The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 627
DND.627 – เจ้าพันธมิตรคนใหม่
“เรื่องดีๆรึ?”
จิตใจของหลงจื้อชิงยังไม่มีโอกาสให้สงบลงเลยมันเริ่มที่จะเต้นแรงอีกครั้ง
ในอดีตหากซือหยูพูดว่ามีเรื่องดีๆที่เขาจะต้องแปลกใจ เขาคงจะแค่หัวเราะและลืมมัน เพราะเขาคือเจ้าพันธมิตร สิ่งใดเล่าที่เด็กรุ่นหลังจะมอบให้เขาได้? แต่ตอนนี้ หัวใจของเขามิอาจหยุดสั่น เรื่องดีๆที่น่าตกใจจากคนที่แข็งแกร่งอย่างซือหยูจะต้องเป็นบางอย่างที่ยอดเยี่ยม
“เจ้าพันธมิตรหลงท่านไม่มีความหวังเลยรึ ตอนที่ได้ข่าวว่าข้ากลับมาทั้งๆที่กระโจมเทพสวรรค์ปิดไปแล้วน่ะ?”
ซือหยูยิ้มบางๆ
สายตาของเจ้าพันธมิตรหลงที่คาดหวังแทนที่ด้วยความหม่นหมองในไม่นานความเศร้าและความเจ็บปวดที่เขาเก็บงำมาเนิ่นนานได้ปรากฏออกมาในแววตาอีกครั้ง เขาจะไม่คิดถึงความเป็นไปได้นั้นได้อย่างไร? หลังจากที่เขาได้ยินว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬที่ตายกลับมามีชีวิตรอด เขาก็ได้มีความหวังลึกๆว่าบุตรสาวหลงหวูชิงอาจจะกลับมาด้วย แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังอันว่างเปล่า
คำพูดของซือหยูทำให้ความเจ็บปวดนั้นกลับมาอีกครั้งเขารู้สึกเดียวดายอ้างว้าง เขาไม่เหลือญาติหรือบุตรคนใดอีกแล้วในโลก เขาอยู่คนเดียวลำพัง
“เจ้าพันธมิตรหลงดูเหมือนท่านจะไม่ผิดหวังกับเรื่องดีๆของข้าแน่”
ซือหยูยิ้มและเปิดมุกวิญญาณเก้าหยก
บอลแสงสองลูกที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือลอยออกมาและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในที่สุดมันก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ธรรมดา ร่างของหญิงสาวสองคนปรากฏออกมาเมื่อแสงหายไป
ทั้งคู่สั่งสมาธิและดูเหมือนเพิ่งจะบ่มเพาะพลังเสร็จทั้งคู่กำลังพักเพื่อปรับสภาพร่างกาย ทั้งสองปล่อยพลังมหาศาลออกมา พลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังของหน่วยกวาดล้างเลย
มีวงแสงอ่อนๆเหนือศีรษะของทั้งสองคนมันคือวงแสงพลังชีวิตที่อัดแน่น ในอักษรโบราณมากมายลอยอยู่ในวงแสงนี้ วงแสงนี้เปล่งแสงรอบตัวของหญิงสาวทั้งสอง ใบหน้าอันงดงามของพวกนางน่าจับตามองยิ่งนัก
โดยเฉพาะวงแสงบนศีรษะของหญิงสาวที่ตัวเล็กน่าทะนุถนอมวงแสงของนางเปล่งประกายสว่างกว่าของอีกคน ใบหน้าเรียบเนียนดั่งนางไม้ในตำนานนั้นราวกับถูกสลักโดยปรมาจารย์ ภาพที่ได้เห็นชวนหลงใหลเป็นอันมาก
นางคือฉินเซี่ยนเอ๋อส่วนอีกคนคือหลงหวูชิง เมื่อทั้งคู่ถูกโจวฉีหมิงไล่ล่า ซือหยูได้เก็บพวกนางเอาไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยกเพื่อความปลอดภัย เมื่อพ้นภัยและสำเร็จการบ่มเพาะ ซือหยูเลยให้พวกนางออกมา
ก่อนที่วงแสงจะออกมาหลงจื้อชิงก็ได้จ้องมองหญิงสาวตัวสูงทางด้านขวาอยู่ก่อนแล้ว มันเป็นพลังที่เขาคุ้นเคยเพราะสายเลือด เขามองมันจนแทบจะลืมตัว เขาได้แต่มองร่างกายที่ค่อยๆชัดเจนด้วยสายตาว่างเปล่า นางค่อยๆปรากฏออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เขาสะกดชื่อนางออกมาขณะที่ตัวสั่นหลังจากที่แน่ใจว่านี่คือบุตรสาวของเขาที่คิดว่าตายไปแล้วในกระโจมเทพสวรรค์
“หลงหวูชิง…”
ราวกับน้ำพุพวยพุ่งออกมาจากหัวใจที่แห้งเหือดของหลงหวูชิงเมื่อเอ่ยนามของนางมันทำให้ร่างกายอันแห้งเฉากลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง หลงหวูชิงลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก นางสับสนในคราแรก แต่เมื่อแสงจางไปก็ได้เห็นว่าผู้ที่เรียกนางคือผู้เป็นพ่อ
“ท่านพ่อท่านพ่อร้องไห้ทำไมน่ะ?”
