The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 645
DND.645 – ผู้ศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่
ศัตรูเข้าตีล้อมทุกทิศทางทำลายตำหนักรองทั้งหมดในคราเดียว เมื่อพวกเขาได้ข่าวเรื่องการถูกทำลายของคณะวิหคเพลิงมันก็สายไปแล้ว พวกมันล้อมพวกเขาไว้หมดแล้ว
ฟึ่บ!
มีคนจำนวนมากเอ่อล้นเข้ามายังกลางเมืองคนเหล่านี้คือผู้โชคดีที่รอดมาจากการกวาดล้างของสิบเขต พวกเขาหนีมายังเขตกลางราวกับลูกแกะบอบบางที่ถูกนักล่าห้ำหั่น
“นั่นรองเจ้าตำหนักฮั่วฉีหลาน!”
หนึ่งในทหารที่ประตูจดจำหนึ่งในคนที่หนีเข้ามาได้
นางเป็นรองเจ้าตำหนักของทวีปเหนือและด้วยความงามที่มี จึงยากที่ผู้คนจะลืมนาง แต่ฮั่วฉีหลานตอนนี้มิได้ดูสูงส่งและงดงามอีกแล้ว นางในตอนนี้หน้าซีดเผือด ทั้งตัวของนางมีบาดแผล
เส้นผมของนางดูยุ่งนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าใดนัก! นางนำสมาชิกหลักของเขตฉีหลานหนีเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
กลุ่มทหารสวมชุดเกราะที่ปล่อยจิตสังหารออกมานั้นเห็นได้ที่ข้างหลังนางพวกเขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่ไล่ตามนาง ถ้าหากใครถูกตามทันก็จะถูกกระบี่สังหารในพริบตา!
ความปั่นป่วนในกลิ่นโลหิตนั้นดูบ้าคลั่ง!แม้แต่ท้องนภายังถูกย้อมด้วยสีแดง ราวกับวันสิ้นโลกได้มาถึง
“พวกมันมาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”
ผู้ตรวจการไป่หยุนหาคำอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้เลย
แม้ว่าพวกมันจะบุกมาที่นี่โดยไร้สิ่งกีดขวางพวกมันก็ต้องใช้เวลาหลายวัน…แล้วทำไมพวกมันถึงบุกมาถึงได้ในเวลาแค่ถ้วยชาเดียวเล่า?
ผู้ตรวจการไป่หยุนชักสีหน้าหลายรอบเมื่อเห็นว่าข้าศึกกำลังบุกเข้ามาเขาแตะพื้นด้วยปลายเท้าและทะยานขึ้นฟ้า มีวายุปรากฏที่ใต้เท้าทำให้เขาหนีเร็วกว่าเดิม
แต่ก่อนที่เขาจะได้หนีเขาก็หันไปสั่งการกับคนอื่น
“เจ้าตำหนักหนานกวงจงทำตามคำสั่งข้าและปกป้องที่นี่! อย่าหนีไปไหน!”
เจ้าตำหนักหนานกวงไม่มีอารมณ์ที่จะถากถางผู้ตรวจการไป่หยุนที่กำลังหนีนางมองท้องนภาที่ย้อมไปด้วยโลหิตตรงหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องดังก้องฟ้าเสียงเหล่านั้นราวกับหมูถูกเชือด!
เมื่อนางมองไปยังต้นเสียงก็พบว่าอกของผู้ตรวจการไป่หยุนถูกหอกแดงแทงทะลุ!หอกนี้พุ่งลงมาจากบนฟ้าและปักร่างของเขาที่พยายามหนี และตอนนี้หอกแบบเดียวกันก็กำลังพุ่งเข้าใส่พวกนาง!
“หลบเร็ว!”
เจ้าตำหนักหนานกวงสีหน้าหม่นหมองเมื่อสัมผัสพลังที่น่ากลัวของหอกนางตะโกนเตือนทุกคน
คนใกล้ๆนางรีบกระจายตัว
ปั้ง!
