The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 655-656
DND.655 – ภาษามังกร
“แต่ถ้าแค่ลูกเดียวก็ได้พลังขนาดนี้แล้วเพราะกายามังกรของเจ้า!มุกบาดาลมันหนักมาก คนที่ไม่มีร่างกายแข็งแกร่งคงเจ็บตัวถ้าต้องเจอเจ้า!”
หยุนย่าสีพูด
มุกบาดาลหนักจนน่ากลัวแม้จะมีขนาดเล็กแม้แต่ซือหยูที่ชำระมันไม่หมดก็ขยับมันไม่ได้
ถ้าวันหนึ่งซือหยูชำระและควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ด้วยกายามังกรของเขา ถ้าเขาขว้างมันออกไปพื้นก็คงจะแหลกสลาย! ถ้าเขาทำได้ก็จะไม่มีใครเผชิญหน้ากับพลังนี้ได้เลย!
“ท่านอาจารย์ท่านเข้าใจตัวอักษรที่เขียนในกายามังกรเทพปีศาจหรือไม่? มันไม่ใช่ภาษามนุษย์ที่ข้ารู้จักเลย”
ซือหยูได้รับกายามังกรเทพปีศาจมาและแม้แต่ตัวเขาเองก็อ่านมันไม่ออกแม้แต่ตัวเดียว
“มันเป็นภาษาตระกูลมังกร…”
หยุนย่าสีเหลือบมอง
ภาษาตระกูลมังกรรึ?ซือหยูสงสัยขึ้นมาทันที
“ตระกูลมังกรหายไปตั้งนานแล้วมีบางคนที่อ่านภาษาของพวกเขาได้ บังเอิญว่าข้าเคยศึกษาเรื่องตระกูลมังกรก็เลยรู้ภาษาของพวกเขา กายามังกรเทพปีศาจเป็นหนึ่งในวิชาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลมังกร มันเคยถูกเรียกว่าวิชาแปลงมังกรปีศาจสี่ร่าง หลังจากที่บ่มเพาะผ่านแต่ละระดับ คนที่บ่มเพาะจะเพิ่มพลังขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ตามที่ข้ารู้ วิชานี้จัดอยู่ในสามลำดับแรกของวิชาชำระร่าง”
หยุนย่าสีอธิบาย
ซือหยูตกใจมากหยุนย่าสีนั้นลึกลับและรอบรู้โดยแท้จริง! เขามีความรู้อย่างกว้างขวาง ส่วนเรื่องกายามังกร ถ้าเรื่องที่มันเป็นวิชาสามลำดับแรกเป็นเรื่องจริง มันก็ต้องแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นมีแสงเหมือนกับหิ่งห้อยพุ่งออกจากกล่องหยกเข้าไปที่หน้าผากของซือหยู
“นี่เป็นความรู้เรื่องภาษาทั้งหมดของตระกูลต่างๆที่ข้ามีรวมถึงภาษามังกรด้วย เจ้าควรจะได้รู้ ความรู้ก็คือพลังรูปแบบหนึ่ง ยิ่งเจ้ารู้มาก มันก็จะช่วยเจ้าได้มาก”
หยุนย่าสีพูด
ซือหยูตื่นเต้นมากเมื่อได้ฟังเพราะความรู้แบบธรรมดาๆก็นับกว่าหายาก สำหรับเขา สิ่งที่หยุนย่าสีมอบให้นั้นล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติวิเศษ!
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
ซือหยูดีใจมากเขาปล่อยให้จิตใจได้เรียนรู้สิ่งที่ได้รับ เขาไม่รีรอที่จะเริ่มเรียนรู้ภาษาต่างๆ!
หยุนย่าสีหัวเราะเบาๆ
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าบ่มเพาะอย่างเป็นทางการข้าไม่เคยถอนคำพูด ใช้เวลาเรียนรู้มันไป ยังเหลืออีกหนึ่งวันก่อนเราจะถึงอาณาจักรทมิฬ เจ้าใช้วันที่มีทำความเข้าใจมันซะ”
ซือหยูไม่ตอบเพราะเขาเริ่มเพ่งสมาธิอยู่กับการเรียนรู้ครั้งใหม่ไปแล้ว…
ความแปลกใจของซือหยูไม่เคยลดลงเมื่อเขาดูองค์ความรู้ที่ได้รับมาและด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยทั้งปีในการค้นคว้ามันทั้งหมด!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกนี้มีตระกูลอยู่อีกมากขนาดนี้!”
