The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 683-684
DND.683 – ถูกบดขยี้ถึงที่สุด
สิบลี้ไกลออกไปหมอกที่ดูเหมือนฝุ่นถูกพัดได้สัมผัสกับพื้น มีเงาคนหลายคนยืนอยู่ในกลุ่มหมอกนั้น
พวกเขาดูเหมือนกับเป้ายิงธนูเงาเหล่านั้นปรากฏและหายไป
เหล่าเงานี้ดูมั่นใจมีจิตตั้งมั่นราวกับเหล็กกล้าแผ่ออกมาจากหมอกนั้น
แม้ว่ากองทัพทั้งสองจะห่างกันสิบลี้จิตสังหารอันหนาแน่นก็ยิ่งเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มองกองทัพที่กำลังเข้ามาใกล้ แต่ละคนเหงื่อตกจากแรงกดดันพร้อมกับใจที่เต้นแรง พวกเขารู้สึกกระวนกระวายอย่างรุนแรง
ทัพเซี่ยหวู่ที่พวกเขาเคยต่อสู้มาก่อนนั้นเป็นเหล่าโจรที่รู้เพียงวิธีการปล้นฆ่า เผาทำลาย แม้ทัพของเซี่ยหวู่จะแข็งแกร่ง กองทัพของเขาก็ขาดคนที่มีคุณภาพเหมือนทหารจริงๆ
ทหารตรงหน้าพวกเขาปล่อยแรงกดดันกับจิตใจของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อย่างแรงกล้าพวกเขาคือนักรบของจริงที่ผ่านสนามรบมาแล้วหลายครั้ง
คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์สูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อยตั้งแต่ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นพวกเขารู้สึกราวกับเป็นเปลวเพลิงดวงน้อยที่กำลังจะเข้าไปในวายุกระหน่ำ พวกเขาต้องพยายามไม่ให้เพลิงนี้ดับมอดไปได้
หมอกตรงหน้าพวกเขาที่สั่นสะเทือนหยุดลงเมื่อหมอกหายไป กองทัพก็ได้ปรากฏอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์
มันเป็นกองทัพพันคนทหารแต่ละคนสวมชุดเกราะดำสนิท พวกเขาดูเหมือนเทวทูตแห่งความตายในใต้เงาจันทร์ค่ำคืนนี้ เหมือนพวกเขากำลังจะมาเก็บเกี่ยวชีวิตของมวลมนุษย์
แววตาของแต่ละคนมมีเพียงจิตสังหารแววตาที่สะท้อนแสงจันทร์นั้นทำให้ดูไม่ต่างกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ค่ำคืนนี้เป็นคืนแห่งการสังหารที่พวกเขาจะได้เสพสมกับความตายของศัตรู
กองทัพที่ถูกจัดการมาอย่างดีมีกำลังอยู่หลายประเภทและมีกระบวนรบที่เหมาะสมเหล่านักรบที่มีโล่ประจำการอยู่ด้านหน้า พลหอกประจำอยู่ตรงกลางและมีพลธนูอยู่ที่ด้านหลัง แม้ว่าจำนวนจะมีมาก พวกเขาก็จัดกระบวนทัพอย่างสมบูรณ์แบบ
“ตายหนึ่งเจ็บสาม ศัตรูแข็งแกร่งมาก”
ในกระบวนโล่ที่กลางเหล่านักรบ ชายคนหนึ่งที่มีสัญลักษ์สีแดงบนชุดเกราะเพิ่มขึ้นมาบนหน้าอกคือผู้บัญชาการรบของกองทัพนี้ เขากำลังนับคนที่บาดเจ็บ
“มันมีภูติระดับหนึ่งอยู่ด้วยต่างจากข่าวที่พวกเราได้รับมา”
หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสีหน้าไร้อารมณ์
