The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1338 - มังกรดำ
ตอนที่ 1338 – มังกรดำ
หญิงชั่ว…
ซือหยูมองประตูศิลาหยินหยางและยันต์หมื่นใบเขาตัวสั่น
แดนเทพโฐราณกำลังสะกดสิ่งที่เขาจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ไม่ได้เอาไว้
นางมาจากสวรรค์เกิดมาเพื่อทำตามประสงค์ฟ้าดิน แม้แต่นักรบเทพทั้งเก้าก็มิอาจสะกดนางได้ตลอดกาล
ทุกสิ่งถูกเขียนเอาไว้บนแผ่นศิลาผ่านมาแล้วหลายพันล้านปี นางมิอาจถูกสะกดได้อีกต่อไปและสุสานเองก็เปิดออกมาแล้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!ทันทีที่ข้ามาถึงแดนเทพโบราณ ข้าก็ได้มาเจอกับเรื่องของนางผู้นี้รึ?
ซือหยูแอบคร่ำครวญ
เขาเริ่มเชื่อที่เทพอสูรเนตรม่วงพูดกับเขาในเรื่องที่เขาเป็นต้นตอแห่งความวุ่นวาย ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดที่นั่นย่อมเกิดความปั่นป่วนอยู่เสมอ
กำจัดศัตรูเลื่อนตำแหน่งตนเอง สะสมพลังให้กับตนเองและคนรอบข้าง
แต่ซือหยูมิอาจหัวเราะออกได้เลยปัญหาที่เขาเจอในครั้งนี้น่ากลัวจนเกินไป มันเกี่ยวข้องกับความลับในการถูกทำลายล้างของแดนเทพโบราณเมื่อหลายพันล้านปีก่อน และเรื่องความตายของเก้านักรบเทพ
นักรบเทพแห่งฟ้าดินในอดีตถูกกำจัดในข้ามคืน
โลกหลายหมื่นใบที่ยึดติดกันอย่างแน่นหนาถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิงเหลือเพียงสองพันธมิตรใหญ่
บางทีความจริงอาจจะจมอยู่ที่นี่
แต่เขาจะทำอะไรได้เล่า?
ซือหยูเดินไปที่แผ่นศิลาและยื่นมือสัมผัสเสี้ยวพลังทั้งเก้าของนักรบเทพเอ่อล้นออกมาจากแผ่นศิลาแล่นผ่านดวงวิญญาณซือหยูในทันที
ซือหยูย้อนคิดไปถึงเรื่องในตำราสวรรค์แรก
แผ่นศิลาสั่นอย่างบ้าคลั่งรอยแยกใต้พิภพเองก็สั่นสะเทือนเช่นกัน
ไข่จิตเฝ้าสุสานกำลังหล่นออกจากกำแพงทีละใบ
แผ่นศิลากำลังจะยอมรับผู้ถือครองหรือ?
ซือหยูรีบใช้ความคิด
นักรบเทพทั้งเก้าแห่งฟ้าดินสร้างแผ่นศิลานี้จากร่างกายโลหิต และดวงวิญญาณ มันย่อมแข็งแกร่งพอที่จะสะกดทุกสิ่ง แม้แต่สวรรค์เองก็ตาม
การได้ถือครองแผ่นศิลานี้ไม่ต่างจากการได้ครอบครองมรดกจากอารยธรรมโบราณ!
แผ่นศิลาค่อยๆ ยกตัวออกมาจากพื้น ทิ้งหลุมลึกเอาไว้
ซือหยูแปลกใจเมื่อพบบางอย่างในหลุม เมื่อมองใกล้ๆ เขาเห็นปีกประหลาดหนึ่งคู่ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ปีกซ้ายเป็นสีขาว ปีกขวาเป็นสีดำ
ปีกขาวดำนี้ได้เปล่งแสงและหลอมรวมกันเป็นหยินหยางบนอากาศ
มันเหมือนกับหยินหยางที่ประตูศิลาไม่มีผิด
หลูจูมองปีกอยู่นานนางกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตบางอย่างและอุทานออกมา
นี่คือปีกหยินหยาง…แห่งนักรบเทพไท่ชิง!