ซือหยูอ้าปากค้างข้อมูลของหลายตระกูลนอกจากมังกรล้วนเป็นสิ่งที่หยุนย่าสีได้เรียนรู้มา! นั่นรวมถึงตระกูลสัตว์ประหลาด ตระกูลปีศาจ ตระกูลแมลง และอีกหลายอย่างที่ไม่เคยปรากฏเลยสักครั้งในทวีปเฉินหลง!
“อืมนี่มันตระกูลอะไรกัน?”
ซือหยูพบว่ามีองค์ความรู้ส่วนใหญ่ที่ถูกหิ่งห้อยปิดผนึกเอาไว้
“ตระกูลเทพ…นั่นมันอะไรกัน?”
ซือหยูค่อนข้างตกใจเมื่อพบว่ามีส่วนขององค์ความรู้ที่ปิดเอาไว้และมันเป็นเรื่องของตระกูลเทพ
แต่ตระกูลเทพคืออะไรกัน?ท่านอาจารย์คงจะจงใจปิดบังมันเอาไว้เพื่อไม่ให้ข้ารู้…
อืมมม…ถ้าท่านอาจารย์จงใจปิดเอาไว้ต่อให้ข้าถามไป มันก็คงจะเสียแรงเปล่า…
คำว่า‘ตระกูลเทพ’ ดูจะติดตรึงใจเขามาก ยากที่ซือหยูจะลืมมันไป
เขาพยายามจะไม่สงสัยเรื่องตระกูลเทพและเพ่งสมาธิกับเรื่องภาษามังกรแค่ภาษามังกรอย่างเดียวก็ทำให้เขาต้องใช้เวลาศึกษาทั้งเดือนโดยไม่หลับไม่นอนเพื่อที่จะได้ความรู้ทั้งหมด นั่นก็เพราะมันมีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมาก!
ซือหยูที่กำลังสนใจอย่างมากนั้นเริ่มด้วยตัวอักษรในกายามังกรเทพปีศาจเขาเรียนรู้ตัวอักษรมาหลายร้อยตัว เมื่อผ่านไปครึ่งวัน ซือหยูรู้สึกล้าจนต้องพักและลูบหน้าผาก
“ภาษามังกรมันยากจริงๆแค่อักษรเดียวก็มีความหมายได้หลายแบบ! เกือบชั่วโมงกว่าข้าจะรู้ความหมายของคำเดียว!”
เมื่อผ่านไปครึ่งวันซือหยูเข้าใจเพียงหกคำของกายามังกรเทพปีศาจ หนทางยังอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะเข้าใจมันทั้งหมด และนั่นไม่ใช่แค่ภาษามังกรอย่างเดียว ยังมีเรื่องของตระกูลอื่นอย่างตระกูลสัตว์ประหลาด ตระกูลปีศาจ และอื่นๆ เขาต้องใช้เวลามหาศาลกว่าจะเรียนรู้มันได้ครบ
“ท่านอาจารย์ให้ขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่กับข้าจริงๆ”
ซือหยูพูดเบาๆเขารู้ดีถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาต่างๆที่เขากำลังเรียนรู้
และเมื่อถึงตอนที่เขาจะเริ่มเรียนรู้ภาษามังกรอีกครั้งนั้นเอง…
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
มีคนสองคนที่บินอย่างรวดเร็วมาทางเขาหนึ่งคนสวมชุดสีแดงส่วนอีกคนสวมสีขาว ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังจะไล่ตามกันอยู่
คนที่สวมชุดแดงคือชาวแก่ที่มีผมสั้นขาวใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย เขาที่บินหนีค่อนข้างหน้าซีด
ส่วนอีกคนด้านหลังปล่อยพลังมหาศาลออกมาเขาเป็นชายหนุ่มสวมเกราะสีขาวที่มีฐานพลังถึงภูติระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเป็นผู้นำทัพจากต่างโลก!