เขาตกใจที่ได้เห็นภูติอยู่ในกลุ่มพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พลังใจของกองทัพยังแข็งแกร่งกว่าเดิมราวกับเหล็กล้า นักรบคนอื่นไร้อารมณ์ไม่ต่างจากเขา
“ปลดสมบัติจากคนตายคนที่เจ็บไม่มากให้สู้ต่อ คนที่เจ็บหนักให้ทิ้งสมบัติของตัวเองแล้วไปรักษาตัวซะ”
หวัหน้าหน่วยข่าวกรองพูดอย่างเยือกเย็นเขาเลือกที่จะทิ้งทหารที่บาดเจ็บสาหัส
ในสนามรบคนที่บาดเจ็บสาหัสจะถูกทิ้งเอาไว้ คนเหล่านั้นตายเก้าในสิบคน กฎอันโหดร้ายของสงครามทำให้พวกทหารหนาวไปถึงกระดูก
แต่ไม่มีทหารคนใดแสดงสีหน้าราวกับพวกเขารู้สึกว่ามันเป็นกฎที่เที่ยงธรรม
ซือหยูมองทหารฝั่งตรงข้ามจากระยะสิบลี้เขาขมวดคิ้วแน่น ศัตรูของพวกเขาคือกองทัพที่น่ากลัวและมีพลังใจอันกล้าแกร่ง
สงครามครั้งนี้จะเป็นสงครามที่ยากลำบากยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้!แต่ห้าศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสนใจมากที่สุดกลับยังไม่ปรากฏตัวออกมา
“พวกพลโล่จงกรุยทางเข้าไปพลธนูเตรียมตัวให้พร้อม พลหอกจอจู่โจมเมื่อถึงระยะหนึ่งลี้”
ผู้บัญชาการฮงหยูออกคำสั่ง
แม้ว่าเขาจะเป็นภูติระดับหนึ่งและไม่ใช่ห้าศักดิ์ศิทธิ์เขาก็มีอำนาจสั่งการ ทัพใหญ่เริ่มจู่โจมในทันทีที่เขาสั่ง
แกร้งแกร้ง
เหล่านักรบที่มีโล่ในมือตั้งแถวชิดอยู่ด้านหน้าและเคลื่อนทัพออกไปพลหอกตามหลังพลโล่มาติดๆ
ด้วยการปกป้องของพลโล่ทัพต่างโลกเคลื่อนตัวมาด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนมีหอกยาวสิบสองเล่มบนแผ่นหลัง ทหารแต่ละคนปล่อยพลังกายอันแข็งแรงออกมา
มีพลหอกในกองทัพสี่ร้อยคนถ้าหากแต่ละคนจู่โจมด้วยหอกทั้งสิบสองเล่ม มันก็มากพอที่จะกำจัดทั้งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และพวกเขายังมีพลธนูอยู่อีกสามร้อยคนที่มีพลังเทียบเท่ากัน
“ยิงธนูได้!”
ฮงหยูสั่งการทันที
ซูม
ห่าธนูหล่นจากฟ้ามันกลายเป็นเงาทมิฬปกคลุมพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
“หลบเร็ว!”
ซือหยูสั่ง
เขาขมวดคิ้วและมองลูกธนูที่กำลังมาศรธนูของศัตรูทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่คนต่ำกว่าภูติมิอาจรับมือได้
คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทั้งหมดรีบหาที่หลบห่าธฯูแม้พวกเขาจะเตรียมการมาแล้วแต่บางคนก็หาที่หลบไม่พ้นและโดนลูกหลง บางคนถูกสังหารในทันที
แต่ความเสียหายมิใช่ปัญหาหลักของพวกเขาสิ่งสำคัญที่สุดก็คือพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทุกคนกำลังติดอยู่ในเมือง!
“ยิง!”
