The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 737-738
DND.737 – ราชาเขตกลาง
“พวกเจ้าไม่ควรจะอยู่ที่นี่เพราะยากที่ข้าจะใช้พลังทั้งหมดถ้าต้องดูแลคนอื่นด้วยและข้าจะหนีง่ายกว่าถ้าต้องไปคนเดียว”
ซือหยูพูดอย่างมั่นใจ
เซี่ยจิงหยูขบริมฝีปากนางอยากจะพูดแต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ ซือหยูจับไหล่ทั้งสองของนางด้วยทั้งสองมือและจูบหน้าผากนางต่อหน้าคนทั้งแสนคน การแสดงความรักต่อทุกคนเช่นนี้เผยความตั้งใจของเขาต่อทุกคนในเฉินหลง
เซี่ยจิงหยูตัวสั่นเมื่อริมฝีปากอันอบอุ่นจรดใบหน้านางหน้าแดงและยื่นนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“จิงหยูดูแลเซี่ยนเอ๋อให้ข้าได้ไหม? ถ้าข้ารอด ข้าจะกลับมาหาเจ้า…”
นี่คือคำขอที่เซี่ยจิงหยูมิอาจปฏิเสธเพราะนางคือคนเดียวที่จะดูแลเซี่ยนเอ๋อเพื่อเขาได้ หลังจากที่นางลังเลอยู่นาน จิงหยูได้มองตาซือหยูและพยักหน้าเบาๆ
“ข้าสัญญาแต่พี่ต้องสัญญากับข้าด้วยว่าจะกลับมา”
ซือหยูพยักหน้า
ไม่นานทุกคนก็ได้หนีไปทางตะวันออกด้วยการปกป้องของราชาแห่งความมืด ซือหยูมองตราทมิฬเมื่อพวกเขาจากไปแล้ว เขาพยายามบินหนีแต่ตราทมิฬก็ตามติดเขาราวกับแม่เหล็ก มันไล่ตามเขาไม่หยุดหย่อน
แต่เขาไม่ได้ห่วงมันเท่ากับคนอื่นๆเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าเซี่ยจิงหยูกับคนอื่นๆปล่อยภัย
จากนั้นเขาจึงหันไปจ้องมองตราและคิดหาเหตุผลมันเป็นเวลาเดียวกับที่ตราทมิฬเริ่มเปล่งแสง แสงสีดำพุ่งออกมาจากตรานั้น
มีภาพฉายบัลลังก์แก้วปรากฏขึ้นชายหนุ่มนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งนี้ เขาสวมชุดสีอำพันที่มีลายมังกรเก้าตัว มังกรเหล่านี้เหมือนกับมังกรของจริงที่มีคุณสมบัติวิญญาณอันน่าตกใจ
ซือหยูมองบัลลังก์ตรงหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาดูเหมือนจักรพรรดิของโลกมนุษย์ ซือหยูจ้องมองเขาและพยายามมองใบหน้าให้ชัดเจน แต่เขาก็เจ็บตาเป็นอย่างมาก เขามิอาจมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆได้
“ถ้าจักรพรรดิโลหิตใช้ตรามรณะเขาก็คงจะตายไปแล้วสินะ…”
จักรพรรดิบนม่านแสงใจเย็นและไม่สนใจต่อสิ่งใดราวกับว่าไม่มีสิ่งใดทำอะไรเขาได้…แม้แต่ความตายของอสูรเนรมิตรขั้นสุดยอดอย่างจักรพรรดิโลหิตก็ตาม!
ซือหยูแววตาเย็นชาลง
“เจ้าเป็นใคร?”
“หืม?…จักรพรรดิโลหิตเป็นหัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างของข้า…เจ้าคิดว่าเป็นใครกันล่ะ?”
จักรพรรดิตอบคำถามด้วยคำถามฃ
ราชาเขตกลาง!ซือหยูตกตะลึง จักรพรรดิตรงหน้าเขาคือราชาเขตกลาง!
“บอกข้าว่าใครฆ่าจักรพรรดิโลหิต!ถ้าจักรพรรดิโลหิตพุ่งเป้าหมายใส่เจ้าก่อนตาย เจ้าก็ควรจะรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
แม้ราชาเขตกลางจะพูดอย่างเรียบเฉยน้ำเสียงของเขาก็ไม่ต่างจากการออกคำสั่ง
ซือหยูละสายตาจากเขาและพยายามจะหนีแต่เมื่อเขาขยับตัวเพียงเล็กน้อย ราชาเขตกลางก็ได้จ้องมองกลับมา
สายตาของเขาทำให้ซือหยูเย็นไปถึงกระดูกโลหิตทุกหยดในร่างของเขาแข็งตัวจนเขาขยับไม่ได้ แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่น่ากลัวถึงเพียงนี้! …ราชาเขตกลางมีพลังในขอบเขตใดกัน?