แม้ชายแก่ชุดแดงระเป็นภูติระดับหนึ่งเหมือนกันพลังของเขาก็อ่อนแอกว่าคนหนุ่ม ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะกลายเป็นภูติด้วยซ้ำ
“ไอ้แก่บัดซบ!เก่งเหลือเกินที่หนีจากพวกข้าได้ แต่เจ้าจะจบลงวันนี้แหละ! ส่งม้าเมฆามาให้ข้าได้แล้ว”
ชายหนุ่มสะบัดมือกระบี่สีเงินลอยออกจากแขนเสื้อไปยังหัวใจของชายแก่ ชายแก่ตกใจมาก เขารีบหยิบเอาสมบัติเทพระดับสูงที่ทำจากผ้าออกมาขวางกระบี่
ครืด!
สมบัติเทพของเขาขาดสะบั้นมันถูกทำลายในทันที
“เจ้าพวกเฉินหลงบ้านนอกคิดจะสู้กับข้าด้วยสมบัติวิเศษรึ?”
ชายชุดขาวถอนหายใจแรง
หลังจากที่กระบี่สีเงินตัดผ่านสมบัติเทพมันไปต่อสู่ร่างของชายแก่ แต่โชคดีที่กระบี่เปลี่ยนทิศทางไปเล็กน้อย มันจึงแทงทะลุซี่โครงของเขา แต่มันก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักอยู่ดี
ชายแก่ควงอยู่กลางอากาศหลายรอบก่อนจะตกลงไปที่พื้นมีกล่องหยกหล่นมาจากอกเมื่อเขาตกพื้น
มีลูกม้าตัวเล็กน่ารักข้างในกล่องหยกนั้นมันนอนไร้ความเคลื่อนไหวในกล่องเพราะถูกกักตัวเอาไว้ มันมีพลังมหาศาลและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าโอสถใดที่ซือหยูเคยเห็นมา!
ฟึ่บ!
กล่องหยกลอยไปอยู่ในมือเด็กหนุ่มเขาหัวเราะด้วยตาที่เป็นประกาย
“หึหึม้าเมฆา! ทวีปเฉินหลงยังมีสัตว์ล้ำค่าแบบนี้อยู่! น่าเสียดายนักที่มันมาอยู่ในมือเจ้า ถ้าภูติระดับหนึ่งได้กินมันก็จะช่วยชำระล้างพลังชีวิต ถ้าโชคดีจะเลื่อนระดับพลังไปอีกขั้น!”
“สงสัยนักว่าทำไมของล้ำค่าหลายอย่างที่ไม่ค่อยมีในจิวโจวถึงมาอยู่ที่นี่…”
ชายแก่ชุดแดงเจ็บปวดกับความสูญเสียแต่เขาก็ไม่สนใจมันอีกแล้ว เขาคลานขึ้นมาและพยายามหนี
“คิดจะหนีเรอะ?ถ้ามาเจอข้าเจ้าก็เลิกคิดหนีได้เลย”
ชายหนุ่มชี้กระบี่ไปยังชายแก่และขว้างกระบี่ตรงไปยังหัวของชายแก่!
ชายแก่ชุดแดงเจ็บหนักอยู่แล้วเขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบกระบี่สังหารเลบ่มนี้ แต่ก่อนที่เขาจะโดนสังหารก็มีเสียงโลหะกระทบกัน กระบี่สีเงินของชายหนุ่มหักเป็นสองท่อน!
“สมบัติของจิวโจวก็ไม่ได้กล้าแกร่งอะไรนักเพราะสมบัติของคนบ้านนอกอย่างข้าก็ยังดีกว่า…”
เสียงของชสยหนุ่มดังก้องไปทั่ว
เอื้อก!
ชายหนุ่มสวมชุดเกราะที่จิตใจเชื่อมต่อกับกระบี่กระอักเลือดออกมาเขาถอยด้วยความตกตะลึง
“เจ้าเป็นใคร?”