ทัพต่างโลกสั่งยิงธนูอีกครั้งโดยไม่รอให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้รวมตัวกันใหม่
ซูม
ด้วยห่าฝนธนูคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไม่มีโอกาสได้ลงมือทำอะไร ขณะที่ฝั่งศัตรูกำลังรุกคืบเข้ามาอย่างช้าๆ
เพียงไม่นานเมืองของพวกเขาได้กลายเป็นดั่งเม่น ผิวกำแพงเมืองเต็มไปด้วยลูกธนู ไม่ว่าจะหลังคาบ้านหรือถนนก็มีแต่ลูกธนูทั้งสิ้น
ศรพิรุณยังคงถูกยิงมาอย่างไม่ขาดสายและดูไม่รู้จบทัพของต่างโลกได้เคลื่อนเข้ามาอยู่ห่างจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีหัวหน้าหน่วยรบเฒ่าคนหนึ่งของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พูดขึ้นมา
“ท่านเจ้าพันธมิตรทัพศัตรูฝึกฝนมาอย่างดี พวกมันเชี่ยวชาญมาก ถ้าเราไม่โต้กลับให้ดี พวกมันจะเข้าใกล้อีกแน่ พอถึงตอนนั้นเราก็กอบกู้สถานการณ์ไม่ได้อีก”
เขาพูดต่อ
“แผนเดียวที่เราใช้ได้ตอนนี้ก็คือสั่งการพลธนูร้อยคนทัพพวกมันจะช้าลง เราจะพังแนวรับของมันด้วยทหารบก ถ้าทำแบบนี้เราจะมีหวังชนะ!”
แม้ว่าหัวหน้าเฒ่าจะผ่านการรบมาหลายครั้งซือหยูก็มีแผนของตัวเองอยู่
“ทนไว้ก่อน…”
ซือหยูตอบเพียงสั้นๆ
“แต่ท่านเจ้าพันธมิตร…”
หัวหน้าเฒ่าเริ่มร้อนใจตามที่เขาเคยเจอ ถ้าหากไม่โต้กลับตอนนี้ พวกเขาจะเสียโอกาสชนะทั้งหมดแน่นอน
ซือหยูไม่ตอบเขาเงียบเพื่อยืนยันการตัดสินใจของตัวเอง
“ข้าเข้าใจแล้ว…”
หัวหน้าเฒ่ากัดฟันแน่นเขาต้องเก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้และได้แต่มองทัพศัตรูที่รุดหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่บางอย่างก็เกิดขึ้นในตอนนั้น…
จู่ๆทัพของศัตรูก็หยุดไป
ซูม
หน่วยข่าวกรองสามคนรวมตัวข้างหัวหน้าฮงหยูที่มองเมืองของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยสายตาคมกริบราวกับว่าเขามองเห็นทุกสิ่ง
“พวกมันไม่เคลื่อนไหวจะต้องมีอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่แน่ มันจะต้องมีแผนรอเราอยู่”
ดูเหมือนว่าเขาจะมองแผนของซือหยูออกได้ไม่ยากเพราะพวกเขาเห็นว่ามีพลธนูอยู่ร้อยคนที่ประจำการอยู่และไม่เคลื่อนไหว
“ส่งคำสั่งเปลี่ยนแผนเราจะสู้ในระยะนี้! ทำตามแผนสำรอง เราจะฆ่าพวกมันจากตรงนี้…”
หัวหน้าฮงหยูพูดอย่างเย็นชา
หน่วยข่าวกรองทั้งสามกลับไปยังกลุ่มและจัดการตามสั่งทัพพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้พักหายใจเมื่อทัพศัตรูหยุดจู่โจม
แต่ก็ไม่มีใครที่ผ่อนคลายลงเลยนั่นก็เพราะว่าทัพศัตรูได้เปลี่ยนกระบวนทัพทั้งหมด!
พลโล่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าแต่พลธนูกับพลหอกนั้นมายืนคู่กัน
พลหอกปลดหอกยาวออกจากหลังและหักเป็นสองท่อนหอกเหล่านั้นได้กลายเป็นลูกธนูส่งให้กับพลธนู พลธนูเก็บลูกธนูปกติกลับไปและเริ่มใช้หอกแทนลูกธนู
“รอบแรกยิง!”
