The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 701-702
DND.701 – พลังของจักรพรรดิโลหิต
แต่ร่างของซือหยูเองก็ยังมีแรงกระแทกอยู่มหาศาลเมื่อผู้เฒ่าจิวมาถึงตัว เขาก็กระเด็นไปข้างหลังพร้อมกับซือหยูด้วย!
ปั้ง!ปั้ง!
ทั้งสองกระแทกทะลุภูเขากลายลูกพลังนั้นยังคงทะลวงพวกเขาต่อไป ร่างของพวกเขาหลุดลงเมื่อถึงยอดเขาลูกใหญ่
ฝุ่นควันลอยฟุ้งไปทั่วร่างทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตและไร้การเคลื่อนไหว ราวกับว่าทั้งคู่ตายตกตามกัน
แค่ก!แค่ก!
ผ่านไปนานร่างของผู้เฒ่าจิวกระตุกเบาๆ เขากระอักเลือดออกมาอีกมาก เขาเศร้าใจอย่างมากเมื่อมองซือหยู พลังของซือหยูลดน้อยถอยลงไปจะแทบสัมผัสไม่ได้
เขาถาม
“เจ้าทำอะไรลงไป?เจ้าก็รู้ว่าเจ้าต้องตายอย่างไร้ค่า!”
เขาไม่เข้าใจว่าซือหยูถึงเลือกที่จะสละชีวิตตัวเองแม้ว่าจะรับรู้ว่าจักรพรรดิโลหิตแข็งแกร่งเพียงใดและการไปยืนหน้ารอยแยกมิติมันอันตรายแค่ไหน
ซือหยูบาดเจ็บสาหัสแขนขาทั้งสี่ข้างล้วนแหลกละเอียด ที่ท้องของเขามีรูแผลเปิดกว้าง แม้แต่จุดกำเนิดพลังก็เสียหาย แก้วพลังของเขายังถูกทำลายไปหนึ่งดวง
ในตอนนี้ซือหยูขยับได้แค่ปลายดัชนี เขาพยายามขยับปากหลายครั้งแลกยิ้มเบาๆ
“เพราะว่า…คนรักของข้ายังอยู่ข้างหลัง!”
ผู้เฒ่าจิวใจสั่นเขาโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม ซือหยูเสียงชีวิตเพียงเพื่อเพราะคนที่เขาห่วงใย!
เด็กคนนี้เดินทางมาหลายพันลี้จากเมืองเกิดเพื่อเสี่ยงชีวิตช่วยพ่อตาเป็นการตอบแทนความเอื้อเฟื้อเขายังสร้างความสับสนวุ่นวายกับคณะวิหคเพลิงขณะที่เสี่ยงชีวิตเพื่อเซี่ยนเอ๋อผู้เป็นคนรัก
และตอนนี้เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อต้านอสูรเนรมิตรดั่งแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง! ซือหยูกำลังต่อสู้เพื่อโลกของเขาและเพื่อคนหมู่มาก เขามองว่าเรื่องแบบนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
เมื่อคิดว่าคนที่โดดเด่นและเก่งกล้ากำลังจะตายเพียงเพราะต่อสู้กับอสูรเนรมิตรเพื่อเฉินหลงก็๋ทำให้ผู่เฒ่าจิวใจหายดวงตาของเขามองซือหยูด้วยความเศร้ามอง พลังของซือหยูค่อยๆอ่อนลงไปเรื่อยๆ
เขาอ่อนแอลงก็เพราะว่าจักรพรรดิโลหิตกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนว่าซือหยูจะจบแล้ว และทวีปเฉินหลงก็จะจบแล้ว!
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
รอยแยกเริ่มสั่นอย่างรุนแรงไม่สิ ทั้งก้นบึ้งมังกรกำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง!
ก้อนศิลาบนภูเขาเริ่มถล่มลงมารอยแตกมากมายเกิดขึ้นในก้นบึ้งมังกรราวกับใยแมงมุม เพลิงและลาวาพวยพุ่งออกมาจากใต้พิภพ ก้นบึ้งมังกรกลายเป็นทะเลเพลิงขณะที่สายลมรุนแรงและคลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้นในด้านนอก
เหล่าสัตว์อสูรทะเลที่ทรงพลังล้วนหนีด้วยความกลัวราวกับว่าได้เจอกับวันสิ้นโลกเมฆาครึ้มปรากฏบนท้องนภาปกคลุมผืนดิน สภาพอากาศในทั้งทวีปแปรปรวนเปลี่ยนแปลง ทั้งทวีปเต็มไปด้วยเมฆาทมิฬ
หลายคนหวาดกลัวเมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดพวกเขารู้สึกไม่ดีอย่างมากกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปเหนือทวีปกลาง ทวีปใต้ ตะวันออกตก ผืนน้ำไร้ขอบเขตล้วนสั่นสะเทือน พลังที่น่ากลัวปกคลุมทั้งทวีปเฉินหลง ราวกับว่ากำลังจะมีสิ่งที่น่ากลัวออกมาเพื่อกลืนกินทั้งทวีป!
