The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 705-706
DND.705 – เชิญทั้งโลกมาเฉลิมฉลอง
เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่น
“ถ้าข้าเรียนวิชารักษาตั้งแต่อดีตอาจารย์ข้าก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”
ในอดีตเซี่ยนเอ๋ออยากจะจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ นางปฏิเสธที่จะสืบทอดวิชารักษาจากผู้เฒ่าฉิว
ผู้เฒ่าฉิวมีวิชารักษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทวีปและถ้าเซี่ยนเอ๋อได้ร่ำเรียนมัน นางอาจจะทำอะไรบางอย่างกับผู้เฒ่าฉิวในตอนนี้เพื่อรักษาก็ได้
“ทุกอย่างจะดีขึ้นเจ้าไม่ต้องห่วง”
ซือหยูจับไหล่นางและปลอบเบาๆ
เซี่ยนเอ๋อพยักหน้าในตอนนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆดังมาจากด้านนอก กลิ่นอันหอมหวานได้ลอยเข้ามาด้วย หญิงสาวที่งดงามเป็นอย่างมากปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
นางมีเครื่องหน้าที่งดงามจมูกอันประณีต ริมฝีปากราวกับหินชาด มีหน้าเรียบเนียนราวกับถูกสลักมาจากหยกขาว ไม่มีส่วนใดของนางเลยที่ไม่งดงาม
ถ้าหากได้มองนางเป็นครั้งแรกก็อาจจะทำให้คิดได้ว่านางเป็นนางฟ้าจากสวรรค์นางดูไม่เหมือนสตรีใดในโลกนี้
ต่อหน้าความงามของนางบุพผาและภาพทิวทัศน์ล้วนหม่นแสง แม้แต่สุริยาแลจันทราเองก็มิอาจส่องสว่างเท่านาง แม้แต่ผู้เฒ่าจิวที่อายุมากและเคยเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานในอดีตก็ใจเต้นขึ้นมาเมื่อเห็นนาง
“จิงหยู”
ซือหยูดีใจมากแต่จะเป็นตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเขาเองไม่เหมาะสมกับนาง
นางยังคงงดงามไร้ที่เปรียบเช่นเคยแต่ซือหยูรู้สึกว่าแววตาของนางดูแปลกไป
เซี่ยจิงหยูพยักหน้าเบาๆแม้ว่าสีหน้าของนางจะมิได้เย็นชา แต่นางก็มิได้แสดงท่าทางยินดีเมื่อได้เจอซือหยูอีกครั้งออกมา ซือหยูรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อนาง เขาคิดว่านางในตอนนี้ดูแปลกไปสำหรับเขา
เซี่ยจิงหยูถือถ้วยโอสถอยู่ในมือนางค่อยๆวางลงบนโต๊ะโดยแม้มองใคร
“ข้าเตรียมโอสถเสร็จแล้วถ้าทุกคนอยู่ที่นี่ก็ให้นางเองเถอะ”
น้ำเสียงของนางเยือกเย็นไร้ซึ่งความรู้สึกใดนางพูดจบและหันหลังกลับเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมจางๆพร้อมกับผู้คนที่ตกใจ
“พี่ซือหยูพี่จิงหยูเปลี่ยนไปนะ”
เซี่ยนเอ๋อมองเซี่ยจิงหยูที่เดินออกไปด้วยสายตาว่างเปล่านางดูเจ็บปวด
ซือหยูสับสนและกังวลใจ…
เซี่ยจิงหยูเพิ่งจะฟื้นฟูเพียงเล็กน้อย…มีผลข้างเคียงอะไรกับนางงั้นรึ?
