The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 614
DND.614 – ช่วยผู้เฒ่าจิว
หัวใจของเซี่ยจิงหยูกับซือหยูยังคงเชื่อมถึงกันซือหยูจับมือนางและตรวจดูบาดแผล
กระดูกกับอวัยวะภายในของนางดีขึ้นมากแล้วนั่นจะต้องเป็นเพราะท่านผู้เฒ่าฉิว นอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่พบบาดแผลอื่น แล้วทำไมเซี่ยจิงหยูถึงยังไม่ได้สติเล่า?
“เจ้าเป็นใคร?”
ประตูถูกผลักออกสตรีวัยกลางคนเดินเข้ามา นางตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวและขมวดคิ้วแน่น
กังต้าเหล่ยรีบเดินไปหานาง
“ท่านฉิวนี่คือราชาปีศาจหิมะทมิฬ! เขาเป็นราชาปีศาจหิมะทมิฬ แต่ก็คือซือหยูด้วย!”
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ?เจ้าคือราชาปีศาจหิมะทมิฬรึ?”
ผู้เฒ่าฉิวแปลกใจมากนางเริ่มคิดอดีต…
นี่คือราชาปีศาจหิมะทมิฬคนเดียวกับที่ให้สมบัติเทพระดับสูงกับเซี่ยนเอ๋อเป็นของขวัญและเป็นคนที่เสียการมองเห็นไปเพราะสวรรค์พิโรธงั้นรึ?
เดี๋ยวสิ…ซือหยู…เขาไม่ใช่ทรราชย์ที่อาณาจักรทมิฬต้องการตัวหรอกรึ?
เขาคือราชาปีศาจหิมะทมิฬตัวจริงสินะ?
ผ่านไปครู่หนึ่งผู้เฒ่าฉิวดูจะยอมรับความจริงได้
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าปิดบังเรื่องนี้กับข้า!ข้าเป็นห่วงแทบตาย! เจ้าเป็นคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อ เจ้าเลยปกป้องนางมากนัก!”
“น่าเสียดายที่เซี่ยนเอ๋อ…”
ดูเหมือนผู้เฒ่าฉิวจะพูดอะไรบางอย่างใบหน้านางดูอิดโรย เมื่อพบว่าเซี่ยนเอ๋อไม่ได้กลับมา นางก็ใจหาย
ซือหยูพูดขึ้นมา
“เรื่องเซี่ยนเอ๋อข้าจะอธิบายทุกอย่างกับท่านทีหลัง แต่ข้าขอถามก่อนจะได้หรือไม่…เมื่อครู่ท่านไปไหนมา?”
ผู้เฒ่าฉิวงุนงง
“ฟู่กังซานให้ข้าไปคุยเรื่องปรุงโอสถแต่ตอนที่ข้าไป เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้อง ข้าเลยกลับมา”
เมื่อได้ยินดังนั้นกังต้าเหล่ยกับซือหยูสีหน้าเย็นชาขึ้นมาพร้อมกัน
“ท่านผู้เฒ่าท่านรู้หรือไม่ว่าข้ากับซือหยูเห็นอะไรตอนที่มาถึง?”
กังต้าเหล่ยถามด้วยความโกรธเขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้เฒ่าฉิวตัวสั่นด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
“ไอ้บัดซบ!กล้าดียังไงถึงสมคบกับฟู่กังซานหลอกข้าให้ออกไป! มันอยากจะได้โอกาสเข้าหาจ้าวยี่หยู!”
เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้เฒ่าฉิวโกรธแค้นอย่างไร้เหตุผล!
ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยูกับกังต้าเหล่ยมาเจอเข้าเขาอาจจะได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว! เขาอาจจะทำเรื่องน่าเศร้ากับเซี่ยจิงหยูที่นอนไร้สติอย่างสิ้นหวัง!
