดพวกมัน!
นักรบเงือกสิบคนใช้พลังพิเศษของตัวเองเพื่อระเบิดยานมันเข้าปะทะอย่างรวดเร็ว
แต่ผ้าเปื้อนเลือนที่คลุมยานเอาไว้ก็ประหลาดมากไม่ว่าจะมีพลังปะทะผิวผ้าเท่าใด ทุกอย่างก็ถูกสะท้อนกลับมา เงือกทั้งสิบที่ไม่ทันระวังกระเด็นกลับและทิ้งระยะห่างจากยาน
ที่ประหลาดไปยิ่งกว่านั้นขณะที่กำลังกระเด็น เหล่าเงือกได้กลายเป็นหยดโลหิตที่ถูกผ้าเปื้อนเลือดดูดซับเข้าไป
ผ้าคลุมเก้าจักรพรรดิ!
มันคือสมบัติของเทพอสูรหกวิถี
ก่อนหน้านี้ผ้าคลุมนี้ถูกใช้เพื่อกำราบหนอนวิญญาณมรณะ ซึ่งมันหยุดได้ชั่วขณะหนึ่ง มันเปื้อนโลหิตของอดีตจักรพรรดิที่แข็งแกร่งจนคนในยุคนี้ที่แข็งแกร่งน้อยกว่าตายได้โดยง่าย
เพียงพริบตาเดียวทหารเงือกก็ตายหมด กำลังเงือกที่เหลือที่คิดจะหยุดพวกเขาเหงื่อไหลพรากและตัวสั่นด้วยความกลัว
แม้แต่ป้าหยีก็ถอยหนีด้วยความผวาดผวาเขาไม่กล้าจะบุกเข้ามา
เมื่อเห็นว่ายานเป็นอิสระป้าหยีตึงเครียด เขาลืมเรื่องมุกโลหิตของจักรพรรดิเงือกเพราะถ้าหากจักรพรรดิเงือกฟื้นขึ้นมา พวกเขาจะรอดชีวิตไปได้หรือ?
ท่านขุนพลลงมือได้แล้ว!
ป้าหยีตะโกน
ตู้ม!
ทั้งโลกสั่นสะเทือนสองสายฟ้าทะลวงสองข้างของเรือรบ
ในวินาทีที่พวกเขาปรากฏตัวสองขุนพลพยายามที่จะทำลานยานครุฑให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยสายฟ้า
ผ้าคลุมเก้าจักรพรรดิเปล่งแสงโลหิตออกมาพลังปะทุออกมาจากผ้าคลุม
ไม่เพียงแต่เทพทั้งสองจะล้มเหลวในการทำลายยานแต่ผ้าคลุมยังสะท้อนพลังกลับ ทำให้เห็นร่างต้นของทั้งสอง
บุรุษและสตรีในวัยกลางคนเผยตัว…ชายสวมชุดสีขาวเงินเขามีร่างกายแข็งแกร่ง ขณะที่สตรีรวมชุดสีชมพูชวนหลงใหล
ทั้งสองคือสองขุนพลที่มีกำลังเป็นของตัวเองและปฏิเสธที่จะภักดีต่อหลูจู
ทั้งสองมองผ้าคลุมด้วยความตกใจและสับสน
นี่มัน…กลิ่นอายพลังของจักรพรรดิสุดยอดในอดีต!
ด้านในยานครุฑซือหยูแปลกใจเช่นกัน ผ้าคุลมเก้าจักรพรรดินั้นคือผ้าห่อศพของจักรพรรดิในอดีตที่ปกครองจักรวาล มันมีกลิ่นอายของพวกเขาเหล่านั้น
แต่ฟังจากน้ำเสียงของสองเทพแล้วทำไมถึงฟังดูเหมือนกับว่าพวกเขาเองก็เป็นผู้ปกครองของแดนเทพโบราณด้วย?
หรือว่าพวกเขาจะเป็นคนที่กุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน?
อย่าให้พวกมันหนี!ผิดทางออกเอาไว้
ขุนพลสตรีเปล่งกายเป็นแสงเทพพุ่งไปยังทางออกก่อนซือหยู
นางประสานมือ
วิถีเทพ! นางตะโกนวิถีเทพของนางกลายเป็นเขาวงกตที่หน้าทางออก
เขาวงกตนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนที่อยู่ภายในไม่มีวันหาทางออกเจอ
หากเข้าสู่วงกตไปแล้วจะไม่มีใครออกมาได้ในเวลาอันสั้น
ซือหยูเร่งความเร็วยานปะทะกับวงกต
ทั้งวงกตสั่นสะเทือนมันกำลังจะพังทลายเพราะพลังของผ้าคลุมเก้าจักรพรรดิ เขาได้ยินเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของผู้หญิงดังตามมา
วิถีเทพของนางเสียหายอย่างรุนแรงตัวนางเองก็ได้รับผลกระทบ
แม่ทัพหูใช้ปืนใหญ่เร็ว! ผ้าคลุมนี้แข็งแกร่งเกินไป ข้าทนไม่ได้อีกแล้ว
แม่ทัพสตรีกล่าว
แม่ทัพหูเรียกปืนใหญ่สีทองแดงที่ยาวหมื่นศอกออกมามันดูเก่าแก่เรียบง่ายซึ่งคล้ายกับปืนใหญ่ของเรือรบนภาเทวะ แต่มันมีขนาดเล็กกว่าหลายเท่า
หลูจูตัวสั่น
พวกมันใช้อาวุธสุดยอดออกมาเหมือนกัน!มันคืออาวุธที่เผ่าเงือกเลียนแบบได้สำเร็จ พลังของมันเทียบเท่ากับพลังสูงสุดของจักรพรรดิเงือก!