“เซี่ยนเอ๋อดูท่านผู้เฒ่าฉิวด้วยข้าจะไปหานาง”
ซือหยูพูด
เซี่ยนเอ๋อพยักหน้า
“ได้เลยพี่ซือหยูข้าก็เป็นห่วงนางเหมือนกัน”
เขาบินขึ้นและตามพลังของเซี่ยจิงหยูไปจนถึงสวนของนาง
เมื่อเขาเดินเข้าไปเขาตกใจกับภาพตรงหน้า มีต้นท้อมากมายที่นี่ แต่พวกมันก็เหี่ยวแห้งเพราะฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ที่หลุดร่วงพัดปลิวไปตามสายลม
หญิงสาวผู้งดงามนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะใต้สวนท้ออยู่ตามลำพังภาพอันคุ้นเคยเรียกความทรงจำเก่าๆของซือหยูกลับมา
“เจ้ายังจำได้หรือไม่?ค่ำคืนใต้เงาจันทร์ ใต้ต้นท้อ เจ้าสอนฎีกาสวรรค์ให้กับข้า…”
เซี่ยจิงหยูพูดเบาๆและยกมือขึ้นจิบสุราหนึ่งครั้ง
ซือหยูเริ่มโศกเศร้าและเข้าไปในสวนท้อและนั่งตรงข้ามนาง
เขาพูด
“ข้ายังจำได้”
ซือหยูหัวใจหนักอึ้งเขาหยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่มเช่นกัน
“น่าเสียดายที่สถานที่นั้นได้เปลี่ยนไปแล้วคนสองคนนั้นก็เช่นกัน”
เซี่ยจิงหยูเงยหน้ามองซือหยูแววตาของนางดูเดียวดายและห่างไกล ราวกับว่านางอยู่ห่างจากเขาเป็นหมื่นลี้
ซือหยูไม่ตอบเขาจิบสุราต่อไป
“กล่องดำสามกล่องในกระโจมเทพสวรรค์ข้าได้ฎีกาสวรรค์ของเทียนจี่จื้อมาหนึ่งกล่อง เจ้าได้สายใยมังกรไป ตามข้อตกลง เราจะแบ่งกล่องสุดท้ายอย่างเท่าเทียม เอามันออกมาได้แล้ว…”
เซี่ยจิงหยูพูดกับเขาอย่างเยือกเย็นราวกับคนแปลกหน้า
ซือหยูพยักหน้าเขาไม่ได้คิดจะเก็บมันไว้กับตัวอยู่แล้ว เขาพลิกฝ่ามือหยิบกล่องดำที่ยังไม่เปิดออกมา
เซี่ยจิงหยูแตะมันด้วยปลายดัชนีกล่องเปิดออกพร้อมกับกลิ่นหอมที่โชยออกมา ซือหยูรู้สึกราวกับจิตใจได้สดชื่นขึ้นมา พลังชีวิตของเขาดูตื่นตัวยิ่งกว่าเดิม
เขาสูดหายใจเอากลิ่นหอมเข้าไปลึกและเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าสิ่งรอบข้างได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง!
เหล่าต้นท้อที่ใบไม้กลายเป็นสีเหลืองและแห้งเหี่ยวราวกับได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งมีบุพผาขาวกระจ่างบานสะพรั่ง สมุนไพรและต้นหญ้าในสวนเริ่มเติบโตขณะที่เมื่อครู่ก่อนยังอยู่ในสภาพโล่งเตียน
ราวกับว่าเวลาหวนคืนกลับไปยังอดีตการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งทำให้ซือหยูตกใจ เขาทำตัวไม่ถูก
จากนั้นพลังชีวิตก็เอ่อล้นออกมา เขาไปที่ข้างเซี่ยจิงหยู
“ระวังด้วยจิงหยูพลังของมันเข้มข้นมาก ถ้าดูดซับมากเกินไป เจ้าจะ…”
“ร่างข้าจะระเบิดแล้วก็ตายใช่ไหม? มันคือโอสถฟื้นชะตา โอสถเทพจากอดีตกาลที่เป็นพิษร้ายกับคนทั่วไป”
เซี่ยจิงหยูใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่พูด
นางรู้แล้วว่ามีสิ่งใดอยู่ในกล่องตั้งแต่ก่อนจะเปิดมันและนางก็เดาที่มาของมันได้อย่างแม่นยำ ซือหยูตกใจกับความรู้ของนาง และก็สัมผัสได้ว่าเซี่ยจิงหยูในตอนนี้แปลกต่อเขายิ่งกว่าเดิม
เมื่อทั้งคู่เปิดกล่องดูช้าๆก็พบกับกระโจมหยกเล็กสองชิ้นมันมีมุกหลากสีอยู่ในแต่ละกระโจม และเป็นมุกหลากสีที่อยู่ในกระโจมนี้เองที่ปล่อยพลังชีวิตอันเข้มข้นออกมา!