ซือหยูตัวสั่นอาวุธของนักรบเทพจะมีพลังในระดับใดกัน?
ซือหยูไม่รีรอเขาหายใจเข้าลึกและจับปีกด้วยมือ
เมื่อปีกได้สัมผัสกับมือมันได้เข้าสู่ร่างของซือหยูราวกับถูกมือดูดซับเข้าไป
ซือหยูมองภายในร่างตังเองทันทีเขาพบว่าปีกหยินหยางนี้ไปอยู่ในตำแหน่งท้องของเขา ในระหว่างแหล่งพลังเทพทั้งสอง
พลังเทพจากสองแหล่งพลังเทพค่อยๆ ถูกปีกดูดเข้าไป
ซือหยูใจสั่นเมื่อเขากังวลว่าแหล่งพลังเทพทั้งสองจะถูกดูดพลังจนหมดด้วยปีก ปีกก็หยุดดูดซับพลัง
ราวกับว่าปีกได้ผสานกับซือหยูและรับรู้ได้ในความคิดของเขามันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว
นักรบเทพไท่ชิงคือผู้ใดกัน?เจ้ารู้เรื่องปีกหยินหยางมากแค่ไหน?
ซือหยูถาม
หลูจูจ้องซือหยูตาไม่กระพริบ
ปีกหยินหยางตกเป็นของซือหยูไปแล้ว
ไม่ผิดแน่สิ่งนี้ถูกนักรบเทพทิ้งเอาไว้เพื่อคนที่มาอ่านแผ่นศิลา
หลูจูข่มความตกใจ
นักรบเทพไท่ชิงคือนักรบเทพคนสุดท้ายแห่งแดนเทพโบราณและเป็นผู้ใช้พลังสวรรค์เขาได้สร้างอาวุธที่ใช้บินชิ้นแรกและชิ้นเดียวด้วยกระดูกเทพของตัวเอง มันคือปีกหยินหยาง สมบัติศักดิ์สิทธิ์อันดับสิบเก้า อาวุธบินที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเทพโบราณ มันทำให้เดินทางได้พันล้านลี้ในพริบตา
ซือหยูใจสั่นเมื่อได้ฟังคำอธิบายนี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันดับสิบเก้าหรือ? ถ้าหากเทียบกับทรายดาราทางช้างเผือกที่อันดับยี่สิบเอ็ดนั้น มันมีอันดับสูงกว่า
ซือหยูดีใจมากเขาได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง
และขั้นตอนเมื่อครู่สื่อความได้ว่าเขาคือเจ้าของสมบัติชิ้นนี้เขาจะใช้งานปีกหยินหยางได้ตามใจอยาก
การได้สมบัติชิ้นนี้มาครองทำให้การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่า
แต่ที่สำคัญกว่านั้นนักรบเทพทั้งเก้ายังเสียสละตัวเองเพื่อสร้างแผ่นศิลานี้ขึ้นมา คุณค่าของแผ่นศิลานี้เหนือกว่าปีกหยินหยางเป็นอย่างมาก
แผ่นศิลาลอยขึ้นกลางอากาศเหล่าเสี้ยวพลังของนักรบเทพแทงทะลวงแผ่นศิลาเป็นเส้นเก้าสายพุ่งมาทางซือหยู
พลังเหล่านั้นถูกแผ่นศิลาชำระล้างเพื่อเพิ่มพลังให้กับซือหยู
จะมีใครบนโลกกันที่ได้รับพลังของเก้านักรบเทพมาครอง?
ซือหยูจ้องตาไม่กระพริบเขาหายใจอย่างรุนแรง
หลูจูตกอยู่ในภวังค์เมื่อมองแผ่นศิลา
แต่ในตอนนั้นเองกรงเล็บในเงามืดขนาดยักษ์ก็เข้าซัดใส่แผ่นศิลา
ตู้ม!