“ก็ได้!ข้ากำลังบ่มเพาะพลังอยู่ ถ้าเจ้าไม่คิดจะพูด ข้าก็จะไม่ถามอะไรแล้ว”
ราชาเขตกลางพูดอย่างเยือกเย็น
เขาพูดและโบกมือไปทางซือหยูแม้สิ่งที่ได้เห็นจะเป็นเพียงม่านแสงระหว่างทั้งสอง ซือหยูก็รู้สึกได้ว่าวิญญาณของเขากำลังสั่นสะเทือน ราวกับว่ามีบางอย่างจับวิญญาณของเขาเอาไว้ มันเริ่มดึงวิญญาณออกเขาออกจากร่างแล้ว!
นี่มันพลังอะไรกัน?เขาชิงวิญญาณจากระยะไกลขนาดนี้ได้ด้วยรึ? ซือหยูตื่นตกใจอย่างมาก เพราะสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงแค่ภาพฉาย และราชาเขตกลางควรจะอยู่ไกลกว่าเขาอย่างน้อยพันล้านลี้! แต่เขากลับมีพลังที่จะชิงวิญญาณซือหยูได้ง่ายๆโดยไม่สนใจเรื่องระยะทาง!
วิญญาณซือหยูขัดขืนและแม้ว่าวิญญาณจะพยายามกลับเข้าร่างเท่าใด มันก็มิอาจสลัดจากพลังมหาศาลที่ถูกลากออกมาได้ ซือหยูได้แต่มองวิญญาณถูกลากออกไป ซือหยูจะตายถ้าหากวิญญาณของเขาถูกลากจนหลุดออกจากร่าง!
ตลอดเวลาที่ราชาเขตกลางพยายามสังหารซือหยูสีหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้ปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ราวกับว่าเขากำลังเหยียบมดตัวหนึ่งเท่านั้น
ซือหยูมิอาจโต้กลับได้เมื่อวิญญาณกำลังถูกฉุดคร่านั่นก็ทั้งร่างของเขาอยู่ในสภาพถูกกักขังที่ยังไม่เป็นอิสระ
ซือหยูมองโอสถฟื้นชะตาที่เหลือพลังเพียงหนึ่งในเก้าและเมื่อใช้มันครั้งที่สอง เขาเห็นว่าแสงที่ส่องประกายของมันหม่นหมองลง มันเหลือพลังเพียงไม่ถึงครึ่งของหนึ่งส่วน!
ซือหยูกัดฟันแน่นเมื่อวิญญาณเกือบจะถูกลากออกจากร่างจนหมดแสงสีม่วงส่องออกมาจากดวงตาของเขา
“ย้อนเวลา!”
เขาตะโกนพร้อมกับเวลาที่เริ่มไหลย้อนกลับไป
ร่างของซือหยูกลับมาอยู่ในสภาพเดิมวิญญาณของเขากลับมาในร่างกายอีกครั้ง
ราชาเขตกลางที่เบาใจอยู่ในม่านแสงเริ่มมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นเหตุการณ์หายากเขาอุทานขึ้นมา
“ห้วงเวลาไหลย้อน!ไม่คิดเลย!”
ในตอนนั้นซือหยูตกใจไม่ต่างกัน แม้ว่าเวลาจะไหลย้อนกลับ พลังที่ลากวิญญาณของเขากลับไม่ได้รับผลกระทบเลย! หรือพูดอีกอย่างก็คือ…การย้อนเวลานั้นมิอาจส่งผลต่อราชาเขตกลางได้ พลังของเขาจะต้องอยู่ในระดับที่มิอาจหยั่งถึง!
“น่าสนใจนักข้าอยากรู้แล้วว่ามีอะไรที่เจ้าแปลกกว่าคนอื่น”
ราชาเขตกลางแสยะยิ้ม
พลังฉุดวิญญาณของซือหยูเริ่มรุนแรงกว่าเดิมเป็นสองเท่าวิญญาณของเขากำลังจะถูกลากออกจากร่างอีกครั้ง มีแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่ยังยึดติดอยู่กับตัว
“หืม?วิญญาณเจ้ามีบางอย่างที่ข้าทำอะไรไม่ได้…”
ราชาเขตกลางสนใจซือหยูยิ่งขึ้นไปอีกพลังที่ลากวิญญาณซือหยูรุนแรงกว่าเดิมไปอีกสองเท่า!
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
เกิดเสียงลั่นออกมาจากหม้อเก้ามังกรในวิญญาณซือหยูเมื่อถูกลากออกนี่เป็นครั้งแรกที่หม้อเทพได้ถูกขยับโดยพลัง
“นี่ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว!ข้าสงสัยยิ่งกว่าเดิมอีก!”
ราชาเขตกลางตกตะลึงเขาใช้พลังสองในสามของตัวเอง แต่เขาก็มิอาจดึงวิญญาณของซือหยูออกมาได้!
เพราะถ้าหากศัตรูของเขาคืออสูรเนรมิตรเขาใช้พลังแค่สองในสิบก็มากพอที่จะดึงวิญญาณออกมาแล้ว ราชาเขตกลางยิ้มเบาๆและใช้พลังทั้งหมดที่มี พลังที่ลากวิญญาณของซือหยูรุนแรงกว่าเดิมอีกห้าเท่า!
โฮก!