ฟึ่บ!
เซี่ยจิงหยูโบกมือและเก็บกระโจมหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้
“ถ้าคนตายกินโอสถนี้คนผู้นั้นก็จะฟื้นขึ้นมา และถ้าหากคนเป็นกินเข้าไป คนผู้นั้นก็จะระเบิดตาย”
ชุบชีวิตคนตายรึ?ซือหยูตกใจมาก…
โอสถที่ชุบชีวิตคนตาย…มีอยู่บนโลกจริงๆรึ?
เขามองดูพลังชีวิตมหาศาลที่มันปลบ่อยออกมาและเริ่มที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง!
“เก็บเอาไว้เจ้าคงจะต้องการมันอย่างมากในอนาคต”
เซี่ยจิงหยูพูดอย่างใจเย็น
ซือหยูพยักหน้าและเก็บมันไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยกอย่างดี
เขามองเซี่ยจิงหยูที่ดูเหมือนคนแปลกหน้าเขาคิดจะพูดแต่เซี่ยจิงหยูก็พูดขึ้นมาก่อน
“ซือหยูเจ้ารักข้าไหม?”
ความเยือกเย็นราวน้ำแข็งของนางละลายหายไปดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง
ซือหยูเงียบกริบก่อนจะพยักหน้า
“ข้ารักเจ้า”
รอยยิ้มเบิกบานในใบหน้าของนางเซี่ยจิงหยูเข้ามากอดซือหยูราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก น้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมา
นางพูดเสียงสั่น
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้าถ้าอย่างนั้นพี่ซือหยูก็แต่งงานกับข้าสิ! ข้าคือคนที่พี่รักจริงๆ ไม่ใช่เซี่ยนเอ๋อ! ข้าเป็นคนเดียวที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าสาวของพี่”
ซือหยูใจสั่นเมื่อเห็นเซี่ยจิงหยูเช็ดน้ำตาจากความดีใจเขายื่นมือผลักนางออกจากอ้อมกอดช้าๆ
ท่าทางของเขาหนักแน่น
“ข้าขอโทษข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้”
รอยยิ้มของเซี่ยจิงหยูหายไป
“ทำไมล่ะ?”
นางยังคงร้องไห้แต่น้ำตาในตอนนี้มิใช่น้ำตาจากความยินดีอีกแล้ว มันคือน้ำตาที่เศร้าหมองและเจ็บปวด
นางกอดอกจ้องซือหยู
“บอกข้าสิ…ทำไมกัน?ข้าเป็นคนที่เจอเจ้าก่อน ข้าเป็นคนที่ผ่านเรื่องยากลำบากกับเจ้ามาตั้งหลายครั้ง ข้าทุ่มเททุกอย่างเพื่อเจ้า ทำไมเจ้ายังเลือกเซี่ยนเอ๋ออยู่อีก?”
ความรู้สึกต่างๆที่นางอดกลั้นเอาไว้พรั่งพรูออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิดความโกรธของนางมิอาจหยั่งถึงในตอนที่นางหันคมกระบี่เข้าใส่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเขา!
นางยังใช้ดวงตาของตัวเองเพื่อมองทุกสิ่งในเฉินหลงแทนเขาที่เสียดวงตาไป!เพื่อช่วยชีวิตซือหยู หากแม้จะต้องแต่งงานกับราชาเขตกลางนางก็ทำได้! นางเต็มใจจะสละชีวิตเพื่อเขาด้วยซ้ำ
เขาคือคนเดียวที่อยู่ในใจของนางแต่ท้ายสุด หลังจากที่นางตื่นขึ้นมา สิ่งที่ได้รับก็คือข่าวบีบหัวใจอย่างงานวิวาห์ของซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อ เขาเป็นคนโหดร้ายจริงๆ!
