The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 755-756
DND.755 – รอยเพลิง
เช้าวันต่อมาใต้ท้องฟ้าสีคราม
ธงเทือกเขาครามปลิวตามลมเสียงผู้คนพลุกพล่าน ยอดฝีมือมิอาจนับรวมตัว ณ กลางเมือง นี่คือแหล่งรวมยอดฝีมือที่ใหญ่ที่สุด มันก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ที่สร้างเมือง ประวัติศาสตร์ยาวนานจนได้ขนานนามว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของยอดฝีมือทุกคนในเทือกเขาคราม
ยอดฝีมือมากมายต่อสู้ในเมืองทุกวันพลังของแต่ละคนเพิ่มขึ้นมาจากการต่อสู้ วันนี้คือวันที่เจิดจรัสที่สุดของปีในเทือกเขาคราม มันคือวันที่งานชุมนุมเทือกเขาครามถูกจัดขึ้น
ตำหนักชิงวิญญาณรับผิดชอบจัดงานนี้เหตุผลของงานประจำปีก็คือการรับคนมากพรสวรรค์ที่สุดของเทือกเขาครามไปร่วมตำหนักชิงวิญญาณในฐานะศิษย์นอก
คนผู้นั้นจะเปล่งประกายขึ้นมาราวกับดาวตกเป็นดั่งปลาทองที่กระโจรข้ามประตูมังกรเป็นมังกรทะยานฟ้า! คนผู้นั้นจักได้รับการชี้แนะจากสำนักใหญ่กลายเป็นมังกรในหมู่บุรุษตัวจริง! ทั้งเทือกเขาครามให้ความสนใจกับงานชุมนุมครั้งนี้อย่างมาก
เหตุที่ตระกูลหยวนและพันธมิตรปรุงยาได้มีอำนาจขึ้นมาก็เพราะพวกเขาได้เพาะบ่มศิษย์ของตำหนักชิงวิญญาณตลอดมาเมื่อศิษย์เหล่านั้นกลับมายังเทือกเขาคราม พวกเขาก็ได้ทุ่มเทสนับสนุนตระกูลจนเจริญรุ่งเรือง ต้องผ่านคนหลายรุ่นในอดีต ทั้งตระกูลหยวนกับพันธมิตรปรุงยาจึงประสบความสำเร็จถึงวันนี้
วันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญมากต่อตระกูลหยวนและพันธมิตรปรุงยาพวกเขาต้องสร้างรากฐานของตระกูลให้เข้มแข็ง เพราะเทือกเขาแห่งเดียวมิอาจมีพยัคฆ์ได้สองตัว ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเปิดเผยในความมืดมาหลายร้อยปีแล้ว และระยะห่างระหว่างสองตระกูลก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพียงการได้เป็นศิษย์ของตำหนักชิงวิญญาณเท่านั้นที่จะทำให้ช่องว่างนี้ห่างขึ้นหรือลดน้อยลง
ตระกูลหยวนมุ่งมั่นจะได้เป็นผู้ชนะในปีนี้อย่างมากเพราะถ้าหากชนะ พวกเขาก็จะได้ตลาดหนึ่งแห่งจากพันธมิตรปรุงยาด้วย นี่คือแหล่งเงินมหาศาล ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าตระกูลหยวนพร้อมแลกทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
ทุกคนในตระกูลหยวนเป็นกังวลเมื่อมาถึงสถานที่ประลองพวกเขามุ่งหวังกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ผู้คนมากมายมองไปที่หยวนหวังปี่ที่พวกเขาฝากความหวังไว้
“หวังปี่จงทำเท่าที่ทำได้ จงอย่ากดดันโดยไม่จำเป็น จะแพ้ก็ไม่เป็นไร”
เจ้าตระกูลหยวนรู้สึกเสียใจต่อบุตรสาวที่ถูกตั้งความหวังเขาพยายามจะปลอบนางเบาๆ
หยวนหวังปี่กำหมัดนางอยากจะชนะเพื่อทำให้ฐานะของตระกูลสูงขึ้น แต่คำพูดอันใจดีของผู้เป็นพ่อก็ทำให้นางประทับใจ
แต่เมื่อเหลือบเห็นซือหยูจิตใจของนางก็เยือกเย็นดั่งน้ำแข็งอีกครั้ง เพราะอนาคตของนางสำคัญยิ่งกว่าผลประโยชน์ที่ตระกูลจะได้
นางรู้ว่าคนผู้นี้จะต้องตายเพื่อที่นางจะได้คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์และชื่อเสียงอันดีงามจนได้แต่งงานกับตระกูลชางก่วนนี่เป็นทางเดียวที่นางจะมีโอกาสได้รับอนาคตที่ดีกว่า
และตลาดแห่งเดียวก็ด้อยกว่าสิ่งที่ตระกูลหยวนจะได้หลังจากแต่งงานกับตระกูลชางก่วนลิบลิ่วดังนั้นนางจะต้องพ่ายแพ้ไม่ว่าจะอย่างไร
ที่นางเบาใจกว่าเดิมก็เพราะรู้ว่านางสมควรแพ้อยู่แล้วพันธมิตรปรุงยามีเฉาหยินที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย เขาอายุยี่สิบปีต เขาอายุมากกว่านางและเกือบจะเลยขีดจำกัดอายุ แต่เขาก็เข้าร่วมงานชุมนุมนี้ได้พอดิบพอดี
เขาในตอนนี้เป็นภูติระดับสองคงแปลกหากตระกูลหยวนจะเอาชนะเขาได้ ตระกูลหยวนแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มประลองเสียด้วยซ้ำ!
