The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 679-680
DND.679 – รวบรวมผู้ผ่านวิบัติสวรรค์
ผู้เฒ่าเฉินถามด้วยความตกใจ
“เจ้าเป็นใคร?”
ฟึ่บ!
นางไม่ตอบนางถือชุดเกราะหลากสีในมือซ้ายและแหวนที่ทำจากหยกดำในมือขวา
ผู้เฒ่าเฉินจะไม่รู้จักชุดเกราะกับแหวนนี้ได้อย่างไร?เพราะยังไงมันก็คือของใช้ของซือหยู!
“รวบรวมกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงมาให้หมดรวมถึงสามร้อยคนแรกที่ได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง นายน้อยของข้าสั่งให้เตรียมบางอย่างให้พวกเขา”
นางบอกผู้เฒ่าเฉิน
ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึง
ทำไมถึงมีหญิงสาวที่เยือกเย็นคนนี้อยู่ในห้องของซือหยูล่ะ?
แต่นางมีของใช้ของซือหยูเขาต้องทำตามคำสั่งแม้จะสงสัยในตัวนาง
ผ่านไปครึ่งวัน
สตรีผู้สง่างามและเยือกเย็นยืนอย่างหยิ่งยโสในโถงหลักแสงอาทิตย์สาดส่องส่วนโค้งเว้าของนาง มันทำให้นางดูลึกลับยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าเป็นใคร?เจ้าพันธมิตรซือไปไหน ทำไมเจ้าไปยืนในที่ของเขา?”
ฉีหยุนเซี่ยงถาม
นางเป็นหนึ่งในคนที่ถูกรวบรวมมาที่นี่แม้จะไม่ใช่กึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงนางเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เลื่อนระดับเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงด้วย นางไม่พอใจอย่างมากที่เห็นสตรีประหลาดคนนี้
“ข้าคือหวูอู๋ยี่ข้าจะมาแทนที่ในตอนที่นายน้อยกำลังบ่มเพาะพลังอยู่”
หวูอู๋ยี่ตอบสั้นๆให้กับหญิงสาวที่ไม่พอใจนาง
ซือหยูนั้นโดดเด่นมากแม้แต่สาวงามเช่นนี้ก็ตกหลุมรักเขา
“ข้าขอถามความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจ้าพันธมิตรซือจะได้หรือไม่?”
ฉีหยุนเซี่ยงไม่พอใจกับน้ำเสียงของหวูอู๋ยี่นักนางถามต่อทันที
คงไม่เป็นไรถ้าหากคนที่ยืนอยู่ตรงหวูอู๋ยี่คือฉินเซี่ยนเอ๋อหรือเซี่ยจิงหยูเพราะทั้งคู่ใกล้ชิดกับซือหยูมานานแต่ไม่มีใครรู้ว่าหวูอู๋ยี่ผู้นี้มาจากไหนหรือว่าทำไมนางถึงมาแทนที่เขา
และความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซือหยูยังลึกลับอย่างมากฉีหยุนเซี่ยงไม่เต็มใจที่จะยอมรับนาง
หวูอู๋ยี่มองนางอย่างใจเย็น
“นายน้อยไม่ได้ขอให้ประกาศความสัมพันธ์กับใครข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า”
“นี่เจ้า…”
ฉีหยุนเซี่ยงโกรธจนหน้าแดงนางขบริมฝีปาก นางจ้องมองหวูอู๋ยี่ตาไม่กระพริบ
ทุกคนเข้าใจว่าผู้หญิงสองคนนี้กำลังชิงดีกันพวกเขาหยุดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ
“ถ้าเจ้าไม่มีคำถามอื่นข้าจะทำตามแผนของนายน้อยแทนท่านเอง…”
หวูอู๋ยี่กล่าว
นางมองผ่านทุกคนและมองไปยังผู้เฒ่าเฉินกับอีกสองคนข้างๆ
“ท่านผู้เฒ่าจะใช้มันก่อนรับของเหล่านี้ไป ท่านมีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวท่าน”
นางดีดนิ้วหลายครั้งมีม้าที่ดูมีชีวิตสามตัวหล่นใส่มือของทั้งสามคน ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึงเมื่อเห็นลูกม้าเล็กๆในมือ เขาถาม
“นี่มันตัวอะไรกัน?”
