The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 665-666
DND.665 – หัวหน้าผู้ตรวจการไป่
ก่อนซือหยูจะมาที่นี่เขาตั้งใจจะทำตัวต้อยต่ำเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ แต่เขาไม่พอใจกับเหล่าทหารพวกนี้อย่างมากฃ
นี่น่ะรึกำลังของอาณาจักรทมิฬที่ผู้เฒ่าจิวเอ่ยถึง?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอาณาจักรทมิฬก็คงจะเสื่อมโทรมไปแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในอดีตเลย! แค่มองก็บอกได้เลยว่าอาณาจักรทมิฬเสื่อมโทรมเพียงใด ถึงได้ปล่อยให้คนอย่างหลงควนมามีอำนาจเช่นนี้!
การต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้ขณะที่เดินทางมาถึงอาณาจักรทมิฬด้วยความหวังทำให้ความหวังทั้งหมดที่มีสลายไปในพริบตาเขารู้สึกด้วยซ้ำว่าควรเลิกคิดที่จะขอกำลังเสริมจากพวกเขา เพราะอย่างไรสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าอาณาจักรทมิฬอาจจะพึ่งพาไม่ได้และไม่น่าเชื่อถือ
ในตอนนี้คนทั้งเมืองหันมามองซือหยูราวกับได้เห็นคนบ้า
แม้แต่หลงควนเองก็โกรธจัด!คำพูดสั้นๆว่า “เจ้าหลีกไปเถอะ” นั้นหยาบคายอย่างมาก!
หลงควนคงสับสนถ้าได้ยินคำพูดแบบนี้มาจากผู้เฒ่าที่มีพลังสูงส่งแต่เมื่อกลับมาได้สติ เขาทั้งโกรธและอับอาย
“จับมันแล้วค่อยเอามันไปทรมานสืบสวน”
หลงควนพยายามจะพูดอย่างใจเย็น
เหล่าทหารล้อมซือหยูขณะที่มองซือหยูด้วยความกังวลและตกใจ
ฟึ่บ!
แต่ก่อนที่เหล่าทหารจะได้ขยับตัวเมฆาสีเลือดก็ได้ลอยมาจากท้องนภาไกลโพ้น และเมื่อเมฆานั้นมาใกล้ก็พบว่ามันคือชายแก่สวมชุดแดง!
“พวกผู้ตรวจการนี่!”
คนในเมืองตะโกนด้วยความนับถือเขานับถือเหล่าผู้ตรวจการยิ่งกว่าพวกทหารเสียอีก
ผู้ตรวจการเป็นดั่งดวงตาของอาณาจักรทมิฬพวกเขาทำหน้าที่สอดส่องดูแลทุกสำนักที่ข้องเกี่ยวกับอาณาจักร ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ความผิดธรรมดาๆหรือกองทัพกบฏจึงอยู่ในคำตัดสินของพวกเขา พวกเขามีสิทธิ์ตัดสินใจและลงมือก่อนที่จะรายงานยังผู้ที่ครองอำนาจสูงกว่า
ตอนที่ตำหนักเจ็ดจ้าวปิดตัวลงพวกเขาคือคนที่มีอำนาจสูงสุดรองจากราชาแห่งความมืด พวกเขาคือคมกระบี่ที่อยู่เหนือหัวประชาชนทุกคนในอาณาจักร
พวกเขาจะประหารใครก็ได้ที่ฝ่าฝืนกฎของอาณาจักรทมิฬในทันทีทันใดด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงนับถือพวกเขาเหนือทหารทัพต้องห้าม
บัดซบ!พวกตัวปัญญามาแล้ว! สีหน้าหลงควนหม่นหมองและเดินไปข้าวหน้าเพื่อทักทายเหล่าผู้ตรวจการ