คงลักลั่นสิ้นดีถ้าหากเซี่ยจิงหยูพบว่าชีวิตที่บริสุทธิ์และไม่เคยตกอยู่ในมือผู้ใดถูกทำให้แปดเปื้อนโดยคนฝั่งตัวเอง!และน่าตกใจยิ่งกว่าที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์!
“ฟู่กังซานเจ้ามีหลานแบบนี้งั้นเรอะ! ข้าจะบอกเจ้าพันธมิตรหลง ลองดูสิว่าเจ้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
ผู้เฒ่าฉิวโกรธเสียยิ่งกว่าโกรธ
ซือหยูใจเย็นลงมาก
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าแต่โปรดอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย! สภาวะของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตอนนี้ซับซ้อนนัก ท่านควรปกป้องตัวเองให้ดี ข้าจะจัดการเรื่องของข้ากับจิงหยูเอง”
“ฮื่ม!ข้าเป็นผู้เฒ่าของที่ดี ข้าจะทำหูหนวกตาบอดได้อย่างไร? เจ้าไม่ต้องห่วง ถึงข้าจะกำจัดไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นไม่ได้ ข้าก็จะทำให้ฟู่กังซานอับอายจนต้องสั่งสอนหลานของมัน!”
ผู้เฒ่าฉิวตรงไปตรงมานางไม่ต่างจากจ้าววิหคเพลิง
ซือหยูไม่พยายามหยุดนางแต่หันไปมองเซี่ยจิงหยู
ผู้เฒ่าฉิวกล่าว
“บาดแผลนางแทบจะฟื้นฟูหมดเแล้วแต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมสติของนางยังไม่กลับมา! แต่ยังไม่มีอะไรต้องกังวล นางจะค่อยๆได้สติช้าๆ คงไม่นานก่อนที่นางจะตื่นขึ้น เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก”
ซือหยูถอนหายใจยาว
“เทียบกันแล้วผู้เฒ่าจิวสิที่กำลังแย่”
ผู้เฒ่าฉิวไปที่อีกห้องซือหยูเดินตามนางไป
เขามองดูเตียงที่มีผู้เฒ่าจิวนอนอยู่ใบหน้าของเขาเหลืองราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้น ผู้เฒ่าจิวผู้กระฉับกระเฉงคนก่อนกลายเป็นชายแก่ที่อ่อนแอรวยริน
กังต้าเหล่ยนั่งหน้าเตียงเงียบๆไม่ว่าจะพยายามเข้มแข็งเท่าใด คนรอบข้างก็รู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าในหัวใจของเขา
เพราะผู้เฒ่าจิวเป็นคนที่ชุบเลี้ยงเขาขึ้นมาจนมีพลังได้ขนาดนี้ผู้เฒ่าจิวสำหรับเขาเป็นทั้งบิดาและอาจารย์
ซือหยูเหลือบมองทั้งสองเขาสัมผัสได้ถึงวิบัติอัสนีที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างผู้เฒ่าจิว
ร่างกายของเขาบาดเจ็บหนักสติยังถูกทรมานด้วยความเสียหายที่ร่างกายต้องแบกรับ นั่นเป็นเหตุที่เขายังไม่ได้สติ
“ท่านผู้เฒ่าไม่มีโอสถที่ใช้ฟื้นฟูผู้เฒ่าจิวเลยรึ?”