คนอื่นๆตกใจเช่นกันไม่มีใครเลยที่รู้ว่ามันคืออะไร
“มันก็แค่ของกิน…”
หวูอู๋ยี่พูดด้วยความใจเย็น
“ของกินรึ…”
ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นตัวแข็งทื่อพวกเขาสับสนเมื่อถูกขอให้กินสัตว์ประหลาดทั้งเป็น!
วู่เหิงเบิกตากว้างมองหวูอู๋ยี่
ฃ
“นั่นมันม้าเมฆายังมีตั้งสามต้น!”
ดวงตาของเขาแสดงความตกใจและแปลกใจความตกใจของวู่เหิงทำให้ผู้เฒ่าเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง ในสายตาพวกเขา วู่เหิงนั้นมักจะเยือกเย็นอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นวู่เหิงตกใจ
ทั้งสามเหลือบมองกันและเริ่มรับรู้ว่าม้าเมฆามันน่าอัศจรรย์แค่ไหนพวกเขาคิดว่าต้องรีบก่อนที่คนอื่นจะแย่งไป
พวกเขาไม่รีรอม้าเมฆาถูกกลืนลงท้องต่อหน้าต่อตาวู่เหิง วู่เหิงทั้งโศกเศร้าและกังวลใจ
ผู้เฒ่าเฉินกับอีกสองคนที่กินม้าเมฆาเข้าไปตกใจมาก
“พลังวิญญาณอะไรกัน!”
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังก้องบนนภา
“เขาจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์รึ?”
หลายคนงุนงง
ผู้เฒ่าเฉินเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังสามดวงในไม่กี่วันก่อนเขาต้องบ่มเพาะพลังอีกหลายปีก่อนจะเข้าใกล้ขอบเขตภูติและผ่านวิบัติสวรรค์
แต่เมื่อจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์ทันทีที่กินม้าเมฆาเข้าไป!ทุกคนที่ถูกเรียกมารวมตัวตกตะลึง
“ดีล่ะมันเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก! ทุกคนที่จะผ่านวิบัติสวรรค์ให้ไปที่ป่าไกลจากที่นี่พันลี้ ข้าจะตามไปทีหลัง”
หวูอู๋ยี่บอกพวกเขาอย่างเยือกเย็นดูเหมือนนางจะไม่ได้จริงจังกับวิบัติสวรรค์เท่าใดนัก
ผู้เฒ่าเฉินทั้งดีใจและหวาดกลัวเพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะผ่านวิบัติสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
เพราะไม่มีใครคิดฝันว่าหลังจากกินลูกม้าตัวน้อยเข้าไปแล้วจะต้องเจอกับวิบัติสวรรค์ในทันที!เขาค่อนข้างตื่นตระหนกและเป็นกังวล เขารีบบินออกจากเมืองทันที
ส่วนผู้เฒ่าอีกสองคนก็ดีใจและเป็นกังวลพวกเขารู้ว่าอีกไม่นานวิบัติสวรรค์จะมาถึง เขารีบบินตามผู้เฒ่าเฉินออกไปด้วย
“หน่วยกวาดล้างก้าวมาข้างหน้า…”
หวูอู๋ยี่พูดอย่างเย็นชาก่อนจะดีดนิ้วในตอนนั้นมีม้าเมฆาสิบห้าต้นบินออกมาที่หน่วยกวาดล้างแต่ละคน
“สิบห้าต้นเรอะ?ทหารเงาทมิฬยังไม่มีมันมากขนาดนี้เลย…”
วู่เหิงสูดหายใจเข้าลึก
ถ้าไม่ใช่เพราะเขากังวลกับสถานะของหวูอู๋ยี่เขาอาจจะพุ่งเข้าไปขโมยมันจากนางมาแล้ว ในสายตาของเขา ม้าเมฆาควรจะถูกใช้โดยภูติเท่านั้น เพราะพวกมันล้ำค่ามาก มันจะทำให้พวกเขาเพิ่มพลังมาอีกระดับ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันสูญเปล่าเมื่อต้องมาใช้กับกึ่งภูติเพียงเพื่อให้ผ่านเป็นภูติระดับหนึ่ง
และในจิวโ๗วม้าเมฆายังเป็นของที่ภูติทุกคนล้วนใฝ่หาตลอดวันคืน คนที่เป็นแค่กึ่งภูตินั้นไม่ต้องคิดหวัง! เขาตกใจอย่างมากกับม้าเมฆาจำนวนมากที่ถูกแจกจ่ายออกไป และเขาก็ยังไม่ได้ส่วนแบ่งเลย!
