The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 727-728
DND.727 – การมาของจักรพรรดิโลหิต
เซี่ยจิงหยูมือสั่นเมื่อได้ยินคำพูดของซือหยูหยดสุราร่วงลงบนโต๊ะทิ้งรอยเอาไว้ราวกับคราบน้ำตา
“ข้าดีใจจริงๆที่เจ้ายังคิดถึงข้าแม้ในตอนนี้”
เซี่ยจิงหยูยิ้มเบาๆรอยยิ้มนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งในเวลาต่อมา
“แต่สายไปแล้วข้าเผาเซี่ยนเอ๋อจนเป็นธุลีไปแล้ว เจ้าช่วยนางไม่ได้แม้จะมีโอสถฟื้นชะตา”
ความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมปรากฏในใบหน้าของนาง
“นางไม่ควรจะฝันถึงสิ่งที่ข้าไม่มีวันได้รับแม้ข้าจะต้องสละทุกสิ่งไป…ฮ่าๆๆๆ…”
เซี่ยจิงหยูหัวเราะอย่างสุขใจเสียงหัวเราะของนางทั้งบ้าคลั่ง ดุร้าย และเศร้าหมอง
นางเผาเซี่ยนเอ๋อไปแล้วรึ?
ปั้ง!
ซือหยูถอยหลังไปสองก้าวดวงตาเยือกเย็นได้แข็งทื่อไป สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดกลับเกิดขึ้นในท้ายสุด เซี่ยนเอ๋อถูกเซี่ยจิงหยูเผาไปแล้ว
“เจ้าโกหกข้าใช่ไหม?”
ซือหยูก้มหน้าสิ่งรอบข้างจางลง เขามิอาจเห็นสิ่งตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นดอกท้อ เหล่าบุพผา หรือหิมะ
ความเยือกเย็นแผ่ออกมาจากหัวใจอุณหภูมิโดยรอบได้เยือกเย็นลงราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เกล็ดหิมะปรากฏขึ้นพร้อมกับดอกท้อที่ถูกแช่แข็ง
แก่นแท้ดวงใจน้ำแข็งของเขาแตกสลายหัวใจของเขาเองก็เช่นกัน
เซี่ยจิงหยูมองอาทิตย์อัสดงและจันทราลอยผ่องนางพูดช้าๆ
“ข้าโกหกได้แม้แต่สวรรค์แต่ข้าไม่เคยโกหกเจ้า”
“เจ้าไม่ต้องตามหาเซี่ยนเอ๋ออีกแล้วข้าเผานางไปแล้ว นางถูกฝังไปตลอดกาล”
เซี่ยจิงหยูมองซือหยูและพูดออกมา
“ตอนนี้เจ้าเสียใจแล้วรึยังล่ะ?อย่างที่ข้าพูด เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจของซือหยูราวกับมีคนเอามีดแหลมเสียดแทงเข้ามาจนแตกสลายภาพของเซี่ยนเอ๋อฉายซ้ำในจิตใจ รอยยิ้มอันไร้เสียงสาของนาง ความร่าเริงของนาง และความน่ารักของนาง
เขามาช้าไปเขาไม่มีวันได้พบหญิงสาวน่ารักคนนั้นอีกแล้ว นางจะอยู่ในโลกแห่งความตายไปตลอดกาล
ความโศกเศร้าและทุกข์ทรมานเอ่อล้นในหัวใจสิ่งรอบข้างมลายหายรวมถึงบุพผาภายในหิมะ
เขาไม่ได้ยินเสียงใดอีกแล้วเขารู้สึกเพียงความเจ็บปวด ความหวังสุดท้ายของเขาได้ขาดสะบั้นลงไปหลงเหลือเพียงความเยือกเย็น
“เซี่ยจิงหยู”
ซือหยูเงยหน้าน้ำเสียงของเขาไม่ต่างจากตอนที่พูดกับศัตรู แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่มันก็ดูไม่ต่างจากดวงตาของคนตาย มันไร้แววตาของคนเป็นโดยสิ้นเชิง
“หากเจ้ามองเห็นอนาคตเจ้าก็คงเห็นอนาคตของตัวเจ้าเองสินะ?”
ซือหยูพูดกับนางราวกับคนแปลกหน้า
เซี่ยจิงหยูมิได้กลัวเขานางยังคงหนักแน่นเยือกเย็น นางยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้าต้องเห็นอยู่แล้วไม่นานก็จะตาย ตายอยู่ในมือทั้งสองของเจ้า”
ถ้านางรู้ว่านางจะตายแล้วทำไมนางถึงยังทำลายร่างของเซี่ยนเอ๋ออีกเล่า?