ณจุดสูงสุดของทวีป อาณาจักรทมิฬ
ชายวัยกลางคุยสวมผ้าคลุมดำยืนขึ้นบนยอดเขาอย่างยิ่งใหญ่ยอดเขานี้สูงราวกับจะถึงสวรรค์ มันสูงเหนือเมฆา
ชายวัยกลางคนมีคิ้วรูปร่างดั่งกระบี่แววตาของเขาเปล่งประกายราวกับดวงดาว เขายืนนิ่งไม่ไหวติงขณะที่มองดูทวีปที่กำลังเจอกับการมาของผู้ทรงพลัง
ชายผ้าคลุมดำสายตาเยือกเย็นเมื่อมองไปยังก้นบึ้งมังกรแสงประกายจากแววตาของเขาทำให้สิ่งรอบข้างสั่นสะเทือน
“ในที่สุดเจ้าก็มาข้ารอเจ้ามาเกินหมื่นปีแล้ว”
ชายชุดดำพูดอย่างช้าๆ
…
ที่ก้นบึ้งมังกรณ จุดที่เพลิงกำลังเอ่อล้น พื้นได้สั่นสะเทือนอย่างแรง ก้อนหินนับไม่ถ้วนหล่นลงสู่พื้นและละลายหายไปกับลาวา คนที่พลาดตกลงไปคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ผู้เฒ่าจิวพยายามจะยืนขึ้นขณะที่ช่วยพยุงซือหยูทั้งสองอยู่ในสภาพย่ำแย่และเปียกโชกไปด้วยโลหิต ทั้งสองพยุงกันและกันอยู่บนภูเขา
ทั้งคู่มองลาวาร้อนระอุที่แผ่ขยายไปหมื่นลี้สายตาของพวกเขามองทะลวงควันหนาของเพลิงและจ้องมองรอยแยกมิติ
รอยแยกมิติหยุดสั่นสะเทือนแล้วแม้แต่เหล่าลาวาก็หยุดเดือด เหล่าหินหยุดร่วงหล่น ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบได้ตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีเสียงใดเลยนอกจากเสียงลมหายในรวยรินของผู้เฒ่าจิวกับซือหยูแม้ว่าจะมองด้วยตาเปล่า แต่พวกเขาก็เห็นร่างจางๆของคนด้านหลังรอยแยกมิติ
เขาตัวสูงตระหง่านและทรงพลังทุกคนที่มองดูเขาจะรู้สึกราวกับได้กลาเยป็นหินและโศกเศร้า ซือหยูรู้ว่านี่คือยอดฝีมือตัวฉกาจที่ฐานพลังเหนือกว่าเขาไปหลายขอบเขต
“เฉินหลง…ข้าไม่ได้ยินชื่อนี้มานานมากแล้วยังมีพลังที่ข้าไม่ได้สัมผัสมานานอยู่อีก”
คนในรอยแยกมิติพูดและถอนหายใจก่อนจะก้าวออกมาจากรอยแยกมิติ
ทั้งก้นบึ้งมังกรสั่นสะเทือนภูเขาทุกลูกในทวีปเฉินหลงเกิดแผ่นดินไหว ราวกับว่าผืนธรณีมิอาจทนรับตัวตนของเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือหรือคนธรรมดามนุษย์หรือสัตว์ประหลาด หัวใจของทุกสิ่งมีชีวิตสั่นสะเทือนในขณะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างรู้สึกราวกับจะตายในไม่นาน
ซือหยูที่ยังอยู่บนยอดเขาห่างไกลมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองเขาจ้องมองพื้นใต้เท้าของจักรพรรดิโลหิตที่กำลังจะถล่มในไม่นาน
และสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นก็คือเส้นขนสีดำใต้เท้าของเขามันเต็มไปด้วยพลังอันชั่วร้าย มันคือสิ่งที่ซือหยูได้มาจากการสังหารอสูร!