“ท่านผู้ตรวจการข้าคือผู้นำทัพหลวงหลงควน ยินดีต้อนรับพวกท่านทุกคน”
ผู้ตรวจการสามคนร่อนลงพื้นพวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งในขอบเขตภูติระดับหนึ่ง แต่พวกเขาเพิ่งจะเลื่อนระดับพลังมาไม่นาน พวกเขาจึงอ่อนแอกว่าหัวหน้าผู้ตรวจการไป่เล็กน้อย
สามผู้ตรวจการมองรอบๆหน้าตาเฉยเมยเขามองไปยังรถเลื่อนวิหคและขมวดคิ้ว หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา
“ตามกฎของอาณาจักรคนที่ระดับต่ำกว่าจ้าวแห่งความมืดห้ามมีสัตว์อสูรมากกว่าหนึ่งตัว”
เขาพูดต่อ
“เจ้ามีสามตัวอีกสองตัวต้องถูกสังหาร”
ผู้ตรวจการที่อายุราวแปดสิบปีพูดออกมาเส้นผมรวมถึงคิ้วที่ขาวราวหิมะทำให้คนที่มองดูรู้สึกขนลุก
ผู้ตรวจการสองคนที่เหลือเดินไปที่รถเลื่อนจากนั้นพวกเขาจึงฟันมือตัดหัวสัตว์อสูรทิ้ง
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ?เจ้ารู้ไหมว่าสัตว์อสูรพวกนั้นข้าได้มาจากใค…”
หลงควรตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ฉั่วะ!
เสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรสองตัวดังขึ้นสัตว์อสูรที่คล้ายวิหคเพลิงตายในทันที! เหลือหนึ่งตัวที่ยังมีชีวิตรอด มันหวาดกลัวอย่างมาก
“กล้าดียังไง!”
หลงควนต้องมองอย่างโกรธแค้น
ชายแก่ผู้ตรวจการยังกล้าที่จะโต้แย้ง
“เราก็แค่ทำตามกฎ”
เขามองไปยังรถเลื่อนด้วยหางตา
“รถเลื่อนนั้นใหญ่ไป…ทำลายมันซะ”
สองผู้ตรวจการลงมืออีกครั้งรถเลื่อนถูกทำลายในพริบตาเดียว หลงควนไม่กล้าจะขวางพวกเขาเลย นั่นก็เพราะหลงควนรู้ว่าถ้าพูดขัดเมื่อใด นั่นจะเท่ากับว่าเขาต่อต้านผู้ตรวจการ นั่นคือความผิดร้ายแรงที่สุด ถ้าเขาทำเช่นนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่หนุนหลังเขาอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้!
“เจ้ามีเรื่องติดใจกับคำตัดสินของข้าหรือไม่?”
ชายแก่มองหลงควนอย่างเย็นชา
หลงควนกัดฟันพยายามจะซ่อนความโศกเศร้า
“ข้าไม่ติดใจอะไรแต่สัตว์อสูรพวกนั้น จ้าวแห่งความมืดที่สามให้ข้ามา…”
“แล้วอย่างไรรึ?ต่อให้เป็นสัตว์อสูรของจ้าวแห่งความมืดลำดับแรกก็ต้องเหมือนกัน อะไรทำให้เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์รบกวนการพักผ่อนของประชาชนโดยการบินไอ้ตัวพวกนี้ เพียงเพราะมันเป็นสัตว์อสูรของจ้าวแห่งความมืดรึ?”
ในตอนนั้นเองมีเสียงอันเยือกเย็นดังมาจากท้องนภา
ผู้ตรวจการผมขาวกับอีกสองคนยืดหลังตรงและประสานหมัดทำความเคารพต่อคนผู้นั้นพร้อมกัน
“ท่านหัวหน้า!”
ฟึ่บ!
ชายแก่ชุดแดงที่มีผมและเคราขาวร่อนลงมาจากฟ้า
“หัวหน้าผู้ตรวจการไป่!”