ตอนที่ผู้คนรู้ว่ากำลังจะตายคนเหล่านั้นจะคิดอ่านได้อย่างบริสุทธิ์ แต่นางกลับใช้วิธีที่จะทำให้ซือหยูต้องโศกเศร้าไปตลอดชีวิต
“ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วก็จงตายไปซะ”
ซือหยูมองเซี่ยจิงหยูเนตรสวรรค์เหนือชั้นฟ้าที่จ้องมองซือหยูหลับตาลงก่อนจะเบิกโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง
แม้แต่จ้าวเทวะก็แหลกสลายเพราะเนตรนี้มิต้องพูดถึงเซี่ยจิงหยู
เซี่ยจิงหยูยิ้มเบาๆจากนั้นจึงยิ้มเยาะ
“ข้าตายในมือเจ้าก็จริงแต่ข้าไม่เคยพูดว่าข้าจะตายเพราะเจ้า”
เมื่อนางพูดก็ได้มีร่างเงาปรากฏเหนือศีรษะ
นั่นคือเสี้ยววิญญาณของฮงหลวน
นางถือหอคอยจักรพรรดิด้วยใบหน้าชั่วร้ายนางหัวเราะเมื่อมองดูซือหยู
“ต่อให้เป็นคนอย่างเจ้าก็มีวันนี้รึ?ในตอนนั้น เซี่ยจิงหยูยอมแม้แต่จะต้องแต่งงานกับราชาเขตกลางเพื่อที่จะช่วยชีวิตเจ้า น่าประทับมิใช่รึ? แต่วันนี้นางหักหลังและยังบังคับให้เจ้าต้องฆ่านางด้วยมือตัวเอง”
“เจ็บใจสินะ?”
ฮงหลวนหัวเราะอย่างชั่วร้ายและบ้าคลั่ง
“ก็ดีนี่แหละชะตาของเจ้า แต่มันยังง่ายไป มันยังไม่พอ”
“เฉินหลงคือบ้านเกิดของเจ้ามิใช่รึ?ข้าจะให้เจ้าได้เห็นการทำลายล้างที่เจ้าจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า”
ฮงหลวนแทบคลั่งเมื่อยกคอหอยจักรพรรดิและโยนออกไป
หอคอยจักรพรรดิขยายขนาดขึ้นและพุ่งไปที่หน้าเนตรสวรรค์
พลังทำลายล้างที่เนตรสวรรค์ปล่อยออกมานั้นถูกหอคอยจักรพรรดิขัดขวางและทำอะไรหอคอยไม่ได้
แววตาของฮงหลวนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ข้าจะสละเสี้ยววิญญาณนี้ก็เพื่อเจ้า…จงเตรียมตัวไว้ซะยอดฝีมือทั้งหมดในเฉินหลงจะต้องถูกประหาร”
นางพูดและบินขึ้นฟ้านางกระแทกกับหอคอยจักรพรรดิ วิญญาณของนางแตกสลายเพราะแรงปะทะ มันกลาเยป็นเศษแก้วนับไม่ถ้วนและถูกหอคอยดูดซับเข้าไป
หอคอยจักรพรรดิที่ไร้พลังมิติได้เปล่งแสงออกมาอีกครั้งประตูมิติเปิดขึ้นมาแล้ว
ครืน!
เมื่อมันเปิดทั้งโลกเฉินหลงตลอดไปในทวีป ท้องสมุทร และนภาได้สั่นสะเทือน พลัววิญญาณได้ปั่นป่วน ลาวาได้ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของปฐพี มันเผาป่าเขา รอยแยกมิติสีดำมากมายได้ปรากฏบนทุกมุมโลก
ราวกับว่าโลกเฉินหลงกำลังจะแตกสลายในอีกไม่นานปรากฏการณ์ที่น่ากลัวนี้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปแตกตื่น
เรื่องเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในตอนที่ซือหยูอยู่ใต้ก้นบึ้งมังกรและต่อสู้กับจักรพรรดิโลหิตที่พยายามจะมาเฉินหลง
แต่ครั้งนี้ปรากฏการณ์ได้รุนแรงกว่าเดิมเป็นสิบเท่า มีบางอย่างได้มาถึงโลกของเฉินหลงจนมิอาจทนรับการมีอยู่ของเขาได้
จิวหยวนโจวที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรหน้าซีดราวกับกระดาษเขาสั่นไปทั้งตัว
“จักรพรรดิ…โลหิต…”
ซือหยูเงยหน้ามองหอคอยจักรพรรดิ
“ร่างหลักของจักรพรรดิโลหิตรึ?”
