The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 623
DND.623 – หนทางเลือด
หลี่เจิงดูสง่างามขึ้นแววตาของเขาเฉียบคม
“พี่น้องเอ๋ยนำทางให้นายท่านของเรากันเถอะ”
เขากู่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยวทหารอีกสิบคนเริ่มมีแรงและพลังใจขึ้นมา แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ซือหยูมองเห็นได้ พวกเขาอยากจะให้ซือหยูได้เห็นผลงานของตัวเอง
“นำทางให้นายท่าน!”
ทหารทั้งเก้าตะโกนขึ้นมาพร้อมกันพวกเขาพุ่งเข้าไปในเรือรบเหลือไว้แต่เพียงภาพติดตา
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
กลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ดูสง่าผ่าเผยเพราะเป็นกลุ่มกวาดล้างพวกเขาคือหนึ่งในสามของกำลังรบในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
แล้วสมาชิกธรรมดาๆของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะต้านทานกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้ได้รึ?
เหล่าทหารที่ซุ่มโจมตีและไม่ได้บาดเจ็บจากเพลิงต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมที่ป่าเถื่อน
“คนที่ยอมจำนนจะถูกไว้ชีวิตแต่คนที่กล้าตอบโต้จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี”
หลี่เจิงมองกึ่งภูติสองคนที่ขวางทางเข้าเขาอัดทั้งคู่เข้ากับกำแพง
เขาราวกับพยัคฆ์ร้ายที่ลอยอยู่กลางอากาศเขามองคนที่เคยอยู่ฝั่งเดียวกันอย่างเยือกเย็นและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
แรงกดดันของกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงและเกียรติยศของกลุ่มกวาดล้างทำให้ทหารที่เหลือยอมแพ้ในทันทีกลุ่มกวาดล้างคือกำลังรบหลักของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกเขาคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ดังนั้นทุกคนจึงต้องกลัว
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทหารที่เหลือเก้าคนบินเข้ามาพวกเขาหันหน้าไปยังเก้าทิศทางเพื่อดูแลความปลอดภัยจากทุกทิศ
“เจ้าคือรองหลี่จากกลุ่มกวาดล้างมิใช่รึ?”
คนที่พูดคือคนที่มาซุ่มโจมตีที่สับสนเมื่อเห็นว่าศัตรูคือใคร
เพราะการจู่โจมอันรุนแรงที่มีพลังทำลายล้างมหาศาลพวกเขาคิดว่าคนจากต่างโลกเข้ามาจู่โจม แต่แท้จริงคือคนของฝั่งตัวเอง!
หลี่เจิงไม่ได้สนใจอะไรนักเขาล้อมรอบทางเข้ากับทหารเก้าคน
กลุ่มพวกเขาคุกเข่าพูดพร้อมกัน
“ยินดีต้อนรับนายท่าน”
พวกเขาสิบคนต้อนรับชายหนุ่มผมยาวสีเงินเขาเดินมือไพล่หลัง เมื่อเขาเข้ามา กลุ่มกวาดล้างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พวกเขาให้ความนับถือเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมาก
เมื่อเท้าซือหยูแตะพื้นเขามองทหารรอบๆ เพลิงที่เขาใช้ไม่ได้สังหารแม้แต่คนเดียวแม้จะทำให้หลายคนบาดเจ็บก็ตาม
พวกเขาควรจะขอบคุณที่ซือหยูยังคงเคารพความเป็นพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่ใช่แค่บาดเจ็บ พวกเขาจะถูกเพลิงแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่าน!
“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ตรงนี้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับสมาชิกธรรมดาๆอย่างพวกเจ้า”
ซือหยูพูดขณะที่ก้าวไปข้างหน้า
หลี่เจิงยืนขึ้นเข้าไปปกป้องซือหยูเขาหันไปพูดกับทหารรอบๆ
“ใครที่คิดขวางพวกข้าต้องตาย”
กลุ่มกวาดล้างนั้นมีพลังมหาศาลไม่มีใครกล้าจะเผชิญหน้าด้วย พวกเขาเพียงมองกลุ่มกวาดล้างที่นำโดยซือหยูไปยังส่วนลึกสุดของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และเมื่อถึงจุดหมาย เหล่าทหารที่นั่นมองมาอย่างงุนงง
“หัวหน้าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมกลุ่มกวาดล้างของเราถึงยอมรับเขาเป็นนายล่ะ?”