เหล่าผู้คนตะโกนนามของเขาพร้อมกันด้วยความนับถือ
“ทำไมแม้แต่หัวหน้าผู้ตรวจการไป่ยังปรากฏตัวที่นี่?มิใช่ว่าเขากำลังพยายามจะเป็นภูติระดับสองหรอกรึ? ทำไมเขาถึงออกมากัน?”
บางคนเริ่มสงสัย
หลงควนตัวแข็งทื่อเขาตัวสั่น เพราะหัวหน้าผู้ตรวจการไป่นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ตรวจการคนใด
นั่นก็เพราะเขามีอำนาจที่จะตัดสินชะตาชีวิตของทุกคนแม้แต่จ้าวแห่งความมืดแม้แต่เจ้าตำหนักรองทั้งสี่ก็เคยถูกเขาสั่งประหาร! อำนาจอันสูงส่งมิใช่สิ่งที่ผู้ตรวจการธรรมดาจะมีได้
ผู้นำทัพอย่างหลงควนก็เป็นคนที่ถูกสั่งประหารได้เช่นกันที่แย่ยิ่งกว่าก็คือคนที่หนุนหลังหัวหน้าผู้ตรวจการคือจ้าวแห่งความมืดลำดับแรก เขาจึงมีอำนาจอย่างมหาศาล!
“ท่านหัวหน้าผู้ตรวจการ”
หลงควนโค้งคำนับประสานหมัดให้กับเขา
“ผู้นำหลงดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่พอใจกับผู้ตรวจการของข้านะ ทำไมเจ้าไม่เล่าให้ข้าฟังล่ะ?”
ชายแก่ประสานมือที่ด้านหลังและเดินไปหน้าหลงควน
เหงื่อเย็นๆไหลมาจากหน้าผากหลงควนเมื่อถูกมองเขารีบประสานหมัดให้หัวหน้าผู้ตรวจการอีกครั้ง
“ข้าแค่เผลอพลั้งปากไปเท่านั้นข้าไม่คิดจะโต้แย้งพวกเขาเลย โปรดอภัยข้าเถอะ”
หัวหน้าผู้ตรวจการละสายตาและตอบเบาๆ
“หึขอให้มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าผู้ตรวจการ”
หลงควนถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะรอดตายมาได้ หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่เลย!
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หัวหน้าผู้ตรวจการถามเขาและมองรอบๆที่นี่ค่อนข้างมีคนอยู่มาก
แต่เขาก็เบิกตากว้างเมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีเงิน
เมื่อเห็นซือหยูหลงควนเริ่มอธิบาย
“ท่านไอ้เด็กคนนี้พยายามจะใส่ร้ายทหารหลวงและทำให้ผู้คนเข้าใจผิด ข้าแค่จะกำจัดเขา…”
หัวหน้าผู้ตรวจการหายใจเข้าลึกและมองหลงควน
“เขาใส่ร้ายทหารหลวงยังไงรึ?”
หลงควนพูดสิ่งที่ซือหยูเคยกล่าวขณะที่พูดเกินจริงไปหลายครั้งและตัดส่วนสำคัญออกไปท้ายสุดเขาก็สรุป
“ไอ้เด็กนี่หยาบช้ามากเขากล้าจะดูถูกอาณาจักรทมิฬของพวกเรา! คนเช่นนี้ต้องถูกลงโทษสถานหนักเพื่อรักษาเกียรติของอาณาจักรทมิฬ”
หัวหน้าผู้ตรวจการฟังเรื่องทั้งหมดอย่างเงียบเชียบโดยไม่พูดขัดเขามองตาหลงควนเมื่อหลงควนพูดจบ
เขาพูดอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่รู้ว่าส่วนที่เจ้าเล่ามาถูกต้องหรือไม่ประการใดแต่เป็นเรื่องจริงแล้ว ที่คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรจะรู้นามของชายผู้นี้…”
หลงควรนิ่งราวกับท่อนไม้เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าผู้ตรวจการ!ในทวีปเฉินหลง นอกจากราชาแห่งความมืดกับเจ็ดจ้าวแห่งความมืด ใครกันจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้?