ซือหยูถาม
ผู้เฒ่าฉิวถอนหายใจ
“โอสถน่ะมีมีโอสถมากมายที่พร้อมจะรักษาเขา แต่เรื่องยากก็คือวิบัติอัสนีในร่างกายที่ยากจะจัดการ ถึงโอสถจากภายนอกจะเข้าไป วิบัติอัสนีก็จะทำลายสิ้น ดังนั้นโอสถถึงใช้ไม่ได้”
นางพูดต่อ
“เราต้องกำจัดวิบัติอัสนีก่อนที่จะรักษาเขาแต่พลังที่น่ากลัวของวิบัติอัสนีไม่ช่สิ่งที่แม้แต่ร่างกายของภูติจะรับได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นที่นี่เลย! ถ้าไม่ใช่เพราะข้าดึงดันจะเอาเขามาที่นี่ เขาก็คงถูกทิ้งไว้ข้างนอกแล้ว เพราะไม่มีใครจะรับมือวิบัติอัสนีในร่างกายเขาได้”
ความจริงแล้วผู้เฒ่าฉิวก็อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อผู้เฒ่าจิวได้สติ เพราะตอนนั้นจะมีคลื่นวิบัติอัสนีที่สองตามมาหาเขาอีก! แม้เขาจะมีสภาพสมบูรณ์พร้อม เขาก็รับวิบัติอัสนีระลอกที่สองไม่ได้ แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาบาดเจ็บหนัก ไม่มีทางที่เขาจะรับมันไหวเดลย
ปั้ง
กังต้าเหล่ยปล่อยหมัดใส่ใบหน้าตัวเองหยดน้ำตาสองสายไหลพราก
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้า!ถ้าข้าทำตามคำสั่งและเอาสมบัติอัสนีกลับมาได้ เรื่องนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ท่านอาจารย์คงจะไม่ต้องบาดเจ็บถึงเพียงนี้!”
ซือหยูลำบากใจนั่นเป็นเพราะเขาเอาตราสายฟ้ามาก่อนล่วงหน้า แต่ถ้าซือหยูไม่เข้ามายุ่ง กังต้าเหล่ยก็คงจะถูกหยางยี่เต๋าหยุดอยู่ดี ดังนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้ตราสายฟ้าห้าธาตุไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม
“ทำไมไม่ให้ข้าลองดูเล่า?”
ซือหยูโพล่งขึ้นมา
ผู้เฒ่าฉิวถามอย่างแปลกใจ
“เจ้าน่ะรึ?เจ้าจะใช้วิธีไหนกัน?”
กังต้าเหล่ยเช็ดน้ำตา
“น้องซือถ้าเจ้าช่วยชีวิตตาเฒ่าได้ กังต้าเหล่ยผู้นี้ยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า!”
ซือหยูโบกมือ
“อย่าพูดเช่นนั้นคนคนเดียวที่จะช่วยผู้เฒ่าจิวได้ก็คือผู้เฒ่าฉิว ข้าทำได้แค่หาทางเอาวิบัติอัสนีออกมาจากตัวเท่านั้น”
“เจ้าทำได้จริงๆรึ?”
ผู้เฒ่าฉิวเห็นความมั่นใจในคำพูดของซือหยูจนแปลกใจ
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
“ตามที่ข้าคิดมีเสียแปดในสิบส่วนที่ข้าจะทำสำเร็จ แต่ข้าจะถูกรบกวนไม่ได้ หวังว่าทั้งสองคนจะออกไปป้องกันข้างนอกไม่ให้ใครเข้ามาได้”
“ได้เลย!ข้าจะฝากตาแก่ไว้กับเจ้า! ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
กังต้าเหล่ยเดินออกไปด้านนอกอย่างมีชีวิตชีวาความตื่นเต้นในใจแผ่ออกมาจนรู้สึกได้
ผู้เฒ่าฉิวไม่มั่นใจนัก
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากในสองปีนี้เจ้ายังกล้าปิดบังบางอย่างไว้จากข้าอีก!”