มันมีพลังที่ชั่วร้ายที่หากได้ทะลวงร่างของใครมันจะเข้าไปปั่นป่วนจิตใจและวิญญาณของผู้คน มันฆ่าได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะ!
แต่ซือหยูก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับอสูรเนรมิตรหรือไม่เขาทำได้แค่ลอง…
“น่าสนใจนัก!นี่สินะอุบายของเจ้า…”
ซือหยูตัวแข็งทื่อที่พบว่าเท้าของจักรพรรดิโลหิตไม่ได้เหยียบพื้นเขาหยุดมันไว้กลางอากาศ
“ของที่เจ้าโยนเข้าไปในรอยแยกมิติก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของข้าแต่กับดักจริงๆอยู่นี่!”
เขายิ้มเบาๆเส้นขนอสูรใต้ดินถูกโอบล้อมไปด้วยพลังมหาศาลและถูกดึงงออกมา พลังทมิฬอันชั่วร้ายอัดแน่นอยู่ภายในนั้น
“อสูรในอดีตน่ากลัวโดยแท้จริงเพียงเส้นขนก็เป็นภัยต่อข้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้ใช้มันอย่างถูกวิธี”
จักรพรรดิโลหิตก้าวออกมาต่อไปเมื่อกำจัดกับดักออกไปแล้ว
แต่เมื่อเท้าของจักรพรรดิโลหิตเกือบจะถึงพื้นเขาก็หยุดเท้าลงอีกครั้งง เขาชักสีหน้าเป็นครั้งแรก
“ดีเหลือเกินไอ้หนู เจ้ายังมีกับดักอยู่อีก! ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะเจ้าเล่ห์แบบนี้!”
ฟึ่บ!
เสียงเบาๆดังขึ้นส่วนลึกของพื้นที่เส้นขนอสูรซ่อนอยู่มีผนึกสีดำลอยออกมา มือข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้ามันไว้
“พลังชั่วร้ายนี่น่ากลัวจริงๆ”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเขาพูดผ่านรอยแยกมิติ
สิ่งที่อยู่ในมือเขาคือเวทความฝันวิญญาณเทพน้ำแข็งที่ซือหยูได้มาจากกระโจมเทพสวรรค์มันได้ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นเวทลวงตา แต่มันได้ปนเปื้อนจากเทพปีศาจที่อยู่ในร่างซือหยู ส่วนของพลังชั่วร้ายได้ฝังอยู่ในนั้น
“เจ้าหนูใครให้พลังนี้กับเจ้ามา?”
น้ำเสียงของจักรพรรดิโลหิตดูเคร่งเครียด
ซือหยูหน้าซีดราวกับกระดาษกับดักทั้งหมดของเขาถูกพบแล้ว
“ตอบข้ามา!ใครให้มันกับเจ้า?”
จักรพรรดิโลหิตมองทั้งก้นบึ้งมังกรดูเหมือนเขาจะมองหาศัตรูที่ซ่อนตัว
“ย่อมได้!เดี๋ยวข้าก็ได้รู้เองนั่นแหละ”
ในตอนนั้นลำแสงสองสายพุ่งออกมาจากรอยแยกมิติ ซือหยูกับผู้เฒ่าจิวถูกลำแสงนั้นก่อนที่จะได้ตั้งตัว ซือหยูรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเมื่อมีบางอย่างกระแทกเข้ากับหม้อเก้ามังกรและสั่นมันเบาๆ
ซือหยูตกใจยิ่งกว่าที่พบว่ามันคือครั้งแรกที่มีสิ่งที่ส่งผลกับหม้อเก้ามังกรเขามองผู้เฒ่าจิวและเห็นว่าสติของเขากำลังหลุดลอย ดูเหมือนว่าวิญญาณของเขาถูกรุกล้ำ!
“สมบัติภูติที่ใช้ป้องกันวิญญาณเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตตกตะลึงอีกครั้งแม้น้ำเสียงของเขาจะนุ่มลึก แต่ก็บอกได้เลยว่าเขาตกใจอย่างมาก…
เจ้าเด็กจากดินแดนไร้อารยธรรมคนนี้มีสมบัติภูติได้ยังไง?