ทุกคนต่างตกอกตกใจไม่ต่างกันรวมถึงตัวหลิงเจี้ยนหลิวกับลูกสาวของเขาเองด้วย ตอนที่ซือหยูพูดตำหนิหลงควน ทั้งสองคิดว่าซือหยูเพียงพูดยกตนขึ้นมาเท่านั้น แต่คำพูดจากหัวหน้าผู้ตรวจการทำให้ทุกคนต้องประเมินซือหยูใหม่
“ท่านเจ้าพันธมิตรซือขอท่านโปรดจงอภัยต่อคนเหล่านี้…”
หลังจากที่มองหลงควนอย่างเยือกเย็นหัวหน้าผู้ตรวจการรีบเดินไปหาซือหยู จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้ซือหยูต่อหน้าทุกๆคน!
เจ้าพันธมิตร…ซือ?
ทุกคนตัวแข็งทื่อเมือ่ได้ยินคำว่า“เจ้าพันธมิตร…” นั่นทำให้พวกเขาสงสัย…เขาเป็นเจ้าพันธมิตรจากที่ใดกัน?
DND.666 – จ้าวหอวารีสวรรค์
ตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างเจ้าพันธมิตรนั้นไม่มีอยู่ในอาณาจักรทมิฬ
“เจ้าพันธมิตร…”
หลิงเจี้ยนหลิวเม้มปากแน่นเขาครุ่นคิดอย่างหนัก
จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วนั่นก็เพราะมีภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว!
มันเป็นภาพของชายหนุ่มที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเขามีผมยาวสีเงิน ภาพนั้นคุ้นเคยกับชายตรงหน้าของเขามาก นั่นคือซือหยู!
“หรือว่าเจ้าคือเจ้าพันธมิตรของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์…ซือหยู?”
จู่ๆเสียงของหลิงเจี้ยนหลิวแตกพร่าเขาหายใจเข้าลึกให้ใจเย็นลง
ทันทีที่พูดเหล่าผู้คนเริ่มแตกตื่น
“ไม่มีทาง!บุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะมาปรากฏตัวที่อาณาจักรทมิฬได้รึ?”
บางคนอุทานออกมา
พวกเขาตกใจและสับสนพวกเขาทุกคนตัวสั่นเมื่อได้รับรู้ตัวตนของซือหยู
หลิงเอ๋อที่ยืนข้างๆตกใจไม่ต่างวกับคนอื่นในหัวของนางว่างเปล่า นางไม่คิดว่านางจะได้ใกล้ชิดกับคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
ในตอนนั้นเองนางย้อนคิดถึงความสง่างามราวกับภูติในนิทานของซือหยูเมื่อครู่และเริ่มที่จะเชื่อ นางได้เดินใกล้กับบุรุษผู้เป็นตำนานมาทั้งคืน!
ความรู้สึกอันรุนแรงปะทุในใจของหลิงเอ๋อนางจ้องซือหยูตาไม่กระพริบ นางอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก
ตอนนี้ซือหยูอยู่ใกล้กลับนางมากแต่นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทำให้นางไม่กล้าเข้าใกล้มากกว่านี้ นางไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ใกล้ชิดกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ผู้เป็นวีรบุรุษที่นางนับถืออย่างลึกซึ้งเช่นนี้!
แต่เมื่อคิดว่านางไม่เป็นมิตรต่อเขาเลยระหว่างเดินทางมาที่นี่นางก็รู้สึกร้อนใจนางกลัวว่าเจ้าพันธมิตรอาจจะรู้สึกไม่ดีกับนาง!
นางเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้านางมาโดยตลอด แต่นางกลับไม่ได้ทำให้เขาประทับใจเลย
นางยังเคยจู่โจมซือหยูและบอกว่าเขาอ่อนแอเกินไปนางยังเคยบอกให้เขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะพลังให้มากกว่านี้อีก
นางหน้าแดงเมื่อคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นซือหยูเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าที่นางเคยคิดเสียอีก!
แต่คนที่กลัวซือหยูยิ่งกว่าก็คือยิ่งเฉิงนอกจากเขาจะพูดขู่แล้วยังอยากจะฆ่าซือหยูอีก ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงเจี้ยนหลิว เขาคงจะพยายามลอบฆ่าซือหยูแน่นอน
หลิงเจี้ยนหลิวถอยหลังไปหลายก้าวเขาไม่คิดถึงเรื่องหลิงเอ๋อด้วยซ้ำ เขากำลังกังวลกับชีวิตของตัวเอง
“เจ้าเป็นใครถึงกล้าเรียกท่านผู้นี้ว่าซือหยู?”
หัวหน้าผู้ตรวจการไป่จงถามเชิงตำหนิเขามองหลิงเจี้ยนหลิวอย่างเยือกเย็น
หลิงเจี้ยนหลิวใจเย็นลงและตระหนักได้ว่าเขาเดินทางตัวติดกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาโดยตลอด!
“เจ้าพันธมิตรซือหยู!ขอข้ออภัยกับความผิดพลาดระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ ได้โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”
หลิงเจี้ยนหลิวโค้งคำนับต่อซือหยูขณะที่ขอโทษเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างมาก
ถ้าพูดตามจริงตั้งแต่ที่ซือหยูปรากฏตัว หลิงเจี้ยนหลิวควรที่จะรับรู้ถึงความคล้ายกันระหว่างพลังและอายุของซือหยู เพราะเขาตรงกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทุกประการ
ซือหยูยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ท่านหัวหน้าหลิงมิต้องเป็นทางการนักหรอกข้าสิควรจะขอบคุณท่านที่พาข้ามาถึงที่นี่”
“ข้ามิบังอาจรับคำขอบคุณของท่านเลยโปรดอย่าพูดเช่นนั้นกับข้าเถอะ เจ้าพันธมิตรซือ”
หลิงเจี้ยนหลิวขวัญเสียอย่างมากเขารู้สึกถึงแรงกดดันอันทรงพลังจากร่างซือหยูในทันทีที่รู้ว่าซือหยูเป็นใคร มันทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก
เมื่อพูดคุยกันมาบ้างตัวตนของซือหยูเป็นที่ยืนยันแล้ว เหล่าผู้คนเริ่มพูดคุยกันด้วยความสงสัย…
“เขาคือเจ้าพันธมิตรซือจริงๆรึ?”
“ชายที่สังหารผู้ศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่แล้วทำให้วู่เหิงมาเป็นข้ารับใช้ของตัวเองแล้วยังมอบชัยครั้งแรกให้กับพวกเรา!”
“ข้าได้ยินว่าเขาใช้แค่มือเดียวฆ่าเซี่ยหวู่!”
“ตำนานเล่าว่าเขาเป็นแค่เด็กไร้นามในดินแดนรกร้างแต่ไม่ถึงสี่ปี เขาก็ได้กลายมาเป็นเทพเจ้า นี่มันปาฏิหาริย์!”
“ตำนานยังบอกว่ายอดฝีมือแห่งทวีปหยินหยู และราชาปีศาจหิมะทมิฬ ทุกคนก็คือตัวตนของเขา!”
ข่าวเรื่องราวของซือหยูแผ่ขยายไปยังทั่วทุกมุมของทวีปในสิบวันอดีตต่างๆที่เขาพบเจอล้วนเป็นดั่งเรื่องราวที่เล่าต่อกันรวดเร็วดั่งไฟลามทุ่ง ทุกคนในทวีปต่างรับรู้ถึงยอดฝีมือเทพเจ้าแห่งทวีปเฉินหลง!