หลังจากที่ลั่วซวงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเหล่าผู้เฒ่าเมื่อได้ม้าเมฆาเขาเริ่มตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว ทุกคนในหน่วยกวาดล้างกินม้าเมฆาเข้าไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
พวกเขาเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงเพราะทรัพยากรมหาศาลแม้ว่าในอดีตพวกเขาจะเป็นแค่หน่วยลาดตระเวณ พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นมาได้
ครืน!
สายฟ้าส่งเสียงอีกเมื่อหน่วยกวาดล้างกำลังจะเจอวิบัติสวรรค์
“ไปที่ป่าไกลพันลี้จากที่นี่…”
หวูอู๋ยี่บอกพวกเขาอย่างใจเย็น
ลั่วซวงผู้ลิงโลดนำหน่วยกวาดล้างออกไปอีกสิบห้าคนจะต้องเจอกับวิบัติสวรรค์พร้อมกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“อาจารย์หลินเจ้าตำหนักฉี นายน้อยเตรียมแบ่งมันให้ท่านทั้งสองด้วย”
น้ำเสียงของหวูอู๋ยี่สุภาพขึ้นเพราะอาจารย์หลินกับเจ้าตำหนักฉีล้วนเป็นคนที่ซือหยูนับถืออย่างมาก
ทั้งคู่ดีใจที่ได้ส่วนแบ่งแม้อาจารย์หลินที่ใจเย็นอยู่เสมอก็หัวเราะชอบใจ
“ไม่เคยคิดสักครั้งว่าคนอย่างข้าจะมีวันได้เป็นภูติซือหยูสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกแล้ว!”
เจ้าตำหนักฉีประทับใจอย่างมากเขาถอนหายใจเบาๆ
“น่าเสียดายที่เจ้าพันธมิตรหลงยังไม่ได้สติและไม่ได้เป็นภูติกับพวกเรา”
หวูอู๋ยี่ยิ้มเบาๆ
“พวกท่านสบายใจได้นายน้อยไม่ลืมส่วนแบ่งของท่านผู้นั้นกับผู้เฒ่าฉิวอยู่แล้ว”
เจ้าตำหนักฉีรู้สึกดีขึ้นเมื่อนางยืนยันเขาบินออกไปพันลี้กับอาจารย์หลิน
“กังต้าเหล่ยรับไป”
หวูอู๋ยี่มองรอบๆและมองกังต้าเหล่ยนางโยนม้าเมฆาให้กับเขา
หลังจากที่เขาบ่มเพาะมานานเขาได้กลายเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง
“หึหึข้ารู้ว่าน้องซือหยูจะไม่ลืมข้าพอได้เป็นเจ้าพันธมิตร”
กังต้าเหล่ยหัวเราะและถือม้าเมฆาบินออกจากเมืองเขาดูมั่นใจมากกว่าเขาจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์
หวูอู๋ยี่เริ่มมองรอบๆอีกครั้ง
“เจ้าเจ้า และเจ้าด้วย…เจ้าสามคนเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงคนสุดท้าย รับไปแล้วไปรอที่ป่าพันลี้”
ในบรรดาคนที่เหลือมีคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากและได้กลายเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงจากที่มีแก้วเพียงดวงเดียว ทั้งสามคนนี้ได้ม้าเมฆาทั้งหมด ภาพที่ได้เห็นทำให้หนุ่มสาวผู้มีพรสวรรค์คนอื่นโศกเศร้า
ทั้งสามดีใจมากพวกเขารีบบินออกไป คนที่เหลืออยู่มีแค่พวกที่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง
“พวกเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งพวกเจ้าจะได้แค่คนละต้นเท่านั้น ถ้าใครกล้าขัดคำสั่งจะถูกริบส่วนแบ่ง”
หวูอู๋ยี่พูดอย่างใจเย็น
เมื่อนางโบกมือมีม้าเมฆามากมายร่วงลงมาราวกับสายฝน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ดวงตาของวู่เหิงแทบจะหลุดออกจากเบ้า!
เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้อยู่ในเฉินหลงแต่เป็นแดนสวรรค์ของจิวโจว!มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีม้าเมฆามากขนาดนี้!
แต่ละคนต่อสู้แย่งชิงม้าเมฆาที่ลอยบนฟ้าพวกเขาได้ไปคนจละต้น พวกเขาดีใจมากแต่ก็ไม่มีใครกล้ารับไปมากกว่าหนึ่งต้น
“ทุกคนจงไปบ่มเพาะพลัง”
หวูอู๋ยี่สั่งสลายตัวและเหลือไว้เพียงหนึ่ง
“อะไรกัน?เจ้าไม่อยากได้หรอกรึ?”
หวูอู๋ยี่มองสาวน้อยตรงหน้านางและยิ้มเยาะ
น้ำตาคลออยู่ในดวงตาฉีหยุนเซี่ยงนางอยากจะเช็ดมันแต่นางก็จ้องมองหวูอู๋ยี่อย่างไม่ละสายตา
“หึหึ!เจ้าไม่พอใจข้าหรือไม่พอใจตัวเจ้าเองล่ะ?”
ดูเหมือนว่าหวูอู๋ยี่จะมองความรู้สึกของฉีหยุนเซี่ยงออก
“เจ้าไม่พอใจที่อีกไม่นานข้าจะได้กลายเป็นภูติขณะที่เจ้าจะเป็นแค่กึ่งภูติสินะ?”
หวูอู๋ยี่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงและนางก็ได้ผ่านวิบัติอัสนีไปแล้ว ดังนั้นนางเพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้นเพื่อที่จะได้เป็นภูติ ส่วนฉีหยุนเซี่ยงจะยังคงเป็นกึ่งภูติต่อไป
ดังนั้นนางทั้งสองจะมีพลังที่แตกต่างกันอย่างมากบอกได้ง่ายๆว่านางไม่เต็มใจที่จะรับได้ว่ามีศัตรูคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่านาง
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสนใจข้าข้าไม่อยากจะได้อะไรจากเจ้า”
ฉีหยุนเซี่ยงยังคงกลั้นน้ำตาปากแข็งและหันไป
หวูอู๋ยี่ยักไหล่
“ข้าไม่ได้คิดจะให้อะไรเจ้าอยู่แล้ว”
นางไม่ได้เตรียมอะไรให้ฉีหยุนเซี่ยงจริงๆเพราะดูเหมือยว่านางไม่มีม้าเมฆาเหลืออยู่อีกแล้ว
“นี่เจ้า!”
ฉีหยุนเซี่ยงโกรธมากนางรู้สึกราวกับถูกรังแก น้ำตาไหลออกมาจากควบคุมไม่ได้
“หึหึ…”
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น
“ก็ได้ๆข้าแหย่เจ้ามากพอแล้ว เอาไปสิ นายน้อยบอกให้ข้าให้เจ้าโดยตรง”
นางหันกลับไปและพบกับม้าเมฆาอีกต้นฉีหยุนเซี่ยงรับเอาไว้และเริ่มร่าเริงขึ้นหลังจากที่ได้ยินว่าซือหยูบอกให้หวูอู๋ยี่มอบให้นางด้วยตัวเอง!
นางหลับตาด้วยความอายนางลืมตาบวมแดงและพูดด้วยความโกรธ
“เป็นเจ้าพันธมิตรซือที่ให้ข้าไม่ใช่เจ้า!”
แม้นางจะลังเลนางก็รับมันเอาไว้ นางหันหลังจากไป
ก่อนที่นางจะไปหวูอู๋ยี่ถอนหายใจเบาๆ
“เลิกคิดเสียเถอะเขามีอนาคตที่ไร้ขอบเขตรออยู่ เขาไม่มีทางได้อยู่กับเจ้า”
ฉีหยุนเซี่ยงตัวสั่นและหยุดนิ่งลงก่อนจะเดินออกไป
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า…”
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่นางเดินออกไปมีน้ำตาไหลอาบแก้มนั้น นางโศกเศร้าและไม่รู้เลยว่าซือหยูรักคนอื่น! แต่นางก็ยังคงมีความปรารถนาและความหวังในใจ…
หวูอู๋ยี่ส่ายหน้าเมื่อมองฉีหยุนเซี่ยงดวงตานั้นแสดงความเห็นใจ
“แม่นางมิใช่ว่านายน้อยยังสั่งอย่างอื่นไว้อีกรึ?”