แต่หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะเบาๆ
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนแข็งแกร่งในเฉินหลงพลังชั่วร้ายนี่กับสมบัติภูติจะได้เป็นของข้า”
ผู้เฒ่าจิวกลับมาได้สติและตะโกน
“เจ้า!เจ้าค้นความทรงจำข้า”
นี่เป็นพลังของลำแสงทั้งสองที่เขาใช้เมื่อครู่หลังจากที่ค้นดูความทรงจำของผู้เฒ่าจิวเขาก็ได้รู้ว่าทั้งผู้เฒ่าจิวกับซือหยูมาเพื่อต่อสู้ปกป้องที่นี่ด้วยตัวเอง และก็ไม่ได้มีศัตรูที่แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่เลย!
ซือหยูกับผู้เฒ่าจิวโศกเศร้าอีกครั้งเมื่อถูกล่วงรู้สถานการณ์
“ข้าสละสมบัติภูติเพื่อมาที่นี่แต่ข้าก็จะได้สมบัติปกป้องวิญญาณหายากระดับภูติอีก ข้าคงจะไม่ได้ขาดทุนแล้วล่ะ”
จักรพรรดิโลหิตหัวเราะชอบใจก่อนจะมองผู้เฒ่าจิว
“ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับมาเป็นองครักษ์แสงกระจ่างเจ้าแค่ต้องฆ่ามันและส่งศพมันให้ข้า”
ดวงตาผู้เฒ่าจิวลุกโชน
“ข้าทรยศองครักษ์แสงกระจ่างไปแล้วทำไมข้าจะต้องกลับไปอีกเล่า? ข้าจะกลับไปติดตามเจ้าอีกครั้ง เพียงเพื่อล้างสังหารทุกชีวิตบนโลกนี้รึ?”
ในอดีตผู้เฒ่าจิวได้ทรยศพวกเขาก็เพราะเขาไม่อยากจะเข้าร่วมการทำลายล้างเฉินหลง ในครั้งนั้น เขาเกือบจะถูกฆ่าเพราะการตบครั้งเดียวของจักรพรรดิโลหิต และแม้จะรอดมาได้ ฐานพลังของเขาก็ลดลงไปอย่างมาก
ผู้เฒ่าจิวจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว
“แล้วอีกอย่างเจ้าก็แค่ล้อข้าเล่นเท่านั้น ต่อให้ข้าฆ่าซือหยูจริงๆ เจ้าก็ฆ่าข้าอยู่ดี”
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิโลหิตจะคาดเดาคำตอบเอาไว้แล้วเขายิ้มอย่างชั่วร้าย
“เจ้ายังฉลาดเหมือนเดิมเจ้าคงจำได้สินะว่าข้าไม่เคยยอมรับคนทรยศกลับมา ถ้าอย่างนั้น เจ้าที่เคยทรยศเอ๋ย ทุกอย่างจะจบลงแล้ว ข้าจะต้องฆ่าเจ้าวันนี้!”
จักรพรรดิโลหิตยิ้มและก้าวเข้ามายังก้นบึ้งมังกรในตอนนั้นเอง ซือหยูยิ้มอย่างลึกลับ
“ยังเร็วไปที่เจ้าจะดีใจ”
DND.702 – ทางตันของเส้นทางบ่มเพาะ
จักรพรรดิโลหิตหยุดชะงักเขารู้สึกแปลกๆ แต่ซือหยูก็ตะโกนขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร
“กิเลนน้อย!”
จู่ๆมิติเหนือรอยแยกมิติก็มีหมอกสีชมพูปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์กิเลนน้อยน่ารักปรากฏตัวออกจากหมอกและกระพริบตาอย่างน่าหมั่นไส้ ในปากของมันมีมุกสีหยกเม็ดเล็กๆอยู่ด้วย
มุกหยกเปล่งแสงจ้ามันขยายขนาดเป็นลูกแก้วสีครามอำพัน มันตกลงมาด้วยความเร็วจนน่าตกใจ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย!
จักรพรรดิโลหิตมีเวลาได้มองมันแค่ครั้งเดียวก่อนที่ลูกแก้วครามอำพันจะทับเขา
“มุกบาดาลของตระกูลจักรพรรดิอสูร!”
จักรพรรดิโลหิตร้องเสียงหลงราวกับเห็นผีเขารู้ต้นตอของมุกบาดาลในทันที
เพราะเขาเคยเข้าร่วมสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรในจิวโจวมนุษย์ที่เป็นอสูรเนรมิตรล้วนกลายเป็นฝุ่นผงด้วยพลังของมุกบาดาล!