เสียงมังกรคำรามดังขึ้นมาทันทีเสียงลอยขึ้นท้องฟ้าจากหม้อเก้ามังกร วารีสีแดงภายในหมเอเริ่มสั่นอย่างแรงราวกับวายุในมหาสมุทร
ส่วนหนึ่งของหม้อเก้ามังกรถูกลากออกมาจากร่างซือหยูพร้อมกับดวงวิญญาณมีส่วนหนึ่งของหม้อถูกเผยออกมา รอยยิ้มของราชาเขตกลางหุบลงในทันทีที่เห็นส่วนหนึ่งของหม้อเก้ามังกร
เขาทั้งสับสนหวาดกลัว และโกรธเกรี้ยว ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หม้อเก้ามังกร!หม้อเทพของเทพโบราณกาลจิวหลง!”
ราชาเขตกลางตะโกนออกมาด้วยความตกใจและยืนขึ้นจากบัลลังก์ใบหน้าไร้อารมณ์ของเขาได้เต็มไปด้วยความตกใจและปิติยินดี
“หม้อเทพมาตกอยู่ในดินแดนจิวโจวแล้ว!”
ราชาเขตกลางตาลุกวาวด้วยความยินดี
เขาหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ!สวรรค์เข้าข้างข้าแล้ว หม้อเทพกำลังจะตกมาอยู่ในมือข้า!”
ซือหยูตกใจยิ่งกว่าเขาเขามิอาจเชื่อว่าราชาเขตกลางจะบอกได้ว่ามันคือเก้ามังกรเพียงแค่เห็นมันเพียงส่วนเดียว! และซือหยูยังสงสัยยิ่งไปกว่านั้น…
เทพโบราณกาลจิวหลงคือใครกัน?แล้ว…หม้อเก้ามังกรเป็นของเขางั้นรึ?
แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะคิดเรื่องนี้เพราะถ้าหากเขาถูกจับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอด เพราะซือหยูซ่อนความลับที่ราชาต้องการเอาไว้!
ซือหยูต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะสลัดราชาให้หลุดเขามองตราทมิฬและใช้พลังเนตรทั้งหมดออกมา ตราทมิฬถูกย้อนเวลากลับไปตอนที่มันใหม่กว่า จากนั้นจึงย้อนกลับไปอีกในตอนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ
ตราบเท่าที่ซือหยูยังย้อนเวลาต่อไปตราก็จะกลับมาสู้ตอนที่มันถูกสร้างซึ่งเป็นเพียงวัตถุดิบ ถ้าเขาทำแบบนั้นได้ ภาพฉายก็จะหายไป นั่นหมายความว่าราชาเขตกลางจะดึงวิญญาณของเขาไปไม่ได้อีกแล้ว! แม้การย้อนเวลาจะทำอะไรราชาเขตกลางไม่ได้ แต่มันก็ส่งผลกับตรามรณะ!
ราชาเขตกลางตกใจ
“หยุดนะ!”
แต่เสียงแตกก็ดังขึ้นมาเมื่อเขาตะโกนซือหยูมองมือตัวเองและพบว่าโอสถฟื้นชะตาได้สลายกลายเป็นผง!
ดูเหมือนว่าซือหยูจะใช้พลังทั้งหมดของมันไปแล้วพลังชีวิตของโอสถถูกใช้จนหมดสิ้น มันไม่ควรจะมาพลังหมดในตอนนี้เลย!
ซือหยูใจหายเมื่อราชาเขตกลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกแววตาเขาเยือกเย็นเมื่อตะโกน
“คนอย่างเจ้ามีสิทธิ์จะมีสิ่งที่ข้าปรารถนางั้นเรอะ?”
เขาเพิ่มพลังยิ่งกว่าเดิมวิญญาณของซือหยูที่ยังติดอยู่ในหัวถูกดึงออกมาไกลขึ้น และหม้อเก้ามังกรก็เคลื่อนไหวอีกเล็กน้อย
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปวิญญาณของเขาจะถูกดึงออกมา! ซือหยูกัดฟันใช้พลังอีกครั้ง
“ย้อนเวลา!”
เขาตะโกน
ราชาเขตกลางตื่นตกใจจนสบถออกมา
“บัดซบ!”
เขาปล่อยฝ่ามือใส่ซือหยูอย่างรวดเร็วฝ่ามือของเขามีพลังอันไร้ขอบเขตที่ยิ่งใหญ่พอจะสั่นคลอนโลก แม้ว่ามันจะเชื่อมต่อจากภาพฉาย ซือหยูก็สัมผัสได้ว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา!
“วายุมิติ!”
ในตอนนั้นเองแสงสีแดงจากดวงตาซือหยูล้อมรอบร่างกายและวิญญาณของเขาเอาไว้
มันเป็นเวลาเดียวกับตอนที่ตรามรณะกลับมาเป็นวัตถุดิบม่านแสงสั่นอย่างแรง พลังของราชาเขตกลางอ่อนลงไปมากกว่าครึ่ง มันลากหม้อเก้ามังกรออกมาไม่ได้อีกแล้ว
วิญญาณของซือหยูรีบกลับเข้าร่างก่อนจะก้าวเข้าสู่วายุมิติราชาเขตกลางไม่พอใจอย่างมาก เขาแทบจะคลั่งเสียด้วยซ้ำเมื่อรู้สึกว่าสมบัติล้ำค่าได้หลุดมือไป!