แค่ไม่ถึงสี่ปีเด็กหนุ่มไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้กลายมาเป็นผู้นำพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขานำเหล่านักรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไปกำจัดกองทัพของเซี่ยหวู่อันเป็นที่เกลียดชัง นั่นทำให้เขาได้สร้างตำนานบทใหม่ของทวีปเฉินหลง
ซือหยูในตอนนี้คือตำนานแห่งทวีปเทียบเคียงได้กับราชาแห่งความมืด นอกจากราชาแห่งความมืดก็ไม่มีใครอีกแล้วที่จะโด่งดังเท่าเขา!
“เจ้าพันธมิตรซือ!”
เหล่าผู้คนส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นความนับถือ ความตกใจ และหลากหลายความรู้สึกต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาราวกับคลื่น
หน้าใหม่ของชีวิตซือหยูคือการเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนบนโลกรู้จักไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรทมิฬ!
เขาเป็นที่นับถือแก่เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่าชายชาตรีประทับใจและครั่นคร้ามในพลัง เหล่าอิสตรีนับถือเขาในฐานะวีรบุรุษของโลก
เขาดูเหมือนกับที่ข่าวลือพูดไว้ไม่ผิดเพี้ยนเขายังอายุน้อย รูปโฉมงดงาม ทั้งน่านับถือและเชี่ยวชาญในโลกแห่งพลัง
เสียงตะโกนสรรเสริญดังมาที่เขาผู้คนกรูเข้าไป เขารู้สึกราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัดใส่ แม้แต่ยอดเขาอันยิ่งใหญ่นี้ก็สั่นสะเทือน ซือหยูเองยังตกใจเล็กน้อยแม้จะคุ้นชินกับการถูกต้อนรับโดยคนจำนวนมาก
“หัวหน้าไป่พาข้าไปที่อื่นที่พูดคุยกันได้เถอะ…”
ซือหยูพูดอย่างหมดท่า
ไป่จงหัวเราะและบินขึ้นฟ้า
“ยินดีต้อนรับเจ้าพันธมิตรซือข้าจะไปท่านไปหานายท่าน”
ซือหยูรีบตามไป่จงไปก่อนที่ผู้คนจะล้อมเขาเอาไว้แต่ก่อนหน้านั้น เขาหันไปประสานหมัดให้กับหลิงเจี้ยนหลิวและหลิงเอ๋อ
“ลาก่อนจนกว่าจะพบกันอีกครั้ง”
เขาจ้องมองหลงควนอย่างไม่คิดอะไรแววตาของเขาเยือกเย็น ไร้ซึ่งจิตสังหารหรือความรู้สึก
แต่มันทำให้หลงควนตกใจอย่างมากเขารู้สึกราวกับถูกสายฟ้าซัดใส่ ร่างของเขากระตุกไม่หยุด หัวใจเต้นแรงจนเหนื่อยหอบ
หลงควนรู้สึกว่าเขาตายได้ทุกเมื่อที่ซือหยูจ้องมองราวกับว่าซือหยูจะลบเขาให้หายไปจากโลกได้เพียงแค่คิดครั้งเดียว
แต่โชคดีหลงควนยังรู้สึกได้อีกเช่นกันว่าซือหยูไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย! ดูเหมือนว่าคนต่ำต้อยอย่างเขาจะไม่แม้แต่จะเรียกความสนใจจากตัวตนในตำนานอย่างซือหยูได้
นอกจากซือหยูละไม่ละอายใจเขายังโล่งใจอีกด้วย เขาแอบดีใจเสียด้วยซ้ำ
โชคดีที่เขาต่ำต้อยเกินไปที่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะยุ่งเกี่ยวมิเช่นนั้นเขาก็คงจะตายไปแล้ว!
“ผู้นำหลงข้ากับลูกสาวจะไปได้หรือยัง?”