เสียงกระแทกอย่างแรงดังตามหอกแผ่นดินไหวไม่หยุด ตำหนักเจ้าเมืองพังทลายลง หลุมใหญ่ปรากฏขึ้นใกล้กับซากที่พังลงมา ร่างของผู้ตรวจการไป่หยุนปักอยู่ตรงนั้น เขาถูกหอกเสียบคาพื้นที่เป็นหลุมใหญ่ โลหิตไหลออกจากปากไม่หยุด เขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เขาดูทุกข์ทรมานอย่างมาก
“หอกเมฆาเลือด!สมบัติวิเศษของผู้ศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่”
เจ้าตำหนักหนานกวงดวงตาสั่นระริกเมื่อเห็นหอกสีเลือดคนในตะหนักหน้าขาวซีดราวกับกระดาษเมื่อได้ยินคำพูดของนาง
นั่นก็เพราะว่านามเซี่ยหวู่คือปีศาจชั่วร้ายสำหรับพวกเขา!เขาบ้าคลั่งและเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่โหดร้ายอย่างมาก ไม่ว่ากองทัพของเขาจะไปที่ใด ที่นั่นก็จะเหลือทิ้งไว้แต่ภูเขาซากศพ!
ระดับความโหดร้ายอันบ้าคลั่งของเขามาจากสมบัติวิเศษอันฉาวโฉ่นั่นก็คือหอกเมฆาเลือด! หอกของเขามีวิญญาณชั่วร้ายแต่โบราณที่กระหายเลือดอย่างมาก ซึ่งมันจะแสดงพลังออกมาได้ก็ต่อเมื่อดื่มโลหิตไปเป็นจำนวนมาก
ด้วยความช่วยเหลือของวิญญาณชั่วร้ายในหอกพลังของผู้ศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่นั่นใกล้เคียงกับภูติระดับสีร่ อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นภูติขั้นกลาง!
การใช้วิชาชั่วร้ายเช่นนี้คือสิ่งต้องห้ามสำหรับทวีปจิวโจวมีแค่ผู้บ่มเพาะที่ชั่วร้ายเท่านั้นที่แอบใช้การบ่มเพาะเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในทวีปเฉินหลง เขาจะสังหารผู้คนและดูดซับโลหิตได้มากเท่าที่ต้องการ! ดังนั้นจำนวนคนที่ตายเพราะเขาจึงเหนือกว่าคนที่ตายเพราะผู้ศักดิ์สิทธิ์คนอื่นอีกสี่คนรวมกันเสียอีก!
ชื่อเสียงอันโหดร้ายทำให้ผู้คนหวาดกลัวคนในเฉินหลงสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในทวีปเหนือ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาให้พิเคราะห์มากนัก
“เร็วเข้ารวมตัวกันเร็ว!”
เจ้าตำหนักหนานกวงตะโกนด้วยเสียงที่อัดพลังชีวิตลงไป
ผู้คนรีบมารวมที่กลางเมืองพวกเขาถูกล้อมด้วยกองทัพศัตรูเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางหนีเลยสำหรับพวกเขา
เจ้าตำหนักหนานกวงยิ้มอย่างขมขื่นนางรู้ว่าคนของนางไม่อยากจะสู้ แต่พวกเขาก็ต้องสู้จนลมหายใจสุดท้ายในตอนนี้
ฟึ่บ!
คนหลายหมื่นรีบเข้ามาล้อมนางและก่อตัวเป็นกำแพงมนุษย์ล้อมตำหนักเจ้าเมืองกองทัพที่บุกเข้ามาได้หยุดลง
คนในเมืองจ้องมองทั้งสองร้อยคนที่ลอยอยู่กลางอากาศแม้จำนวนฝ่ายศัตรูจะน้อยนิด แต่พวกมันแต่ละคนก็มีพลังอยู่ที่กึ่งภูติ
มีเจ็ดในสิบส่วนที่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วหนึ่งดวงสองในสิบเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง ส่วนสุดท้ายคือกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง กำลังที่ทรงพลังเช่นนี้มากพอที่จะทำลายทุกสำนักในทวีป!
