The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 861 - ใครกันที่เข้าตาจน?
DND.861 – ใครกันที่เข้าตาจน?
กงซุนหวูซื่อพยายามจะเปิดทางด้านบนอุโมงค์เพื่อที่จะกลับไปยังที่โล่งด้านบนแต่ทุกครั้งที่นางพยายามจะหาพื้นด้านบน นางก็ลงเอยด้วยการเข้าถ้ำใหม่
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่ายิ่งขุดไปด้านบนเท่าใดพื้นดินก็จะยิ่งแน่นและแข็งขึ้นเท่านั้น กว่านางจะมาถึงด้านบนถ้ำ นางก็พบว่าสมบัติวิญญาณระดับต่ำของนางมิอาจทำอะไรดินที่แข็งและแน่นได้อีก จากนั้น เมื่อนางพยายามจะฟันมันด้วยกระบี่ รอยบิ่นก็เกิดขึ้นกับสมบัติวิญญาณของนาง ขณะที่ด้านบนถ้ำไม่มีแม้แต่รอยข่วน!
“มีค่ายกลที่นี่!”
อสูรน้อยรู้เหตุในทันทีนางโมโห
“น่ารังเกียจนัก!อรหันต์ผีขี้ระแวงขนาดนี้เชียวรึ? ไม่แปลกเลยที่ไม่มีใครบุกเข้ามาที่ฐานมันได้!”
ถ้าการทำลายชั้นดินด้านบนเป็นเรื่องง่ายคนก่อนหน้าที่มาจู่โจมก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร พวกเขาเพียงแค่ต้องเปิดทางด้านบนเท่านั้น
อรหันต์ผีฝังค่ายกลไว้ในผิวดินด้านบนรอบๆฐานกลุ่มสามสังหารคนด้านนอกมิอาจเปิดถ้ำได้ ด้วยวิธีนี้ เหล่ากลุ่มโจรจึงปลอดภัยอยู่ในใต้ดิน
จะพูดก็ได้ว่าอสูรน้อยเหมือนกับหนูที่ติดอยู่ในกรงนางติดอยู่ในโลกใต้ดินโดยมิอาจหนีไปไหนได้อีก
อสูรน้อยรำคาญมาก
“ฮื่ม!ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะออกไปไม่ได้”
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยามอสูรน้อยกำลังหายใจหอบอยู่หน้ากำแพงที่ปลายถ้ำหนึ่ง ในดวงตามีแต่ความกังวล
“นี่มันอะไรกัน?ทำไมข้าเจอทางตันอีกแล้ว?”
นางเดินผ่านถ้ำมาสิบแห่งและทุกแห่งก็นำทางมาสู่ทางตันเช่นนี้
“หึหึในร้อยเส้นทาง มีแค่สองเส้นทางเท่านั้นที่จะนำพาไปข้างนอก แม่สาวน้อย เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว!”
เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากด้านหลังนาง
อสูรน้อยตกใจนางหันกลับไปและเบิกตากว้างเล็กน้อย ครึ่งผีครึ่งอรหันต์อยู่ห่างจากนางไม่ถึงหนึ่งลี้!
“เจ้าหาข้าเจอได้ยังไง?”
อสูรน้อยถามด้วยความแปลกใจ
อรหันต์ผีแสยะยิ้ม
“พื้นที่ใต้ดินที่นี่คือโลกของข้าง่ายนักที่จะเจอเจ้า!”
อสูรน้อยแยกเขี้ยว
“ฮื่ม!ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”
เมื่อนางพูดจบนางคว้ามีดทมิฬกับโล่และจับเอาไว้แน่น
อรหันต์ผีหัวเราะเยาะตอบ
“เจ้ามีแค่นั้นน่ะหรือ?”
ฟึ่บ!
อรหันต์ผีจางหายเขาพุ่งเข้ามาจู่โจมโล่ของอสูรน้อยก่อนที่นางจะได้เตรียมตัวเต็มที่
ปั้ง!
อสูรน้อยกับโล่กระเด็นกระแทกเข้ากับกำแพงแรงกระแทกมหาศาลทำให้อวัยวะภายในของนางบาดเจ็บจนนางกระอักเลือดออกมา นางไม่ใช่คู่มือของอรหันต์ผี!