ฮงหยูสั่งอย่างเย็นชา
DND.684 – อุบายของซือหยู
ซูมซูม
เสียงธนูพุ่งกรีดนภาดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ลูกธนูธรรมดาแบบครั้งก่อนแล้ว
ลูกธนูเหล่านั้นระเบิดจากกลางอากาศมีของเหลวที่มีกลิ่นฉุนกระจายออกมา มันถูกประกายไฟจากแรงระเบิดทำให้ติดไฟในทันที
กองเพลิงที่ลุกไหม้ตกลงสู่พื้นไฟไหม้กระจายไปทุกหนแห่ง ไม่นานในเมืองก็กลายเป็นทะเลเพลิง
อ๊ากก
เปลวเพลิงทำให้พวกเขาตกใจจู่ๆก็มีหลายร้อยคนที่ถูกไฟเผา พวกเขาตบไฟที่ลุกตามตัวและพยายามไม่ให้ถูกไฟเผา
“อย่าขยับ!ใช้พลังชีวิตดับไฟซะ…”
ซือหยูตะโกน
แต่มันก็สายไปแล้ว
“ยิง!”
ฮงหยูหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ซูม
ห่าฝนธนูหลายร้อยดอกพุ่งไปหาคนที่ออกจากที่ซ่อนเพราะเปลวเพลิง!โลหิตแตกกระเซ็นไปทั่ว โลหิตเหล่านั้นได้กลายเป็นผงเมื่อสัมผัสกับเปลวเพลิง
ปั้ง
คนหลายร้อยคนล้มลงกับพื้นและถูกไฟเผาหลายร้อยคนนั้นตายในทันที
พวกเขาไม่พอใจอย่างมากพวกเขารู้สึกราวกับถูกเข็มแหลมเจาะไปที่หัวใจ
พวกเขาเสียกำลังไปไม่มากแม้จะเป็นตอนที่สู้กับทัพเซี่ยหวู่แต่พวกเขาเสียคนไปมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้!
“เจ้าพันธมิตรซือเร็วเข้า ให้พลธนูลงมือได้แล้ว เราควรจะทำลายแนวป้องกันของมัน! เพลิงพวกนี้ใช้พลังชีวิตดับไม่ได้ ขืนชักช้าเราจะถูกเผาทั้งเป็น!”
ขุนพลเฒ่าตื่นตระหนกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมซือหยูถึงยังไม่ตอบโต้ เพราะนี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย!
“ยังก่อน!”
ซือหยูมองซากศพหลายร้อยคนภาพศพที่ถูกเผาสะท้อนอยู่ในแววตา เขาเจ็บปวดอย่างมาก
“ถ้าลงมือตอนนี้จะเข้ากับดักที่มันวางเอาไว้รอก่อนเถอะ!”
ซือหยูตะโกนอีกครั้ง
ขุนพลเฒ่าตัวแข็งทื่อเขาคิดว่าซือหยูไร้เหตุผล เขายังสงสัยว่าซือหยูจงใจให้พวกเขาโดนเผาในทะเลเพลิงนี้
ขุนพลเฒ่าพยายามจะข่มความคิดที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของซือหยูเขาอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนั้นฮงหยูก็ตะโกนอีกครั้ง
“พลธนูเตรียมพร้อม!ฆ่าทุกคนที่มองเห็น!”
เขาพูดต่อ
“ถ้ายังไม่ทำอะไรคนพวกเจ้าจะตายในทะเลเพลิง ถ้าตอบโต้ พวกเจ้าก็จะตายเพราะธนู ไม่มีทางที่เจ้าจะไปไหนได้ ทางเดียวคือต้องตายเท่านั้น!”