ส่วนฝั่งเจ้าตำหนักหนานกวงนั้นไม่มีกึ่งภูติแม้แต่คนเดียวนอกจากนางและนางเพิ่งจะโชคดีได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วหนึ่งดวงเมื่อครึ่งปีก่อน ดังนั้นแล้ว คนราวสามหมื่นคนที่นี่คือประชาชนธรรมดาที่อ่อนแอมาก
ซึ่งพวกเขาเป็นแค่คนที่แตกพ่ายและหนีออกมาจากเมืองอื่นๆบอกได้เลยว่าศัตรูสองร้อยคนนี้คร่าชีวิตพวกเขาได้โดยแทบไม่ต้องออกแรง!
ฟึ่บ!
หอกเมฆาเลือดในหลุมลึกขยับเบาๆมันลอยออกมาจากร่างของผู้ตรวจการไป่หยุนและทะยานขึ้นฟ้า ฝ่ามือโลหิตยื่นออกมาจากหมอกและรับหอกเอาไว้
“แค่กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงหรอกรึ?น่าเบื่อนัก”
เจ้าของหอกเมฆาเลือดออกมาจากหมอก
เขาเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะสีเลือดมันรอยมังกรที่ดูมีชีวิตอยู่บนหน้าผาก เขาคือมังกรผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เซี่ยหวู่ตัวจริง…”
เจ้าตำหนักหนานกวงร้องตกใจความหวังเสี้ยวสุดท้ายของนางได้ขาดสะบั้นลงเพราะการปรากฏตัวของเขา
ชายหนุ่มใบหน้าดูน่าเกลียดเพราะเขาสัมผัสกับวิญญาณชั่วร้ายใบหน้าของเขาเริ่มที่จะเปื่อยเป็นหนองที่มีพิษสีม่วง เพราะเหตุนี้ ผิวของเขาจึงมีสีม่วงและหยาบราวกับหนังคางคก!
ดวงตาสีเหลืองของเขาดูดุร้ายราวกับสัตว์ป่าเขาไม่ได้ดูเหมือนมนุษย์เลยแม้แต่น้อย เขาแลบลิ้นเสียหอกเมฆาเลือด
เขาส่ายหน้า
“ร่างกายมนุษย์จะแย่ลงเมื่อแก่ตัวแก่นโลหิตเริ่มบกพร่อง ข้ามาเสียเที่ยวจริงๆ ไม่มีกึ่งภูติดีๆอยู่ที่นี่เลย!”
เซี่ยหวู่มองรอบๆเขาดูราวกับหมาป่าหิวโหยที่มองหาลูกแกะ เขาเลือกเหยื่อคนต่อไป
จากนั้นเขาก็มองไปยังเจ้าตำหนักหนานกวง
“หึหึผู้หญิงกึ่งภูติ! โลหิตสตรีดีกว่าไอ้แก่เน่านั่น มันอร่อยกว่าแน่! ออกมาหาข้า”
เขาสั่งให้เจ้าตำหนักหนานกวงเข้าไปหาเพื่อจะดูดโลหิตสดๆของนาง!เจ้าตะหนักหนานกวงใจสั่นเมื่อได้ยินคำสั่ง
ข้าตกต่ำจดต้องกลายมาเป็นอาหารของคนเช่นนี้แล้วเรอะ?
นางทั้งโศกเศร้าและโกรธแค้นนางตะโกนด้วยความเศร้าหมอง
“ถ้าเราสู้เราจะตาย! แต่ถ้าเราไม่สู้ เราก็ตายอยู่ดี! ตอนนี้พวกเรามีทางเลือกงั้นรึ?”