ถึงอย่างนั้นนางก็เดินออกจากห้องในทันที
แม้นางจะไม่พอใจกับความลับซือหยูก็ทำมันไปตามปกติ มันไม่ใช่เรื่องของความเชื่อใจ แต่เป็นเรื่องการอยู่อย่างฉลาด
เขาลูบจมูกถ้าหากเป็นวิชาธรรมดาๆเขาก็คงไม่สนใจว่าจะมีใครเห็น แต่สิ่งที่เขาจะทำในตอนนี้เป็นสิ่งที่มิอาจปล่อยให้ใครรู้ได้
ซือหยูหยิบเอากล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือออกมาในนั้นมีเส้นขนสีดำเหมือนเข็มวางเอาไว้
“ขนอสูนจะต้องล่อให้วิบัติอัสนีออกมาได้แน่แต่พลังอสูรมันไร้ปรานี ถ้าผู้เฒ่าจิวอ่อนแอเช่นนี้ พลังอสูรก็จะเข้าไปจนทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม”
ซือหยูส่ายหน้าและเก็บมันไป
จากนั้นเขาได้หยิบเอาตราหยกห้าสีออกมามันคือตราสายฟ้าห้าธาตุ
เขาดูอสูรที่ถูกผนึกไว้ภายในและส่ายหน้า
“ไอ้นี่ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกันมันใช้ผนึกจิตวิญญาณสายฟ้าเอาไว้ คงดูดซับวิบัติอัสนีไม่ได้แล้ว”
สุดท้ายเอาหยิบเอาชุดเกราะห้าสีออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยก
“เหลืออย่างเดียวที่ข้าจะลองได้แล้ว”
นี่คือเกราะสายฟ้าที่หวูอู๋ยี่ใช้เวลาหลายวันคืนถักทอมันขึ้นมาเขาไม่คิดเลยว่ามันจะเสร็จเร็วเช่นนี้ แต่ตอนนี้คือเวลาดีที่จะเอามันออกมาใช้!
เขาวางชุดเกราะที่อกผู้เฒ่าฉิวสมุนไพรสายฟ้าห้่าสีค่อยๆซึมผ่านผิวหนังเข้าไป แสงทั้งห้ากระจายไปในทุกมุมของร่าง ไม่ว่าแสงห้าสีจะผ่านทางใด วิบัติอัสนีก็จะถูกดูดกลืนลงในชุดเกราะราวกับได้เจอศัตรูคู่แค้น
ผู้เฒ่าจิวสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเมื่อความเจ็บปวดลดลงไม่นานซือหยูก็เรียกชุดเกราะกลับมา เขาบีบเค้นมัน เสียงสายฟ้าปะทุดัง นิ้วของซือหยูชาไปบ้าง เขารีบสะบัดสายฟ้าออกจากมือ
“ดูเหมือนเกราะนี่จะเปลี่ยนวิบัติอัสนีมาเป็นพลังป้องกัน!”
ซือหยูตกใจกว่าเดิม
สมุนไพรสายฟ้าแปดสิบปีมีพลังเพิ่มอีกแบบแล้ว!นอกจากมันจะดูดซับวิบัติอัสนีได้ มันยังทำให้สร้างพลังป้องกันเพิ่มให้กับคนที่สวมชุดเกราะอีก! นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ในงานประมูล
วิบัติอัสนีจะต้องมีพลังมหาศาลถึงได้ทำให้ผู้เฒ่าบาดเจ็บถึงขั้นนี้และพลังนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นชั้นพลังป้องกันกับชุดเกราะแล้ว มันจะต้องใช้งานได้ดีแน่! ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดทำให้ซือหยูพอใจมาก
ผู้เฒ่าจิวเคยช่วยเขามาก่อนซือหยูจึงเต็มใจที่จะช่วยกำจัดสายฟ้าเพราะความหวังดีอันบริสุทธิ์ เขาไม่คิดถึงผลประโยชน์แอบแฝงนี้เลย!
ที่ด้านนอกกังต้าเหล่ยกำลังเฝ้าดูรอบข้างราวกับคนเสียสติ เขาพูดเบาๆ
“ท่านผู้เฒ่าท่านคิดว่าซือหยูจะกำจัดวิบัติอัสนีจากอาจารย์ข้าได้เท่าใดกัน?”
กังต้าเหล่ยลูบคาง
เมื่อเห็นความกังวลของกังต้าเหล่ยผู้เฒ่าฉิวทั้งโมโหและรู้สึกขบขัน
“ข้าจะไปรู้เรอะ?”