แผ่นศิลาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพลังเก้าสายเข้าต่อต้านกรงเล็บ
แต่ด้วยกรงเล็บนั้นทำให้แผ่นศิลาที่ลอยขึ้นมาต้องจมลงไปอย่างช้าๆ ซือหยูและหลูจูผงะแผ่นศิลาที่สะกดสวรรค์เอาไว้กำลังสูญเสียพลัง!
ซือหยูมองตามกรงเล็บขึ้นไปเขาได้พบว่าเหนือประตูศิลานั้นมีสัตว์ประหลาดที่คล้ายอสรพิษยักษ์ตัวยาวที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดทมิฬ
มันปล่อยพลังอันน่ากลัวที่ทำให้เทพต้องตกใจหัวใจซือหยูเต้นอย่างรุนแรง
ความรู้สึกนี้น่ากลัวว่าการเผชิญหน้ากับเทพอสูรหกวิถี
ซือหยูเคยรู้สึกแบบนี้เมื่อเผชิญหน้ากับยักษ์ทะเลขม
ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือหัวขนาดยักษ์ของสิ่งที่คล้ายอสรพิษนี้คือหัวของมังกร
หรือก็คือ…มันคือมังกร!
และยังเป็นมังกรระดับเทพ!
นานมาแล้วซือหยุได้เคยเห็นเทพมังกรมาก่อน แม้จะเป็นแค่ว่าที่เทพ หยดโลหิตเพียงหยดเดียวก็มากพอที่จะสร้างเทพหนึ่งคนขึ้นมา
ตามที่เทพปีศาจบอกเทพมังกรนั้นเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องของฟ้าดิน
นี่จึงเป็นเหตุที่มันสามารถกดแผ่นศิลาลงไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นมังกรตรงหน้าเขายังไม่ใช่มังกรทั่วไป แต่ยังเป็นมังกรชั้นสูงที่เทียบได้กับยักษ์ทะเลขม!
แววตาแดงก่ำของมังกรมองซือหยูอย่างเงียบเชียบในความมืด
มันไม่ต่างจากสายตาผู้อยู่จุดสูงสุดที่มองมดปลวก
ซือหยูตัวแข็งทื่อเขามิอาจขยับได้เมื่อถูกมังกรมอง
ซือหยูพยายามสุดความสามารถเขากัดลิ้นตัวเอง ความเจ็บแปลบทำให้เขาหลุดจากการเป็นอัมพาตชั่วขณะ
เร็วเข้าหนีเร็ว!
เมื่อกลับมาควบคุมร่างได้อีกครั้งเขาคว้าหลูจูและหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ส่วนเรื่องแผ่นศิลานั้นซือหยูไม่สนใจมันอีกแล้ว
ฟึ่บ!
ซือหยูใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจในการออกจากบริเวณประตูศิลาและรีบไปยังทางออกของรอยแยก
พลังห้าธาตุของเขาพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดมันหลอมรวมเป็นธาตุวารีผลักดันซือหยูไปข้างหน้า
ซือหยูรู้ว่าการจู่โจมเพียงเล็กน้อยของมังกรดำตัวนี้ทำให้ถึงฆาต!
มังกรดำอยู่เหนือประตูศิลาดวงตาแดงก่ำหันมองไปยังซือหยูที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ในแววตานั้นมีจิตสังหารอันสงบนิ่ง
มันถอนหายใจผ่านจมูกขนาดใหญ่อย่างแผ่วเบา
ลมหายใจของมันกลายเป็นเพลิงสีเทาดวงน้อยขนาดเท่ากับเล็บ ส่วนซือหยูที่พยายามหนีนั้นหม้อเก้ามังกรในดวงวิญญาณกำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นการเตือนที่เขา ไม่เคยพบเจอ
ซือหยูหันไปมองและตัวสั่น
มันคือเพลิงสีเทาที่เขาเคยเห็นมาก่อนไม่ใช่รึ?
มันคือลมหายใจมังกร!