ตามคำเล่าลือเซี่ยหวู่นั้นชั่วร้ายและนางก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ไว้ชีวิตผู้ใด พวกนางไม่มีทางเลือกอีกแล้ว จะอย่างไรก็คือความตาย!
“งั้นก็มาสู้กันเถอะ!”
ฮั่วฉีหลานตะโกนอย่างแน่วแน่และออกนำทัพ
เสียงกู่ร้องของผู้คนดังก้องแม้จะมีคนเชื่อว่าอาจจะถูกไว้ชีวิตถ้ายอมแพ้ พวกเขาก็จำต้องสู้ เจ้าตำหนักหนานกวงยิ้มที่คำพูดของนางปลุกใจคนให้ลุกขึ้นสู้ได้
“ดี!มาสู้ให้ถึงที่สุดกันเถอะ! ลำดับสามประหาร!”
นางตะโกนและหยิบเอามุกสีครามออกมาจากอก
นางโยนมันออกมามันลอยเหนือตำหนักเจ้าเมืองและปล่อยแสงสีครามล้อมรอบทั้งตำหนัก คลื่นพลังของมันมีสามชั้น ยิ่งลึกเท่าใดก็จะยิ่งมีพลังมากเท่านั้น
“รีดพลังของพวกเจ้าออกมา!จะต้านได้นานเท่าใดก็อยู่ที่ชะตาของเรา”
เสียงของเจ้าตำหนักหนานกวงดังถึงหูทุกคน
ลำดับสามประหารเป็นลำดับที่ตำหนักรองทั้งสี่ครอบครองมันคล้ายกับการรวมพลังโจมตีของต่างโลก แต่พลังของมันอ่อนแอกว่าหลายเท่า พลังส่วนมากที่ถูกอัดลงมาจะปะทะกับพลังของคนอื่นๆ ดังนั้นมันจึงมีพลังไม่ถึงหนึ่งในสิบของคนกว่าสามหมื่นคนที่นี่
เมื่อทั้งสามหมื่นคนได้ยินนางพวกเขาเริ่มรีดพลังวิญญาณออกมา ชั้นนอกสุดเริ่มเปล่งประกาย มีหยาดพิรุณปรากฏที่ม่านแสง หยาดพิรุณเหล่านั้นได้กลายเป็นศรพลัง ศรพลังเหล่านั้นถูกยิ่งออกมาทันที!
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ท้องนภาเต็มไปด้วยศรธนูสีครามมันยิงไปยังทุกทิศทาง
อ๊าก!
เสียงกรีดร้องดังมาจากศัตรูกึ่งภูติคนหนึ่งเขาร่วงลงมาจากฟ้า
แต่ส่วนมากก็ป้องกันตัวเองมาล่วงหน้าธนูเหล่านั้นต้องเกราะพลังชีวิตและไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร ศรวิญญาณเหล่านี้ไม่ต่างกับหยดน้ำฝนต่อพวกเขา!
เมื่อเหลือธนูอีกไม่กี่ดอกพวกเขาก็พบว่ามีศัตรูบาดเจ็บแค่สามคนจากสองร้อย!เจ้าตำหนักหนานกวงใจหาย นางไม่เชื่อว่านางจะโต้ตอบกับศัตรูได้เพียงเท่านี้แม้จะอาศัยพลังของคนมากมาย!
“ทำต่อไป!อย่าหยุด”
เจ้าตำหนักหนานกวงตะโกนต่อนางจะไม่ให้คนของนางคิดยอมตายในเวลานี้!
ซ่า!ซ่า!
ชั้นที่สองตอบสนองแอ่งน้ำวนยุกษ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับศรวิญญาณสิบดอกที่ยาวสามสิบเมตร แต่ละดอกมีพลังมหาศาล
สีหน้าของศัตรูที่ตีล้อมเริ่มเปลี่ยนไปบ้างพวกเขาต้องถอยเพื่อทิ้งระยะห่าง
ฟึ่บ!