ตู้ม
ทั้งก้นบึ้งมังกรสั่นสะเทือนลาวาใต้ดินพุ่งขึ้นสูงสู่ฟากฟ้าหลายร้อยลี้ พร้อมกันนั้นรอยแยกมิติยังได้รับผลจากแรงกดดัน
เป๊าะ
อุโมงค์มิติเชื่อมโลกได้ระเบิดเป็นชิ้นๆม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อุโมงค์มิติถูกทำลาย! ซือหยูทำสำเร็จหลังจากพยายามมาหลายครั้ง!
แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่ปลอดภัยเมื่อร่างกายอยู่ในช่องมิติที่กำลังแตกสลายและแขนกับขาของเขายังติดอยู่ในรอยแยกมิติด้วย!
“ไอ้เด็กบัดซบ!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
จักรพรรดิโลหิตโกรธจัดเขาไม่ทำตัวสูงส่งทรงพลังอย่างเดิมอีกแล้ว
เขาพยายามที่จะขยับร่างกายครึ่งส่วนที่เหลือผ่านรอยแยกมิติแต่กิเลนน้อยก็เตะเขากลับมาในรอยแยก
จักรพรรดิโลหิตโกรธแค้นเขาใช้เนตรทำลายล้างมองไปยังกิเลนน้อย
แต่คาดไม่ถึงว่ากิเลนน้อยจะกลายเป็นสถานะภาพลวงที่มิอาจโดนทำร้ายได้
จักรพรรดิโลหิตหมายมั่นจะขยับแขนขาออกจากรอยแยกแต่ก็น่าตกใจอย่างยิ่งที่แม้เขาจะมีพลังระดับอสูรเนรมิตร เขาก็มิอาจขยับตัวแยกจากมุกบาดาลมาได้!
ไม่ว่าเขาจะออกแรงเท่าใดเขาก็มิอาจขยับมุกบาดาลได้เลย! ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะก้าวออกจากรอยแยก เขาจะติดอยู่ที่นี่!
ถ้าหากรอยแยกมิติแตกสลายโดยสมบูรณ์ส่วนของร่างกายที่ยังอยู่ในรอยแยกจะต้องเสียหายอย่างร้ายแรง!
จักรพรรดิโลหิตจ้องมองซือหยูด้วยความแค้นเมื่อรู้สึกถึงอันตรายแต่เขาก็มองไม่เห็นใครแล้ว ซือหยูกับจิวหยวนโจวได้ไปหาที่ซ่อนเพื่อหลบการโจมตีของเขา
จักรพรรดิโลหิตมิอาจฆ่าใครได้เขารู้สึกโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิมและตะโกน
“ไอ้เด็กบัดซบข้าจะจำเจ้าไว้ ข้าจะต้องได้เจอพวกเจ้าสองคนอีกครั้ง!”
ฉั่วะ
เสียงชิ้นเนื้อขาดสะบั้นสองครั้งดังขึ้นแขนและขาของเขาที่โดนทับอ่อนลง พลังอันน่ากลัวจากภายในรอยแยกมิติหายไปแล้ว
จากนั้นม่านแสงก็เริ่มแหลกละเอียดมันหม่นแสงลงและกระจัดกระจายหายไป ท้ายสุดก็เหลือแต่เพียงกำแพงศิลาธรรมดาเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะลาวาที่กระจายไปทั่วบริเวณก้นบึ้งมังกรก็คงไม่มีใครเชื่อว่าครั้งหนึ่งอสูรเนรมิตรได้ปรากฏตัวและเกือบจะมาถึงโลกแห่งนี้
เส้นทางระหว่างสองโลกถูกทำลายสิ้นคนจากจิวโจวเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว และคนจากเฉินหลงก็จะถูกผนึกอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
ผ่านไปนานซือหยูกับผู้เฒ่าจิวมองหน้าและหัวเราะต่อกัน
“ฮ่าๆๆๆ….ไม่คิดเลยว่าคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในจิวโจวอย่างจักรพรรดิโลหิตจะมาแพ้คนหนุ่มอย่างเจ้า…”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะอยู่นานน้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้ม
ซือหยูฝืนใช้พลังชีวิตเพื่อหยุดเลือดที่ไหลจากท้องเขาหัวเราะอย่างขมขื่น
“ถ้าข้าเลือกได้ข้าก็คงไม่มาที่นี่หรอก”
สิ่งที่ซือหยูสูญเสียในก้นบึ้งมังกรนั้นเหนือจินตนาหุ่นเชิดทั้งสอง ร่วมวิเศษบัวแดง และสมบัติเทพเกือบทั้งหมดและของที่เขาสะสมเอาไว้ล้วนจากไป แม้แต่ลูกแก้วลำดับห้าธาตุสี่ลูกก็เสียหายอย่างหนัก
และที่สำคัญที่สุดจุดกำเนิดพลังของเขาเสียหายอย่างรุนแรง แก้วพลังชีวิตดวงหนึ่งของเขาถูกบดกลายเป็นผง! ส่วนเรื่องร่างกาย ซือหยูยังไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บส่วนไหนอีกบ้าง
แต่คาดไม่คิดที่ผู้เฒ่าจิวจะกลอกตา
“เจ้ายังไม่พอใจกับแขนขาของจักรพรรดิโลหิตอีกเรอะ?พลังของเลือดเนื้ออสูรเนรมิตรไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะคาดคิดได้หรอกนะ!”