ซือหยูเจ็บปวดอยู่ในใจแต่เขาก็รู้ว่าวันนี้จะมาถึงตั้งแต่ที่เขาเลือกเซี่ยนเอ๋อ
“เพราะข้าสัญญากับนางไว้นานแล้ว…”
ซือหยูตอบ
เซี่ยจิงหยูส่ายหน้าขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“แล้วข้าล่ะ?ข้าไม่มีใครอื่นนอกจากเจ้า ข้ามีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น”
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญของนางหยั่งไปถึงส่วนลึกที่สุดในหัวใจซือหยูหัวใจของเขากำลังแตกสลาย
“ข้าคงเป็นหนี้บุญคุณเจ้าไปตลอดชีวิต”
ซือหยูหลับตาและหันกลับไปเขาไม่อาจมองนางได้อีก แต่เมื่อเขาหันไป ดวงตาของเขาก็เริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา
เซี่ยจิงหยูเช็ดน้ำตามองซือหยูที่จากไปอย่างไร้เยื่อใยดวงตาของนางที่เคยอ่อนโยนอบอุ่นได้แทนที่ด้วยความบ้าคลั่ง
“ซือหยู!ข้าเกลียดเจ้า ข้าสาบานว่าเจ้าจะต้องเสียใจ!”
เสียงร่ำไห้อันเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เต็มไปด้วยความชิงชังมันดังก้องไปทั่วสวนท้อ
ซือหยูสั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำพูดของนางตามหลังเขารู้สึกราวกับหัวใจจะทะลักออกมาจากอก เขารู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไปเมื่อครู่
เขาจะไม่ได้เห็นสตรีงดงามผู้ที่ดึงกระบี่ออกจากฝักเพื่อเขาร้องไห้เพื่อเขา และเสี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างงเพื่อเขาอีกต่อไปแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาจบลงโดยสมบูรณ์
“จิงหยูข้าขอโทษ ข้าสัญญากับเซี่ยนเอ๋อไว้แล้ว ข้าจะแต่งงานกับนาง มิใช่เจ้า แต่ข้าจะแก้ตัวกับเจ้า…บางที…”
ซือหยูพูดเบาๆและเดินไกลออกไป
…
สิบวันพ้นผ่านเสียงดังก้องไปทั้งโลก นี่เป็นวันที่คนทั้งโลกจะได้เห็นงานวิวาห์ครั้งใหญ่ของเจ้าพันธมิตรซือหยู!
วีรบุรุษหลายคนเดินทางมายังก้นบึ้งมังกรเพื่อแสดงความยินดีกับเขาและทุกสำนักที่ได้รับเชิญก็เดินทางมาเช่นกัน แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดก็มางานครั้งนี้ ทุกสำนักได้รับเชิญและจำนวนผู้คนที่มาก้นบึ้งมังกรในวันนี้ก็มากกว่าหลายแสนคน!
ผู้เฒ่าเฉินที่อยู่ตำหนักพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“วีรบุรุษที่มีชื่อเสียงจากทั้งโลกถูกเชิญมาที่นี่!ใครจะไปคิดกันว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ของเราจะมีวันพิเศษเช่นนี้? แต่ท่านเจ้าพันธมิตรมักจะเจียมตัวอยู่เสมอ เหตุใดเขาถึงเชิญคนมาจากทั้งโลกเล่า?”
ผู้เฒ่าเฉินสับสนกับเรื่องนี้แต่เขาก็เห็นว่าถึงเวลาบ่ายแล้ว เวลาเฉลิมฉลองกำลังจะเริ่มขึ้น เขาหยุดคิดและหันไปจัดการงาน!