อสูรน้อยกลอกตาและหยิบเครื่องรางออกมาเป็นจำนวนมากถ้าหากนับคร่าวๆก็เกินหนึ่งร้อยชิ้น
ทุกชิ้นเป็นเครื่องรางที่แข็งแกร่งราคาของแต่ละชิ้นนั้นเกินแก้วหลายหมื่นดวง แต่ละชิ้นล้วนมีภัยต่อชีวิตของจ้าวเทวะ
อรหันต์ผีกระโดดหลบด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นเครื่องรางมากมายในครั้งเดียวมันคิดจะจู่โจมนางต่อแต่ก็หยุดและถอยกลับ
มันตะโกนด้วยความร้อนรน
“เจ้าเป็นใครกันแน่?ต่อให้สมาชิกหลักของโรงประมูลเทียนหยาก็ไม่มีเครื่องรางมากมายเท่านี้!”
“ฮื่มไอ้แก่ ข้าจะระเบิดเจ้าจนตาย!”
อสูรน้อยโบกมือเครื่องรางมหาศาลพุ่งเข้าใส่อรหันต์ผี
อรหันต์ผีไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับเครื่องรางจำนวนมากมายเช่นนี้มันถอยกลับโดยพลัน พร้อมกันนั้นยังรวบรวมแสงผีและแสงอรหันต์มาปกคลุมร่าง
ปั้ง!ปั้ง!
จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นแม้ว่าอรหันต์ผีจะมีพลังที่พิเศษมาก มันก็ยังถูกต้านให้ถอยกลับไปเมื่อถูกพลังนี้ระเบิดเข้าใส่ แม้แต่แสงเทพในร่างก็สั่นไหว
ปฏิเสธไมท่ได้ว่าอรหันต์ผีแข็งแกร่งอย่างผิดมนุษย์และไม่ว่าจะมีเครื่องร่างระเบิดเท่าใด มันก็มิได้บาดเจ็บ เมื่อแรงระเบิดสุดท้ายจบลง แววตาของอรหันต์ผีเยือกเย็นราวน้ำแข็ง มันทั้งอับอายและโกรธเกรี้ยว
แต่หลังจากที่ฝุ่นควันจากแรงระเบิดจางหายมันก็ไม่เห็นใครในถ้ำ อรหันต์ผีหรี่ตาและซัดพลังในทันที แสงพลังภูติผีและพลังอรหันต์ในร่างกลายเป็นศรคมกริบสองสายพุ่งออกไปยังพื้นที่ว่างในระยะสามสิบศอกข้างหน้า
“อ๊าาาา!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมิติแตกแยก คนร่างเล็กที่ถือโล่กระเด็นลอยออกไปพร้อมกับเครื่องรางบนอกที่แตกสลายเพราะแสงอรหันต์
“เครื่องรางเร้นกายรึ?ฮื่ม!”
อรหันต์ผีไม่ให้โอกาสอสูรน้อยได้ตอบกลับก่อนจะพุ่งเข้าใส่และบีบคอของนางเอาไว้
อสูรน้อยที่ถูกแสงพลังทั้งสองจู่โจมนั้นร่างชุ่มโลหิตนางบาดเจ็บที่ภายในอย่างหนัก! พลังทั้งสองนั้นแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด!
“แม่หนูตายซะเถอะ”
อรหันต์ผีแสยะยิ้มพลังชีวิตรวบรวมมาที่มือ
ในตอนนั้นเองขณะที่มันกำลังจะบีบคอนางจนขาดสะบั้น มันรู้สึกเย็นยะเยือกที่กระดูกสันหลังและรู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกเมื่ออสูรน้อยโยนเครื่องรางมากกว่าร้อยชิ้นใส่มัน!มันรู้สึกขนลุกซู่และรีบปล่อยอสูรน้อยพร้อมกับถอยกลับ
ฟึ่บ!
แต่ก่อนที่มันจะได้หนีเส้นไหมเยือกเย็นก็ทะลวงชายโครงของมันไป ถ้าหากมันช้ากว่านี้อีกสักนิด หัวใจของมันจะทะลุ!
จากนั้นเส้นไหมที่ทะลวงร่างก็เริ่มเคลื่อนไหวในร่างกายของมัน มันเข้าเฉือนซี่โครงทั้งหมดและเคลื่อนสู่หัวใจ! อวัยวะภายในทั้งหมดแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ร่างกายอันทรงพลังที่มันภูมิใจนักหนาอ่อนยวบราวกับเต้าหู้ต่อหน้าเส้นไหมนี้!อรหันต์ผีหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว!
