The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 857 - แก่งแย่งโอสถ
DND.857 – แก่งแย่งโอสถ
ซือหยูส่ายหน้า
“ท่านผู้เฒ่าพูดตลกกับข้าหรือ?ศิษย์นอกอย่างข้าจะปรุงโอสถเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”
เมื่อได้ฟังผู้ประเมินทั้งสองเหลือบมองกัน พวกเขาผิดหวังเมื่อได้ฟังคำตอบและพวกเขาต้องยอมรับกับตัวเอง…หากศิษย์นอกมีฝีมือขนาดนี้ เขาจะยังเป็นศิษย์นอกอยู่รึ? เขาคงจะถูกเชิญเข้าตำหนักในพร้อมกับถูกปกป้องอย่างดีไปแล้ว
“ท่านผู้เฒ่าข้าเพิ่งรับภารกิจมาดูแลร้านโอสถของตำหนักโลหิต ชายแก่ลึกลับคนหนึ่งมาที่ร้านข้าเมื่อวานนี้ เขาขอให้ข้านำสิ่งนี้มาประมูล ถ้าหากมันประมูลได้ราคาที่เขาปรารถนาและผู้คนสนใจมากพอ เขาจะนำวารีผงกลั่นดวงใจมาขายที่ร้านข้าอีก”
อะไรนะ?ความผิดหวังใจแววตาของพวกเขาหายไปพร้อมกับแทนที่ด้วยความยินดี
“เจ้าพูดจริงงั้นเรอะ?”
ผู้ประเมินทั้งสองพูดพร้อมกัน
ซือหยูประสานหมัด
“ถูกแล้วท่าน!”
“ฮ่าๆๆๆดีล่ะ! สวรรค์เข้ามาช่วยร้านโอสถตำหนักโลหิตของพวกเราแล้ว! ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับคนระดับสูง เจ้าควรจะไปกับพวกข้าด้วย พวกเขาย่อมอยากจะพบเจ้าแน่!”
เฒ่าซุนกล่าว
เขากับเฒ่าหยูตื่นเต้นเป็นอย่างมากพวกเขาแทบจะไม่เชื่อว่าพวกเขาได้โอสถน้ำในจังหวะสุดท้ายก่อนการประมูล! พวกเขาจะต้องทำให้ร้านจากเขตกลางอับอายขายหน้าได้อย่างแน่นอน!
ซือหยูพูดต่อ
“คงจะดีกว่าถ้าข้าไม่ได้ร่วมประชุมด้วยข้าไม่รู้เรื่องชายแก่คนนั้นมากนัก ต่อให้ข้าพบสมาชิกระดับสูง ข้าก็มิอาจอธิบายอะไรได้ แต่ถ้าโรงประมูลของเราทำให้สินค้านี้ขึ้นชื่อ ข้าเชื่อว่าชายแก่คนนั้นจะต้องกลับมาทำตามสัญญา”
ซือหยูจึงหยิบวารีผงกลั่นดวงใจแบบสมบูรณ์ขึ้นมา
“ข้ามีอีกหนึ่งชุดนี่คือวารีผงกลั่นดวงใจแบบสมบูรณ์ ของที่ข้าให้พวกท่านประเมินเป็นของที่ล้มเหลว แต่พวกท่านจะนำทั้งสองชิ้นไปประมูลก็ได้”
ดวงตาของชายแก่ทั้งสองลุกเป็นไฟ…ยังมีสินค้าที่สมบูรณ์ยิ่งกว่านี้อีกรึ?ถ้าของเสียก็มหัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ของสมบูรณ์จะยอดเยี่ยมเพียงใดกัน?