“เชิญแขกทุกท่านนั่งลงได้”
ผู้เฒ่าเฉินรวบรวมพลังและตะโกนด้วยเสียงดังก้อง
เขาจำต้องจะโกนเสียงดังก็เพื่อว่าในระยะหมื่นลี้นี้มีโต๊ะงานเลี้ยงถูกจัดการเอาไว้จนทั่ว!ภาพที่เห็นนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก! มันคืองานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครเกิดข้อโต้แย้งเพราะซือหยูคือราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งทวีป
“งานแต่งเขาช่างต่างจากคนธรรมดายิ่งนัก”
สตรีผู้มีร่างกายยั่วยวนแต่สีหน้าเย็นชาอุทานออกมาในแววตาของนางมีความรู้สึกอยู่มากมาย
“อู๋เอ๋อเจ้าอย่าพูดแบบนั้นสิ”
มีสตรีงามอีกคนที่ดูสง่างามยืนอยู่ข้างนางดวงตาของนางดูไร้แวว แต่นางก็ดูร่าเริง
“เรามาเพื่อแสดงความยินดีกับเขาจำได้หรือไม่?”
ม่ออู๋ขบริมฝีปากและจิบสุราเลิศรสหยูโหรวกับม่ออู๋ที่หลบหน้าซือหยูได้มาร่วมงานแต่งงานของเขา
“ตอนนี้เขาเป็นหมายเลขหนึ่งแล้วจะมีใครในโลกนี้คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้รับเกียรติมากมายเช่นนี้เพียงเพราะแค่เขาเคยมาที่สำนักเราเล่า?”
ฉีหงซื่อหัวเราะเบาๆเขารู้สึกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกได้รุนแรง
“ทุกคนที่นี่ล้วนมีชื่อโด่งดังแต่สำนักเล็กๆอย่างเราก็ถูกเชิญมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาจากสำนักเรา เราก็ควรจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่หรอก”
จางยู่เฟยกระพริบตาและถอนหายใจความรู้สึกภายในเอ่อล้นออกมาเมื่อคิดถึงอดีตกับซือหยู
ฉีหงซื่อหัวเราะเบาๆ
“เจ้าไม่เห็นรึว่าตระกูลหยุนก็ถูกเชิญมาด้วย?”
DND.706 – ไม่คำนับต่อฟ้าดิน
เมื่อจางยู่เฟยมองออกไปนางก็พบกับหญิงสาวสง่างามนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันนางนั่งด้วยท่วงท่าที่ดูดีและเขินอาย
“นั่นมันองค์หญิงหยุนหยานคู่หมั้นของลี่ห่าว ไม่คิดเลยว่านางจะมา”
จางยู่เฟยมองนางแปลกๆทุกคนในสำนักหลิวเซี่ยนรู้เรื่ององค์หญิงหยุนหยานกับคู่หมั้นของนาง
ลี่ห่าวพยายามจะใส่ร้ายซือหยูแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ซ้ำร้ายเรื่องยังพลิกกลับจนหยุนหยานเกือบจะถูกบังคับให้แต่งงานกับซือหยู มันกลายเป็นเรื่องตลกในสำนัก
“ข้าเคยได้ยินว่าหยุนหยานปิดตัวอยู่ในบ้านเพื่อเลี่ยงซือหยูนางจะต้องมาในวันนี้เพราะแรงกดดันจากครอบครัวแน่”
ฉีหงซื่อพูดและหัวเราะ
จางยู่เฟยพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าทุกคนที่ซือหยูรู้จักจะมาที่นี่หมดแล้วไม่แปลกที่ทุกคนได้รับเชิญ ขนาดพ่อของศิษย์เจ้ายังได้รับเชิญเลย”
ทั้งคู่หันไปมองศิษย์ของฉีหงซื่อนั่นก็คือลี่จุน เขาเพิ่งจะอายุสิบปีแต่ก็นั่งอย่างสงบนิ่งข้างผู้เป็นพ่อของเขาที่สวมชุดสีทอง
“ท่านพ่อตำนานของทวีปเป็นสหายเก่าของท่านจริงๆ…”
ลี่จุนยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับราชาวัยกลางคนลี่จุนภูมิใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก
และลู่จุนผู้นี้ก็เลือกหนทางในการบ่มเพาะพลังเขารู้ความหนักหนาของนามซือหยูดียิ่งกว่าพ่อของเขา นามของซือหยูคือตัวแทนผู้อยู่จุดสูงสุดในโลกการบ่มเพาะ
ดังนั้นซือหยูจึงเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตการได้รับเชิญจากเขาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“น้องซือเจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? ข้าคือองค์ชายสามที่เจ้าเคยรู้จักนั่นแหละ”