เมื่อเหลือเพียงสองคนวู่เหิงจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป
หวูอู๋ยี่หันไปมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“มีเหตุที่นายน้อยให้เจ้าอยู่เป็นคนสุดท้ายยังมีภารกิจที่เจ้าต้องทำ…”
ฟึ่บ!
หวูอู๋ยี่โยนม้าเมฆาไปให้เขาจากนั้นจึงหยิบบันทึกปิดผนึกออกมา
“ภารกิจเขียนไว้ในบันทึกพอกินม้าเมฆาไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะผ่านวิบัติสวรรค์หรือไม่ เจ้าก็ต้องเปิดอ่านมัน”
วู่เหิงตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยได้มันสักครั้งแม้จะเป็นองครักษ์เงาทมิฬ! ในตอนนี้ เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าซือหยูจะมีม้าเมฆาเท่าใด เพราะมันก็โชคดีอยู่แล้วที่เขาได้กินมัน!
“เข้าใจแล้ว”
วู่เหิงประสานหมัดให้กับนางเขาบินไปไกลพันลี้
เมื่อไม่มีใครในโถงหวูอู๋ยี่รีบเดินออกไป ไม่นานนางก็ถึงหน้าห้องของฉินเซี่ยนเอ๋อ นางมองดูห้องอยู่ครู่หนึ่ง
“นางยังบ่มเพาะอยู่อีกรึ?”
“ข้าอยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นของเขาจริงๆ”
นางเก็บม้าเมฆาที่เตรียมไว้ให้ฉินเซี่ยนเอ๋อกลับแหวนมิตินางหันหลังจากไปหลังจากมองในห้องหนึ่งครั้ง นางถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าช่างโชคดีจริงๆ”
นางพูดจบและบินขึ้นมองจำนวนวิบัติอัสนีที่น่ากลัวบนท้องนภาพันลี้
“ตอนนี้แหละได้เวลาดูคนหลายสิบคนผ่านวิบัติอัสนีพร้อมกันแล้ว”
DND.680 – สงครามสุดท้าย
พันลี้ไกลออกไปท้องนภาได้กลายเป็นน้ำหมึกสีดำสนิทราวกับค่ำคืนที่ไร้แสงจันทรา มันมืดจนมองมือของตัวเองที่ยื่นมาข้างหน้าไม่เห็น โลกในตอนนี้ราวกับหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง
ความมืดแผ่ขยายจนทุกคนเจ็บปวดเพราะหัวใจที่เต้นแรงมีเสียงสายฟ้าที่ร้องคำรามราวกับสัตว์ป่า มันราวกับมีสัตว์ชั่วร้ายที่กำลังรอคอยเวลานี้ เวลาที่โลกแห่งความมืนจะกลืนกินทุกสิ่งเข้าไป
ทุกคนรู้สึกราวกับถูกกรงขังวที่มืดปิดปิดผนึกเอาไว้และกำลังจะมีสัตว์ชั่วร้ายออกมาล่าพวกเขาหยดเหงื่อเย็นๆไหลผ่านรูขุมขนออกมาจนหลังเปียกโชก
ความยินดีที่ได้เจอกับวิบัติสวรรค์ของพวกเขาหายไปเพราะเสียงสายฟ้าคำรามพวกเขายืนราวกับปศุสัตว์ที่กำลังจะถูกเชือดหมู่
ถ้าพวกเขามีชีวิตรอดพวกเขาจะกลายเป็นภูติและทะยานสู่การเป็นคนระดับสูงของทวีป แต่ถ้าพวกเขาตาย พวกเขาจะกลายเป็นฝุ่นผงที่ถูกลบหายไปจากโลก!