เขาตกใจมากเพื่อกระบี่เงินของเขาอยู่ในระดับที่ใกล้กับสมบัติกึ่งวิญญาณ แต่มันกลับหักเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย!
ฟึ่บ!
สายลมพัดผ่านมีหนึ่งคนปรากฏตัวข้างชายแก่ชุดแดง เขาคือชายหนุ่มที่รูปงามกว่าชายใด เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหยู!
“เจ้าเป็นใคร?”
ชายหนุ่มในชุดเกราะถามอีกครั้งเขาจ้องมองกระบี่ทองเล่มเล็กในมือซือหยู มันคือสมบัติกึ่งวิญญาณ ดังนั้นชายคนนี้จะต้องมีพลังที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่
“คนที่กำลังจะตายอย่างเจ้าจะรู้ไปทำไม?”
ซือหยูดีดนิ้วกระบี่ทองหายไปในทันที มันปรากฏอีกครั้งที่คอของชายหนุ่ม!
ชายหนุ่มหน้าซีดเขาอยากจะหันหัวหลบแต่ที่หางตาก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีก มันทะลวงคอของเขาอย่างไร้ปรานี!
“กระบี่ทองสองเล่ม…เจ้าคือเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของชีวิตเขากระบี่เล่มเล็กทะลวงคอเข้าลึกลงไป ชีวิตของเขาดับมอด
ซือหยูยกมือเรียกกระบี่ทั้งสองเล่มกลับมากล่องหยกเองก็ลอยมาที่มือของซือหยูด้วย ซือหยูสู้กับภูติมามากมาย ง่ายดายนักที่จะรับมือกับภูติระดับหนึ่ง
แท้จริงแล้วก็ไม่ยากเท่าใดที่เขาจะรับมือกับภูติระดับสองแต่เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับภูติระดับสาม ส่วนภูติระดับสี่นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสู้ด้วย เขาไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นอย่างไร
“จะ…เจ้าคือ…เจ้าพันธมิตรซือใช่ไหม?”
ชายแก่ข้างหลังเขาพูดขึ้นมาเขาดวงตาสั่นด้วยความตกใจ
ซือหยูหันไปอย่างใจเย็นเขาถามชายแก่
“เจ้าเป็นใคร?”
ชายแก่ตัวสั่นเขาทั้งตกใจและกลัว เขารีบประสานหมัดให้ซือหยู
“ข้าเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการของอาณาจักรทมิฬนามว่าไป่จง เป็นเกียรติที่ได้พบท่านเจ้าพันธมิตรซือ”
หัวหน้าผู้ตรวจการรึ?ไป่หยุนกับไป่ฮีก็เป็นผู้ตรวจการ ชายคนนี้คงจะเป็นหัวหน้าของสองคนนั้น…
“เจ้าไม่ใช่คนของข้าไม่จำเป็นต้องแสดงความนับถือต่อข้าเช่นนั้น”
ซือหยูพูด
ไป่จงทั้งดีใจและตื่นเต้นซือหยูเริ่มสงสัยขณะที่เขาถามอย่างตื่นเต้น
“ท่านเจ้าพันธมิตรซือท่านนำกำลังาเฉินหลงตีพวกต่างโลกจนแตกพ่าย ท่านยังเอาดินแดนของเราคืนมาได้ ท่านคือตัวอย่างของคนทั้งทวีปเฉินหลง พวกข้าทุกคนควรนับถือท่าน!”
คำพูดของไป่จงนั้นแสดงความเลื่อมใสและนับถือต่อซือหยูจนทำให้ซือหยูยิ้ม
“ข้าแค่ทำหน้าที่ข้าถ้าเจ้าไม่มีอะไรอีก ข้าก็จะไปแล้ว”
เขาบินจากไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเพราะเขามีสมบัติล้ำค่าในมือ นั่นคือม้าเมฆา เขาควรจะรีบไปให้เร็ว ไป่จงรีบบินตามไปแต่เพราะบาดแผล เขาจึงมิอาจตามความเร็วของซือหยูได้
“เขาเป็นเด็กหนุ่มอย่างที่ข่าวลือบอกไว้จริงๆ!น่าตกใจยิ่งนัก!”