ชายชุดสีทองพูด
“ยินดีด้วยสหายเก่า”
ที่โต๊ะไม่ไกลนักฉีตงไล่ดูจะเสียใจอยู่เล็กน้อย เขาถอนหายใจ
“หึหึชะตาเขียนเอาไว้แล้ว เจ้ายังไม่คิดจะปล่อยไปอีกรึเจ้าตำหนัก? ชะตาของนางก็ถูกตัดสินไว้แล้ว ให้นางแบกรับไว้เองเถอะ”
หลินหยุนฮีพูดและหัวเราะเบาๆเขาพยายามปลอบเจ้าตำหนักฉี
ฉีตงไล่ถอนหายใจอีกครั้งและเหลืองมองฉีหยุนเซี่ยงที่นั่งข้างๆเขาเขารู้สึกหมดหวัง
“ท่านพ่อข้าไม่เป็นไร”
ฉีหยุนเซี่ยงยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดูเหมือนการฝืนยิ้ม ทุกคนบอกได้เลยว่านางกำลังคิดหนัก
ด้านหลังมีโต๊ะที่เป็นที่สนใจอย่างมากเพราะมันเต็มไปด้วยหญิงสาวงดงามจากทั้งทวีปผู้คนกลุ่มเดียวที่เป็นเช่นนี้ก็คือคณะวิหคเพลิง
“ท่านอาจารย์ท่านไม่รู้สึกแย่รึ?”
เฟิงเซี่ยนถามและเกือบจะหัวเราะแต่นางก็พยายามจะพูดให้เบาที่สุด
จ้าวคณะวิหคเพลิงพยายามจะไม่สนใจ
“ไม่มีสิ่งใดระหว่างข้ากับเขานอกจากส่วนของอดีตส่วนเจ้าก็ต้องรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ไม่ใช่หรอกรึ?”
รอยยิ้มของเฟิงเซี่ยนจางหายไปนางเงียบไปก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“มีไม่กี่คนนักที่จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้!เขาไม่เหมือนใครจริงๆ…”
มีคนอื่นพูดขึ้นมาบ้าง
คนที่รู้เรื่องอดีตของซือหยูจะเข้าใจความตั้งใจของเขาเขามักจะทำตามใจอยากเสมอ
ดังนั้นจึงไม่แปลกสำหรับพวกเขาที่ซือหยูจะเลือกไม่คำนับต่อฟ้าดินเพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่เขาได้เพิ่มพลังและสถานะขึ้นมา รวมถึงตอนที่เขาบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์…เขาไม่เคยก้มหน้าให้กับสวรรค์แม้สักครั้ง
ทุกคนยิ้มมองซือหยูด้วยความเงียบเขากำลังจะดำเนินงานวิวาห์ด้วยวิถีของตนเอง
ซือหยูใจเย็นอย่างมากเมื่อดึงมือน้อยของเซี่ยนเอ๋อไปโค้งคำนับต่อดยุคเซี่ยนหยูที่นั่งอยู่เบื้องหน้าแต่ทันทีที่ทั้งคู่โค้งคำนับ ท้องฟ้าก็ได้มืดครึ้มลง วายุสายฟ้ายังเริ่มก่อตัวขึ้นอีก
ทั้งก้นบึ้งมังกรถูกรายล้อมไปด้วยเมฆครึ้มในทันทีปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั้นทำให้เหล่าแขกชักสีหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวคณะวิหคเพลิงถามด้วยความตกใจและมองไปยังท้องนภาด้วยหน้าตาที่สับสน
เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนในตอนที่พลังอันน่ากลัวได้มาถึงเฉินหลง บรรยากาศรื่นเริงถูกลบหายไปทันที
หลายคนมิอาจทนนิ่งเฉยได้ผู้เฒ่าจิวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขามองไปยังท้องนภาด้วยความกลัว
“บัญชา…สวรรค์…”
ผู้เฒ่าจิวพูดเสียงสั่น
เซี่ยนเอ๋อตัวสั่นอยู่บนเวทีนางเข่าอ่อนเมื่อสัมผัสแรงกดดันมหาศาลจากเบื้องบน นางเอนกายเข้าหาซือหยูโดยไม่รู้ตัว ซือหยูจับมือของนางเอาไว้และมองไปยังท้องนภามืดมิดอย่างใจเย็น
“สุดท้ายเจ้าก็มาบัญชาสวรรค์เอ๋ย นานมาแล้วนะ”
เสียงของซือหยูเย็นชาอย่างมากราวกับเขาคิดไว้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น
ท้องนภาสั่นสะเทือนสายฟ้าปรากฏ สายฟ้าลั่นดังจนแสบแก้วหู
เมฆามืดเหนือศีรษะซือหยูได้หมุนวนเป็นวายุเขาเงยหน้ามองและเห็นว่ามีพลังที่ชวนให้หัวใจหยุดเต้นออกมาจากวายุ!