ครืน
เสียงสายฟ้าเข้าใกล้อย่างมากวิบัติอัสนีสีขาวที่หนาเท่าข้อมือซัดลงมาจากฟ้า มันดูเหมือนอสรพิษตัวใหญ่กำลังมาที่กรงขังทมิฬ!
สายฟ้าสว่างจ้าจนพวกเขามองอะไรไม่เห็น
ตู้ม
ทุกคนใจหายเมื่อสายฟ้ามาถึงนี่คือวิบัติอัสนีของผู้เฒ่าเฉิน!
ครืน
มีสายฟ้าตามมาอีกครั้งนี้มันเป็นแสงสีม่วงที่มาพร้อมพลังทำลายล้างที่ทำให้ทุกคนตัวสั่น มันคือวิบัติอัสนีของลั่วซวง!
ตู้ม
ตู้ม
เหล่าสายฟ้าซัดตามกันมาไม่ขาดสายมันเปล่งแสงให้กับโลกอันมืดมิด
เมื่อม้าเมฆาถูกย่อยมีคนอีกมากมายที่ต้องเผชิญหน้ากับวิบัติอัสนี
สายฟ้าหลากสีปรากฏบนท้องฟ้าทันทีทันใดบรรยากาศมืดมิดได้เปลี่ยนแปลงเป็นแสงสว่างหลากสีสัน
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกดีขึ้นพวกเขากลับหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะสายฟ้าเหล่านี้คือตัวแทนของเจตจำนงสวรรค์ที่จะทำลายล้างพวกเขา
ในตอนนี้เป็นสวรรค์ที่กำลังเข้าขัดขวางเพราะไม่ต้องการให้พวกเขาได้พลังมาครอง การเผชิญหน้ากับวับัติสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับจักรวาล
พวกเขาล้วนไร้การป้องกันแค่เสี้ยวสายฟ้าก็มากพอที่จะเปลี่ยนพวกเขาจนเป็นฝุ่นผง และพวกเขาแต่ละคนยังต้องเจอสายฟ้าสามครั้ง!
ลืมคนอย่างผู้เฒ่าเฉินที่ไม่เคยเจอวิบัติสวรรค์ไปก่อนหากมองวู่เหิงตอนนี้ จะพบว่าเขาหัวใจเต้นแรงอย่างมากเมื่อต้องเจอกับวิบัติอัสนีที่ยิ่งใหญ่ ความหวาดกลัวกำลังกัดกินหัวใจของเขา
“ภาพนี้หายากนักแม้จะเป็นจิวโจวข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นเรื่องแบบนี้ที่เฉินหลง”
วู่เหิงหัวเราะแห้งๆ
“วิธีการใดกันที่นายน้อยจะช่วยคนให้ผ่านวิบัติสวรรค์ได้พร้อมกันเช่นนี้?ความท้าทายมันไม่ต่างอะไรกับการเจอวิบัติสวรรค์ของภูติชั้นสูง”
วู่เหิงหัวเราะด้วยควาามขมขื่นเมื่อสัมผัสได้ว่าสายฟ้ากำลังจะฟาดใส่ถ้าสิ่งที่ซือหยูเตรียมไว้ไม่ได้ผล วู่เหิงจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน
แต่ถ้าซือหยูทำสำเร็จวู่เหิงจะได้กลายเป็นภูติระดับสี่ ลำดับของเขาจะกลายเป็นที่หกในบรรดาองครักษ์เงาทมิฬ
ดังนั้นจึงมีรางวัลและความเสี่ยงที่คุ้มค่ารออยู่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้!
“ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
หวูอู๋ยี่ที่อยู่ตรงกลางเหล่าผู้คนพูดออกมานางถือเกราะหลากสีในมือ
มือของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อดวงตางดงามเปล่งประกายสดใส อกอันอวบอิ่มและส่วนโค้งเว้าอันงดงามของนางที่รับแสงจากสายฟ้านั้นดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ตู้ม
สายฟ้าขาวซัดลงมาก่อนมันดูเหมือนอุกกาบาตที่หล่นลงมาจากฟ้าเหลือไว้เพียงแต่หางสีขาวแห่งการทำลายล้าง
หางสีขาวของสายฟ้านั้นงดงามเป็นอย่างมากมันดูไม่มีพิษภัยแม้แต่น้อย แต่กลับกัน มันคือสายฟ้าที่จะสังหารพวกนางได้ในพริบตาเดียว!