เซี่ยจิงหยูหัวเราะบุพผารอบตัวนางฉีกขาดเป็นกลีบนับไม่ถ้วนและลอยขึ้นมาเมื่อเจอกับแรงกดดันมหาศาล
เซี่ยจิงหยูที่อยู่ท่ามกลางกลีบบุพผาดื่มสุราในแก้วของนางจนหมดในอึกเดียว
“นี่คือสิ่งที่ข้าเห็นการทำลายล้างโลก และความตายของทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น”
“เจ้าข้า นภา ผืนดิน เหล่ามด สามัญชน และทุกสิ่งจะกลายเป็นเถ้าถ่านหลังจากการมาของจักรพรรดิโลหิต นั่นคือสิ่งที่ข้าได้เห็น ข้าได้เห็นจุดจบของโลก”
ดูเหมือนว่านางจะเห็นจุดจบของโลกมาก่อนแล้วและนางได้เห็นสิ่งเดียวก็คือโลกที่ถูกทำลายอันว่างเปล่า
สิ่งสิ่งมีชีวิตจะถูกกวาดล้างโดยฝ่ามือของจักรพรรดิโลหิตและการขัดขืนล้วนไร้ความหมาย
ทุกคนจะตายรึ?ซือหยูไม่สงสัยอะไรนักเพราะพลังของจักรพรรดิโลหิตมากพอจะสังหารทุกคนจริง และนี้คือร่างหลักของเขาที่มายังโลก
ฮงหลวนใช้เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางเป็นพลังขับเคลื่อนหอคอยจักรพรรดิจนถึงขีดสุดและจะทำให้ร่างหลักของอสูรเนรมิตรมาถึงเฉินหลงได้
เรื่องราวเป็นเช่นนี้สินะ?ซือหยูเงยหน้ามองท้องนภา เขายิ้มเบาๆบนใบหน้าที่เศร้าหมอง มันเป็นรอยยิ้มขมขื่นถึงที่สุด
“เซี่ยนเอ๋อสุดท้ายแล้ว ข้าจะได้ลงไปเจอเจ้าเสียที”
ถ้าหากจักรพรรดิโลหิตมาที่นี่แม้ว่าเขาจะช่วยเซี่ยนเอ๋อด้วยโอสถฟื้นชะตา แต่มันก็คงจะไร้ความหมายอยู่ดี เพราะพวกเขาทั้งหมดจะตายในตอนท้ายสุด
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
รอยแยกมิติขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ามันทอดยาวสิบลี้ราวกับท้องนภาเป็นกระจกที่แตกกลาง
เพลิงใต้ดินพวยพุ่งขึ้นมาท้องสมุทรและทั้งทวีปลุกไหม้ในกองเพลิงเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอตายหมดในพริบตา
เฉินหลงกำลังจะถูกทำลายโดยทะเลเพลิงเหล่านี้มันกำลังจะถูกทำลายเหมือนกับโลกที่จักรพรรดิโลหิตทำลายไปดังครั้งก่อน
“หึหึเหมือนเดิมจริงๆ โลกอ่อนแอใบนี้รับพลังอะไรไม่ได้เลย”
เสียงเยาะเย้ยดังก้องไปทั้งโลกมันดังถึงหูทุกคน
ชายร่างสูงออกมาจากหอคอยจักรพรรดิเขาสวมผ้าคลุมสีเลือด ชุดเกราะสีเลือด ผมขาวของเขายาวไปถึงแผ่นหลัง มันพัดสยายออกมาอย่างน่ากลัว
ราวกับในดวงตาของเขามีดวงดาวดาวตะวัน และดวงจันทร์อยู่ในนั้น มันดูกว้างขว้างไร้ขอบเขตราวกับจักรวาลที่มีทุกสิ่งอยู่ภายใน
มีมงกุฎลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาในมงกุฎนั้นมีรูปสลักของจักรวาลสลักเอาไว้
เขาราวกับเสาสวรรค์ที่ค้ำจุนโลกทั้งใบและการปรากฏตัวของเขาทำให้โลกเฉินหลงระส่ำระสาย รอยแยกมิติขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมา รอยแยกเหล่านั้นแผ่ขยายและทำลายโลกทั้งใบ
อสูรเนรมิตรนี่คืออสูรเนรมิตรที่ทำโลกเฉินหลงสิ้นลงไปได้โดยไม่ต้องขยับแม้แต่ดัชนีเดียว
เขาคือจักรพรรดิโลหิตเขาได้ก้าวเข้ามายังเฉินหลงแล้ว
แค่การเหลือบตามองของเขาครั้งเดียวก็กำจัดสัตว์อสูรไปมากมาย
จักรพรรดิโลหิตยิ้มมองเฉินหลงทุกสิ่งที่เขามองทั้งภูเขา แม่น้ำ มัจฉา ต้นหญ้า วิหค สัตว์ป่า ทุกอย่างถูกเผาสู่ความเวิ้งว้าง
แค่การเหลือบมองด้วยสายตาก็ทำให้หนึ่งในสี่ของโลกถูกทำลายสิ่งมีชีวิตนับพันล้านถูกฆ่าเพราะเขา
เมื่อมองไปรอบๆเขาได้พบกับเนตรสวรรค์ที่อยู่เบื้องบน แม้ว่าท้องนภาจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะประตูมิติ แต่เนตรสวรรค์ยังคงอยู่ที่เดิม
“ข้าเกลียดการถูกมองเช่นนั้น”
จักรพรรดิโลหิตพูดอย่างเยือกเย็น
ปั้ง!