หนึ่งในกลุ่มทหารถามหัวหน้าของตัวเอง
หัวหน้าทหารมองซือหยูกับคนที่เหลือด้วยสายตาว่างเปล่าและส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้ข้ารู้แต่ว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังจะเปลี่ยนไป”
ในสายตาของเขาเด็กหนุ่มผมสีเงินนี่น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด
…
มีคนมากมายในโถงหลักผู้เฒ่าหลายคนถูกเรียกมาที่นี่เช่นกัน มีกำลังทหารมากมายที่ยืนคุ้มกันนอกโถงหลัก
สีหน้าฟู่กังซานหนักแน่นและมั่นคงฟู่หงซื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังทั้งกังวลและหวาดกลัว
“ฟู่กังซานเพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่เจ้าก็เรียกพวกข้ามาอีกครั้ง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ผู้เฒ่าเฉินไม่ค่อยพอใจนักเพราะเขามิอาจรับได้ว่าหลงจื้อชิงถูกปฏิบัติอย่างไร
ผู้เฒ่าคนอื่นเห็นด้วยเพราะพวกเขาเพิ่งจะออกไปจากที่นี่ แต่ก็ต้องกลับมาอีกครั้ง!
ฟู่กังซานเริ่มพูด
“ท่านทั้งหลายพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ของเรากำลังพบกับอันตรายครั้งใหญ่”
จากสีหน้าและน้ำเสียงของฟู่กังซานเหล่าผู้เฒ่ารู้สึกว่ามีบางอย่างที่แตกต่างจากสถานการณ์ปกติ พวกเขาจึงใจเย็นลงเพื่อรับฟัง
“ผู้เฒ่าฟู่ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในตอนนี้ยังขาดเจ้าพันธมิตร เราต้องพูดทุกอย่างระหว่างกันอย่างตรงไปตรงมา”
ผู้เฒ่าเฉินพูด
ฟู่กังซานไม่พอใจเมื่อได้ยินมาถึงตอนนี้ ผู้เฒ่าเฉินยังไม่เต็มใจที่จะรับเขาเป็นเจ้าพันธมิตรชั่วคราว
ปั้ง!
พื้นสั่นสะเทือนผู้เฒ่าทุกคนตกใจ พวกเขารีบทรงตัวเพื่อไม่ให้ล้ม
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมเรือสั่นล่ะ?”
ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึงเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในตอนนั้นทหารสองคนที่สวมชุดสีอำพันพุ่งเข้ามา หนึ่งในนั้นแจ้งข่าว
“ผู้เฒ่าฟู่แย่แล้ว! มีคนบุกเข้ามาในเรือรบ ทางเข้าถูกระเบิด เกือบทุกคนในกลุ่มซุ่มโจมตีบาดเจ็บ พวกเขาแพ้หมด!”
ผู้เฒ่าเฉินกับผู้เฒ่าคนอื่นล้วนตกใจเมื่อได้ยินคำรายงานมีคนสอดส่องทุกมุมในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และเมื่อพบว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น พวกเขาก็จะเข้ามารายงาน และสองคนนี้คือคนที่ทำหน้าที่นั้น
“มีกลุ่มที่ซุ่มโจมตีด้วยรึ?พวกนั้นเป็นใคร? แล้วใครกันที่ระเบิดทางเข้าเรือ?”