“เข้ามา!”
หวูอู๋ยี่ตะโกนนางจ้องมองวิบัติอัสนีที่พุ่งลงมา
นางโยนเกราะหลากสีขึ้นฟ้าเพื่อขวางสายฟ้าสีขาวนางจำได้ว่าตอนที่ผู้เฒ่าจิวผ่านวิบัติอัสนี สายฟ้าที่ดุร้ายนั้นถูกดูดเข้าไปในชุดเกราะนี้และหายไปโดยไร้เสียง
“ทุกคนมายืนรอบๆข้า…”
หวูอู๋ยี่พูอพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางสร้างชุดเกราะสายฟ้ามากับมือพลังของสมุนไพรสายฟ้าที่อายุเกินแปดสิบปีนั้นเหนือกว่าที่นางคาดคิดไว้อย่างมาก
ความมั่นใจของนางเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อได้เห็นพลังอำนาจของชุดเกราะนางยิ่งมีความกล้ามากขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มมารวมตัวรอบๆนางอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนยืนใกล้กันมาก สายฟ้าได้เข้ามารวมตัวกันในระยะหนึ่งลี้
ตู้ม
ผู้คนที่อยู่ในเมืองอ้าปากค้างสายฟ้ามากมายซัดตามกันมาในจุดเดียวไม่หยุด
สายฟ้าต่อเนื่องทำให้ท้องนภาราวกับเชื่อมติดกับผืนดินเป็นหนึ่ง!แสงสีอันตระการตาราวกับซัดใส่หลุมลึกไร้ขอบเขตที่ทนรับพลังอันไร้ปรานีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สายฟ้าซัดลงมาเรื่อยๆยาวนานถึงครึ่งชั่วโมมงสายฟ้าที่น่าตกตะลึงทำให้พื้นสั่นไปถึงเมืองที่ห่างออกไปพันลี้ เศษโครงสร้างต่างๆเริ่มหลุดร่วงลงมา บ้านเก่าบางหลังที่ยังไม่ถูกซ่อมถึงกับพังทลายลงมา!
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีสักขีพยานในระยะหมื่นลี้สายฟ้าหายไปหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง โลกกลับมาสดใสเป็นปกติอีกครั้ง
แต่คนในเมืองยังคงมิอาจฟื้นตัวจากความตกใจที่ได้เห็นโดยเฉพาะเหล่ากึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงที่เพิ่งจะได้รับม้าเมฆา
พวกเขารู้สึกทั้งชิงชังและริษยาเมื่อมองระยะห่างไกลถ้าหากวิบัติสวรรค์จบลง ช่องว่างระหว่างพลังของพวกเขาจะต่างกันราวฟ้ากับเหว
ฉีหยุนเซี่ยงขบริมฝีปากนางผิดหวังอย่างมาก
“ตาข้าแล้ว…”
หวูอู๋ยี่พูดอย่างตื่นเต้นนางกลืนม้าเมฆาลงไป นางรอเวลานี้มานานเกินทนแล้ว
และก็เป็นอย่างที่คิดวิบัติอัสนีมาและจากไปอย่างง่ายดาย นางแทบไม่มีเวลาให้คิดอะไรด้วยซ้ำ
แต่ความรู้สึกยินดีและตกใจได้เปลี่ยนผ่านมาเป็นน้ำตาในดวงตาทั้งสองในที่สุดนางก็ได้กลายเป็นภูติ!
มีเสียงเอะอะและเสียงหัวเราะของผู้คนพวกเขากระโดดโลดเต้นราวกับคนเมาสุรา พวกเขาลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกเขามิอาจบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้เลยในที่สุดพวกเขาก็ได้สำเร็จพลังระดับตำนานของเฉินหลง…พลังขอบเขตภูติ!
เมฆดำกระจายหายลำแสงดั่งฝันปกคลุมทุกคนที่ผ่านวิบัติสวรรค์ พลังของเหล่าภูติแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง มันเป็นแรงกดดันวิญญาณที่ทุกคนสัมผัสได้
ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์โห่ร้องเสียงดังด้วยความยินดีทีแรก พวกเขาสิ้นหวังยิ่งนักกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง แต่ตอนนี้มีภูติจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมา พวกเขาเห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง!