เส้นไหมกำลังจะทะลวงหัวใจร่างกายของมันมิอาจต่อต้านได้เลย อรหันต์ผีสีหน้าเด็ดเดี่ยว มันใช้มือขวาเจาะร่างของตัวเองเข้าไปหาเส้นไหมและคว้าเอาไว้!
แต่มันก็ทำได้แค่ทำให้เส้นไหมช้าลงเล็กน้อยเพราะแม้แต่มือของมันก็ถูกเฉือนขาด! แต่ช่วงเวลาสั้นๆที่คว้าเส้นไหมได้นี้เองที่มันเคลื่อนไหวไปด้านหน้าและทำให้เส้นไหมออกมาจากร่างกายทั้งหมด
มันพุ่งไปถึงทางตันของถ้ำก่อนจะหันกลับไปถามด้วยใบหน้าดำมืด
“เจ้าเป็นใคร?”
ที่อีกมุมของถ้ำชายคนหนึ่งที่สวมชุดฟางกันฝนและไม่เห็นใบหน้าเดินออกมา ชายผู้นี้คือซือหยูในร่างหนุ่ม
เขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวต่อหน้าอสูรน้อยจึงต้องใส่ชุดกันฝนแต่การปลอมตัวของเขาไม่จำเป็นนัก เพราะแม้ว่าชุดจะขาดไป มันก็จะเผยร่างหนุ่มของเขาที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ‘ซือหยูเซี่ยน’ ในสมองของอสูรน้อยเลย
“ข้าก็คือคนที่มาตามล่าเจ้ายังไงล่ะ…”…..Aileen-novel
ซือหยูตอบอย่างใจเย็นเขายื่นแขนไปรับอสูรน้อยมาไว้ในอ้อมกอด
เมื่อทั้งคู่เป็นคนจากเขาอสูรซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้นางตายโดยไม่แม้แต่ช่วยเหลือ และเขาก็มาที่นี่เพื่อทำลายกลุ่มสามสังหารไม่ให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต
อสูรน้อยบาดเจ็บสาหัสประสาทสัมผัสของนางแทบไม่มีเหลือ นางเพียงแค่ได้ยินเสียงชายหนุ่มและสัมผัสอันเร่าร้อนของอ้อมอกที่แข็งแกร่งบนตัวนาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกชายหนุ่มกอดนางได้แต่เริ่มขัดขืน นั่นก็เพราะนางรู้สึกละอายใจในสภาพย่ำแย่ของตนเช่นนี้
“ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆ!”
ซือหยูตะคอกใส่นางเขาไม่กล้าจะให้ตัวเองถูกสิ่งอื่นรบกวนเมื่อเผชิญหน้ากับอรหันต์ผี
อสูรน้อยตกใจมากกับคำโต้แย้งนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าตะคอกใส่นาง
นางทั้งโกรธและไม่พอใจแต่ก็ได้แค่ใจเย็นไว้แม้ภายในจะไม่ยอมจากนั้นนางก็มองใบหน้าที่ถูกปิดบังของชายหนุ่ม นางมิอาจห้ามสงสัยได้ว่าเหตุใดเขาถึงอยากช่วยนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มสนใจบุรุษ และยังเป็นบุรุษหนุ่มลึกลับอีกด้วย!
อรหันต์ผีสีหน้าหม่นหมอง
“เจ้ามาจากโรงประมูลเทียนหยาหรือตำหนักโลหิตล่ะ?”
หากซือหยูปรากฏตัวได้รวยเร็วเช่นนี้มันก็คิดว่าซือหยูจะต้องเป็นคนของมแ่สาวน้อย เขาจึงจำกัดความเป็นไปได้แค่สองสิ่งที่พูดถึง
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่ทั้งนั้นข้าก็แค่มาที่นี่เพื่อสะสางเรื่องราวกับเจ้า ข้าจะได้ไม่ต้องมีปัญหาอีก”
เมื่อพูดจบซือหยูสะบัดเสื้อ เส้นไหมที่มองไม่เห็นพุ่งไปยังอรหันต์ผี แม้ว่าอรหันต์ผีจะมองไม่เป็นมันก็รู้สึกได้ว่าอันตรายกำลังก้าวเข้ามา มันรีบกระโดดหลบ
ทันทีที่มันกระโดดรอยแตกก็เกิดขึ้นบนกำแพงด้านหลังและด้านบน อรหันต์ผีชักสีหน้าอีกครั้ง เพราะแม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจทำลายค่ายกลในถ้ำนี้ได้!