ซือหยูเริ่มตื่นเต้นเขามองไปยังแขนขาข้างหนึ่งของจักรพรรดิโลหิตที่ยังถูกมุกบาดาลกดทับเอาไว้ แม้แขนขาของเขาจะแหลกไป แต่มันก็ยังมีพลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา
“ถ้าเจ้าสกัดแก่นโลหิตออกมาให้เหล่าจิตวิญญาณจักรวาลมันจะเกิดประโยชน์ราวกับเทพมาประทานพรให้เจ้าเชียวล่ะ!”
ผู้เฒ่าจิวพูดด้วยตาเป็นประกายดูเหมือนเขาจะแนะนำกับซือหยู
ตัวอย่างที่เขาเพิ่งจะอธิบายก็คือเรื่องของเมล็ดไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่เป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกทางเดียวก็คือใช้แก่นโลหิตของอสูรเนรมิตรกับมันตลอดวันคืน
หรือว่าผู้เฒ่าจิวพูดถึงกิเลนน้อยรึ?ซือหยูสงสัย ถ้าผู้เฒ่าจิวเคยเป็นองครักษ์แสงกระจ่างมาก่อน เขาก็น่าจะพูดถึงแก่นแท้วิญญาณกิเลนน้อยแน่
ซือหยูมองเขาอย่างจริงใจ
“ท่านผู้เฒ่าจิวโปรดเอื้อเฟื้อข้าด้วยข้าต้องการแขนขานั่น”
“พูดอะไรของเจ้า?เจ้าช่วยชีวิตข้ากับทุกคนในเฉินหลง! เจ้าต่อสู้กับจักรพรรดิโลหิตด้วยตัวคนเดียว ทุกสิ่งที่ได้ก็ต้องเป็นของเจ้า”
ผู้เฒ่าจิวหัวเราะชอบใจเขาไม่คิดจะชิงสิ่งใดจากซือหยูอยู่แล้ว
เพราะถ้าหากผู้เฒ่าจิวอยากจะได้มันเขาก็คงไม่บอกซือหยูว่ามันมีคุณประโยชน์อย่างไร! เขาเพียงแค่สังหารซือหยูและชิงมันมาเองก็ย่อมได้
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าจิว”
ซือหยูประสานหมัดขอบคุณ
ทั้งสองพักฟื้นอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งซือหยูเก็บมุกบาดาลอย่างระมัดระวัง
เขายังเก็บแขนขาของจักรพรรดิโลหิตไว้ในที่ปลอดภัยพลังอันน่าตกตะลึงยังคงปะทุออกมาอยู่ ในมือที่ขาดของจักรพรรดิโลหินนี้มีเส้นขนของอสูรและเวทความฝันอยู่ด้วย แม้ซือหยูจะสูญเสียไปมาก เขาก็ได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาเช่นกัน
“ไปเถอะซือหยูเจ้าได้สร้างนามให้ตัวเองแล้ว วีรบุรุษไม่ว่าจะกี่ยุคสมัยก็ต้องพบกับความยากลำบากในการสร้างชื่อ เจ้าแทบจะเทียบกับจักรพรรดิจิวโจวคนก่อนเสียด้วยซ้ำ แม้แต่ราชาแห่งความมืดก็มาเบียดบังแสงสว่างของเจ้าไม่ได้!”
ผู้เฒ่าจิวยิ้มด้วยความยินดี
“จักรพรรดิจิวโจวคนก่อนสละแก่นโลหิตตัวเองเพื่อสร้างทวีปขึ้นมาใหม่การกระทำของเขามิใช่เพื่อตนเอง คนอย่างข้าจะมีวันเทียบได้รึ?”