หยวนหวังปี่สบายใจกว่าเดิมเมื่อคิดเรื่องทั้งหมด
หยวนหยิงหยิงมองไปยังสถานที่ประลองที่มีคนล้านคนและรู้สึกกังวลใจแต่เมื่อเหลือบเห็นแผ่นหลังของชายแก่ตรงหน้า ความกล้าก็เอ่อล้นออกมาจากใจ
ปู่ซือข้าจะต้องช่วยปู่ให้ได้! หยวนหยิงหยิงลั่นคำสาบานในใจ
ซือหยูยืนหลับตาอยู่ข้างหน้านางเขากำลังคิดถึงเหตุประหลาดในวันก่อนหน้า
เขาลืมตามองรอยไหม้ในมือที่ยังไม่จางหายแม้จะผ่านมาทั้งคืนเขายังรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนั้นเพลิงเล็กๆได้ค่อยๆไหม้กระจายไปยังทั้งฝ่ามือของเขา ความเจ็บปวดยิ่งรุนแรงขึ้น เขารู้สึกถึงเขาขนาดยักษ์ที่โอบล้อมตัวอยู่ นั่นทำให้เขาสงสัย…
ของสีม่วงที่จิงหยูพูดคือสิ่งใดกัน?
ของสีม่วงอย่างเดียวที่ซือหยูรู้จักในตอนนี้ก็คือโอสถขยายภูติระดับสี่กับเนตรซ้ายที่มีพลังควบคุมห้วงเวลาของเขาเขาคิดถึงสองสิ่ง…มันเกี่ยวข้องกับหนึ่งในสองสิ่งนี้รึ?
ซือหยูส่ายหน้าเลือกที่จะปฏิเสธความเป็นไปได้นี้เพราะถ้าหากวิกฤติแก้ไขได้โดยง่าย จิงหยูก็คงไม่มาเตือนเขา และสิ่งที่มีสีม่วงนั้นยังแข็งแกร่งจนนางมิอาจเห็นรูปลักษณ์ของมัน
“ข้าต้องรีบรักษาตัวและเป็นภูติหลังงานนี้เพราะข้าจะต้องรีบหนีไป…”
ซือหยูพูดเบาๆด้วยเสียงลึกล้ำเขารู้สึกถึงแรงกดดันได้อย่างชัดเจน
งานชุมนุมเริ่มขึ้นตัวแทนร้อยแปดตระกูลก้าวมาข้างหน้า แต่ละตระกูลส่งคนได้เพียงสิบคน
ซือหยูสนใจเพียงแค่หยวนหยิงหยิงเพราะนางเอาชนะสิบครั้งอย่างต่อเนื่องกันนางคือม้ามืดในบรรดาผู้ท้าชิงวันนี้!