พอพูดจบโลหิตก็ได้พุ่งออกมาจากเนตรสวรรค์ มันระเบิดหายไป
ซือหยูร้องด้วยความเจ็บปวดโลหิตไหลซึมออกมาจากตาขวาของเขา คำพูดไม่กี่คำของจักรพรรดิโลหิตได้ทำลายเนตรสวรรค์ไปเฉยๆ
ในตอนนั้นเองจักรพรรดิโลหิตละสายตาหันมามองซือหยู
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกโลกทั้งใบทุ่มใส่ตัวโลหิตไหลออกมาจากมุมปากทันที เขากระเด็นไปร้อยลี้ แรงที่กระเด็นได้ทำลายภูเขาไปหลายลูก
“ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าอีก…”
จักรพรรดิโลหิตพูดอย่างเยือกเย็น
ในตอนที่จักรพรรดิโลหิตจะมาที่นี่ผ่านก้นบึ้งมังกรเขาได้สละสมบัติภูติเพื่อมาที่นี่ แต่เขาก็ถูกซือหยูลอบโจมตีด้วยอุบายสกปรกที่ตัดแขนขาเขาไป
เขาจะลืมความอัปยศครั้งนั้นได้รึ?และเพราะเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อมาถึงเฉินหลงก็คือการสังหารซือหยู
แววตาซือหยูที่บาดเจ็บสาหัสยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเพราะหัวใจเขาได้ตายไปแล้ว เขาไม่สนใจความเป็นตายของตนอีกแล้ว
“หืม?เจ้ารับสายตาของข้าได้โดยไม่ตายรึ?”
จักรพรรดิโลหิตตกใจเล็กๆสายตาของเขาทำลายหนึ่งในสี่ของโลกไปแล้ว แต่มันก็มิอาจสังหารเด็กกึ่งภูติคนเดียวได้
เขาหรี่ตามองอีกครั้งและอุทานด้วยความแปลกใจ
“นั่นมัน…ไหมของผีเสื้อโกลาหล!”
เส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้จักรพรรดิโลหิตทั้งมองเห็นและบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด
“เส้นไหมของหนอนวิญญาณผีเสื้อโกลาหลเจ้าหนู ตั้งแต่มุกบาดาลของจักรพรรดิอสูรแล้ว เจ้ายังทำให้ข้าตกใจได้อีกครั้ง”
จักรพรรดิโลหิตมองมายังซือหยูที่อยู่ห่างออกไปเขามองราวกับมองมดปลวก
“มันทำให้ข้าอยากฆ่าเจ้ายิ่งกว่าเดิม”
DND.728 – อัญเชิญอสูร
เมื่อจักรพรรดิโลหิตพูดจบและมองซือหยูอีกครั้งซือหยูได้พบกับพลังทำลายล้างมหาศาลตามมาในที่สุด แต่ซือหยูก็จะไม่รอความตายเฉยๆ เขาเงยหน้าพร้อมกับรอยแดงกลางหน้าผากที่เปิดออก มันคือเนตรดวงที่สามของเขา
ดวงตานี้มีสีเงินลึกล้ำพลังทำลายล้างจากสายตาของจักรพรรดิโลหิตถูกดูดกลืนไปจนหมด ซือหยูไม่เป็นอะไรเลย!