ไป่จงยังตื่นเต้นกับการที่ได้พบซือหยู
แต่เมื่อเขาลูบในอกเบาๆเขาก็นึกถึงม้าเมฆาและตะโกน
“เดี๋ยวก่อนท่านเจ้าพันธมิตรซือ! ม้าเมฆาของข้า!”
ไป่จงหายใจหอบไล่ตามซือหยูอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาความขมขื่นปรากฏบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือจงใจ แต่ซือหยูได้เอาม้าเมฆาของเขาไปแล้ว!
นั่นเป็นสมบัติที่ควรจะส่งให้กับตำหนักเจ็ดจ้าวแห่งความมืดนะ…และข้าก็เพิ่งจะเสียมันไป!
ไป่จงขมวดคิ้วและหัวเราะอย่างขมขื่น
DND.656 – พิษพิฆาต
ซือหยูที่อยู่พันลี้ไกลออกไปสีหน้าดูกระอักกระอ่วนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาชิงสมบัติมาจากคนอื่น
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชิงสมบัติมาจากคนที่บริสุทธิ์ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
แต่เรื่องก็แน่นอนว่าถ้าซือหยูไม่เข้าไปชายแก่ก็คงจะตายและเสียสมบัติไปอีก ถึงจะรู้อย่างนั้น จิตใจของเขาก็ไม่ดีขึ้นกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
“ข้าขอโทษไป่จง สิ่งนี้มีค่ามากต่อข้า ถ้ามีโอกาสตอบแทนเจ้าในครั้งหน้า ข้าจะทำแน่นอน”
ซือหยูพูดกับตัวเองเบาๆ
เขามองรอบๆจนพบหุบเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้มันเหมาะที่จะเป็นที่ซ่อน ซือหยูร่อนลงในหุบเขาและหาที่นั่งทำสมาธิ
เขาหยิบเอากล่องหยกและมองดวงวิญญาณที่สั่นสะเทือนอยู่ภายในที่เป็นรูปม้าขาวและอ้าปากค้าง
เขามิใช่เด็กหนุ่มแบบในอดีตอีกแล้วการได้เข้าไปยังกระโจมเทพสวรรค์ทำให้สายตาของเขาดีขึ้นมา
ตอนนี้ไม่ยากเลยที่เขาจะรู้สึกถึงพลังมหาศาลในวิญญาณม้าเมฆาและมันก็เป็นต้นไม้!
“ม้าเมฆา…น่าแปลกที่ทวีปเฉินหลงยังมีของแบบนี้อยู่ได้”
หยุนย่าสีพูดจากกล่องหยก
“ต้นม้าเมฆาต้องการพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากในการเติบโตแม้แต่ในกระโจมเทพสวรรค์ก็ยากที่มันจะถูกเพาะขึ้นมาได้ ถึงพลังวิญญาณของทวีปเฉินหลงจะหนาแน่นขึ้นมา มันก็ไม่ต่างกับกระโจมเทพสวรรค์ ข้าไม่เห็นทางที่ของแบบนี้จะเติบโตได้เลย เรื่องนี้ช่างแปลกนัก”
ซือหยูเริ่มสงสัยเช่นกันจากข้อมูลที่เขาได้มา อาณาจักรทมิฬถูกรายล้อมไปด้วยกำลังจากต่างโลก
เขาต้องสงสัย…
ไป่จงปรากฏตัวพร้อมกับพกม้าเมฆาไปได้มาไหนได้ยังไงกัน?แล้วทำไมเขาถึงถูกไล่ล่าจากพวกต่างโลกเล่า?
เรื่องทั้งหมดน่าฉงนใจยิ่งนัก
“ตอนนี้ข้าไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ข้าจะกินมันทั้งแบบนี้ได้หรือไม่?”