บางเวลาซือหยูมองการประลองของเฉาหยินอยู่บ้าง เขาเป็นภูติระดับสอง หมายความว่าเขาจะเหนือผู้อื่นทั้งในด้านพรสวรรค์และกำลัง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ฐานพลังเท่าเขา ชัยชนะของเขาจึงเป็นที่มั่นใจ
การต่อสู้ดำเนินต่อไปจนถึงยามโพล้เพล้จากนั้นจึงถึงช่วงงสุดท้าย ผู้เข้าร่วมที่ถูกคัดออกหมดหวังในการเข้าสู่ตำหนักชิงวิญญาณแล้ว เหลือเพียงร้อยคนบนลานประลอง มีกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงมากมายกับภูติอีกหนึ่งคน
โอกาสที่คนเหล่านี้ยังมีอยู่คือการเข้าสู่สิบลำดับแรกเพื่อถูกผู้เฒ่าตำหนักชิงวิญญาณประเมินถ้าหากผู้เฒ่าพบพรสวรรค์ คนผู้นั้นก็จะได้เข้าร่วมสำนักเป็นการยกเว้น มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นแม้หลายตระกูลจะรู้ถึงพลังของเฉาหยิน พวกเขาก็ยังเข้าร่วมการประลองเพื่อต่อสู้เป็นสิบลำดับแรก
การเดิมพันของพันธมิตรปรุงยากับตระกูลหยวนนั้นยังคงอยู่เพราะยังไม่รู้ว่าผู้ใดจะหัวร่อเป็นคนสุดท้าย เพราะแม้ว่าตระกูลหยวนจะมีพลังไม่เท่าพันธมิตรปรุงยา ผลการประเมินการเข้าสู่ตำหนักชิงวิญญาณก็ยังสูงค่า
เจ้าตระกูลหยวนมองดูการประลองรอบสุดท้ายรอบนี้เป็นการประลองที่ดุเดือดกว่าวันก่อนหน้า แม้แต่หยวนหวังปี่ที่เป็นลำดับหนึ่งแห่งตระกูลหยวนก็รู้สึกถึงแรงกดดัน ไม่ง่ายที่นางจะเอาชนะศัตรูคนอื่นแม้จะมีฐานพลังเท่ากัน
ส่วนอีกคนหยวนหยิงหยิงนั้นคือลำดับสองของตระกูลหยวน นางกลับเอาชนะสามคนได้อย่างง่ายดาย ทุกคนมีฐานพลังเทียบเท่านาง และศัตรูของนางหลายคนยังยอมถอยก่อนที่นางจะได้ลงมือด้วยซ้ำ
นั่นทำให้หลายคนแม้แต่หยวนหวังปี่ตกตะลึงและสับสนในความสำเร็จของนางหยวนหวังปี่เริ่มสงสัยว่าพ่อนางอคติและแอบให้สมบัติกับน้องสาวนางหรือไม่
“รอบรองชนะเลิศจะเป็นการประลองของหยวนหวังปี่และหยวนหยิงหยิง…”
เสียงประกาศดังตามมาในที่สุด
ผู็คนเริ่มฮึกเหิมพวกเขารอคอยการต่อสู้นี้มานานแล้ว ทุกคนเริ่มพูดคุยกัน…
“สาวงามที่สุดแห่งเทือกเขาคราม…สู้กับน้องสาวงั้นรึ?น่าสนใจนัก! ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เห็นพี่น้องต่อสู฿้กัน!”
“ข้าสับสนเสียยิ่งกว่าข้าจะได้ว่าหยวนหยิงหยิงมีพลังเพียงทั่วไป นางมาถึงระดับนี้ได้อย่างไรกัน?”
คนที่ไม่ค่อยตกใจนักก็คือคนตระกูลหยวนเพราะทุกคนได้เห็นฝีมือของหยวนหยิงหยิงมาแล้วในการประลองของตระกูล พวกเขาไม่แปลกใจที่นางมาถึงระดับนี้
ผู้ตัดสินบนเวทีประลองประกาศเริ่มการต่อสู้แต่พี่น้องทั้งสองมิได้เริ่มต่อสู้โดยพลัน หยวนหวังปี่กลับมองดูน้องสาวครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว
“เจ้าราวกับได้เกิดใหม่เมื่อก่อน เจ้าทำได้แต่เชื่อฟังข้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับมายืนต่อหน้าข้าในงานชุมนุมเทือกเขาครามรอคอยการต่อสู้ เจ้าเปลี่ยนไปจริงๆ”
“แต่ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปเพียงใดเจ้าก็ไม่มีทางดีอย่างข้าอย่างที่ข้าพูดเมื่อวาน จงรับชะตาของเจ้าซะ ตระกูลหยวนมีข้าแล้ว เจ้ามันก็แค่เด็กที่เกิดนอกตระกูล!”