ธนูลูกยักษ์ลอยขึ้นฟ้าเสียงระเบิดจากการปะทะดังขึ้นขณะที่กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงหกคนได้กรีดร้อง ฝั่งเจ้าตำหนักหนานกวงเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง ถ้าหากชั้นที่สองมีพลังเท่านี้ พวกเขาก็เดาไม่ได้เลยว่าชั้นที่สามมีพลังเพียงใด!
“ทุกคนอย่าออมมือ!ใส่พลังทั้งหมดของเจ้าในลำดับ”
เสี้ยวความหวังเริ่มจุดประกายในใจหนานกวง
เมื่อคนของนางร่วมมือกันคลื่นพลังที่สามเริ่มสั่นสะเทือนไม่เหมือนกับสองชั้นแรก มันไม่มีอะไรก่อร่างขึ้นมาเลย แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามีศรพลังที่มองไม่เห็นถูกยิงออกไปแล้ว…
ฟึ่บ!
เสียงบางอย่างกรีดอากาศออกไปมันคือศรพลังที่ทิ้งเส้นเพลิงไว้ในจุดที่พุ่งผ่าน แม้ว่าระยะจะห่างจากเป้าหมายหลายลี้ สีหน้าของเหล่ากึ่งภูติฝ่ายศัตรูก็เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าจะถูกสังหารในอีกไม่นาน!
“ถอย!”
สีหน้าของกึ่งภูติตึงเครียดพวกเขาหวาดกลัวเมื่อมองสายเพลิงที่กำลังพุ่งเข้าใส่
ปั้ง!
แต่ในตอนนั้นเองแสงสีแดงได้พุ่งออกมาปะทะกับสายเพลิงนั้น แรงกดดันมหาศาลก็สลายไปด้วย! แสงสีแดงที่พุ่งเข้ามาก็คือหอกเมฆาเลือด!
“หึหึพวกเจ้าฆ่าคนไปมากพอแล้ว ต่อไปก็ตาข้า…”
เสียงอันเยือกเย็นทำให้ผู้คนตัวสั่นด้วยความกลัว
เซี่ยหวู่ยิ้มอย่างโหดร้ายดวงตาของเขาราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมล่า หอกเมฆาเลือดได้พุ่งหายไปอีกครั้ง พร้อมกับลำดับสามประหารชั้นแรกที่แตกสลาย
“ชั้นแรกยังพังง่ายเช่นนี้เจ้าลองเดาดูซิ ว่าชั้นที่สองจะทนได้ซักกี่น้ำ?”
เซี่ยหวู่ดูเหมือนแมวที่เล่นกับหนูก่อนจะกิน
หึหึ!
เมื่อเขาหัวเราะชั้นพลังที่สองสั่นสะเทือน แต่พวกมันก็แตกสลายในเวลาต่อมา
“สองอึดใจ…ชั้นสามจะใช้เวลาเท่าไหร่กันน้า?”
เขาถามอย่างชั่วร้าย
เจ้าตำหนักหนานกวงโศกเศร้าอย่างมากแม้ว่าจะรวมพลังของสามหมื่นคน พวกเขาก็ทำอะไรเซี่ยหวู่ไม่ได้
ทุกคนเสียใจเมื่อมองสีหน้าสนุกสนานของเซี่ยหวู่พวกเขาเริ่มหยุดปล่อยพลัง แม้จะโศกเศร้าและไม่พอใจ พวกเขาก็ต้องยอมรับในชะตาตน พวกเขาเพียงรอให้ลำดับถูกทำลายไปพร้อมกับชีวิตของตัวเอง
เซี่ยหวู่หัวเราะและดีดนิ้วอีกครั้งแต่ในครั้งนี้ได้มีคลื่นเสียงดังมาจากระยะไกล มีแรงกดดันอันน่ากลัวกำลังแผ่เข้ามา
เขามองออกไปและพบวงแหวนวงใหญ่จากขอบนภามันมีลำแสงที่น่ากลัวมากอยู่ภายใน!