แต่ภาพฉายแสงก็สั่นสะเทือนเบาๆและจางหายไปจนหมดโชคดีเป็นของซือหยู ขณะที่ราชาเขตกลางได้โกรธแค้นถึงขีดสุด
ณเวลานั้น ห่างจากจุดที่เกิดการต่อสู้ไปพันล้านลี้ พบเมืองมนุษย์ขนาดยักษ์ที่แผ่ขยายกว้างล้านลี้และมีคนเหนือกว่าเฉินหลงเป็นสิบเท่าได้ลอยอยู่บนฟ้า เมืองนี้มีสีทองอร่ามตารายล้อมไปด้วยตำหนักที่เหมือนดาวล้อมเดือน
ที่โถงใหญ่ในตำหนักมีคนนั่งอยู่เขาสวมชุดสีอำพันและมีมังกรทองปักเอาไว้ มีมงกุฎหยกสวมอยู่ที่หัวของเขา
มีแสงส่องประกายด้านหลังเขาสิบลี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์บางอย่าง
ดวงตาของเขากว้างใหญ่ดั่งดวงดาวแต่มันก็เยือกเย็นและไร้ความรู้สึก เป็นแววตาที่ดูถูกทุกสรรพสิ่ง บอกได้เลยว่าคนผู้นี้มีตำแหน่งยิ่งใหญ่และอำนาจเหลือคณา ชุดสีทองของเขาทำให้ดูสูงส่งยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอาจารย์เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงสาวเจริญวัยยืนอยู่ใต้บัลลังก์นางถามด้วยความสงสัย
นางอายุเพียงสิบแปดปีดวงตาของนางบริสุทธิ์ดั่งหิมะ ดวงตานั้นยังงดงามสดใสเป็นประกาย
แม้นางจะเป็นเพียงหญิงสาวร่างกายของนางก็โค้งเว้าน่ามอง เอวคอดมาพร้อมกับหน้าอกอวบอิ่ม นางมีรูปร่างที่น่าประทับใจอย่างมาก!
ถ้าหากมองนางให้ดีก็จะพบว่ามีมงกุฎจางๆที่มีรอยสุริยันจันทราและดาราอยู่เหนือศีรษะนั่นคือสัญลักษณ์ของอสูรเนรมิตร!
“เรียกองครักษ์แสงกระจ่างมา”
ราชาเขตกลางสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเมื่อออกคำสั่ง
นางพยักหน้ารับคำสั่งและโค้งคำนับก้าวลงไปไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกับชายห้าคนที่สวมชุดเกราะสีทอง แต่ละคนมีมงกุฎคล้ายนางอยู่เหนือหัว
“ฝ่าบาท!”
อสูรเนรมิตรทั้งห้าพูดพร้อมกันและคุกเข่าต่อหน้าเขา
“ลุกขึ้นมาเราไม่มีเวลาแล้ว! ข้าต้องการให้พวกเจ้าหาคนคนหนึ่ง”
ราชาเขตกลางโบกมือม่านแสงปรากฏที่กลางห้องโถง
ภาพชายหนุ่มผมขาวได้ถูกฉายผ่านม่านแสงเขามีรอยแดงเป็นแนวที่ระหว่างคิ้ว ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาจนอาจจะสับสนได้ง่ายๆว่าเขาเป็นภาพเขียนที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง!
DND.738 – ร่างกายที่เปลี่ยนไป
“หามันให้เจอ!ไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ต้องเอามันมาให้ข้า! ที่สุดท้ายที่ข้าเจอมันคือระหว่างชายแดนของเรากับดินแดนพรสวรรค์…”
ราชาเขตกลางรีบสั่งการ
องครักษ์ทั้งห้ายอมรับคำสั่งคนที่เป็นผู้นำถามเพื่อความแน่ใจ
“ท่านอยากให้จับเป็นหรือตายขอรับ?”
“จะเป็นหรือตายก็ไม่เป็นไรข้าต้องการร่างของมัน!”
ราชาตอบกลับ
หญิงสาวมองชายหนุ่มในม่านแสงและถาม
“ท่านอาจารย์เขาทำความผิดอะไรถึงต้องออกคำสั่งตามล่าเขาด้วยตัวเองรึ?”
ความอบอุ่นปรากฏในแววตาไร้ความรู้สึกของราชาเขตกลางเมื่อมองสาวน้อย
“มันเป็นคนชั่วช้าที่สุดมันฆ่าจักรพรรดิโลหิตไปแล้ว ข้ากลัวว่ามันจะทำร้ายประชาชนเขตกลาง มันเลยต้องถูกจับตัวมาลงโทษ!”
หญิงสาวตกตะลึง
“ลุงจักรพรรดิโลหิตตายแล้วรึ?”
ราชาเขตกลางถอนหายใจด้วยความเศร้า
“ใช่แล้วเขาถูกชายคนนี้ฆ่าอย่างทารุณ”
หญิงสาวกำหมัดและกัดฟันน้ำตาเริ่มไหลออกมา
“มันฆ่าคนดีมีเมตตาอย่างลุงจักรพรรดิโลหิตได้ยังไง?”