หยวนหวังปี่มิได้ปิดบังความชิงชังในน้องสาวที่เก็บซ่อนในใจมานานแต่นางก็พูดออกไปเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินว่านางพูดจาโหดร้ายเช่นนั้นกับหยวนหยิงหยิง
หยวนหยิงหยิงยังคงเยือกเย็นนางเผยรอยยิ้ม
“ท่านพี่ยังมองข้าเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่เป็นไร ข้านับถือท่านพี่มาตลอดอยู่แล้ว”
หยวนหวังปี่ถอนหายใจแรง
“เก็บความนับถือของเจ้าไปซะเถอะ!ข้าจะไม่เสียเวลาพูดกับเจ้าแล้ว จงยอมแพ้ซะ หรืออยากจะให้ข้าทำร้ายเจ้าก่อน?”
หยวนหยิงหยิงพูดตอบ
“ต่อให้ข้าได้เป็นศิษย์ตำหนักชิงวิญญาณข้าก็จะมอบสิทธิ์ให้กับท่านพี่ แต่ตอนนี้ข้าต้องเอาชนะท่านพี่เพื่อคนผู้หนึ่ง”
หยวนหยิงหยิงชักกระบี่ออกมาหลังพูดจบ
“อวดดีเหลือเกินฐานพลังกับปัญญาเจ้ามันด้อยกว่าข้า”
แม้หยวนหวังปี่จะไม่มั่นใจถ้าจะสู้กับเฉาหยินแต่นางก็มั่นใจว่าจะเอาชนะน้องสาวได้อย่างง่ายดาย
หยวนหยิงหยิงเผยรอยยิ้มจางๆก่อนจะพุ่งไปพร้อมกระบี่
แกร๊ง!
เสียงกระบี่กระทบมาพร้อมปรายแสงกระบี่เข้าแลกกระบวนท่าทั้งสองปะทะพร้อมแยกจากในพริบตา
หยวนหยิงหยิงถอยหลังเสียหลายก้าวนางยืนบนขอบเวทีประลองก้มลงมองโลหิตหยดจากนิ้ว ส่วนหยวนหวังปี่นั้นยืนอยู่กับพื้นอย่างสง่างาม
นางเย้ยหยัน
“ข้าไม่ได้พูดหรอกรึว่าอย่าประเมินตนให้สูงนัก?”
หยวนหวังปี่ตัวสั่นขึ้นมาโดยทันทีราวกับมีบางสิ่งแทงทะลุหัวของนาง
“เกิดอะไรขึ้น?เจ้าทำอะไรข้า?”
หยวนหวังปี่ถามด้วยความตกใจ
หยวนหยิงหยิงวาดกระบี่ตอบ
“ข้าไม่ได้ทำอะไร”
ซือหยูพยักหน้าเมื่อได้เห็นสิ่งที่ดำเนินไปเขาพอใจมากที่หยวนหยิงหยิงหลอมรวมเพลิงวิญญาณของกบแก้วเพลิงเนตรขาวกับกระบี่ ทำให้คนที่ต่อสู้ระยะใกล้กับนางลงเอยโดยถูกเผาด้วยเพลิงวิญญาณอ่อนๆ แม้จะไม่ถึงตายก็ทำให้คนผู้นั้นมิอาจปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่
ซือหยูมิได้สอนวิธีเช่นนี้กับนางแต่นางคิดอ่านได้ด้วยตัวเอง สาวน้อยผู้นี้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก!
“พิษรึ?ย่อมได้ เข้ามาอีก!”
หยวนหวังปี่ปล่อยพลังชีวิตขวางกั้นหวังให้พิษที่หยิงหยิงปล่อยออกมาทำอะไรไม่ได้
แต่เมื่อแลกกระบวนท่าอีกครั้งหยวนหวังปี่ก็กระเด็นไปเพราะพลังกระบี่ นางเจ็บแปลบที่หัว
“ท่านพี่ยอมแพ้เถอะข้าไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว”
ปลายกระบี่หยวนหยิงหยิงสัมผัสหน้าผากหยวนหวังปี่
หยวนหวังปี่เงยหน้ามองน้องสาวนางยังคงน่ารักสง่างามดังเดิม แต่แววตานั้นเปลี่ยนไป หยวนหวังปี่จ้องมองด้วยความรู้สึกแปลก
“ข้าไม่แพ้เจ้าหรอก!”
หยวนหวังปี่โกรธเกรี้ยวนางพลิกตัวกลับพยายามทิ้งระยะ
แต่ตอนนั้นได้มีความเจ็บปวดแล่นผ่านเอวหยวนหยิงหยิงเตะนางกระเด็นออกจากเวทีประลอง!