หลิงเจี้ยนหลิวถาม
เขายังคงไม่ใจเย็นลงจนถึงตอนนี้นั่นก็เพราะซือหยูเพียงแค่บอกลาเขาก่อนจะบินขึ้นไป ตอนนี้เขาได้กลายเป็นจุดรวมความสนใจ
เขารู้สึกว่ามีคนหลายคนที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าเขาได้มองเขาด้วยความริษยาความกลัว และความนับถือ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
เขาห้ามไม่ได้ที่จะภูมิใจเพราะการได้เดินทางเคียงคู่กับตำนานอย่างเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่้เขาภาคภูมิใจสูงสุด
หลงควนอึดอัดเมื่อได้ยินคำถามของหลิงเจี้ยนหลิวแต่เขาก็ไม่กล้าจะแสดงความหวาดกลัวออกมา…ใครจะรู้กันเล่าว่าหลิงเจี้ยนหลิวกับเจ้าพันธมิตรมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
“เจ้าไปเถอะ”
หลงควนตอบและคิดในใจ…ข้าจะกล้าหยุดได้ยังไงเล่า?ซือหยูยังไปไม่ไกลเลย!
หลิงเจี้ยนหลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งหลงควนจะต้องก้มหน้าให้กับเขา!
“หัวหน้าหน่วยหลิง…”
สตรีวัยกลางคนผู้งดงามเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มผู้คนหลีกทางให้กับนาง นางมีสาวใช้ของคนมาด้วย
“จ้าวหอวารีสวรรค์!นั่นนางนี่! นางมาที่นี่ทำไมกัน?”
เหล่าผู้คนตกใจ
หลงควนขมวดคิ้วอย่างกังวล
“ท่านจ้าวหอวารีสวรรค์ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดกัน?”
สตรีวัยกลางคนหัวเราะ
“ข้าไม่ได้มีธุระอะไรกับเจ้า”
การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของนางมีกลิ่นบุพผาอยู่ด้วยนางดูราวกับภูติ
หลิงเจี้ยนหลิวโค้งคำรับให้นางนี่คือจ้าวหอวารีสวรรค์ที่เป็นหลานสาวของจ้าวผู้ยิ่งใหญ่
นางได้กลายเป็นภูติระดับสองเมื่อสองปีก่อนด้วยความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งความมืดลำดับหนึ่งและตอนนี้นางก็เตรียมจะทะลวงพลังเป็นภูติระดับสาม
นางเป็นคนดังในอาณาจักรทมิฬบุคคลระดับนี้มักจะไม่สุงสิงกับคนอย่างหลิงเจี้ยนหลิว เพราะว่าเขามิใช่คนในระดับเดียวกับนาง
“ท่านจ้าวหอวารีสวรรค์”
หลิงเจี้ยนหลิวไม่กล้าจะทำให้นางไม่พอใจ
นางยิ้มตอบ “หัวหน้าหน่วยหลิงไม่ต้องเป็นทางการนักก็ได้ท่านคงจะทำภารกิจของตำหนักเจ็ดจ้าวเสร็จแล้ว พอเสร็จธุระแล้วมาที่หอวารีสวรรค์ ตอนนั้นข้าจะชี้แนะการบ่มเพาะของลูกสาวท่าน”
อะไรนะ?เหล่าผู้คนตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของนาง นางกำลังจะชี้แนะหลิงเอ๋อให้บ่มเพาะด้วยตัวเองเลยรึ?
แม้แต่หลงควนก็ตกตะลึงจ้าวหอวารีสวรรค์มีพลังระดับนี้ก็เพราะคำชี้แนะของจ้าวแห่งความมืดลำดับแรก ทุกอย่างที่นางเรียนรู้นั้นมาจากท่านผู้นั้น
นางมักจะอยู่สันโดษและไม่เคยชี้แนะใครในการบ่มเพาะพลังเลยนางไม่เคยแม้แต่ทักทายคนอื่นด้วยความเป็นมิตร!
นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดเช่นนี้อย่างเปิดเผยนี่เท่ากับว่าหลิงเอ๋อจะกลายเป็นศิษย์ของนางเสียกึ่งหนึ่ง! จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องหลิงเอ๋ออีกแล้วนับแต่วันนี้ไป!
แม้แต่คนที่หลงในความงามของนางก็ต้องระวังตัวแล้วเพราะพวกเขาอาจจะไม่เหมาะสมกับนางอีกแล้ว!
หลงควนใจหายเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขารู้ว่าเขาจะต้องลงแรงหนักขึ้นในการที่จะห่าเรื่องพ่อลูกคู่นี้
“ขอบคุณท่านจ้าวหอวารีสวรรค์หลิงเอ๋อ ขอบคุณท่านสิ!”
หลิงเจี้ยนหลิวประทับใจยิ่งนักเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
นี่เป็นวันที่เต็มไปด้วยความตกใจอันน่ายินดีแต่เขารู้ดีว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะซือหยู จ้าวหอวารีสวรรค์เพียงอยากจะใกล้ชิดหลิงเอ๋อก็เพื่อเอาใจซือหยู
“ขอบคุณท่านมาก!”
หลิงเอ๋อดีใจอย่างมาก
นางรู้สึกว่าผู้คนรอบๆอยากจะกลืนกินนางไปเสียทั้งตัวในตอนนี้ทุกคนต่างอิจฉานาง มันทำให้นางไม่สบายใจเท่าใดนัก นางไม่เคยได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
“เจ้าทั้งงดงามและเป็นเด็กสาวมากพรสวรรค์มากับข้า หลิงเอ๋อ หัวหน้าหลิงจะตามมาทีหลัง”
จ้าวหอวารีสวรรค์หัวเราะและดึงมือเล็กๆของหลิงเอ๋อสตรีทั้งสองเดินผละออกจากกลุ่มคนท่ามกลางแววตาริษยา
หัวหน้าหน่วยหลิงใจชื้นขึ้นมาอย่างมากเขาหัวเราะและเดินออกไป
ผ่านไปนานก่อนผู้คนจะเงียบหลังจากนั้นทั้งอาณาจักรทมิฬก็ได้ยินเรื่องที่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เดินทางมาที่นี่!
ข่าวนี้สะเทือนไปทั้งแผ่นดินถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนรู้ว่าซือหยูจะไปที่ตำหนักเจ็ดจ้าว ตอนนี้ชาวเมืองก็อาจจะวุ่นวายไปแล้ว!
ส่วนในของยอดเขาใหญ่นี้แบ่งเป็นเก้าชั้นแต่ละชั้นแบ่งแยกต่อกัน ซือหยูเข้ามาในชั้นที่ต่ำที่สุด ยังมีอีกแปดชั้นเหนือเขา
ผู้คนมีอยู่เต็มไปหมดที่นี่ดูไม่เหมือนกับที่ไหน
ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆ
“ผู้ตรวจการไป่ที่นี่มีคนมากมายนัก หลายคนก็เป็นผู้บ่มเพาะพลัง คนพวกนี้อยู่โดยมีทรัพยากรจำกัดได้อย่างไร?”
ในด้านจำนวนพวกเขามีคนอย่างน้อยสองแสนคน จำนวนคนมากมายเช่นนี้หมายถึงปัจจัยสี่ อาหาร น้ำ สิ่งที่ใช้บ่มเพาะพลัง ทุกอย่างล้วนต้องการปริมาณมหาศาล
แต่เมื่อซือหยูเดินมาเรื่อยๆก็พบว่าคนเหล่านี้อยู่อย่างสงบสุขแม้จะมีจำนวนมากไม่มีใครต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร นั่นหมายความว่าสิ่งที่อาณาจักรทมิฬมีนั้นเพียงพอสำหรับคนทุกคน