ทั้งคู่ยินดีมากเมื่อได้รับรู้เรื่องทั้งหมดพวกเขารับโอสถที่สองไปด้วยความดีใจ เฒ่าซุนกล่าว
“ถ้าเจ้าไม่อยากจะพบคนระดับสูงพวกเราย่อมไม่บังคับเจ้า นี่บัตรพิเศษของโรงประมูลเรา…เจ้าจงให้ชายแก่คนนั้นถ้าหากได้เจอเขา เขาจะได้ชมการประมูลบนห้องพิเศษของพวกเราได้ ข้าหวังว่าเขาจะยอมให้เกียรติพวกเรา”
หลังจากยื่นบัตรพิเศษให้ซือหยูพวกเขารีบออกไปจากห้องและถือกล่องหยกทั้งสองออกไป พวกเขารีบไปพบผู้จัดการโรงประมูล
พวกเขาตรงไปที่ห้องที่ดูธรรมดาๆที่ตั้งอยู่ลึกสุดในโรงประมูลมีคนสองกลุ่มอยู่ด้านนอกห้องนี้ หนึ่งคือเหล่าทหารตำหนักโลหิต ส่วนอีกกลุ่มคือคนที่พวกเขาทั้งสองค่อนข้างตกใจเมื่อได้เห็น
“เฒ่าหยูเกิดอะไรขึ้นรึ? ข้าได้ยินว่าแม้แต่ผู้ประเมินใหญ่ของโรงประมูลเทียนหยาก็มาที่นี่ คนที่อยู่ถัดจากเขาคือเฒ่าเฉียนพันมือ!”
เฒ่าซุนค่อนข้างตกใจ
นั่นก็เพราะพวกเขาเห็นคนจากโรงประมูลเทียนหยารอบๆมันค่อนข้างแปลกเพราะพวกเขามักจะไม่ติดต่อกัน และ…ต่อให้มันเกิดขึ้น มันก็มักจะเป็นกับสมาชิกระดับต่ำ ซึ่งผู้ประเมินใหญ่นั้นไม่ใช่สมาชิกระดับต่ำเลย!
หัวหน้าทหารที่ยืนหน้าประตูถามเหล่าผู้ประเมิน
“พวกท่านมาพบเจ้าตำหนักใช่หรือไม่?”
เฒ่าซุนละสายตาจากพวกโรงประมูลเทียนหยาและพยักหน้าเขาพูด
“ใช่แล้วโปรดบอกท่านเจ้าตำหนักว่าพวกเรามีเรื่องเร่งด่วนจะรายงานให้ทราบ”
ทั้งคู่รู้ว่าเจ้าตำหนักกำลังกดดันทั้งสองจึงคิดว่าเจ้าตำหนักจะต้องดีใจแน่ถ้าหากได้เห็นโอสถนี้
หัวหน้าทหารพูดหลังจากลังเล
“ได้รอข้าสักครู่ ข้าจะไปบอกเขา แต่อย่าหวังมากนักว่าจะได้พบเขาวันนี้ เจ้าตำหนักกำลังประชุมกับเจ้าของโรงประมูลเทียนหยา”
เจ้าของเรอะ?เฒ่าซุนกับเฒ่าหยูตัวสั่นและตกใจเมื่อได้ฟังข่าว เจ้าของโรงประมูลเทียนหยานั้นเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่มักจะไม่มีใครได้พบเห็น ทั้งสถานะและที่มาล้วนยังไม่ชัดเจนต่อทุกคน
เขามักจะไม่ปรากฏตัวแม้แต่กับสมาชิกหลักของโรงประมูลเทียนหยาแต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเขาคือผู้ที่ควบคุมโรงประมูลเทียนหยา ชายแก่ทั้งสองตกใจเมื่อรู้ว่าเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง
หัวหน้าทหารเดินเข้าไปในห้องมีบุรุษและสตรีนั่งอยู่ตรงข้ามกันที่กำลังพูดถึงอะไรบางอย่าง ทั้งสองฝ่ายอยู่ในวัยกลางคน
บุรุษนั้นมีคิ้วดั่งกระบี่ดวงตาสดใสราวดวงดาวมาพร้อมใบหน้ารูปงาม เขาคือเสี่ยวเหยา เจ้าแห่งโรงประมูลตำหนักโลหิต
ส่วนสตรีวัยกลางคนที่นั่งตรงข้ามนั้นดูงดงามนางสวมชุดดำยาวและมีใบหน้าอ่อนโยน นางดูสง่างาม
“เจ้าตำหนักเสี่ยวเราคุยกันมานานพอแล้ว เอาของประมูลของพวกข้าคืนมาสักที”
นางพูดอย่างใจเย็นแต่คำพูดนั้นดูเหมือนคำสั่งอันหนักแน่น
คนธรรมดาไม่กล้าจะหายใจดังต่อหน้านางแต่เสี่ยวเหยานั้นตอบอย่างใจเย็น เขายิ้มที่มุมปาก
“แม่นางหลิงพูดตลกอันใด?พวกเราไม่มีวารีผงกลั่นดวงใจในครานี้ ต่อให้มี พวกเราก็ไม่มีเหตุให้มอบต่อโรงประมูลเทียนหยาของเจ้า เจ้าไม่กลัวว่าโรงประมูลเจ้าจะเสียเกียรติที่มาแย่งเอาสินค้าไปจากพวกข้าด้วยวิธีนี้รึ?”