ซือหยูถามอย่างตรงประเด็นสิ่งนี้เป็นของที่มีผลโดยเฉพาะกับภูติที่บ่มเพาะพลังชีวิต เขาคิดว่ามันน่าจะให้ผลดียิ่งกว่ากับกึ่งภูติ
แต่นึกไม่ถึงว่าหยุนย่าสีจะตะคอกกลับมา
“ถ้าเจ้าอยากจะติดพิษจนตายก็กินมันเลย!ข้าจะไม่ห้ามเจ้า”
ซือหยูเลิกคิ้วม้าเมฆามีพิษสูงงั้นรึ?
หยุนย่าสีอธิบาย
“ม้าเมฆาเป็นต้นธาตุจักรวาลมันให้ผลดีอย่างมากกับคนที่บ่มเพาะพลัง แต่มันก็มีพิษแปลกๆอยู่ด้วย แม้พิษนิดเดียวก็ทำให้ภูติที่ต่ำกว่าระดับสี่ตายได้เพราะมันไม่ใช่พิษที่จะสะกดได้ด้วยพลังชีวิต ถึงกายามังกรของเจ้าจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเจ้าจากพิษถึงตายนั่นหรอก”
ซือหยูไม่แปลกใจเมื่อได้ฟังเขาครุ่นคิดและถาม
“ถ้าเช่นนั้นข้าควรจะคิดมันยังไง?ข้าต้องปรุงมันเป็นโอสถรึ?”
หยุนย่าสีตอบ
“ใช่แล้วเจ้าต้องผสมมันกับวัตถุดิบล้ำค่าเพื่อล้างพิษออกก่อน เจ้าจะกินได้ตอนที่โอสถผสมแล้ว ส่วนวัตถุดิบ เจ้าหาได้ในเฉินหลง แต่เจ้าคงต้องตามหามันหลายเดือนสักหน่อย”
หยุนย่าสีพูดปลอบใจ
“แต่ไม่ต้องหงุดหงิดไปม้าเมฆาอยู่ในมือเจ้าแล้ว จะกินได้ตอนไหนก็อยู่ที่โอกาส ถ้าทุกอย่างเป็นใจ วันที่เจ้ากินม้าเมฆาได้ก็คือวันที่เจ้าจะได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง”
อย่างนั้นรึ?ซือหยูตาเป็นประกาย เขาพยักหน้า
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
หยุนย่าสีพูดขึ้นมา
“เอาเถอะเจ้าต้องจัดการภาระในทวีป เวลาบ่มเพาะพลังของเจ้าลดลง เจ้าควรจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานของทวีปให้เสร็จทั้งหมด ถึงตอนนั้นข้าจะมาชี้แนะเจ้าต่อไป ตอนนี้ข้าต้องพักฟื้น อย่าปลุกข้าถ้าไม่มีเรื่องด่วน”
ซือหยูไม่รู้ว่าหยุนย่าสีได้ปรากฏตัวในอีกโลกเพื่อสังหารอสูรเนรมิตรนั่นเป็นเหตุที่วิญญาณของเขาเสียหายหนัก ดังนั้นเขาต้องหลับไปนานอีกครั้งก่อนที่จะฟื้นฟูพลังวิญญาณขึ้นมาได้ใหม่
ซือหยูตกใจอาจารย์จะหลับอีกแล้วรึ?