หลงหวูชิงตกใจ
ที่นางรู้สึกก็คือการแยกจากครั้งนี้ผ่านไปแค่สองเดือนและนางยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในมุกวิญญาณเก้าหยก ดังนั้นห้วงเวลาที่นางคิดว่าตัวเองผ่านไปนั้นคือเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว นางไม่รู้เลยว่านางแยกจากพ่อตัวเองมามากกว่าสองปีแล้ว!
“ขะ…ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
ทั้งร่างกายและหัวใจของหลงจื้อชิงสั่นเครือเพราะความยินดีซือหยูยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน
“หืม…พี่หิมะทมิฬ?”
ฉินเซี่ยนเอ๋อลืมตาขึ้น
ดวงตาสดใสดั่งอัญมณีเปิดออกช้าๆมันสดใสดั่งดวงแก้ว มันคือความสดใสที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกใบนี้
เซี่ยนเอ๋อมองรอบๆด้วยความงุนงงด้วยดวงตากลมโตสดใสของนางเพราะนางไม่เห็นซือหยู นางเลยเรียกหาแต่พี่หิมะทมิฬ…
นางมองไปยังเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคย
เมื่อมองเห็นชัดๆนางก็พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พี่…พี่ซือหยู…”
นางเปลี่ยนจากความสับสนมาเป็นความตกใจดวงตาเริ่มชื้นจากน้ำตา ตั้งแต่ที่นางถูกพาตัวไปจากสำนักหลิวเซี่ยนโดยจ้าววิหคเพลิง ทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันมาจนถึงตอนนี้ แค่พริบตาเดียว…แต่ก็ผ่านไปแล้วสามปี!
แน่นอนว่านางไม่รู้เลยว่าทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันแล้วแต่ซือหยูกลับมาเจอกับนางในฐานะของราชาปีศาจหิมะทมิฬ!
ความสงสารและความรักก่อเกิดในใจซือหยูเขามองใบหน้างดงามของนางใกล้ๆ ใบหน้าของเซี่ยนเอ๋อมีน้ำตาไหลออกมา เขายิ้มและอ้าแขน
“ฮึก…พี่ซือหยู…”
น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นในตอนที่นางพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของซือหยูราวกับผีเสื้อ
“ฮึก…ในที่สุดข้าก็ได้เจอพี่อีกครั้ง!ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว”
เซี่ยนเอ๋อกอดคอซือหยูแน่นใบหน้าที่น้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมานั้นน่าประทับใจยิ่งนัก
ซือหยูรู้สึกละอายใจเมื่อมองนางนั่นก็เพราะว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องตัวตนของเขากับนางตั้งแต่ก่อนหน้านี้
“เซี่ยนเอ๋อเจ้าเติบโตมาได้ดีจริงๆ”
ซือหยูกอดร่างเล็กๆของเซี่ยนเอ๋อเขารู้สึกถึงความอบอุ่นและอ่อนนุ่มราวกับฝ้าย
ในสามปีที่ผ่านมาเซี่ยนเอ๋อตัวสูงขึ้นและดูสวยสง่าเป็นหญิงสาว นางเริ่มมีความเป็นสตรีขึ้นมาแล้ว
เซี่ยนเอ๋อหัวเราะเบาๆอย่างมีความสุขเมื่อได้รับคำชมนางฟังเสียงหัวเราะอันบริสุทธิ์ดั่งครั้งอดีต ความรู้สึกห่วงหาแบบเดิมเอ่อล้นออกมา เขาลูบหัวของนางและต้องโทษตัวเองที่จำความรู้สึกที่เคยได้รับเมื่อครั้งอยู่กับนางได้
“พี่ซือหยูพวกนี้เป็นของพี่…”
ดูเหมือนเซี่ยนเอ๋อจะนึกถึงอะไรขึ้นมาได้นางหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมา มันคือกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสิ่งของนับไม่ถ้วน
ซือหยูหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาดูด้วยความสงสัยเมื่อได้สัมผัสมันก็รู้สึกได้ถึงพลังมิติที่มันปล่อยออกมา มันคือสมบัติกระเป๋ามิติ!