“นั่นมันอะไร?”
จักรพรรดิโลหิตตกใจมากเขามองตาดวงที่สามของซือหยู ดวงตานี้ทำให้เขารู้สึกประหลาด
ซือหยูไม่ตอบและยืนขึ้นก้าวไปข้างหน้าแม้โลหิตจะไหลออกมาจากมุมปาก แต่ดวงตาของเขาก็ไร้ความรู้สึก
“การสังหารข้าไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะ”
จักรพรรดิโลหิตตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะสุขุมตามเดิม
“เจ้ากลายเป็นคนที่หัวใจตายไปแล้วมันน่าเบื่อจริงๆ”
เขาพูดและฟันมือไปทางซือหยูทำให้สิ่งรอบข้างซือหยูแหลกสลายมิติกลายเป็นความว่างเปล่าดำสนิท มันเป็นเวลาเดียวกับที่สิ่งที่เหมือนกับยอดเขายักษ์พุ่งลงมาจากท้องนภาจากทิศอื่น
ในตอนนั้นเองมิติได้แหลกสลาย ขุนเขาแม่น้ำถูกทำลาย ทั้งทวีปเฉินหลงสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง พลังของยอดเขานี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิโลหิตเลบย!
จักรพรรดิโลหิตเลิกคิ้วและใช้พลังที่จะจู่โจมซือหยูไปป้องกันยอดเขาที่พุ่งเข้าใส่เขาแทนการปะทะกันทั้งสองมิได้เกิดเสียงอันใด และเป็นยอดเขาขนาดยักษ์ที่แตกสลายพร้อมกับหอกยาวยี่สิบลี้ที่เผยออกมาจากด้านใน
“สมบัติภูติ…หอกสังหารเทพงั้นรึ?”
จักรพรรดิโลหิตสายตาหม่นหมองดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักหอกนี้
ซือหยูมองยอดเขาที่แตกสลายถ้าเขาจำไม่ผิด ยอดเขานี้ควรจะเป็นยอดเขายักษ์ของอาณาจักรทมิฬที่มีมิติเก้าชั้นอยู่ภายใน
สมบัติภูติชิ้นหนึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในยอดเขาแห่งนี้โดยไม่มีใครรู้จักรพรรดิโลหิตดันฝ่ามือออกไปเมื่อสมบัติภูติพุ่งเข้าใส่
“ฝ่ามือมังกรแปดทิศ!”
จักรพรรดิโลหิตใช้พลังอสูรเนรมิตรเพื่อใช้วิชาระดับภูติ!ในตอนนั้น ชายร่างสูงสวมชุดดำด้านหลังหอกสังหารเทพยาวยี่สิบลี้ได้ปรากฏตัวออกมาที่ขอบนภา
คนผู้นั้นตะโกนเบาๆ
“จุดเนตรมังกรคราม!”
ทั้งเฉินหลงได้สั่นสะเทือนเมื่อสมบัติภูติและวิชาระดับภูติได้ปะทะกันราวกับว่าเฉินหลงจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ!
พลังมหาศาลที่มากพอจะทำลายล้างโลกได้ทำให้ทุกสิ่งในเฉินหลงต้องตาไม่กระพริบทุกสิ่งต่างรู้ว่าวันสุดท้ายของเฉินหลงได้มาถึงแล้ว
แค่ก!แค่ก!
เมื่อทั้งสองปะทะกันจักรพรรดิโลหิตนั้นยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน แต่พื้นเบื้องล่างเขาได้มลายหาย เหลือเพียงความว่างเปล่ามืดสนิท
ส่วนชายร่างสูงชุดดำที่อยู่หลังหอกสังหารเทพนั้นไออย่างหนักหน่วงเขาได้พ่ายแพ้ในการปะทะและบาดเจ็บ
“อดีตสมบัติของจักรพรรดิจิวโจว…”
จักรพรรดิโลหิตมองหอกยาวยี่สิบลี้
เพลิงความโลภลุกโชนในดวงตา
“แค่นามของหอกอย่างเดียวก็สั่นคลอนไปทั้งจิวโจว!น่าเสียดายที่เด็กจ้าวเทวะอย่างเจ้าใช้พลังของมันได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อย แต่เจ้าก็ยังคิดฝันจะใช้มันกับข้ารึ?”