แม่นางหลิงไม่โกรธเมื่อได้ฟังคำตอบกลับ
“สินค้านั่นปรากฏในโรงประมูลของพวกข้าก่อนมันจึงเป็นสิทธิ์ของโรงประมูลเทียนหยา! นี่ไม่มีเหตุผลหรอกรึ?”
เสี่ยวเหยาพูดวนไปวนมากับเรื่องนี้อยู่นานแล้วเขาทำได้แค่ขมวดคิ้วและถาม
“แล้วทำไมสินค้าเช่นนั้นถึงออกมาจากโรงประมูลของเจ้าได้เล่า?ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็มั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่ในโรงประมูลตำหนักโลหิตของข้า!”
หลังจากนางพูดคุยกับเขามาสักพักและมั่นใจว่าโรงประมูลตำหนักโลหิตไม่มีวารีผงกลั่นดวงใจแม่นางหลิงก็ขมวดคิ้วพลางสงสัย…สาวใช้ที่ชื่อชาเอ๋อโกหกงั้นรึ? หรือว่า…ชายแก่ที่นางพูดถึงอาจจะไปโรงประมูลอื่นแล้ว?
พอถึงตอนนั้นหัวหน้าทหารได้เดินเข้ามาและส่งข่าวแก่เจ้าตำหนักเสี่ยว
“ท่านเจ้าตำหนักผู้ประเมินซุนและหยูอยากจะพบท่าน”
เสี่ยวเหยาหันไปมอง
“พวกเขาต้องรู้แล้วสิว่าข้ากำลังพบแขกสำคัญแต่ยังอยากจะเจอข้าอีก? เพื่ออะไรกัน?”
เสี่ยวเหยารู้จักคนของตัวเองดีเขารู้ว่าทั้งสองมิได้โง่
หัวหน้าทหารกล่าว
“พวกเขาบอกว่าอยากจะรายงานเรื่องด่วนกับท่าน”
เรื่องด่วนงั้นรึ?เสี่ยวเหยาพยักหน้า
“ย่อมได้พาพวกเขาไปที่ห้องตำหนักข้าง ข้าจะไปพบพวกเขา…”
“เจ้าตำหนักเสี่ยวถ้าเจ้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเขา ใยไม่คุยที่นี่เล่า?”
แม่นางหลิงถามเพราะดูเหมือนว่าผู้ประเมินสองคนจะมีเรื่องด่วนเข้ามา
เสี่ยนเหยาตอบอย่างใจเย็น
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายที่นี่ไม่เกี่ยวกับโรงประมูลเทียนหยา เจ้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรื่องภายใน!”
แม่นางหลิงยิ้มที่มุมปาก
“ข้าไม่สนใจเรื่องภายในของโรงประมูลเจ้า!ข้าแค่อยากรู้ว่าวารีผงกลั่นดวงใจอยู่ในมือเจ้าหรือไม่! ถ้าเรื่องที่ผู้ประเมินของเจ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะไม่ยุ่งแล้วอยู่เงียบๆ!”
เสี่ยวเหยาขมวดคิ้วเขาค่อนข้างงุนงงกับสตรีผู้นี้ เพราะนางยอมมาที่นี่เพียงเพราะวารีผงกลั่นดวงใจที่เขาไม่รู้เรื่องเลย!