มันสงสัย…นั่นมันอะไรกันทำไมถึงน่ากลัวอย่างนี้?
มันที่อยู่ในทางตันไม่มีเวลาให้คิดมันทำได้แค่พยายามพุ่งออกจากถ้ำและหากำลังเสริมจากกลุ่มสามสังหาร!
ฟึ่บ!
แสงพลังทั้งสองจากร่างของมันกลายเป็นศรธนูพุ่งเข้าใส่ซือหยูมันตามแสงพลังเข้าไปเพราะอยากจะใช้โอกาสหนีตอนที่ซือหยูหลบ
แต่ไม่คิดเลยว่าซือหยูจะไม่พยายามหลบเขาเพียงแค่หันหน้ามา ตราหยกที่เปล่งแสงจ้าปรากฏขึ้นในมือของเขา
ตราหยกนี้ปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมามันดูราวกับวิญญาณเทพของโลก คนที่เจอพลังเช่นนี้ทำได้แค่โค้งคำนับเมื่อได้เห็น!
อรหันต์ผีตกตะลึง
“ต้นแบบสมบัติภูติ!”
มันหยุดบินกลางทางและถอยกลับด้วยความหวาดกลัวมันถอยกลับไปที่ทางตันอีกครั้ง
“ถ้าท่านอยากได้สิ่งใดก็ว่ามาเลย!ข้าจะให้ท่านทุกอย่างเป็นการตอบแทน”
หากกำลังจะตายอรหันต์ผีทำได้แค่อ้อนวอนขอโทษ
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
“เจ้าจะใช้ลูกไม้เดิมอีกรึ?เจ้าจะซื้อเวลาใช้ผนึกเทพสินะ? ข้าไม่เหมือนแม่หนูนี่…ข้ามองกลเจ้าออก!”
ก่อนหน้านี้อสูรน้อยประมาทเกินไปและเสียเวลาไปมาก นั่นทำให้อรหันต์ผีมีเวลามากพอที่จะใช้พลังของตัวเอง
และเพราะความประมาทนี้เองที่ทำให้นางถูกมันไล่ล่าจนเกือบตาย!ซือหยูผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน เขารู้ดีว่าจะต้องสังหารศัตรูโดยเร็ว
“ตราสายฟ้าห้าธาตุ!”
ซือหยูอัดพลังลงในตรา
เสียงคำรามแหลมดังก้องจากตราเทพสัตว์ป่าดุร้ายที่ทั้งร่างมีแต่สายฟ้าพุ่งออกมาคำรามลั่น หลังจากที่ออกมามันก็มองซือหยูอย่างเกรี้ยวกราด
จิตสังหารของมันเข้มข้นและดูพร้อมที่จะทรยศในทุกเวลาแต่มันก็รับฟังคำสั่งและละสายตาไปหาอรหันต์ผี
จิตวิญญาณสายฟ้าตะโกนร้องทั้งร่างของมันกลายเป็นสายฟ้าและก้าวพริบตาโดยพลันไปที่ลำตัวของอรหันต์ผี มันเร็วจนอรหันต์ผีมองตามไม่ทันและถูกเจาะทะลุร่าง!
ฝ่ามือของอรหันต์ผียังคงขยับสร้างผนึกพลังมันกำลังจะใช้ผนึกเทพ!
หากซือหยูช้ากว่านี้ผนึกเทพจะปรากฏขึ้นมา หากพลังของอรหันต์ผียิ่งใหญ่อยู่แล้ว ผนึกเทพของเขาก็คงยอดเยี่ยมกว่ามาก!
อรหันต์ผีกรีดร้องทุรนทุรายเมื่อทั้งร่างถูกสายฟ้าล้อมรอบรอยแตกที่เต็มไปด้วยสายฟ้าปรากฎที่ร่างของมันเต็มไปหมด อรหันต์ผีที่สังหารจ้าวเทวะมานับไม่ถ้วนได้ตายลงเพราะบุรุษลึกลับในวันนี้
ความโศกเศร้าและโกรธแค้นเอ่อล้นในใจของมันเมื่อในใจของมันเต็มไปด้วยความขมขื่นและความแค้นเมื่อสายฟ้ากำลังจะกลืนกินจนหมด มันจะโกนเสียงแหลม
“ถ้าข้าตายวันนี้เจ้าก็อย่าฝันว่าจะได้อยู่ต่อ!”