ความชิงชังปรากฏในดวงตาของนางขณะที่มองภาพของซือหยู
“ท่านอาจารย์ให้ข้าไปฆ่ามันด้วยมือตัวเองเถอะ! องครักษ์แสงกระจ่างไม่ได้แข็งแกร่งกว่าลุงจักรพรรดิโลหิตเลย พวกเขาอาจจะโดนทำร้ายกลับมาได้ ให้ข้าจัดการกับมันแทน ข้าต้องทำสำเร็จแน่นอน”
ราชาเขตกลางส่ายหน้ามองหญิงสาว
“ไม่ต้องหรอกเจ้าบ่มเพาะพลังอย่างสงบสุขและรีบฝึกวิชาน้ำแข็งสวรรค์หยกสตรีก็พอแล้ว ให้องครักษ์แสงกระจ่างจัดการเรื่องนี้จะดีกว่า มันจะต้องตายอย่างแน่นอน”
เมื่อราชาเขตกลางเห็นว่าหญิงสาวไม่เต็มใจจะยอมรับเขาถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเผยใบหน้าอันอบอุ่น
“ข้ารู้ว่าจักรพรรดิโลหิตเคยช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้แต่เจ้าต้องจัดการทุกสิ่งอย่างรอบคอบ การบ่มเพาะคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ เรื่องอื่นทิ้งไว้จัดการทีหลังจะดีกว่า”
“ข้ารู้แล้ว”
หญิงสาวยอมแพ้และพยักหน้า
ราชาเขตกลางพยักหน้าเช่นกัน
“เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว”
หญิงสาวหันหลังจากไปนางหยุดไม่ได้ที่จะเหลือบมองภาพซือหยูด้วยหางตา จิตสังหารอันเยือกเย็นปรากฏในแววตาของนาง
ณทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ไกลออกไปพันล้านลี้ คลื่นขนาดยักษ์ได้พุ่งขึ้นมา วายุมิติปรากฏเหนือทะเลสาบนี้พร้อมกับชายผมขาวที่ตกลงไปยังทะเลสาบ
ชายผู้นี้คือซือหยูแต่รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปจนไม่มีใครจำได้ ชิ้นส่วนผิวหนังหลุดร่อนออกจากร่างกายของเขา ราวกับว่าเขากำลังลอกหนังออกจากตัว!
ผิวของคนหนุ่มที่เรียบเนียนได้กลายเป็นผิวหยาบกร้านและเต็มไปด้วยริ้วรอยใบหน้าของเขาดูแก่เฒ่ายิ่งกว่า พลังของเขาอ่อนลงไปมาก กล้ามเนื้อเหี่ยวแห้งไร้เรี่ยวแรง เขากลายเป็นผู้เฒ่าในวัยแง้มฝาโลง
ซือหยูคลานออกมาจากทะเลสาบด้วยความยากลำบากเขาเปียกไปทั้งกายและอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก เขายืนขึ้นบนทะเลสาบและมองภาพสะท้อนของตัวเอง สีหน้าของเขายังคงเยือกเย็นหนักแน่นตามเดิม แต่ความรู้สึกขมขื่นได้เอ่อล้นจากหัวใจ
พลังชีวิตของโอสถฟื้นชะตาถูกใช้จนหมดในท้ายสุดและเขาต้องใช้ชีวิตของตัวเองในการย้อนเวลาต่อไป แม้เขาจะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่พลังนั้นได้ดูดกลืนชีวิตเขาไปเกือบร้อยปี มันเปลี่ยนชายหนุ่มเป็นผู้เฒ่าในพริบตาเดียว!
“ราชาเขตกลาง…ข้าจะต้องล้างแค้นให้จงได้”
ซือหยูกัดฟันพูด
เขาตั้งมั่นที่จะกำจัดราชาเขตกลาง!แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือเซี่ยจิงหยูกับคนอื่นๆ…
พวกนางหลอกคนจิวโจวได้สำเร็จและสร้างที่อยู่อาศัยได้ไหมนะ?แล้ว…พวกนางอยู่ไหน? ข้าจะหาเจอได้ยังไง?
วายุมิติยักย้ายเขาได้เป็นพันล้านลี้เขาไม่รู้เลยว่าขณะนี้เขาอยู่ที่ใด
“ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกนางแล้วสินะ”
ซือหยูถอนหายใจและตัดสินใจที่จะเป็นห่วงตัวเองก่อน
เขานั่งสมาธิเพื่อสังเกตสภาพร่างกายของตัวเองเขาหวาดกลัวในสิ่งที่ได้พบ ทั้งร่างของเขาแห้งเหี่ยวโดยเฉพาะอวัยวะภายในกับเนื้อหนัง เขาแทบจะไม่มีแรงพอที่จะพยุงน้ำหนักของสิ่งเหล่านั้น!