เมื่อเขาเปิดออกก็ต้องตกตะลึงกับของที่อยู่ภายในสิ่งแรกที่มองเห็นคือผลก้นบึ้งมังกรที่หาได้จากก้นบึ้งมังกรเท่านั้น! ซือหยูจำมันได้เพราะส่วนมากเป็นของที่เซี่ยนเอ๋อได้มาจากราชาปีศาจหิมะทมิฬ
ยังมีโอสถมากมายอัดแน่นอยู่ภายในโอสถเหล่านั้นคือโอสถที่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณและฐานพลัง โอสถเหล่านี้ไม่พบตามท้องตลาด มันจะต้องเป็นโอสถที่นางได้มาจากผู้เฒ่าฉิวหนิงชุ่ย
สิ่งสุดท้ายคือคัมภีร์ประหลาดและวารีวิญญาณของทั้งหมดถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างสะอาดเรียบร้อย บอกได้เลยว่านางเก็บมันด้วยความระมัดระวังแค่ไหน
“เซี่ยนเอ๋อของพวกนี้คืออะไรกัน?”
ซือหยูถามด้วยความสับสน
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางกำกระโปรงด้วยมือเล็กๆอย่างเป็นกังวล
“พี่ซือหยูข้าเก็บมันมาไว้ให้พี่ เพราะข้ารู้ว่าคงจะยากลำบากถ้าพี่จะบ่มเพาะพลังด้วยตัวเอง”
ซือหยูตกใจเมื่อได้ยินคำตอบหัวใจของเขารู้สึกถึงความอบอุ่น พวกเขาได้ผลก้นบึ้งมังกรมาไม่มากในคราวที่แล้ว มีหลายลูกที่เสียหายอย่างมาก แต่เซี่ยนเอ๋อดูเหมือนจะใช้ลูกที่เสียหายเหล่านั้น นางเก็บลูกที่สมบูรณ์เอาไว้มาจนถึงตอนนี้
และยังกองโอสถที่ฉิวหนิงชุ่ยผู้เป็นอาจารย์แอบมอบให้นางนางก็แอบเก็บเอาไว้อีกทอดหนึ่ง นางสะสมโอสถเหล่านี้ไว้ให้กับซือหยูในวันนี้
ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับซือหยูแล้วแต่เขาก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ เขามิอาจฟื้นคืนจากความตกตะลึงนี้ได้แม้จะผ่านไปนาน นางได้เก็บของที่ดีที่สุดสำหรับเขามาเสมอ แม้เวลาจะพ้นผ่านไปสามปีนับตั้งแต่พบกันคราวสุดท้าย หัวใจของนางก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ซือหยูลำคอแห้งเป็นผงเขาพูดอะไรไม่ออก เขามิอาจหาเหตุผลที่จะทรยศหรือทำให้สตรีที่หัวใจบริสุทธิ์เช่นนี้ผิดหวังได้เลย
“เซี่ยนเอ๋อ…”
ผ่านไปนานซือหยูพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“ทำไมเจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อข้าด้วยเล่า?”
ฉินเซี่ยนเอ๋อก้มหน้าดวงตากลมโตสดใสมิกล้ามองซือหยู นางขยับปากเบาๆ
“ก็เพราะข้า…ข้ามีแค่พี่กับพ่อของข้า”
สิ่งที่นางเหลืออยู่มีเพียงท่านพ่อและซือหยูสำหรับนาง ชายทั้งสองเป็นคนที่สำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งคือผู้เป็นบิดา ส่วนอีกคนคือสามีของนาง
ซือหยูตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมแม้ทั้งคู่จะมิได้จัดงานวิวาห์จนสำเร็จ เซี่ยนเอ๋อก็ยังถือว่าเขาเป็นสามีของนาง! ภาพของเซี่ยจิงหยูปรากฏขึ้นมาในใจซือหยู เขาหยุดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดเมื่อคิดถึงความลังเลในครั้งอดีต
เขาหักหลังนางได้ยังไงกัน?