เป็นเวลาเดียวกับที่หยวนหวังปี่ตระหนักได้ว่าหากเป็นการต่อสู้จริงหยวนหยิงหยิงก็คงฆ่านางตายไปแล้ว ผู้คนมองเห็นเป็นอย่างเดียวกันพร้อมกับส่ายหน้า
DND.756 – เด็กสาวอัจฉริยะ
ทุกคนในตระกูลหยวนราวกับถูกภูเขาทุ่มใส่กับท่าทางของหยวนหยิงหยิงนางดูแปลกสำหรับพวกเขา มิเพียงแต่แข็งแกร่ง แต่นางยังกล้าจู่โจมพี่สาวนาง!
พวกเขาจดจำอดีตที่หยวนหยิงหยิงมักจะตามหลังหยวนหวังปี่และคิดถึงครั้งที่นางค่อนข้างตาขาวจนไม่กล้าจะพูดเสียงดังกับผู้พี่ไม่ต้องพูดถึงการจู่โจมนางเลย! เจ้าตระกูลหยวนตกใจไมแพ้กัน แต่ในสายตานั้นเห็นว่าบุตรสาวได้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีกว่า
หยวนหยิงหยิงสีหน้าไม่แยแสนางมองหยวนหวังปี่ที่โศกเศร้า
“ท่านพี่…อ่อนแอเกินไป”
หลังเอาชนะผู้เป็นพี่หยวนหยิงหยิงรู้สึกราวได้ยกสิ่งเหนี่ยวรั้งหนักอึ้งออกจากบ่า อำนาจที่พี่สาวเคยอยู่เหนือนางลดน้อยลง ตอนนี้เมื่อมองไป ทั้งหมดที่เห็นมีเพียงคนขี้แพ้ที่น่าสงสาร
หยวนหยิงหยิงรู้สึกเบาใจกว่าทุกครั้งนางเดินลงจากเวทีประลองเผยรอยยิ้มให้ซือหยู เหล่าคนดูส่งเสียงดังก้องพร้อมกระซิบต่อกัน…
“ไม่คิดเลยว่าตระกูลหยวนจะมีเด็กสาวมากพรสวรรค์เช่นนี้ด้วย!ยอดฝีมือที่แท้จริงคือนายหญิงที่สอง!”
“หึหึนางก็แค่เด็กน่าสงสาร ดูเหมือนวันเวลายากลำบากของนางสิ้นสุดลงแล้ว”
เหล่าผู้เฒ่าตระกูลหยวนรู้สึกหลาดหลายพวกเขามองหยวนหยิงหยิงใหม่ เฉาหยินตกใจไม่แพ้กัน…เด็กสาวคนนี้แข็งแกร่งตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขารู้สึกว่าการแต่งงานกับนางมิใช่สิ่งที่แย่นักแม้นางจะไม่งดงาม นางก็ไร้เดียงสา ง่ายที่เขาจะบงการ
“หยิงหยิงเจ้าทำได้ดี แต่รอบหน้า ข้าจะไม่ออมมือกับเจ้า”
เฉินหยินพยายามจับไหล่นางแต่หยวนหยิงหยิงก็ถอยไปเงียบๆเลี่ยงการสัมผัสของเขา
“หืม…เจ้าไม่พอใจข้างั้นรึ?หึหึ หลังประลองจบ เราค่อยพยายามเรียนรู้กันก็ได้”
เฉาหยินยิ้มแบบที่เขาคิดว่าดูเป็นมิตร
หยวนหยิงหยิงมองเขาอย่างเรียบเฉยแต่พูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้าจะไปคลุกคลีกับพี่สาวข้าก็ได้ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอก”
เมื่อได้ฟังเฉาหยินเผยใบหน้าตกตะลึง…นางรู้ว่าข้าแอบเจอกับหยวนหวังปี่รึ?
ดูเหมือนว่าเด็กสาวไร้เดียงสาผู้นี้จะมีปัญญายิ่งนักเขามองนางอย่างจริงจัง
“ไม่ว่าเจ้าจะรู้สึกอย่างไรความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้เปลี่ยน ไม่นาน เจ้าจะเป็นผู้หญิงของข้า!”