ในตอนนั้นพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถสู้กับทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ! หวูอู๋ยี่นำพวกเขากลับเมืองท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
“ตอนนี้ข้าจะประกาศสิ่งที่นายน้อยต้องการจะทำต่อไปภูติทุกคนต้องปิดประตูฝึกตนและไม่ปรากฏตัวจนกว่าการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น!”
หวูอู๋ยี่ประกาศ
ภายใต้คำสั่งผู้เฒ่าเฉิน หน่วยกวาดล้าง ฉีตงไล่ กังต้าเหล่ย ทุกคนต่างไปหาที่ซ่อน
“วู่เหิงเจ้าดูบันทึกที่นายน้อยทิ้งไว้ให้เจ้าได้แล้ว”
ทุกคนจากไปแล้วเหลือเพียงหวูอู๋ยี่กับวู่เหิงที่อยู่กันตามลำพัง
วู่เหิงใจสั่นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าซือหยูจะมอบภารกิจแบบใดให้เขาเพียงผู้เดียวเมื่อเปิดบันทึก เขาเห็นเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
เขาอ่านบันทึกและชักสีหน้า
“นายน้อยอยากจะให้ข้าทรยศพันธมิตรผู้คุมสวรรค์งั้นรึ?”
หวูอู๋ยี่พยักหน้า
“นี่เป็นสิ่งที่นายน้อยจัดการให้เจ้าเจ้าจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกเพื่อขจัดปัญหาในอนาคต”
“นายน้อยคิดว่าเราอาจจะแพ้?เลยให้ข้าแอบช่วยอย่างลับๆสินะ?”
วู่เหิงถามราวกับตระหนักได้
แต่ไม่คิดเลยว่าหวูอู๋ยี่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่เลยนายน้อยมั่นใจว่าจะต้องชนะ! สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้มาจากนายน้อย จงฟังให้ดี…”
“ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับข้าจงพาฉินเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยูไปยังดินแดนไกลโพ้นและดูแลพวกนางให้ปลอดภัย”
วู่เหิงแปลกใจ
“นายน้อยคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขารึ?ทำไมนายน้อยถึงทิ้งบันทึกแบบนี้ไว้กัน?”
“ข้าไม่รู้บางทีนายน้อยอาจจะรู้สิ่งที่พวกเราไม่รู้”
หวูอู๋ยี่ถอนหายใจยาว
บันทึกที่ซือหยูทิ้งเอาไว้ทำให้ทั้งสองเชื่อว่าบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นกับเฉินหลงในอีกไม่นานความยินดีที่ผ่านพ้นวิบัติสวรรค์มาได้ของพวกเขาหายไปจนหมดสิ้น พวกเขาครุ่นคิดในความเงียบ
“เอาล่ะเจ้าควรจะไปได้แล้ว ข้าจะประกาศว่าเจ้าทรยศต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ จากวันนี้ไป พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะเห็นเจ้าเป็นศัตรู จงดูแลตัวเองให้ดี”
หวูอู๋ยี่ยกฝ่ามือตบไปที่ท้องของตัวเอง
นางใช้พลังชีวิตรวบรวมที่ฝ่ามือนั่นทำให้นางบาดเจ็บสาหัส นางกระอักเลือดออกมาในทันที ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้น นางมิได้แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย “วันนี้แปดศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายผนึกที่ซือหยูวางเอาไว้เมื่อทะลวงพลังสำเร็จ วู่เหิงทำร้ายข้าก่อนจะหนีไป”
หวูอู๋ยี่พูดอย่างเย็นชา
วู่เหิงเงียบและมองไปยังเมืองด้วยความรู้สึกมากมายไม่นานเขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะประสานหมัดและโค้งให้กับหวูอู๋ยี่ด้วยความนับถือ
“โปรดบอกนายน้อยว่าข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้แม้ข้าจะไร้ซึ่งผนึกของนายน้อย ข้าก็จะทำตามหน้าที่ถ้าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา”
เขาพูดจบและเดินจากไป