ซือหยูก้มหน้าจูบหน้าผากเซี่ยนเอ๋อนางตัวสั่น ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยความเขินอายพร้อมกับหลับตา นางยื่นริมฝีปากดั่งกลีบกุหลาบให้เขาได้จุมพิต
นางดูเหมือนกับบุพผาแดงสะพรั่งที่เขาเด็ดขึ้นมาดอมดมได้ไม่ยากนางทั้งยั่วยวนและงดงาม ซือหยูประกบกลีบกุหลาบน้อยที่อ่อนนุ่มและหอมหวาน เขาหลงลืมตัวเองไปจนสิ้น ผ่านไปนานก่อนที่เซี่ยนเอ๋อจะดึงริมฝีปากกลับ ลมหายใจของนางรุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางอ้าปากเพื่อช่วยให้หายใจ อกเล็กๆของนางแนบชิดกายซือหยู อกนั้นขยับขึ้นลงตามลมหายใจ ความต้องการแปลกๆเกิดขึ้นในใจซือหยูเมื่อเขามองหญิงสาวน่ารัหตรงหน้า เพลิงแห่งพลังลุกขึ้นมาเมื่อเขารู้สึกถึงร่างกายอันร้อนผ่าวของนาง
เซี่ยนเอ๋อสังเกตได้ถึงท่าทางแปลกๆของซือหยูนางหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม นางแนบใบหน้ากับอกของซือหยูโดยไม่กล้ามองตา
นางพูดเบาๆด้วยความเขินอาย
“พี่ซือหยู…ถ้าพี่ต้องการข้ามอบให้พี่ได้ทุกเวลา”
หลังจากผ่านไปสามปีนางมิใช่สาวน้อยไร้เดียงสาที่คิดว่าหญิงชายเพียงจูบกันในคืนแรกอีกแล้ว ทั้งร่างกายและหัวใจของนางได้เติบโตมาเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
ความหลงใหลในตัวนางเอ่อล้นยิ่งขึ้นในใจซือหยูเขากอดนางเบาๆ เขารู้สึกว่าเขาจะไม่ปล่อยให้นางจากไปไหนอีกครั้ง
ถ้าหากเขามีภรรยาเช่นนี้ในชีวิตครั้งนี้แล้วเขาจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?
“ซือหยูเจ้าต้องถนอมเซี่ยนเอ๋อให้ดี นางมอบสิ่งต่างๆให้เจ้ามากมายนัก”
หลังจากที่หลงหวูชิงพูดคุยกับผู้เป็นพ่อแล้วนางหันมามองซือหยู
ซือหยูมองนางและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้”
หลงหวูชิงส่ายหน้าด้วยความเวทนา
“ไม่เจ้ายังไม่รู้ว่าเซี่ยนเอ๋อให้อะไรกับเจ้า พวกข้าได้เจอสมบัติของราชาภูติ สิ่งเหล่านั้นคือสมบัติจากจ้าวเทวะ ตอนแรกพวกข้าคิดว่ามันถูกคนอื่นเก็บของดีๆไปหมดแล้ว แต่หลังจากนั้นก็บังเอิญเจอมิติลับ สมบัติที่แท้จริงของจ้าวเทวะอยู่ที่นั่น มันคือเสี้ยววิญญาณของราชาภูติ”
นางพูดต่อ
“เซี่ยนเอ๋อที่ผู้ถูกเลือกที่แท้จริงของเสี้ยววิญญาณราชาภูติข้าได้สมบัติจากจ้าวเทวะมาแค่หนึ่งในสิบส่วน อีกเก้าส่วนเป็นของนาง แต่ฐานพลังของนางก็ยังอยู่ในระดับเท่าข้า”
เสี้ยววิญญาณของจ้าวเทวะรึ?ซือหยูตกใจกับเรื่องนี้ สมบัติของเขาจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่
“หนึ่งในนั้นมีโลหิตของราชาภูติอยู่สิบหยดแต่ลดหยดคือวารีวิญญาณที่จะเพิ่มฐานพลังได้มหาศาล ข้าแค่ดื่มไปหยดเดียวและบ่มเพาะพลังมาตลอดสองเดือน ฐานพลังข้าเลยได้มาอยู่ที่ระดับกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง! เซี่ยนเอ๋อดื่มไปแค่สองหยดและเก็บที่เหลือไว้ให้เจ้า ถ้านางไม่เหลือให้เจ้า นางก็คงจะเป็นภูติไปแล้ว”
นางอธิบายกับซือหยู