เขาพูดจบและหันกลับไปหยวนหยิงหยิงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่นางกำหมัดแน่นเพราะความโกรธและกลัว
ในตอนนั้นฝ่ามือใหญ่หยาบได้ดึงมือนางขึ้นมา นั่นคือมือของซือหยู
“ไม่ต้องห่วงมันไม่เหมาะสมกับเจ้า และเจ้าก็จะไม่ได้แต่งงานกับมันแน่”
ซือหยูตั้งใจว่าก่อนจะออกจากเทือกเขาครามเขาจะต้องกำจัดเฉาหยินเพื่อช่วยหยวนหยิงหยิงให้ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาในอนาคต!
การประลองต่อไปคือเฉาหยินกับกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงเมื่อคนผู้นั้นเผชิญหน้ากับเฉาหยินก็ไม่พอใจอย่างมากพร้อมกับยอมแพ้โดยพลัน
“การประลองสุดท้ายระหว่างเฉาหยินกับหยวนหยิงยิงเริ่มได้!”
เมื่อเสียงประกาศดังก้องฟ้าทั้งสองรีบบินขึ้นเวทีประลอง
“น่าประทับใจอยู่แล้วที่หยวนหยิงหยิงได้มาประลองถึงขั้นนี้ไม่ว่านางจะแพ้หรือชนะ เราจะต้องให้ความเคารพกับนางอย่างเหมาะสมนับแต่นี้เป็นต้นไป”
คนที่พูดคือปั่วจินที่มักจะพูดรังแกหยวนหยิงหยิงอยู่เสมอในอดีต
เขาเห็นพรสวรรค์ของหยวนหยิงหยิงแล้วนางเหนือกว่ากระทั่งหยวนหวังปี่ ผู้เฒ่าหลายคนเห็นด้วยกับเขาและพยักหน้าตามกัน
ตอนนี้เหล่าผู้เฒ่าพูดคุยกันถึงอนาคตโดยไม่สนใจการประลองเพราะอย่างไรก็ไม่มีหวังว่าฝั่งตนจะเอาชนะการประลองได้
ดังนั้นพวกเขาได้แต่ตั้งตารอการตัดสินของผู้เฒ่าตำหนักชิงวิญญาณเพราะหยวนหยิงหยิงแสดงพลังออกมาได้ดี นางอาจจะต้องตาเขาก็ได้
ส่วนคนจากพันธมิตรปรุงยานั้นได้มองการต่อสู้อย่างเป็นกังวลพวกเขายังมองไปทางซือหยูด้วยความตื่นเต้นเป็นครั้งคราว ซือหยูมองกลับอย่างมีเลศนัยราวกับรับรู้ได้
“หยิงหยิงยอมแพ้เถอะ เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า ข้าไม่อยากจะทำร้ายเจ้า”
เฉาหยินพูดอย่างโอหังและยิ่งใหญ่
หยวนหยิงหยิงสีหน้าคงเดิม
“ไม่ล่ะข้าจะสู้ ข้าจะเอาชนะเจ้าเพื่อปู่ซือ”
เพื่อเขารึ?เฉาหยินสาปแช่งในใจ
“ฮ่าๆๆถ้าเจ้าพูดเช่นนั้นล่ะก็…”
เฉาหยินหัวเราะเบาๆและจู่โจมอย่างรวดเร็ว
แต่หยวนหยิงหยิงเพียงหันกลับเดินไปที่ขอบเวทีประลองการกระทำของนางทำให้เหล่าผู้ชมสับสน…นางอยากจะยอมแพ้รึ?
เฉาหยินสับสนไม่แพ้กัน
“หยิงหยิงเจ้าอยากจะยอมแพ้แล้วรึ?”
หยวนหยิงหยิงตอบ
“ไม่แต่การต่อสู้มันจบแล้ว!”
ก่อนที่ผู้ชมจะเข้าใจสิ่งที่นางพูดสีหน้าเฉาหยินได้เปลี่ยนไป เขาหน้าแดง ตากลอกไปด้านบน เขาหมดสติไปแล้ว!
ผู้ตัดสินตกตะลึงเขาพุ่งไปที่เฉาหยินเพื่อยืนยันว่าเขาหมดสติจริงๆและประกาศ
“หยวนหยิงหยิงชนะประลอง!”
เหล่าผู้ชมส่งเสียงดังลั่น
“อะไรนะ?ตระกูลหยวนชนะรึ? นางชนะได้ยังไง? แล้ว…ทำไมจู่ๆเฉาหยินล้มลงไปล่ะ?”
“เขาจงใจให้นางชนะรึ?ถ้าเช่นนั้นก็แสดงได้แนบเนียนนัก”
“หึหึอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ พันธมิตรปรุงยาใจกว้างจริงๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นของขวัญการหมั้นของนางกระมัง?”