อวัยวะภายในของเขาอ่อนแอลงจากความแก่เฒ่ามันเปราะบางเป็นอย่างมาก แม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขา กล้ามเนื้อเองก็อ่อนแอกว่าเดิมหลายเท่า
แม้ว่าร่างกายของซือหยูในอดีตจะไม่ได้กำยำหรือรูปร่างดีนักกล้ามเนื้อกับโลหิตของเขาก็มีพลังกายภาพที่น่ากลัวเอาไว้ แต่ตอนนี้กล้ามเนื้อของเขาได้เหี่ยวแห้งจนรู้สึกว่าเขาไม่มีร่องรอยของพลังอยู่เลย แม้แต่เข่าก็ไม่ได้ช่วยให้เขายืนขึ้นได้ง่ายๆอีกต่อไป
สายพลังโลหิตที่ใช้แจกจ่ายพลังได้เสื่อมอายุลงจนพลังชีวิตติดขัดยิ่งไปกว่านั้นพลังชีวิตยังไหลเวียนไม่ได้ เขาใช้ไม่ได้แม้แต่พลังวิญญาณเสี้ยวเดียว!
ทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะเขาได้บ่มเพาะกายามังกรและมีพลังไปถึงขอบเขตภูติมิเช่นนั้นมันคงไม่ได้แค่เสื่อมอายุลง แต่มันจะต้องขาดสะบั้นไปแน่นอน
ไม่กี่สิ่งที่ยังดีอยู่ก็คือจุดกำเนิดพลังและดวงวิญญาณของเขาแก้วพลังชีวิตทั้งหกดวงในร่างกายมิได้เสียหายเลย
พวกมันไม่ได้รับผลอะไรเลยด้วยซ้ำมันยังมีพลังเชี่ยวกรากกักเก็บเอาไว้ ดังนั้นถ้าเมื่อไรที่สายพลังโลหิตของเขาฟื้นฟูขึ้นมา เขาจะเริ่มเลื่อนระดับพลังเป็นภูติได้ทันที
ส่วนดวงวิญญาณมันไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีหม้อก้นบึ้งมังกรอยู่ สองสิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ซือหยูเบาใจไปบ้าง
สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือใช้สมบัติของเขาในการบำรุงร่างกายให้กลับมาดีดังเดิมและปล่อยให้สายพลังโลหิตฟื้นตัวขึ้นพอถึงตอนนั้นเขาจะได้เป็นภูติ และเมื่อเป็นภูติเมื่อไหร่ ช่วงชีวิตของเขาจะขยายขึ้นอีกมากจนรูปลักษณ์ผู้เฒ่าของเขากลับมาเป็นชายหนุ่มตามเดิม
สภาพร่างกายในตอนนี้ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับเขาเลยกายเนื้อกำลังใกล้ตาย เขาอ่อนแอยิ่งกว่าคนแก่ทั่วๆไปด้วยซ้ำ!
เมื่อมิอาจใช้พลังได้เขาก็มิอาจใช้สมบัติและวิชาได้ เขาทำได้แค่ใช้วิชาวิญญาณอย่างการเอาวิญญาณออกจากร่าง เพลิงวิญญาณ และการคุมวิญญาณของโอรสสวรรค์จ้องนภา
สิ่งสำคัญที่ต้องรีบทำก็คือการหาเมืองที่เขาจะได้ซื้อสมุนไพรวิญญาณมาฟื้นฟูกายซือหยูยืนขึ้นมองพื้นที่โดยรอบ เขางุนงงเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยเขาสูง มีเพียงภูเขาลูกเก่าลูกเดียวเท่านั้นที่มีถนนพาดผ่าน! ถนนบนภูเขาเต็มไปด้วยวัชพืชที่ทำให้บอกได้ว่าไม่มีใครผ่านมาทางนี้มากนัก
ร่างกายซือหยูในตอนนี้เปราะบางและอ่อนแอเขามิอาจเดินทางไกลได้ ทั้งยังใช้พลังไม่ได้จนบินไม่ได้เหมือนกัน
“ข้าจะตายในที่แบบนี้รึ?”
เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร่ำไห้เมื่อมองสิ่งรอบข้างด้วยสายตาว่างเปล่ายากที่ตัวเขาเองจะเชื่อว่ายอดฝีมือกึ่งภูติผู้เก่งกาจอย่างเขาที่เพิ่งสังหารอสูรเนรมิตรมาจะมาติดอยู่ในเทือกเขารกร้างแบบนี้!
กับ!กับ!
เสียงคล้ายกีบม้าดังขึ้นมาเบาๆ
จะมีคนบังเอิญมาที่นี่ในเวลาแบบนี้ได้ยังไง?
ซือหยูพยายามฟังและก็ต้องสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเพราะมันคือเสียงม้าหลายตัวกำลังวิ่งมา!
กลุ่มโจรรึ?ซือหยูเอามือปิดปากด้วยความตกใจและเดาว่ามันน่าจะเป็นกลุ่มโจรเพราะมีเพียงพวกโจรเท่านั้นที่จะเดินทางในป่ารกร้างเช่นนี้ แต่ถ้าหากคนเหล่านั้นไม่ใช่โจรก็เป็นเรื่องดีกว่าที่จะไม่พบพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นคนชั่วร้ายหรือคนดี และเขายังอยู่ในสภาพที่เปราะบาง เขาต้องระวังตัวในทุกฝีก้าว
หลังจากที่มองสิ่งรอบข้างจนหมดก็พบว่าที่หุบเขาแห่งนี้นั้นเป็นที่ราบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบซ่อน เขามองไปยังทะเลสาบด้านหลังและตาลุกวาว เขาขยับร่างอันเปราะบางจมลงไปในทะเลสาบ! เขาเลือกซ่อนตัวที่นี่ และจะคลานออกมาเมื่อคนพวกนั้นจากไปแล้ว!