ซือหยูมองไปยังชายร่างสูงแม้ซือหยูจะไม่เคยเห็นเขามาก่อนก็รู้ว่าคนเดียวที่เป็นจ้าวเทวะในเฉินหลงก็คือยอดฝีมือลำดับหนึ่งในอดีตแห่งเฉินหลง…ราชาแห่งความมืด!
ราชาได้ปิดประตูฝึกตนมาหลายร้อยปีและวันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้ก้าวออกมาต่อสู้ ใครจะไปคิดเล่าว่าจะมีจ้าวเทวะเกิดขึ้นในเฉินหลง? เพราะเฉินหลงแทบจะไม่มีภูติอยู่เลย!
ด้วยสมบัติภูติในมือเขาได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นไปหลายเท่า แต่ก็น่าเสียดายที่พลังของเขาแทบจะรับมือกับอสูรเนรมิตรไม่ได้
“ไอ้ทรราชย์!สุดท้ายเจ้าก็กลับมา! ข้ารอคอยการมาของเจ้าตั้งแต่ที่เห็นร่างเงาของกู้ไทซูในเฉินหลง นี่คือเวลาตายของเจ้า!”
ราชาแห่งความมืดพูดเสียงดัง
ในอดีตเขาได้มายังทวีปเหนือในฐานะราชาแห่งความมืดเพื่อกำจัดกองทัพของศัตรู แต่จู่ๆเขาก็ถอยหายไปและปิดประตูฝึกตนมาหลายร้อยปี
นี่เป็นเรื่องที่ทั้งโลกสับสนและไม่เคยเข้าใจมาจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนที่เขาไปล้างบ้างตระกูลยี่ เขาได้พบว่ายี่ซงคือหนึ่งในองครักษ์ของราชาเขตกลาง
หลังจากที่ต่อสู้กันเขาได้หนีออกมาหลังจากที่บาดเจ็บสาหัส จากนั้นเขายังพบร่องรอยของกู้ไทซูอีกด้วย!
พูดสั้นๆก็คือเขามองแผนการของเขตกลางจิวโจวออกเขาจึงต้องรีบเตรียมการทั้งหมดเพื่อวันนี้และบ่มเพาะพลังโดยไม่หยุดพัก
“ในอดีตท่านเฉินดูแลเจ้าอย่างกับลูกในไส้ ตั้งแต่ที่เจ้าออกจากภูเขาภูติ เขาใช้ทั้งใจในการฝึกฝนเจ้า แต่เจ้ากลับหักหลังเขาหลังจากที่ไอ้ชั่วนั้นหักหลังเขาเพราะคิดว่าเจ้าต้องเอาตัวรอด เจ้ายังทำร้ายเทียนจี่จื้อที่บ่มเพาะพลังด้วยกันกับเจ้า เจ้าทำให้เทียนจี่จื้อเกือบตาย! เจ้ามันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!”
คำพูดนั้นดังไปทั่วทุกมุมของแดนเฉินหลงทุกคนได้ยินเสียของราชาแห่งความมืดอย่างชัดเจน
ซือหยูรู้รายละเอียดมากมายในเรื่องนี้กลายเป็นว่าจักรพรรดิโลหิตคือหนึ่งในศิษย์ของเฉินอี้เจิงและมาจากภูเขาภูติเหมือนกับเทียนจี่จื้อ เทียนจี่จื้อพูดว่าเขามาจากสำนักเดียวกับจักรพรรดิโลหิต แม้จักรพรรดิโลหิตจะแข็งแกร่งมาก ท้ายสุดเขาก็คือคนชั่วที่ขายอาจารย์ของตัวเอง!
จักรพรรดิโลหิตสีหน้าใจเย็นเขายิ้มเยาะออกมา
“วิหคย่อมเลือกสร้างรังบนต้นไม้ที่แข็งแรงอย่างไรเขาก็ต้องตายเพราะปรับตัวกับสิ่งใหม่ไม่ได้”
“ส่วนเจ้าแม้จะผ่านมาหลายปี เจ้าก็ยังภักดีอยู่กับราชาตกบัลลังก์ ความภักดีของเจ้าน่ายกย่องแต่ก็น่าเวทนาที่เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นเขาก็คงจะไมให้สมบัติภูติเจ้ามาใช้”
ในตอนนั้นจิตสังหารเอ่อล้นในดวงตาของเขา
“ก็ได้…ข้าจะฆ่าเจ้ากับไอ้แก่นั่นแล้วจะทำลายเฉินหลงซะ!”