คนจากตระกูลหยวนและพันธมิตรปรุงยางงเป็นไก่ตาแตกตระกูลหยวนแน่ใจว่าไม่มีทางที่เฉาหยินจะจงใจให้นางชนะ เพราะถ้าเขาแพ้ พันธมิตรปรุงยาจะต้องเสียตลาดไปหนึ่งแห่ง
สิ่งเดียวที่เป็นไปได้ก็คือหยวนหยิงหยิงได้ใช้วิชาที่แข็งแกร่งเอาชนะเฉาหยินที่ฐานพลังเหนือกว่านางอย่างมาก
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองบิดาเฉาหยินแห่งพันธมิตรปรุงยารีบบินมาที่เวทีประลองและตรวจดูอาการของลูกชาย
ฟึ่บ!
ชายจมูกแดงบินตามมาติดๆ
เหล่าผู้ชมใจเย็นลงดูเหมือนว่าเฉาหยินจะไม่ได้แกล้งแพ้ และผู้นำพันธมิตรปรุงยาทั้งสองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นก็บอกได้อย่างเดียวแล้วว่าเฉาหยินพ่ายแพ้จริง!
“เขาสลบเพราะหยวนหยิงหยิงทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? โลกบิดเบี้ยวไปแล้วหรือ?”
บางคนถามอย่างมิอาจเชื่อสายตา
ทุกคนเริ่มพูดคุยในเรื่องที่เกิดขึ้น
พ่อเฉาหยินสีหน้าดำมืดเขาหันไปจ้องมองหยวนหยิงหยิงด้วยความดุร้าย เขาตะคอกใส่นาง
“พูดมา!เจ้าทำอะไรกับลูกข้า?”
หยวนหยิงหยิงสั่นไปทั้งตัวอวัยวะภายในสั่นสะเทือนเพราะแรงกดดันที่นางได้รับ
เสียงถอนหายใจแรงดังมาจากฝั่งตระกูลหยวนทุกคนในตระกูลหยวนเข้ามาเผชิญหน้ากับคนของพันธมิตรปรุงยา
“เฉาหยินห่าวหัดโตเสียบ้าง! ต่อให้เจ้าไม่รู้จักแพ้อย่างเด็กเล็ก แต่เหตุใดใยต้องทำร้ายเด็ก? เจ้าไม่สนใจชื่อเสียงแล้วรึ?”
เจ้าตระกูลหยวนโกรธแค้นถึงขีดสุด
เฉาหยินห่าวตอบอย่างโกรธแค้น
“ทุกคนที่มีตาย่อมเห็นว่ามีการเล่นตุกติก!เช่นนั้นเจ้าก็บอกมา! อุบายไร้ยางอายกลใดที่ลูกสาวเจ้าใช้? ข้าไม่เชื่อหรอกว่ากึ่งภูติจะเอาชนะภูติระดับสองได้หากไม่เล่นสกปรก”
เจ้าตระกูลหยวนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพราะเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าหยวนหยิงหยิงใช้วิธีใดเอาชนะมันเป็นชัยชนะที่น่ากังขา
“ข้าใช้วิชาลับวิญญาณที่ท่านอาจารย์สอนถ้าท่านไม่เชื่อก็มาลองดูสิ”
หยวนหยิงหยิงมองเฉาหยินห่าวอย่างเยือกเย็น
อาจารย์เรอะ?คนตระกูลหยวนเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“อาจารย์เจ้าเรอะ?ฮ่าๆๆ! ข้าดูเหมือนเด็กสามขวบหลอกง่ายเรอะ?”
เฉาหยินห่าวไม่พอใจและหัวเราะ
“เฉาหยินห่าวมีความลับที่พวกข้าปิดบังจนถึงตอนนี้ มีจ้าวเทวะผู้หนึ่งรับหยวนหยิงหยิงเป็นศิษย์ ท่านสอนวิชาที่แข็งแกร่งให้กับนาง ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูแล้วกัน…”
เจ้าตระกูลหยวนเสนอ
เขาพูดต่อ
“และถ้าหากใครสงสัยก็จงทำอย่างเดียวกันจะได้รู้ว่านางเอาชนะอย่างใสสะอาดมิได้คดโกงผู้ใด”
ทุกคนพยักหน้ายอดฝีมือหลายคนที่ไม่ได้มาจากสองฝ่ายเดินเข้ามาดูด้วย
“หยิงหยิงเจ้าพร้อมหรือไม่?”