กับ!กับ!
เสียงกีบม้าเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆเริ่มมีคลื่นเล็กๆกระเพื่อมเบาๆในทะเลสาบ ซือหยูเริ่มคาดหวังในใจเพราะเขามิอาจอยู่ที่นี่ได้นานมากเพราะน้ำเย็นจัด เขาจะต้องรีบขึ้นจากน้ำเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ผ่านไปแล้ว
เขาฟังต่อไปและพบว่าเสียงฝีเท้าม้าเริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีเสียงอีก!นั่นก็เพราะพวกเขาทั้งหมดหยุดพักที่ข้างทะเลสาบ!
“จะค่ำแล้วเทือกเขาวานรอสูรอยู่ข้างหน้าพวกเรา วานรอสูรอาจจะออกหากินตอนนี้แล้ว เราจะเสียเปรียบถ้าต้องสู้ยามวิกาล เราจะตั้งค่ายพักที่นี่จนรุ่งสาง”
กลุ่มหนุ่มสาวมาพร้อมกับคนคุ้มกันร่างกำยำที่ทุกคนมีกระบี่ในมือขี่ม้ามาอย่างองอาจ
ผู้ที่พูดคือชายวัยกลางคนที่ดูราวกับอายุสามสิบเขาเป็นผู้นำกลุ่มและเป็นภูติระดับหนึ่ง
เขามีดวงตาเป็นประกายและมีพลังเขาจ้องมองเทือกเขาตรงหน้าและโบกมือสั่งให้คนของเขาหยุดตั้งค่าย
ปั่ก!ปั่ก! ปั่ก!
เสียงรถม้าที่มีคนคุ้มกันรายล้อมค่อยๆผ่านมารถม้านี้ดูงดงามเพราะทำจากไม้ระดับสูง ไม้นี้มีกลิ่นหอมและมีพลังวิญญาณอยู่ด้วย
อย่างน้อยๆเจ้าของรถม้านี้จะต้องเป็นขุนนางเพราะถูกปกป้องโดยกึ่งภูติมากมายเขาอาจจะร่ำรวยด้วยซ้ำ
หัวหน้าขอบเขตภูติขี่ม้าไปที่ข้างรถม้า
“เทือกเขาวานรอสูรอยู่ข้างหน้าเราเราจะหยุดพักที่นี่เพื่อความปลอดภัยแล้วค่อยเดินทางต่อยามรุ่งสาง”
ม่านรถม้าเปิดออกสตรีงดงามปรากฏกาย ผมของนางมัดรวบด้วยปิ่นรูปวิหคเพลิง นางมีขนตายาวและตาเป็นประกาย
ริมฝีปากอวบอิ่มมาพร้อมกับจมูกเป็นสันผิวของนางขาวราวหิมะ นางยังตัวสูงสง่าและมีสัดส่วนอันงดงาม
“ถ้าอย่างนั้นก็พักที่นี่แล้วค่อยเดินทางต่อตอนเช้าแล้วกัน”
นางตอบอย่างเย็นชา
จากนั้นก็มีใบหน้าที่ดูน่ารักโผล่ออกจากม่านอีกคนดวงดาสดใสของนางสะท้อนกับฟ้าคราม ใบหน้านางดูเป็นมิตรและยิ้มแย้มแจ่มใส นางดูตรงกันข้ามกับอีกคนโดยสิ้นเชิง
“มีทะเลสาบที่นี่ด้วย!ดีล่ะ ข้าเดินทางกับพี่สาวมาหลายวันแต่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย! ถ้าไม่อาบตอนนี้เดี๋ยวจะมีแมลงมาตอมตัวข้าเอา!”
นางพูดและหัวเราะคิกคัก
หญิงสาวที่คนที่ดูเย็นชาขมวดคิ้ว
“เจ้าคนบัดสี!ถ้าไม่รู้จักพูดให้ดีก็เงียบๆไปเถอะ!”
เป็นการไม่เหมาะสมเท่าใดนักที่พูดว่าอยากจะอาบน้ำต่อหน้าบุรุษ!
สาวน้อยน่ารักแลบลิ้นให้กับพี่สาวของนางและขอโทษราวกับเด็กว่าง่าย
“พี่สาวข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว”
แววตานางดูขยะแขยงเมื่อมองน้องสาวจากนั้นนางได้ลงจากรถม้าโดยไม่พูดอะไรตอบเลย
เมื่อซือหยูได้ยินว่าทั้งคู่พูดถึงการอาบน้ำก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเพราะเขาไม่รู้เลยว่าควรจะหนีไปตอนนี้หรือซ่อนตัวต่อไป ไม่ว่าทางเลือกไหนก็ดูไม่เหมาะทั้งนั้น!