จักรพรรดิโลหิตจู่โจมอีกครั้งขณะที่ราชาแห่งความมืดถือหอกเผชิญหน้าตาต่อตาหลายส่วนของโลกเฉินหลงถูกทำลายเพราะการต่อสู้ของทั้งสองคน หลายตำแหน่งกลายเป็นเศษมิติที่แตกกระจาย มันคือการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่กินเวลายาวนานหนึ่งชั่วยาม
แม้ราชาแห่งความมืดจะมีหอกสังหารเทพที่มีพลังอันน่ากลัวเขาก็มิใช่อสูรเนรมิตร ดังนั้นจึงยากมากที่เขาจะทนสู้มาได้นานขนาดนี้
ท้ายสุดพลังชีวิตของเขาก็ถูกใช้จนหมดสิ้น เขากระเด็นไปไกลเพราะแรงตบของจักรพรรดิโลหิต เขาพุ่งกระเด็นไปไกลถึงเกาะเฉินยี่
ซือหยูก้าวเข้าไปรับตัวราชาแห่งความมืดเอาไว้เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดเพราะต้องทนรับพลังอสูรเนรมิตรที่ส่งผ่านมาจากร่างของราชาแห่งความมืด
เขามองราชาแห่งความมืดและพบว่าร่างกายของเขาเสียหายอย่างหนักแม้แต่ดวงวิญญาณของเขาเองก็อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก จักรพรรดิโลหิตนั้นมีชีวิตมายาวนาน การที่ราชาแห่งความมืดมีพลังไม่มากพอนั้นก็นับว่าสมเหตุสมผล
แค่ก!
ราชาแห่งความมืดไออย่างแรงขณะที่โลหิตพุ่งออกจากปากมือของเขายังคงถือหอกสังหารเทพเอาไว้ แต่มือนั้นสั่นไม่หยุด เขาถึงขีดจำกัดแล้ว
แม้ราชาแห่งความมืดจะอยู่ในสภาพเช่นนี้เขาก็ยังดูสง่างามไม่แปรเปลี่ยน เขามองซือหยู แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน ทั้งคู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ในตอนนั้นเองพลังจากเนตรของจักรพรรดิโลหิตได้พุ่งตามมายังทั้งสอง ราชาแห่งความมืดยกหอกขึ้นป้องกันและมองจักรพรรดิโลหิตอย่างเยือกเย็น จักรพรรดิโลหิตนั้นต่อสู้มานานแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บเลย เขาใช้พลังไปเพียงส่วนเดียวเท่านั้น
“มันจะจบลงแล้วคงดีถ้าได้ส่งเจ้าสองคนไปลงนรกพร้อมกัน”
จักรพรรดิโลหิตเริ่มขยับมือทั้งสองเพื่อที่จะใช้ฝ่ามือมังกรแปดทิศอีกครั้งเพื่อสังหารซือหยูกับราชาแห่งความมืดไปด้วยกัน
แต่ราชาแห่งความมืดก็หัวเราะราวกับคนมีความสุข
“จักรพรรดิโลหิตเอ๋ยฝันไปเถอะว่ามันจะจบง่ายๆอย่างที่เจ้าคิด!”
ฟึ่บ!
ราชาแห่งความมืดที่ไม่มีพลังวิญญาณในการต่อสู้เหลือได้โยนกล่องหยกสีดำออกมากล่องหยกนี้เหมือนกันกับกล่องที่ราชาโลกดับสูญถือเอาไว้
“ประตูชีวาล่อง!”
จักรพรรดิโลหิตอุทานเสียงดังสีหน้าของเขาตื่นตระหนกทันที
ราชาแห่งความมืดยืนขึ้นด้วยความยากลำบากเขาหัวเราะชอบใจขณะที่เส้นผมสยายตามแรงของพลัง
“เจ้าคงจะไม่คิดละสิแต่ข้าก็ใช้ประตูชีวาล่องได้แล้วหลังจากที่บ่มเพาะพลังมาหลายร้อยปี”
“จักรพรรดิโลหิตไอ้คนทรยศ! อาจารย์เจ้าใช้ประตูชีวาล่องอัญเชิญอสูรจากต่างโลกมาทำร้ายท่านเฉินในตอนนั้น และตอนนี้ก็ถึงคราวเจ้า ข้าจะตอบแทนมันให้สาสม!”