เจ้าตระกูลหยวนถามนาง
หยวนหยิงหยิงพยักหน้าตอบ
“ใครที่เป็นภูติชั้นต้นมิควรทดสอบพลังนี้อาจเสี่ยงถึงชีวิต ภูติชั้นกลางก็ควรจะเตรียมบาดเจ็บ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
“เจ้ามันก็พูดไปเรื่อยใช้มันมาซะ…”
เฉาหยินห่าวกล่าว
หยวนหยิงหยิงมองเขาและถามอย่างใจเย็น
“ท่านพร้อมสินะ?”
เฉาหยินห่าวสูดหายใจเข้าลึกและเรียกพลังชีวิตมาปกคลุมร่างเขาพยักหน้า
“ข้าพร้อมอยู่แล้วเข้ามาเล…”
“หืมข้าใช้ไปแล้ว! ท่านไม่รู้ตัวรึ?”
หยวนหยิงหยิงหัวเราะ
“อะไรนะ?เจ้…”
เฉาหยินห่าวโกรธจัดแต่ก่อนที่จะได้ตะคอก ความเจ็บปวดสุดจะทานทนก็ได้แผดมาจากส่วนลึกสุดของวิญญาณ
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องทั้งสนามประลองใบหน้าเฉาหยินห่าวซีดราวคนตาย สีหน้าของเขาอัปลักษณ์ราวกับกำลังทนกับความเจ็บปวดสุดแสนทรมาน
ความเจ็บปวดที่เฉาหยินห่าวรู้สึกนั้นทำให้เขาเหมือนกับสัตว์อสูรคลั่งผลาญทำลายสิ่งรอบข้างยอดฝีมือมากมายหวาดกลัวหลีกทาง เจ้าตระกูลหยวนกับคนอื่นๆร่วมมือกับเขาจับตัวเฉาหยินห่าวเอาไว้ แต่แม้กระนั้น เฉาหยินห่าวก็ยังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดต่อไป
สุดท้ายเฉาหยินห่าวก็ได้หมดแรงและหายใจหอบความหวาดกลัวและเจ็บปวดยังคงปรากฏบนใบหน้า
“ท่านลุงทั้งหลายมีใครอยากจะทดสอบข้าอีกหรือไม่?”
หยวนหยิงหยิงยิ้มอย่างไร้เดียงสาและมองคนรอบๆที่จะมาทดสอบพลังนาง
“เดี๋ยวสิ…ไม่ต้องหรอก…ข้าเชื่อเจ้าแล้ว”
ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเมื่อครู่ก่อนรีบโบกมือบินหนีไป
ใบหน้าคนอื่นๆแทนที่ด้วยความหวาดกลัวพวกเขารีบทิ้งห่างจากหยวนหยิงหยิงราวกับว่านางเป็นเทพปีศาจ
เจ้าตระกูลหยวนดีใจอย่างมากจิตใจอันเศร้าหมองได้สงบลงแล้ว เขาโผกอดลูกสาวที่รักจนแน่น นางได้มอบสิ่งที่ตระกูลใฝ่หาหลายอย่างด้วยกัน ทั้งสิทธิ์เป็นศิษย์ตำหนักชิงวิญญาณและตลาดแห่งใหม่!
“หยิงหยิงเจ้าทำได้ดีมาก กลับตระกูลคืนนี้ เราจะจัดอาหารเป็นเกียรติให้เจ้า”
ปั่วจินยิ้มยินดีกับนาง
วันนี้คือวันแห่งความปลาบปลื้มของตระกูลหยวนเมื่อวาน เจ้าตระกูลหยวนได้ประกาศการปรากฏตัวของนักปรุงยาชั้นกลาง และวันนี้ก็ได้มียอดอัจฉริยะอย่างหยวนหยิงหยิงอีกคน
หยวนหยิงหยิงดีใจเหมือนกับทุกคนนางเหลือบมองซือหยูด้วยหางตา นางรู้ว่าทุกสิ่งที่นางได้รับนั้นเป็นเพราะเขา หยวนหยิงหยิงทั้งรักและเคารพซือหยู
เจ้าตระกูลหยวนหันไปมองเฉาหยินห่าวที่เพิ่งจะฟื้นหลังจากหมดสติไปเมื่อครูก่อน
“เอาล่ะ…เจ้าจำเดิมพันได้หรือไม่?”