“ตอนนี้ทวีปถูกปิดผนึกแล้วเส้นทางการบ่มเพาะย่อมถึงจุดจบ ชื่อเสียงและเกียรติยศล้วนไร้ความหมาย”
ซือหยูหัวเราะ
“กลับกันเถอะท่านผู้เฒ่า”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วครึ่งปีผ่านไปในชั่วพริบตา ตลอดเวลานั้น เหล่าทัพต่างโลกบัดซบได้ถูกสังหารสิ้น ทวีปเฉินหลงได้กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
ด้วยผลของม้าเมฆามากมายหลายต้นมีภูติอีกร้อยคนที่ถูกสร้างขึ้นในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกเขายึดดินแดนทั้งสี่อาณาเขตของทวีป นั่นคือทวีปเหนือ ตะวันออก ตะวันตก และใต้ พวกเขาให้อาณาจักรทมิฬเป็นผู้กุมอำนาจหลักของทั้งทวีป
เหล่าขุมกำลังในทวีปถูกสอดส่องดูแลโดยกฎอันเข้มงวดของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไม่มีกองทัพทหารที่ถูกอนุญาตให้ก่อตั้ง
ทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎจะต้องถูกเหล่าภูติล้างบางทวีปเฉินหลงได้พบกับความผาสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อนในอดีต
เหล่าผู้บ่มเพาะพลังที่กำลังร่ำเรียนวิชาได้รอดชีวิตจากสงครามอันเลวร้ายสำนักของพวกเขาได้ดำรงอยู่ต่อไป เหล่ายอดฝีมือที่ได้พบเห็นกองทัพจากต่างโลกได้กลายเป็นผู้ที่ทุ่มเทมากขึ้น
ดังนั้นเหล่าคนในทวีปจึงพยายามหนักกว่าเดิมไม่ว่าสำนักจะมีขนาดเท่าใด ศิษย์สำนักหลายคนถูกรับตัวเข้ามาฝึกฝน และคนรุ่นหลังก็ต่างมีผู้มากพรสวรรค์ราวกับมัจฉาในวารี พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากหมื่นปีทุ่งแห่งการบ่มเพาะพลังได้กลับมาโดดเด่นเป็นสง่าอีกครั้ง และพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้บ่มเพาะพลัง!
ส่วนเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เขาได้กลายเป็นตัวตนดั่งองค์เทพที่ทุกคนในทวีปเลื่อมใส เขาเริ่มการผจญภัยบนเกาะเฉินยี่ ชีวิตของเขาไม่ต่างจากฝนดาวตกที่ฉายแสงยามค่ำวิกาลบนท้องนภาเฉินหลง
ครั้งหนึ่งเขาเคยสังหารผู้เฒ่าสำนักหลิวเซี่ยนไปครึ่งสำนักด้วยนามซือหยูเพื่อมอบความเป็นธรรมให้แก่ตนเองเขายังเคยท้าทายสวรรค์และเหล่าขุมกำลังใหญ่ทั้งสามด้วยนามหยินหยูในงานใหญ่ของคณะวิหคเพลิง เขายังเคยพิชิตพันธมิตรทวีปเหนือด้วยนามราชาปีศาจหิมะทมิฬ
หลังจากผ่านไปสามปีเขาได้กลับมาในนามซือหยูเพื่อกำจัดเหล่าภูติจากต่างโลก เขายังต่อสู้กับอสูรเนรมิตรเพื่อปกป้องทวีป ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนน่าทึ่ง หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าซือหยูคือตำนาน
เหล่าหนุ่มสาวรุ่นหลังต่างได้รับแรงบันดาลใจจากเขาและบ่มเพาะพลังด้วยความอุตสาหะและยังมีผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนที่ไปสถานที่ที่ซือหยูเคยต่อสู้เพียงเพื่อที่จะเข้าใจเส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขา
ดังนั้นเกาะเฉินยี่ สำนักหลิวเซี่ยน ตำหนักเฉินเทียน และเขตหยินหยูจึงล้วนถูกนับว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มียอดฝีมือจากทุกมุมทวีปรวมตัวกันในสถานที่แห่งนั้นเพื่อที่จะประลองเพื่อเพิ่มพลังของตนโดยเฉพาะ
และก็เป็นตามคาดฐานหลักของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ตั้งอยู่ที่ก้นบึ้งมังกร ยอดฝีมือจำนวนมากต้องการจะมาในที่แห่งนี้เพราะถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด
ก้นบึ้งมังกรที่แตกสลายได้ถูกยึดครองโดยพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มันยังถูกสร้างใหม่เป็นเกาะโดดเดี่ยวที่มีเหล่าคนที่เลือกจะปลีกตัวออกห่างจากเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆบนโลก
แต่ก็ไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้ว่ามันคือศูนย์กลางของเฉินหลงที่แท้จริงและเป็นดินแดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการบ่มเพาะพลังนั่นก็เพระว่ามันคือสถานที่ที่ซือหยูอยู่ เขาถูกนับว่าเป็นราชาแห่งทวีปคนแรก ทุกคนไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีทำได้แค่ฝันว่าจะได้เจอเขาตัวเป็นๆ
โชคร้ายที่ราชาผู้นี้เลือกที่จะหายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่ที่กลับมาจากก้นบึ้งมังกร
และแม้จะเป็นเช่นนั้นยอดฝีมือมหาศาลก็ยังคงงอยู่บนเกาะก้นบึ้งมังกรเพื่อรอคอยการปรากฏตัวของราชาแห่งทวีป พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นความสง่างามของเขากับตาตัวเอง
บนเกาะก้นบึ้งมังกรที่นี่มีเมืองที่มีตำหนักพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตั้งอยู่ ภูติร้อยคน กึ่งภูติพันคน และกึ่งเทพอีกหมื่นคนลาดตระเวนขวักไขว่อยู่ในส่วนลึกของเมืองตำหนักที่เงียบเชียบและมีสวนอันเรียบง่าย
ด้านหลังประตูที่สร้างจากศิลานั้นคือห้องที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณอันหนาแน่นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ภายในห้อง
พลังวิญญาณเหนือศีรษะของเขาค่อยๆไหลผ่านมาที่หน้าผากแต่เมื่อมันเข้าไป มันก็ไหลออกมาจากช่องท้อง
เขาลืมตาขึ้นช้าๆและถอนหายใจ
“มันเกิดขึ้นจริงงั้นรึ?แก้วพลังของข้าถูกทำลายจนดูดซับพลังอะไรไม่ได้อีกแล้ว ข้ามาถึงทางตันแล้วสินะ”
เขาโศกเศร้าและขมขื่นตอนที่เขาถูกจักรพรรดิโลหิตจู่โจมในศึกชี้ชะตา แก้วพลังชีวิตหนึ่งดวงของเขาถูกทำลายไป
ในครึ่งปีที่ผ่านมาแล้วพยายามหลายต่อหลายวิธีเพื่อที่จะฟื้นฟูมันขึ้นมาแต่ก็ไร้ผล เขาคิดว่าเขาคงจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงไปตลอดชีวิตโดยมิอาจเติบโตได้เลย
น่าเสียดายความพยายามอย่างหนักทำให้เขามิอาจเข้าใกล้การเป็นภูติได้สำหรับคนที่มุ่งมั่นเดินบนเส้นทางสายบ่มเพาะพลังอย่างซือหยู สิ่งนี้คือความน่าเศร้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ซือหยูถอนหายใจและหยิบเอาเกราะสายฟ้าออกมามันมีคลื่นวิบัติอัสนีที่อัดแน่นอยู่ภายใน เขาเก็บสะสมมันมาตลอดครึ่งปีตอนที่ช่วยให้คนของพันธมิตรผ่านวิบัติอัสนี
แต่ก็ไม่มีวิบัติอัสนีใดที่เป็นของเขานั่นทำให้เขาโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม
ซือหยูลูบมุกวิญญาณเก้าหยกลูกแก้วครามอำพันปรากฏบนฝ่ามือของเขา ตอนนี้มันเบาราวกับขนนก
มุกบาดาลถูกชำระล้างโดยสมบูรณ์แล้วเขาจะควบคุมมันได้ตามใจนึก แต่เขาคงไม่มีทางได้ใช้มันอีกแล้ว…เขารู้สึกเศร้าหมองเมื่อคิดเช่นนี้
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและหยิบเอาตราสายฟ้าออกมามันคือตราสายฟ้าห้าธาตุที่ซือหยูร่างมืดได้ใช้เก็บจิตวิญญาณสายฟ้าเอาไว้ เขาทำไปเพื่อดูดซับพลังของจิตวิญญาณสายฟ้าเพื่อพัฒนาตราสายฟ้าห้าธาตุ
และตอนนี้มันคือขั้นสุดท้ายในการพัฒนาจิตวิญญาณสายฟ้ายังคงขัดขืนอยู่เพียงเล็กน้อย นี่คือสัญญาณว่าการหลอมรวมกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่นาน