ราชาแห่งความมืดตะโกน
ราชาแห่งความมืดหยิบแผ่นกระดาษบางที่มีอักษรประหลายมากมายออกมาอักษรเหล่านั้นมีรูปร่างที่ดูน่าเกลียด อักษรแต่ละตัวได้ปล่อยจิตสังหารและพลังอสูรที่น่ากลัวออกมาด้วย
“ประตูชีวาล่องเป็นประตูมิติของตระกูลอสูรถ้าอ่านข้อความในกล่องนั่นได้ก็จะอัญเชิญร่างเงาของอสูรมาได้เจ็ดนาที ข้าเขียนซ้ำข้อความของมันและศึกษามาหลายร้อยปีก่อนจะใช้มันได้”
ใบหน้าจักรพรรดิโลหิตเต็มไปด้วยความกลัวในแววตานั้นตื่นตระหนกยังไม่หาย
“เจ้ากำลังเล่นกับไฟถ้าอสูรมาที่นี่มันก็จะไม่ปล่อยใครไปทั้งนั้น! มันจะสังหารทุกสิ่ง มันจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ราชาแห่งความมืดหัวเราะเมื่อได้ยิน
“หึหึแล้วถ้าข้าไม่อัญเชิญมา เจ้าจะปล่อยพวกข้าไปงั้นรึ?”
จักรพรรดิโลหิตส่ายหน้า
“มันจะจบแล้วจงตายซะ”
“”หลิงหลี่หมาเหมาฟ่าฮง…
ราชาแห่งความมืดเริ่มพูดคำที่แปลกอย่างมากมันบาดหูและเต็มไปด้วยจิตสังหารในน้ำเสียง
จักรพรรดิโลหิตตะโกนลั่น
“หยุดนะ!”
แต่มันก็สายไปแล้วกล่องหยกทมิฬเริ่มเปิดออกช้าๆ ลำแสงทมิฬยาวยี่สิบลี้ได้พุ่งทะยานสู่นภาจากกล่อง
พลังมหาศาลปะทุออกมาจากลำแสงทมิฬซือหยูคุ้นเคยกับพลังของมันเพราะมันคือพลังเดียวกับขนอสูรที่เขาเคยต่อสู้ในกระโจมเทพสวรรค์! แต่พลังของเส้นขนอสูรเส้นเดียวที่มากพอจะสังหารเหล่าจ้าวเทวะกลับเทียบหนึ่งในร้อยส่วนของอสูรครั้งนี้ไม่ได้
เมื่อลำแสงสลายไปอสูรที่ตัวสูงยี่สิบลี้ก็ได้ปรากฏตัวออกมา มันก้าวลงบนพื้นขณะที่หัวนั้นอยู่บนชั้นฟ้า ดวงตาสีเลือดของมันเปล่งแสงจ้าเมื่อมองลงมายังโลก
ในตอนนั้นพลังอสูรได้ปกคลุมไปทั่วโลก อสูรได้จ้องมองไปยังอสูรเนรมิตรคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งนี้
มันแผดเสียงน่าสยดสยองออกมาดูเหมือนว่ามันหัวเราะ แต่ก็ดูเหมือนมันขู่คำราม
ปั้ง!
อสูรเตะออกไปมันดูเหมือนกับอัสนีทมิฬและมันเตะไปที่จักรพรรดิโลหิต! ความกลัวปรากฏในใบหน้าของเขาแต่เขาก็ต้องรวบรวมความกล้าเค้นพลังออกมาต่อสู้
ปั้ง!
ความหวาดกลัวฉาบใบหน้าจักรพรรดิโลหิตฝ่ามือที่ปะทะกับขาอสูรนั้นไม่ต่างกับก้อนหินที่ขว้างเข้าใส่มหาสมุทร เขารู้สึกราวกับได้ปะทะกับดาวหมื่นดวงพร้อมกัน!
เอื้อก!
จักรพรรดิโลหิตที่ไร้บาดแผลจนถึงตอนนี้กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากเขากระเด็นไปพันลี้ เพียงแค่มองก็บอกได้ว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
จักรพรรดิโลหิตรวบรวมความกล้า
“เจ้าอยากตายสินะ”
“เป็นแค่ร่างเงาของอสูรแต่กล้าอวดดีเช่นนี้เชียวรึ?”
จักรพรรดิโลหิตหยิบเอามัจฉาไม้สีทองออกมา
มัจฉาไม้นี้เสียหายอย่างหนักและค่อนข้างเก่าแก่แต่มันก็ยังคงมีพลังอรหันต์ที่หนาแน่น เพียงแค่มองมันจิตใจก็แจ่มใสขึ้นมา มันน่าเคารพบูชาอย่างมาก