“เจ้าต้องคำนับต่อฟ้าดินหากจะดำเนินงานวิวาห์ต่อไป!”
เสียงดังมาจากทุกมุมของทวีป
แม้เสียงจะมาถึงทุกคนแต่พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าเสียงนั้นดังมาจากจิตใจของตนเอง ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก…
ฟ้าดินกำลังพูดอยู่รึ?
ซือหยูจะต้องคำนับต่อฟ้าดินก่อนคำนับต่อวิหารงั้นรึ?
ผู้เฒ่าจิวจ้องมองวายุอย่างเคร่งเครียดเขาลืมตากว้างและตัวสั่นด้วยความกลัว
แต่ซือหยูกลับไม่รู้สึกอะไร
“นี่เป็นงานแต่งงานของข้าข้าไม่ต้องการคำอนุญาตจากฟ้าดิน ไสหัวไปซะ! จงไปให้ไกลจนข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้”
เขาจับมือเซี่ยนเอ๋อและพูดเบาๆ
“เซี่ยนเอ๋อทำต่อไปกันเถอะ”
หัวใจที่สั่นระรัวของนางกลับมาสงบลงหลังจากที่รู้สึกถึงแรงบีบจากมือซือหยูนางเดินตามซือหยูไปและคำนับต่อดยุนเซี่ยนหยู ดยุนเซี่ยนหยูตกใจกับปรากฏการณ์ประหลาด แต่เขาก็ใจเย็นอย่างมากและยอมรับการคำนับของทั้งคู่
“คำนับแรก…”
ผู้เฒ่าเฉินพยายามใจเย็นซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อโค้งคำนับหลังจากที่ได้ฟัง
ครืน
เสียงสายฟ้าโกรธเกรี้ยวดังขึ้นสายฟ้าเริ่มลากเลื้อยอยู่บนท้องนภาไม่หยุด ทุกคนตาพร่าเพราะแสงจากสายฟ้าเบื้องบน
พร้อมกันยังมีคลื่นใหญ่ก่อตัวที่ผิวทะเลคลื่นนี้สูงไปถึงนภา มันส่งเสียงดังลั่นเมื่อซัดกลับไปยังผืนน้ำ
ปั้ง
เสียงสายฟ้าพุ่งลงมาจากวายุสายฟ้าเข้าใส่ซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อมันดูราวกับเป็นวันสิ้นโลก!
“เจ้าหนูถ้าเจ้าต่อต้านสวรรค์ เจ้าก็จงตายไปซะ!”
ฟ้าดินส่งเสียงพูดอีกครั้งพลังสวรรค์พิโรธกำลังก่อตัวขึ้นอีก
เสียงสายฟ้าลั่นหลายร้อยครั้งทำให้ทุกคนใจหายแม้แต่ภูติระดับหนึ่งก็กลายเป็นฝุ่นผงถ้าหากต้องเจอกับพลังระดับนี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าวิบัติอัสนีเสียอีก!