ผู้เฒ่าเฉินถามอย่างเป็นกังวล
พื้นที่สะเทือนเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องเล็กและยิ่งทางเข้าถูกเปิดอีก เรื่องนี้จะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทหารชุดอำพันไม่กล้าตอบ เขามองฟู่กังซาน
“ฝีมือซือหยู”
ฟู่กังซานตอบ
เหล่าผู้เฒ่าอ้าปากค้าง
“ไม่ใช่ว่าซือหยูถูกเจ้าพันธมิตรหลงแอบประหารไปแล้วรึ?แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกข้าว่าซือหยูมาที่นี่รึ? ฟู่กังซาน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
ผู้เฒ่าเฉินพูดโดยไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย
ฟู่กังซานเก็บความโกรธเอาไว้
“พวกเจ้าทุกคนอาจจะไม่รู้เรื่องนี้แต่ตอนที่ข้าแค้นความจริงจากเจ้าพันธมิตรหลงเมื่อครู่ ข้าได้รู้ว่าศพที่ถูกเผาห้าร่างเป็นของทหารที่เขาเชื่อใจ ข้ายังรู้อีกด้วยว่าซือหยูกับคนที่เหลือถูกแอบปล่อยตัว”
เขาพูดต่อ
“ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนหลงจื้อชิงเขาจับห้าคนไปเพื่อจะให้ทั้งห้าเป็นกำลังต่อสู้! ข้ารู้สึกได้อยู่แล้วว่าซือหยูกับอีกสี่คนร่วมมือกับผู้บุกรุกต่างโลก พอข้าจะลงมือ หลงจื้อชิงรู้ทันเลยตัดสินใจจับตัวพวกเขาไปล้วงหน้าเพื่อยื้อชีวิตพวกมันเอาไว้! และตอนนี้ซือหยูก็เอากำลังจากต่างโลกมาจู่โจมพวกเรา!”
ผู้เฒ่าหลายคนมีข้อสงสัยกับคำพูดของฟู่กังซานพวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าพันธมิตรหลงจะเป็นหนอนบ่อนไส้ที่สมคบคิดกับผู้บุกรุกต่างโลก แต่ไม่มีแนวคิดอื่นใดให้พวกเขาจะเชื่อได้ มีแค่ผู้เฒ่าเฉินกับคนอีกหลายคนที่ยังกังขาในเรื่องนี้
“ไม่ว่าจะอย่างไรถ้าผู้บุกรุกโจมตีเรา เราก็ต้องขับไล่พวกมันออกไปก่อน ผู้บุกรุกทุกคนต้องตาย”
ฟู่กังซานตบโต๊ะและตะโกนเสียงดัง
“เหล่าผู้เฒ่าเอ๋ยโปรดต่อสู้ไปกับข้า! ขับไล่พวกมันออกไป เราจะรักษากำลังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้!”
เอี๊ยด!
เสียงประตูโถงถูกผลักออกเหล่าผู้เฒ่าขมวดคิ้ว
หนึ่งในนั้นถาม
“ใครกันที่หยาบคายจนกล้าขัดการประชุมเรื่องสำคัญเช่นนี้?”
เขาหยุดพูดไปเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาคือหน่วยกวาดล้างที่นำโดยหลี่เจิงผู้เฒ่าหลายคนหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่
ผู้เฒ่าเฉินขมวดคิ้ว
“หลี่เจิงทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? มีผู้เฒ่าเรียกเจ้ามาที่นี่รึ?”
ลี่เจิงทำเป็นไม่ได้ยินขณะที่สั่งจัดแถวในหน้าประตูกับคนในหน่วยกวาดล้างที่เหลือเขาก้มหัวอย่างนอบน้อม เหล่าผู้เฒ่าค่อนข้างคุ้นกับภาพนี้ มันคือการปฏิบัติต่อเจ้าพันธมิตร
“เป็นไปไม่ได้!เจ้าพันธมิตรหลงก็มาด้วยรึ?”
ผู้เฒ่าเฉินอุทานเขากับผู้เฒ่าหลายคนตกใจ
ฟู่กังซานกับฟู่หงซื่อเองก็ตกใจมากมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว…
เกิดอะไรขึ้น?
หลี่เจิงกับคนอื่นมีชีวิตรอดกลับมารึ?
เช่นนั้นก็ดีแล้วที่พวกเขารอดแต่ทำไมเจ้าพันธมิตรหลงถึงมาที่นี่ด้วยเล่า?
ขณะที่เหล่าผู้เฒ่ายังสงสัยมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในโถงหลัก ร่างของเขาผอมสูง เขาสวมเสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย
เขายังมีผมสีเงินที่ยาวมาถึงบ่าใบหน้าของเขางดงามราวกับเทพในตำนาน
“ซือหยูนี่เจ้า!”