เขาส่ายหน้า
“สงครามจบแล้วเจ้าพวกบ้านนอกโง่เง่า กลยุทธ์พวกเจ้ามันอ่อนด้อย สูญเปล่านักที่ทัพทมิฬต้องลงมือ ข้าเคยคิดว่ามันจะท้าทายเพราะเจ้ากำจัดทัพเซี่ยหวู่ได้ แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างนั้นนะ”
ฮงหยูดึงผ้าคลุมและถอนหายใจเบาๆเมื่อเวลาผ่านไป คนของพันมิตรยังคงปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆเพราะทนความร้อนไม่ไหว และต่อมาพวกเขาก็ตายด้วยธนู
บางคนถูกเผาทั้งเป็นคนของพันธมิตรตายในอัตราที่น่าตกใจ
สงครามนี้ไม่น่าให้อภัยยิ่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด!พวกเขาไม่มีโอกาสให้โต้กลับด้วยซ้ำ พวกเขาถูกศัตรูบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว
“แค่ครึ่งชั่วโมงก็จะจบแล้วน่าเบื่อนัก”
ฮงหยูถอนหายใจอีกครั้ง
…
หมื่นลี้ไกลออกไป
ในหมอกหนาทหารหมื่นนายยืนเรียงรายนิ่งเงียบ มีชายหนุ่มจิบเหล้าในกระโจมลอยฟ้าอย่างสุขสบาย
“เป็นอย่างไรบ้าง?ทัพต่างโลกมาหรือยัง? การต่อสู้เป็นยังไง?”
ชายหนุ่มถาม
หนึ่งในข้ารับใช้ตอบ
“ท่านจ้าวสามพันธมิตรผู้คุมสวรรค์สูญเสียมากนัก ทัพศัตรูแทบจะไม่เป็นอะไร เราคาดว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะแตกพ่ายในครึ่งชั่วโมง!”
จ้าวสามขมวดคิ้วสีหน้าเยือกเย็นของเขาหายไป
“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มันมีแต่พวกขยะ!มันควรจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างสิ เพราะพวกมันเอาชนะเซี่ยหวู่ได้! จู่ๆพวกมันจะมาอ่อนแอเช่นนี้ได้ยังไง?”
ในความเงียบจ้าวสามถามด้วยความหนักใจ
“ห้าศักดิ์สิทธิ์เป็นคนนำทัพงัั้นรึ?”
“มิได้มีกองทัพมาแค่พันคน พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทำอะไรไม่ได้เลย พวกนั้นไม่ตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ”
ข้ารับใช้ตอบ
จ้าวสามยืนขึ้นช้าๆด้วยความเคร่งเครียด
“ทำอะไรไม่ได้เลยรึ?ชุดเกราะพวกนั้นเป็นยังไง? ไปสืบแล้วกลับมารายงานรายละเอียดทุกอย่างให้ข้า”
“ขอรับ!”
ข้ารับใช้ตอบ
…
จ้าวสามชักสีหน้าเขาเบิกตากว้าง
“มันคือทัพทมิฬ!”
เขาหันไปสั่ง
“เปลี่ยนแผน!บอกทุกคนให้ถอยทันที อย่าได้ลังเล!”
“อะไรกัน?ท่านจ้าวสาม ภารกิจของเราคือการยื้อเวลาให้เหล่าจ้าวแห่งความมืดมิใช่รึ”
หัวหน้าทหารผู้หนึ่งตกใจเมื่อได้คำสั่งใหม่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจ้าวสามจะสั่งให้ถอย!
จ้าวสามโกรธกับการโต้แย้ง
“เจ้าจะไปรู้อะไร?เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? แล้วก็…ยื้อเวลาเรอะ? เจ้ามันโง่เง่า! มันไม่ใช่ทหารเงาทมิฬ มันคือทัพส่วนตัวของราชาเขตกลางจากจิวโจว!”
ทุกคนรู้ถึงการมีอยู่ของทหารเงาทมิฬพวกเขายังรู้ด้วยว่าทหารเงาทมิฬได้บุกมาที่เฉินหลงภายใต้การนำของห้าศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าทัพที่ปรากฏตัวออกมามิใช่ทหารเงาทมิฬแต่มันคือทัพส่วนตัวของราชาเขตกลาง!