กังต้าเหล่ยเงียบไปแต่ความกังวลในดวงตานั้นชัดเจน
“แต่ถ้าเขากำจัดมันได้สักครึ่งข้าจะขอให้เจ้าพันธมิตรหลงช่วยอีกครึ่ง บางทีราชาโลกดับสูญเองก็อาจจะทำได้!”
“ข้าแค่เป็นห่วงว่าซือหยูจะประมาทสายฟ้านั่นตามพลังของเขา คงยากที่เขาจะกำจัดไปได้สักหนึ่งในสิบ!”
นางหายใจเข้าลึกหยุดคิด และพูดต่อ
“ช่างเถอะ!ถ้าเขากำจัดไปได้สักสามส่วน ข้าก็จะจัดการที่เหลือเอง ข้าจะใช้โอสถที่ข้าเก็บมาหลายปีกำจัดสายฟ้าไปสองส่วน ส่วนที่เหลือจะไปขอให้เจ้าพันธมิตรหลงช่วย”
นางขบริมฝีปากราวกับว่านางกำลังมอบความหวังให้กับตัวเอง
เอี๊ยด
ประตูเปิดออกซือหยูที่ใบหน้าผ่อนคลายเดินออกมา ดูเขาไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
กังต้าเหล่ยใจหายเขาล้มเหลวงั้นรึ?
“น้องซือเจ้ากำจัดวิบัติอัสนีได้ถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่?”
กังต้าเหล่ยรีบถาม
ซือหยูมึนงงครึ่งนึงรึ? ถ้าเขาจะเอามันออก เขาก็ต้องเอามันออกมาทั้งหมดสิ
กังต้าเหล่ยใจหายยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้างงงวยของซือหยู
“เจ้าเอาออกมาไม่ได้ถึงส่วนส่วนหรอกรึ?”
“เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?”
ซือหยูสับสนเขามองกังต้าเหล่ย จากนั้นจึงมองผู้เฒ่าฉิว
เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของซือหยูผู้เฒ่าฉิวถอนหายใจ
“ซือหยูบอกพวกข้าตรงๆ เจ้าเอาวิบัติอัสนีออกจากร่างผู้เฒ่าจิวไปได้เท่าไร? ถ้าเจ้ากำจัดได้สามในสิบส่วน ข้าก็มีวิธีจะกำจัดส่วนที่เหลือ ถ้าไม่อย…”
ในที่สุดซือหยูก็เข้าใจทั้งสองคน
“ข้าไม่ได้บอกก่อนจะเอามันออกมารึ?อย่างไรข้าก็ต้องเอามันออกมาทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง”
ตอนนั้นเองผู้เฒ่าฉิวกับกังต้าเหล่ยทำหน้าแบบเดียวกัน ทั้งคู่ราวกับเห็นผี แม้แต่ราชาโลกดับสูญก็ทำได้แค่กำจัดมันครึ่งส่วน แต่ซือหยูคนเดียวกลับกำจัด
มันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!
“ขอข้าเข้าไปดูหน่อย!”
ผู้เฒ่าฉิวทำใจให้เย็นและรีบเดินเข้าไปดู
กังต้าเหล่ยหัวใจเต้นแรงเมื่อเดินตามนางไปก่อนที่เขาจะถึงเตียงผู้เฒ่าจิว ผู้เฒ่าฉิวตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
“คุณพระคุณเจ้า!วิบัติอัสนีหายไปไหนกัน? ซือหยู วิบัติอัสนีไปไหน? เจ้ากินมันเข้าไปเรอะ?”
ซือหยูกลอกตาให้นางนั่นมันวิบัติอัสนีนะ!