เขาวงกตที่กำลังจะถูกทำลายนั้นไม่ได้ถูกทำลายในทันทีทันใด
ปืนใหญ่เตรียมพร้อมแล้วมันกำลังสะสมพลังอย่างรวดเร็ว
ซือหยูขนลุกผ้าคลุมจักรพรรดิมิได้ป้องกันพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาเกรงว่ามันจะดูดซับพลังได้ไม่ทั้งหมด
แต่ในตอนนั้นเองมัจฉาทมิฬที่ยืนขวางทางออกก็ได้กรีดร้องด้วยความตกใจและโกรธแค้น
มัจฉาทมิฬเจ้ากล้าดียังไง!
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหววงกตของแม่ทัพสตรีถูกทำลายจากพลังของผู้อื่น
นางกรีดร้องอย่างเข็บปวดและแปลงกายกลับมาเป็นร่างเดิมในปากนางเต็มไปด้วยโลหิต นางโซซัดโซเซกลับไปหาแม่ทัพหูและจ้องมองชายด้านหลังวงกตด้วยความโกรธแค้นในดวงตา
เขาคือเทพที่มีเส้นผมดำสนิทเกล็ดที่ท่อนล่างของตัวเขาเป็นสีดำเช่นกัน
หลูจูตาเป็นประกาย
แม่ทัพมัจฉาทมิฬ!
มัจฉาทมิฬถอนหมัดด้วยสีหน้าหม่นหมอง
คารวะองค์หญิงมัจฉาทมิฬมาช่วยท่านแล้ว!
หลูจูดีใจ
องค์หญิงเอาตัวท่านจักรพรรดิมาให้ข้าโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า ข้าจะแบกเขาเอาไว้เอง!
แม่ทัพมัจฉาทมิฬกล่าว หลูจูมองซือหยูราวกับจะพูดว่า
‘เจ้าคิดผิดแล้วแม่ทัพมัจฉาทมิฬภักดีต่อข้า’
ซือหยูสีหน้าไร้อารมณ์เขาขับยานออกไปอย่างรวดเร็ว
แม่ทัพหูกับแม่ทัพสตรีชักสีหน้าพวกเขาพยายามหยุดแต่ก็ถูกแม่ทัพมัจฉาทมิฬขวางเอาไว้
มัจฉาทมิฬไอ้บัดซบ!
ทั้งสองโกรธเกรี้ยว
มัจฉาทมิฬสีหน้าไร้อารมณ์
เจ้าทรราชย์!อย่าได้บังอาจแตะต้ององค์หญิงกับจักรพรรดิเงือกเป็นอันขาด!
ต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ได้ต่อสู้ครั้งใหญ่
หลูจูมีกุญแจเปิดทางออกอยู่แล้ว
ฟังคำสั่งข้า!เงือกทุกคนจงตามไป อย่าให้พวกมันหนีรอดไปได้!
ไม่เพียงแต่ป้าหยีจะนำคนมาไล่ล่าแต่กำลังหน่วยอื่นยังปรากฏตัวขึ้นมาจากใต้พื้นดิน คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับว่าที่เทพขั้นสูง
ป้าหยีมั่นใจขึ้นแววตาเขากำลังดุร้ายป่าเถื่อน
องค์หญิง…ข้าให้โอกาสเจ้าในการได้เป็นราชีนีเงือกแต่เจ้ากลับไม่คว้าเอาไว้ อย่าโทษที่ข้าจะจับเจ้าเป็นตัวประกันก็แล้วกัน!
ตามมันไป!
นักรบเงือกจำนวนมากถาโถมไล่ตามราวกับคลื่นยักษ์
ยานครุฑออกไปยังน่านน้ำภายนอกเรือทันที
จะหนีจากเผ่าเงือกต้องไปทางไหน?
ซือหยูถาม
หลูจูชี้นำทาง
ตะวันตกเฉียงใต้ชายแดนระหว่างเผ่าเงือกกับเผ่ายักษ์! ตะวันตกเฉียงเหนือคือตำแหน่งเผ่ามนุษย์กบ ทั้งสองทิศหนีได้เหมือนๆ กัน
ซือหยูพยักหน้าเขาขับยานไปในทิศของเผ่ายักษ์
หลูจูตกใจ
ทำไมท่านเลือกเผ่ายักษ์ล่ะ?สองเผ่ากำลังบาดหมางต่อกัน ไปหาพวกมันจะทำให้ราชายักษ์รู้ตัว
ซือหยูมองจักรพรรดิเงือก
มันถึงปลอดภัยกว่ายังไงล่ะ
เผ่าเงือกอาจจะเลือกไล่ตามไปยังทิศของเผ่ามนุษย์กบ
ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ฟึ่บ!
ทันทีที่พวกเขาหนีป้าหยีกับว่าที่เทพขั้นสูงสองคนกำลังไล่ตามอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่ออกมา เหล่านักรบเงือกที่ซุ่มอยู่เหนือเจือก็รออยู่แล้ว แม่ทัพมัจฉาทมิฬได้จัดกำลังเอาไว้
ป้าหยีกับพรรคพวกไม่ทันระวังตัวและกระจัดกระจายกันในทันที
ยื้อพวกมันเอาไว้ข้าจะไล่ตามองค์หญิงที่กำลังหนี!
เงือกว่าที่เทพขั้นสูงที่มีรอยแผลเป็นอัปลักษณ์บนใบหน้าตะโกนก่อนจะไล่ตามยานครุฑของซือหยูไป