“ท่านเจ้าพันธมิตร!”
หน่วยกวาดล้างตะโกนเสียงดังแม้พวกเขาอยากจะช่วยซือหยู แต่พวกเขาก็สับสนและไม่ได้รวดเร็วไปกว่าสายฟ้า!
แต่ซือหยูไม่เงยหน้ามองสายฟ้าด้วยซ้ำในตอนที่เรียกชุดเกราะหลากสีออกมาอย่างเรียบเฉยเขาหันแผ่นหลังให้กับสายฟ้า ชุดเกราะส่งเสียงคำรามเมื่อสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ การปะทะกันทำให้พลังกระจายไปทั่ว
เสียงระเบิดที่ดังอย่างมากดังขึ้นหนึ่งครั้งพื้นสั่นสะเทือนไปหลายลี้ แรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สาดใส่ทั้งเกาะ! แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือคลื่นเหล่านั้นกำลังจะซัดใส่แขกที่มาร่วมงาน!
“ลำดับ!”
เสียงตะโกนดังมาจากบางแห่งที่ด้านข้าง
ขณะที่เหล่าแขกกำลังจะถูกคลื่นซัดได้เกิดแสงสว่างจ้าจากใต้เก้าอี้ ม่านแสงขนาดใหญ่ปรากฏเป็นครึ่งวงกลมปกคลุมรอบตัวพวกเขา มันทำให้พวกเขาปลอดภัย!
คลื่นยักษ์ซัดผ่านม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่ถูกทำลาย
“ลำดับป้องกันภูเขาของคณะวิหคเพลิงรึ?”
บางคนคาดเดา
“ไม่ใช่มันดูเหมือนกัน แต่เกราะนี้ดูน่าตกใจยิ่งกว่า! แม้แต่ภูติระดับห้าก็ทำลายมันไม่ได้!”
ผู้เฒ่าจิวหยุดสงสัยไม่ได้…ใครกันที่เป็นคนบอกให้สร้างสิ่งที่แข็งแกร่งระดับนี้ขึ้นมา?เขาจะต้องไม่ใช่คนจากเฉินหลงแน่!
ทุกคนมองจ้าวคณะวิหคเพลิงตาไม่กระพริบ
เฟิงเซี่ยนถามด้วยความตกใจและสับสน
“ครึ่งปีก่อนซือหยูยืมลำดับมาจากพวกเราก่อนที่จะปิดประตูฝึกตน เขารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นรึ?”
ทุกคนมองซือหยูที่ยืนอย่างใจเย็นบนเวทีพวกเขาเริ่มคิดว่าบางทีซือหยูอาจจะจงใจเลือกที่จะไม่คำนับต่อฟ้าดินเพื่อที่จะทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาดูใจเย็นเกินไป…เตรียมการมาดีเกินไป!
“คำนับครั้งที่สอง…”
ผู้เฒ่าเฉินยังคงตั้งใจดำเนินงานต่อ
ซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อโค้งอีกครั้งจากนั้นก็มีสายฟ้าหลายร้อยสายซัดลงมาอีกครั้ง แต่มันก็กระจายหายไปอย่างง่ายดายโดยวิบัติอัสนีจำนวนมากในชุดเกราะสายฟ้า
“คำนับครั้งที่สาม!”
ผู้เฒ่าเฉินพูดต่อ
สุดท้ายซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อได้คำนับสามครั้งต่อดยุคเซี่ยนหยูจนจบ
“บ่าวสาวคำนับกันและกัน!”
ผู้เฒ่าเฉินพูดต่อ
การคำนับสุดท้ายนี้คือการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างบ่าวสาวมันคือการแสดงว่าทั้งคู่จะเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ!
ซือหยูดึงมือเซี่ยนเอ๋อให้ยืนขึ้นเขามองดวงตาของนางท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยวายุ ใบหน้าเซี่ยนเอ๋อทั้งมีความสุขและตื่นเต้น
ทั้งคู่โค้งคำนับต่อกันในฉากที่เหมือนกับวันสิ้นโลก