“อย่าเสียเวลาอยู่เลยเอาโอสถให้ผู้เฒ่าจิวเร็วเข้า วิบัติอัสนีระลอกสองกำลังจะมาแล้ว ก่อนหน้านั้นต้องทำให้เขาฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด…”
ซือหยูกล่าว
แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้กังต้าเหล่ยกับผู้เฒ่าฉิวต้องตกตะลึง
“แม้ข้าจะช่วยส่งผ่านวิบัติอัสนีระลอกสองได้แต่ถ้าร่างกายผู้เฒ่าจิวอ่อนแอเกินไปและสายฟ้าคร่าชีวิต พี่กังกับผู้เฒ่าฉิวก็คงจะโทษข้าอีก”
ทั้งสองมองซือหยูราวกับได้เห็นสัตว์ประหลาดพวกเขามองซือหยูตาไม่กระพริบ
“น้องซือเจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
กังต้าเหล่ยมิอาจเชื่อหูตัวเอง
กึ่งภูติคนหนึ่งพูดว่าเขาจะช่วยภูติให้ข้ามผ่านวิบัติอัสนีได้!ถ้าซือหยูพูดก่อนหน้านี้กังต้าเหล่ยก็อาจจะหัวเราะออกมาแล้ว เพราะนี่คงจะเป็นเรื่องตลก
แต่ตอนนี้เขาดูจริงจังอย่างมากด้วยซือหยูที่กำจัดวิบัติอัสนีออกไปได้ ซือหยูจะต้องมีวิชาสุดยอดที่จะพิชิตวิบัติอัสนี!
ซือหยูกระพริบตา
“ช่วยเขาผ่านวิบัติอัสนีเป็นสิ่งที่ข้าทำได้เพราะผู้เฒ่าจิวเคยช่วยเหลือข้ามาก่อน ข้ากำลังจะตอบแทนบุญคุณครั้งนั้น”
สิ่งที่ทำได้…งั้นรึทำพูดอันเรียบง่ายนี้แสดงถึงความมั่นใจว่าซือหยูว่าเขามีพลังที่จะทำแบบนั้นได้จริงๆ!
“ชิเจ้าหนู ถ้าเจ้าช่วยข้าผ่านวิบัติอัสนีด้วย ข้าจะอนุญาตให้เจ้าแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ!”
ผู้เฒ่าฉิวสูดหายใจเข้าลึกนางตระหนักได้ว่ามิอาจมองข้ามเด็กหนุ่มคนนี้ได้อีกแล้ว
ซือหยูเงียบไปเขาต้องให้นางอนุญาตด้วยรึ?
“ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือก็จงบอกมา”
ซือหยูตอบกลับ
ผู้เฒ่าฉิวพอใจมากนางหยิบเอาโอสถฟื้นฟูออกมารินใส่ปากผู้เฒ่าจิว ใบหน้าสีเหลืองซีดของเขาฟื้นฟูกลับมามีสีสันตามปกติอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะในที่สุดเราก็ได้เริ่มขั้นตอนการรักษา เขาจะหายดีในสามวัน”
ผู้เฒ่าฉิวประสานมือและถอนหายใจเสียงดัง
กังต้าเหล่ยดีใจมากเขาพุ่งเข้าไปกอดซือหยูแน่น
“น้องซือขอบคุณเจ้ามาก! ถ้าเจ้าอยากได้อะไร เจ้าบอกข้าได้เลย!”
ซือหยูหัวเราะนิสัยของกังต้าเหล่ยนั้นตรงไปตรงมาอย่างเคย
เอี๊ยด
ในตอนนั้นประตูเปิดออกพร้อมกับมีทหารเข้ามา
“หัวหน้ากังโปรดไปที่โถงหลักกับชายคนนี้เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น”
ผู้เฒ่าฉิวสีหน้าเปลี่ยนไป
“หึได้เวลาพอดี อยากจะรู้นักว่าฟู่กังซานจะแบกหน้าไว้ยังไง!”
แต่ซือหยูได้หยุดนางเอาไว้
“ท่านผู้เฒ่าข้าอยากจะขอร้องท่านอย่างจริงจังกับเรื่องๆหนึ่ง…”
ความเยือกเย็นฉาบดวงตาซือหยูมันเห็นได้อย่างชัดเจน