หลายคนเคยได้ยินเรื่องทัพทมิฬไร้เทียมทานมันคือทัพของทหารหลายพันคนที่สามารถสังหารจ้าวเทวะที่ทรยศได้ และทัพนี้ยังสังหารจ้าวเทวะโดยเสียคนไปแค่หนึ่งในสิบ
ดังนั้นมันจึงเป็นกองทัพที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในจิวโจว!ทัพนี้ไม่เคยทำภารกิจล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว
ทัพที่ต้องต่อกรกับทัพทมิฬล้วนลงเอยด้วยการสูญเสียทหายทั้งหมดส่วนตัวทัพทมิฬเองกลับไม่เคยสูญเสียครั้งใหญ่
เกียรติยศสูงสุดของทัพทมิฬก็คือการสังหารทัพหมื่นคนด้วยกำลังพันคน!และทัพหมื่นคนนั้นก็มีฐานพลังพอๆกับพวกเขา
หรือพูดอีกอย่างก็คือทัพทมิฬมีกำลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาสิบเท่า มันจึงเป็นทัพที่แทบจะไร้เทียมทาน!
พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตอนนี้มีแต่กึ่งภูติไม่กี่ร้อยคนและมีกึ่งเทพอีกหมื่นคนดังนั้นคนเหล่านี้จึงเป็นเพียงมดปลวกเมื่อต้องเจอกับทัพทมิฬ!
“อย่างลังเลถอยกลับเดี๋ยวนี้! ทางเดียวของเราคือต้องรอให้ท่านราชามาช่วย!”
จ้าวสามหวาดกลัวมากเขาไม่มีกระจิตกระใจจะหัวเราะเยาะซือหยู
การเปลี่ยนแผนแบบฉุกละหุกของต่างโลกทำให้จ้าวสามหวาดกลัวเขารู้สึกว่ามีเหตุการณ์ใหญ่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้
…
“เจ้าพันธมิตรซือ!”
ขุนพลเฒ่าร้องเรียกเขาด้วยความชิงชังและความเจ็บปวดเมื่อมองคนของตัวเองถูกเผาจนตายในทะเลเพลิงนอกเหนือจากนั้นก็มีคนที่ตายเพราะธนูที่สาดเข้ามาไม่หยุด เขาไม่เชื่อใจซือหยูอีกแล้ว!
“โปรดอภัยที่ข้ามิอาจมองดูคนของข้าตายไปเฉยๆได้!”
หัวหน้าเฒ่าตะโกนเสียงดังและยืนขึ้น
“ใครที่ไม่อยากตายตามข้าบุกไปที่พวกมัน! ข้าตายในสนามรบดีกว่าตายโดยไม่ได้ทำอะไร!”
ที่ฝังศัตรูฮงหยูหัวเราะเบาๆ
“พวกสัตว์ติดกับคิดจะโต้กลับรึ?เจ้าพวกแมงเม่าเอ้ย มาตายซะดีๆ”
เขาสั่งอีกครั้ง
“พลธนูเตรียมพร้อมสงครามนี้จะจบแล้ว”
ในเมืองคนจำนวนมากที่กำลังจะพุ่งออกมาตกใจมาก พลธนูของต่างโลกกำลังง้างคันศรแล้ว
แต่ตอนนั้นเองซือหยูถอนหายใจยาวราวกับโล่งใจ ราวกับว่าเขาเพิ่งทำเรื่องที่เหนื่อยยากสำเร็จ
ปั้ง
พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตะโกนร้องด้วยความตกใจจู่ร่างของซือหยูก็ระเบิด! ร่างของเขากลายเป็นเศษแก้วที่ลอยขึ้นฟ้า
“ภาพลวงตารึ?”
ขุนพลเฒ่าตกใจมาก
เขายืนอยู่ข้างกายซือหยูมานานแต่เขาก็ไม่รู้เลยว่านั่นคือร่างปลอมที่ซือหยูสร้างขึ้นมา! เขาจำต้องสงสัย…
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วซือหยูตัวจริงอยู่ที่ใดกัน?
“พลธนูเตรียมพร้อม การต่อสู้กำลังจะจบแล้ว…”
คำพูดนี้ดังมาจากร่างปลอมของซือหยูที่ค่อยๆหายลับไปคำพูดของเขาเบาบางไม่ชัดเจน
“ใต้ดิน!”
ฮงหยูมองพื้นและชักสีหน้า
“มีกับดักที่ใต้ดินถอยเร็ว!”
แต่มันก็สายไปแล้ว…