“ก็ได้ให้สองคนนั้นเข้ามา”
เสี่ยวเหยาทำท่าเชิญทั้งสองและทั้งสองก็รีบเข้ามาด้านใน
เฒ่าซุนกับเฒ่าหยูเหลือบมองแม่นางหลิงด้วยหางตาทั้งสองตกใจเมื่อรู้ว่านางคือเจ้าของโรงประมูลเทียนหยา พวกเขาไม่คิดเลยว่าเจ้าของจะเป็นผู้หญิง!
“เจ้ามาที่นี่เพราะอะไรรึ?”
เสี่ยวเหยาถาม
ชายแก่ทั้งสองเหลือบมองกันก่อนที่เฒ่าซุนจะมองแม่นางหลิงด้วยความลังเลจากนั้นเขาจึงพูดด้วยความระมัดระวัง
“ท่านเจ้าตำหนักพวกเราเพิ่งจะได้สินค้าใหม่มาสองชิ้น โปรดดูนี่”
เสี่ยวเหยาตาลุกวาว
“หา?มันคืออะไรล่ะ?”
“วารีผงกลั่นดวงใจ…”
เฒ่าซุนตอบช้าๆเขาพูดด้วยเสียงชัดเจน
ฟึ่บ!
หลังพูดจบพวกเขารู้สึกว่ามีสายตาสองคู่มองทะลวงร่างเขาไป นั่นก็คือสายตาคมกริบของเสี่ยวเหยากับแม่นางหลิง!
แม่นางหลิงหรี่ตาและยิ้ม
“ดูเหมือนว่าโรงประมูลของเจ้าจะมีสิ่งที่ข้ากำลังถามหาสินะ!”
เสี่ยวเหยาก็ตกใจเช่นกันเขาตาเป็นประกาย เขายังคงไม่รู้ว่าวารีผงกลั่นดวงใจคือสิ่งใด และเหตุผลที่เจ้าของโรงประมูลเทียนหยามาหาเขาด้วยตัวเองเพื่อมัน
“วารีผงกลั่นดวงใจรึ?มันคืออะไร? พวกเจ้าบอกข้าให้ละเอียดจะได้หรือไม่?”
เสี่ยวเหยามองแม่นางหลิงด้วยหางตาและถามชายแก่ทั้งสอง…….Aileen-novel
เฒ่าซุนอธิบายรายละเอียดโดยไม่เก็บซ่อนสิ่งใดหลังจากฟังจบ เสี่ยวเหยาเบิกตากว้าง เขาตกใจมากเมื่อรู้ว่ามันเป็นโอสถโบราณที่มีฤทธิ์ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น!
ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าทำไมแม่นางหลิงถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองถ้าพวกเขาได้สูตรโอสถและหาคนที่ปรุงมันได้ มันก็จะเป็นเส้นทางแห่งความร่ำรวยที่ไม่มีอันสิ้นสุด!
หากสำนักใดได้โอสถที่สูญหายและสูตรโอสถโบราณที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้ทุกคนจะคลั่งเพราะมัน จากนั้นความมั่งคั่งจะถาโถมเข้ามาจนพวกเขารับไม่ทัน! ต่อให้พวกเขาตั้งราคาสูงเสียดฟ้า ผู้คนก็จะต่อสู้แย่งชิงมันราวกับคนบ้า!
ซึ่งในตอนนี้แม้แต่เสี่ยวเหยาก็อยากจะได้มัน! แต่เขาก็ข่มใจเอาไว้
“เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้มาอยู่ในโรงประมูลของเราได้อย่างไร?”
ชายแก่สองคนสับสนกับคำถามเฒ่าซุนตอบ
“ศิษย์นอกนามซือหยูเซี่ยนเขามาขายมันที่นี่ ท่านเจ้าตำหนักมีเรื่องอันใดหรือไม่?”
เจ้าตำหนักเสี่ยวเหลือบมองแม่นางหลิงและถาม
“แม่นางหลิงเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าโรงประมูลเทียนหยาเสียมันไปได้อย่างไร?”