ซือหยูทำได้แค่กัดฟันทนและแอบไปที่พุ่มไม้เขาตั้งใจจะรอให้คนเหล่านี้หลับก่อนที่เขาจะแอบหนีไป
ค่ำคืนมาถึงในไม่นานหลังจากที่พวกเขากินมือเย็นและเหล่าสาวใช้ล้างถ้วยชามจนเสร็จก็เหลือเพียงคนคุ้มกันที่เป็นผู้หญิงยืนข้างทะเลสาบ ไม่มีบุรุษเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว
“พี่จะไม่ไปอาบน้ำกับข้ารึ?”
สาวน้อยน่ารักที่นั่งข้างกองไฟพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้พี่สาวไปอาบน้ำกับนางที่ทะเลสาบ
นางที่ดูสง่างามพันผ้าขนสัตว์ไว้รอบไหล่นางพูดอย่างเรียบเฉย
“น้ำเย็นเช่นนั้นข้าคงไม่ไปอาบหรอก ถ้าเจ้าอยากไปก็ไปคนเดียวเถอะ”
ผู้เป็นน้องผิดหวังแต่ก็ไม่พูดอะไรนางเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปในทะเลสาบและเริ่มอาบน้ำ หลังจากที่นางไป ผู้พี่ได้พูดกับสาวใช้
“เตรียมเสื้อผ้าเปลี่ยนให้ข้าข้าจะไปอาบที่ทะเลสาบอีกฝั่ง”
สาวใช้ที่เดินตามนางมองไปยังสาวน้อยน่ารักและพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง
“เด็กนั่นคู่ควรจะอาบน้ำกับแม่นางหนึ่งของเรารึ?นางคิดว่าตัวเองเกิดมาสูงส่งเพียงเพราะว่าพวกเราเรียกนางว่าแม่นางสองหรืออย่างไร?”
หญิงสาวผู้สูงส่งมิได้ตอบอะไรนางหันไปมองดูทะเลสาบ นางปฏิเสธที่จะอาบน้ำต่อคนอื่นๆเพื่อที่จะรักษาเกียรติเอาไว้ นางจะต้องไม่ให้น้องสาวของนางเห็นว่านางแอบมาอาบน้ำ แต่ทะเลสาบนี้ค่อนข้างเล็ก นางไม่แน่ใจว่านางจะแอบอาบน้ำได้หรือไม่
ทันใดนั้นเองนางได้มองเห็นพุ่มไม้หนาที่เหมาะกับการซ่อนตัว
“ที่นั่นแล้วกัน”
นางยิ้มและรีบเดินไปยังพุ่มไม้
เมื่อถึงที่นั่นนางรีบถอดเสื้อผ้าและเผยร่างอันยั่วยวน หน้าอกอันอวบอิ่มสมบูรณ์ เอวคอดกับขาเรียวขาว ทุกอย่างที่เป็นนางล้วนงดงาม
ขาเรียวงามราวกับหยกสัมผัสน้ำเย็นอย่างแผ่วเบาแม้ว่ามันจะเย็นแต่ก็พอทนได้ นางรู้สึกยินดีที่ได้อาบน้ำหลังจากที่ไม่ได้อาบมาหลายวัน
ซวบ!
หลังจากที่ลงไปในทะเลสาบนางได้ยินเสียงพุ่มไม้สั่น ดูเหมือนว่าจะมีบางคนเหยียบมันขณะที่นางว่ายน้ำไปดู
ทะเลสาบถูกคุ้มกันโดยคนอารักขาที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตรายและถ้าหากมีคนป้องกันรอบๆเอาไว้ก็น่าจะไม่มีอันตรายอยู่ที่นี่ ดังนั้นเสียงนี้จะต้องเป็นน้องสาวของนางที่อาบน้ำอยู่ที่อีกฝั่งของทะเลสาบและแอบตามนางมา
นางรู้ว่าน้องสาวของนางดื้อรั้นแค่ไหนนางขมวดคิ้วและไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่นางก็ยังรักษาสีหน้าเยือกเย็นเอาไว้
“เจ้าจะมาอาบน้ำกับข้าสินะ?เข้ามา! มาอาบด้วยกัน…แต่ห้ามเสียงดังนะ”
ซือหยูซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้มานานแล้วร่างกายอันเปราะบางของเขามิอาจทนความเยือกเย็นของค่ำคืนได้อีก เขาเริ่มว่ายน้ำกลับฝั่งจากพุ่มไม้ในทะเลสาบ แต่เมื่อขึ้นฝั่งเขาก็หวาดกลัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคน
เขาถูกหญิงสาวที่ดูจริงจังพบตัวเข้า!เมื่อกลับมาได้สติ เขาก็งุนงงเมื่อได้ยินคำที่นางพูด…
อาบน้ำด้วยกันรึ?สตรีประเภทใดกันที่เชิญบุรุษไปอาบน้ำด้วยกันในยามค่ำคืนเล่า?
เมื่อนางไม่ได้ยินเสียงตอบกลับนางก็ไม่พอใจและขึ้นเสียงเล็กน้อย
“ทำไมเจ้ายังไม่มาอีก?เจ้าต้องให้ข้าเชิญเจ้ามารึไง?”
ซือหยูงงงวยกับผู้หญิงคนนี้ยิ่งนัก!