แต่เขาก็คิดจะลองบางสิ่งอยู่แล้วเขาคิด…แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“เอาล่ะดูแลตัวเจ้าเองให้ดี หวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าแปลกใจอีกตอนที่ข้าตื่น”
หยุนย่าสีพูดกล่องหยกเงียบสนิทหลังจากที่เขาพูดจบ
ซือหยูสัมผัสดูว่าหยุนย่าสีหลับไปแล้วหรือไปจากนั้นเขาก็มองกล่องหยกที่มีม้าเมฆา
เขาหัวเราะ
“ข้าว่าไม่จำเป็นต้องรอหรอกข้าจะทำให้ท่านอาจารย์แปลกใจเดี๋ยวนี้เลย”
เขายื่นมือหยิบเอาม้าเมฆามาไว้ในมือแม้ว่าม้าเมฆาจะเป็นสมุนไพรวิญญาณ มันก็ดูเหมือนกับม้าสีหิมะที่กำลังวิ่งอยู่จริงๆ มันดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก
พิษถึงตายงั้นหรือ?ซือหยูสงสัยอย่างมาก เขาคิดก่อนจะดึงเอาเส้นขนสีขาวออกมาจากม้าเมฆา
เขาใช้เนตรวิญญาณมองมังอย่างละเอียดไม่นานเขาก็พบว่ามีน้ำสีขาวเล็กน้อยอยู่ในเส้นขน ถึงเขาจะมีเนตรวิญญาณ ขเาก็คงไม่รู้ตัวว่ามีน้ำสีขาวนี้ซ่อนเอาไว้ถ้าไม่ถูกเตือนมาก่อน
เขามองม้าเมฆาทั้งตัวใกล้ๆไม่ยากที่จะเห็นว่าม้าเมฆาทั้งต้นเต็มไปด้วยน้ำสีขาวรวมถึงสายโลหิต เนื้อ หนัง น้ำสีขาวนี้มีพิษถึงฆาตอย่างที่หยุนย่าสีกล่าวไว้ มันสังหารได้ทุกคนที่มีพลังต่ำกว่าภูติระดับสี่
ซือหยูปล่อยขนเส้นนั้นลงบนฟื้นใต้เท้ามันกลายเป็นน้ำสีขาวไหลซึมพื้นดิน บนพื้นที่ซือหยูยืนอยู่ เหล่าบุพผาและต้นหญ้าเริ่มกลายเป็นสีเหลืองในทันที สุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ ทุกอย่างถูกพิษจากน้ำสีขาว
เหล่าสิงสาราสัตว์และอสรพิษในป่าตายไปเช่นกันทั้งหุบเขาเงียบกริบเพียงไม่นาน
พร้อมกันนั้นยังมีบางอย่างที่สีขาวคล้ายน้ำนมกระจายตัวในอากาศเพียงหายใจเล็กน้อยก็ทำให้ซือหยูเริ่มมึน เขาตกใจมาก
“แย่แล้ว!”
ซือหยูอ้าปากค้างเขารีบบินขึ้นที่สูงและบินไปไกลอีกสิบลี้ เขาใช้พลังชีวิตขับสิ่งที่หายใจเข้ามา
แต่ซือหยูก็จบว่าสิ่งที่หายใจเข้าไปนั่นไม่ได้เกรงกลัวต่อพลังชีวิตเลยมันยังไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายซือหยู เขารู้สึกว่าหัวของเขาหนักอึ้ง ภาพที่เห็นเริ่มขุ่นมัว อีกไม่นานเขาจะหมดสติ
เขากำลังตกอยู่ในอันตรายทีแรกเขาแค่อยากจะทดสอบว่าม้าเมฆามีพิษจริงหรือไม่ เขาไม่คิดเลยว่ามันจะท้าทายเช่นนี้ แม้แต่พลังชีวิตก็แก้ไขอะไรไม่ได้!
แก้วพลังสายฟ้าในจุดกำเนิดพลังของซือหยูปล่อยสายฟ้าออกมาเป็นจำนวนมากในทันทีแต่สายฟ้าทำลายล้างสูงก็แทบจะไม่มีผลกับอากาศสีน้ำนม มันยังคงไหลผ่านไปในร่างของซือหยู
ซือหยูใจเต้นแรงเขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ! นี่มันพิษอะไรกัน! ซือหยูหนักใจเมื่อรู้ว่าสติกำลังหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น
หลังจากที่สายฟ้าล้มเหลวซือหยูพยายามจะแช่แข็งพิษด้วยพลังน้ำแข็งของเขา เมื่อเริ่ม พิษถูกแช่แข็งไปก็จริง แต่ไม่นานพิษก็ละลายน้ำแข็งและกระจายไปทั่วร่างซือหยูตามเดิม
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะขวางพิษอย่างแกไม่ได้!”
ซือหยูสบถ
เขาปล่อยเพลิงในตัวออกมามันคือต้นกำเนิดอัคคี เพลิงแล่นผ่านทั่วร่างปะทะกับพิษสีน้ำนม