แม่นางหลิงเริ่มกระอักกระอ่วนแต่นางก็รีบตอบ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักแค่คนของข้าปฏิเสธเขาจนเขาต้องกลับไป…”
เมื่อได้ฟังเสี่ยวเหยาทั้งหัวเราะด้วยความตลกและไม่พอใจพร้อมกัน
“หึก็แค่ผู้ประเมินของโรงประมูลเทียนหยามันใช้ไม่ได้จนพลาดโอกาสดี! แม่นางหลิง น่าขันนักที่เจ้ายังมีหน้ามาที่นี่เพื่อชิงมันจากเรา!”
ถ้าหากสินค้านี้ถูกคนขโมยมาจากโรงประมูลเทียนหยาและส่งมาถึงโรงประมูลตำหนักโลหิตเขาจะต้องคืนให้อย่างแน่นอน แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาแค่เข้าใจผิดในสินค้าและพลาดโอกาสไปเอง! แต่พวกเขายังกล้ามาที่นี่เพื่อที่จะเอากลับไป พวกโรงประมูลเทียนหยาอ้างสิทธิ์ที่เป็นของโรงประมูลตำหนักโลหิต!
เสี่ยวเหยาไม่ยอมอยู่แล้วเพราะถ้าเขายอม มันจะถือเป็นการก้มหัวต่อโรงประมูลเทียนหยาซึ่งทำให้เขากลายเป็นคนตาขาว ศัตรูมาเพื่อรังแกและนำชิงวารีผงกลั่นดวงใจไปต่อหน้าต่อตา ผู้ที่มีเกียรติแม้สักนิดย่อมไม่จำยอม
ยิ่งไปกว่านั้นโรงประมูลตำหนักโลหิตกำลังเผชิญหน้ากับอำนาจของเขตกลาง พวกเขาต้องการสมบัติที่เหมาะสมในการเชิดหน้าชูตา วารีผงกลั่นดวงใจนั้นมาได้ทันเวลาพอดี! เขาจะไม่ยอมเสียมันไป!
หลังจากเสี่ยวเหยาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ก็สบายใจขึ้นโรงประมูลเทียนหยานั้นมีผู้ประเมินที่ดีที่สุดในเมืองเทียนหยา และในอดีต พวกเขาจะได้สมบัติที่ถูกปฏิเสธจากโรงประมูลเทียนหยามาแล้วเท่านั้น
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการประเมินที่ผิดพลาดมหันต์ในวันนี้พวกเขาเสียโอกาสในการได้โอสถโบราณที่หายสาบสูญ! ถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเขาจะกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะ! เจ้าตำหนักเสี่ยวที่ถูกกดดันมานานรู้สึกดีใจมาก
แม่นางหลิงถามอย่างใจเย็น
“เจ้าตำหนักเสี่ยวหมายความว่าเจ้าจะไม่คืนมันให้พวกข้าใช่หรือไม่?”
เสี่ยวเหยาหัวเราะ
“แม่นางหลิงถ้าเจ้าอยากได้จริงๆก็มิใช่ว่าเราจะให้เจ้าไม่ได้…”
แม่นางหลิวตาเป็นประกายเล็กน้อย
“พูดต่อเถอะเจ้าตำหนักเสี่ยวถ้าเจ้าอยากจะได้ค่าชดเชย เราจะพิจารณาแน่นอน”
“แม่นางหลิวเจ้าพูดตลกอะไรกัน? พวกเราอยู่ในเมืองเดียวกัน ข้าย่อมต้องช่วยเจ้าอยู่แล้ว…”
เสี่ยวเหยาส่ายหน้า
“ตอนนี้ข้าไม่อยากได้ค่าชดเชยหรอก”
แม่นางหลิงยิ้มเบาๆ
“เจ้าตำหนักเสี่ยวขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยพวกเรา!”
เจ้าตำหนักเสี่ยวหัวเราะเขาหยิบบัตรสีดำออกมาจากกระเป๋าและตบลงบนโต๊ะ
“แม่นางหลิงจะมีงานประมูลที่นี่ในอีกสามวัน เจ้าใช้บัตรพิเศษนี่มาซื้อวารีผงกลั่นดวงใจคืนไปสิ!”
แม่นางหลิงตัวแข็งทื่อความโกรธปรากฏบนใบหน้า
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”