หนึ่งในผู้เฒ่าจำเขาได้ในทันที
หน่วยกวาดล้างถูกจัดขึ้นโดยเจ้าพันธมิตรหน่วยนี้จะภักดีกับเจ้าพันธมิตรเท่านั้น ดังนั้นเหล่าผู้เฒ่าจึงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“หึหึเหล่าผู้เฒ่า เราได้เจอกันอีกแล้ว”
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
สถานการณ์เปลี่ยนไปมากครั้งก่อน เขาคือนักโทษที่ถูกกลุ่มกวาดล้างพาตัวเข้ามา แต่ตอนนี้เขามาในฐานะผู้เป็นนายของกลุ่มกวาดล้าง! หลายคนมิอาจจะรับการเปลี่ยนแปลงในข้อนี้ได้
“หลี่เจิงทำอะไรของเจ้า? ทำไมเจ้าต้องก้มหัวให้ไอ้เด็กนั่น?”
ผู้เฒ่าจางที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตำหนิหน่วยกวาดล้าง
เขาไม่เข้าใจได้ถึงเหตุที่หลี่เจิงทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้แต่หลี่เจิงยังคงก้มหน้าต่อไปโดยไม่พูดอะไร
“ใครก็ได้ลากไอ้เด็กนี่ออกไปที”
ผู้เฒ่าจางรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ห่างไกลกว่าที่เขาจะเข้าใจแล้วเขาเริ่มคิด…
ไอ้เด็กนี่มาที่นี่ได้ยังไง?
ฟู่กังซานพูดจริงรึ?เขาสมคบคิดกับคนต่างโลกจริงรึ? ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็ระเบิดทางเข้าเรือมาจริงๆน่ะรึ?
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
“คนนั้นน่ารำคาญนักลากมันออกมาตัดหัวซะ”
เขาช่วยให้คนชั่วอย่างฟู่หงซื่อทำเรื่องชั่วร้ายเขายังอยากจะทำให้ฉีหยุนเซี่ยงมัวหมอง ขณะเช่นนี้เป็นที่น่าละอายกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นักถ้ายังอยู่ต่อ
“หน่วยกวาดล้างอย่าขยับนะ”
หนึ่งในผู้เฒ่าตะโกน
ผู้เฒ่าหลายคนโกรธแค้นพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหน่วยกวาดล้างถึงถูกควบคุมจากคนนอก และเขายังอยากจะตัดหัวผู้เฒ่าต่อหน้าต่อตาทุกคน!
แต่หลี่เจิงก็ไม่สนใจเหล่าผู้เฒ่าเขาทำมือให้กับกึ่งภูติสองคนที่มาด้วยกัน สองคนนั้นพุ่งเข้าใส่ผู้เฒ่าจางในทันที
นั่นทำให้เหล่าผู้เฒ่าโกรธยิ่งกว่าเดิมหนึ่งในนั้นตะโกน
“หน่วยกวาดล้างเจ้าอยากจะก่อกบฏเรอะ?”
ในความจริงพวกเขาภักดีต่อหลงจื้อชิงแต่เพียงผู้เดียว และเมื่อพวกเขาแอบยอมรับฟู่กังซาน พวกเขาก็นับว่าเป็นกบฏอยู่แล้ว
แต่หลี่เจิงไม่สนใจเขาเพียงแค่มองเหล่าผู้เฒ่าอย่างเย็นชา
“ขออภัยแต่หน่วยกวาดล้างทำภารกิจอยู่ ใครที่กล้าขวางจะถูกประหาร”
ท่าทางหยาบคายเช่นนี้ทำให้เหล่าผู้เฒ่าโกรธจัดพวกเขามาก่อกบฏจริงๆ แต่พวกเขาก็ยังอยากจะให้เหล่าผู้เฒ่าทำตามกฎของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!
เหล่าผู้เฒ่าที่เป็นฝ่ายฟู่กังซานเริ่มต่อสู้กับหน่วยกวาดล้างสองคนที่ถูกส่งตัวไปผู้เฒ่าจางใช้โอกาสนี้ถอยไปรวมกลุ่มกับผู้เฒ่าคนอื่น
หลี่เจิงสีหน้าหม่นหมองนี่เป็นโอกาสสำคัญที่เขาจะได้แสดงคุณค่าต่อซือหยู เขาจะต้องไม่ปล่อยให้ซือหยูเห็นว่าเขารับมือผู้เฒ่าจางไม่ได้!
หลี่เจิงดึงกระบี่ออกมาเพียงพลิกฝ่ามือ กระบี่เล่มนี้จะฉีกท้องนภาจนเปิดโล่ง