The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 876 - โอสถวิหคเพลิงมังกร
DND.
มีเหตุผลที่โอสถทั้งสามชนิดนี้ได้กลายเป็นโอสถสามัญและชื่อเสียงมิเสื่อมคลายแม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนานแม้ว่าจะมีโอสถชนิดใหม่ที่ดีกว่าเกิดขึ้นมาบ้าง ฤทธิ์โดยรวมก็มิอาจก้าวข้ามโอสถสามชนิดนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฟยฮั่งมีเหตุผลเขาสัมผัสกับโอสถมานานและคุ้นเคยกับสภาพตลาดดี
ผู้คนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติเรื่องโง่เง่าที่สุดที่เฟยฮั่งเพิ่งจะทำลงไปนั้นดูมีสติปัญญาที่ซ่อนเอาไว้อยู่
ยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมักจะเป็นผู้ที่เรียบง่ายที่สุดเช่นเดียวกันกับโอสถ โอสถที่มีฤทธิ์แปลกประหลาดย่อมไม่เป็นที่นิยมเท่ากับโอสถที่ใช้งานได้ดี
หูหวังกุยสีหน้าเยือกเย็นเขาพูดด้วยความเวทนา
“โลกกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าคนแก่อย่างเจ้าถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว โอสถของข้าจะเอาชนะโอสถสามัญที่เจ้าภูมิใจนักหนานั่น”
ผู้คนมองโอสถขาวดำของหูหวังกุยแม่นางหลิงที่สีหน้าใจเย็นดูจะสนใจ
“ข้ารู้สึกว่าเคยเห็นโอสถแบบนี้มาก่อน…”
เมื่อผู้คนเงยหน้าไปมองโอสถด้วยความคาดหวังอาจารย์เกาก็ได้พูดออกมา
“ทุกท่านข้าเชื่อว่าไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องแนะนำโอสถทั้งสามจากด้านขวา พวกท่านคุ้นเคยอยู่แล้ว ราคาของแต่ละเม็ดอยู่ที่ราวสิบดวง”
เขาพูดต่อ
“ทีนี้ข้าจะพูดถึงโอสถสีขาวดำที่ด้านซ้ายก่อน ข้าเชื่อว่ามันคือโอสถที่มีต้นกำเนิดจากแดนมณีมหัศจรรย์ มันคือโอสถสามัญในยุคโบราณที่เหมาะกับภูติซึ่งจะออกฤทธิ์เป็นสามรูปแบบใหญ่ๆ…”
เขาพักก่อนจะพูดต่อ
“ฤทธิ์อย่างแรกคือจะทำให้ผู้รับประทานใจเย็นลงช่วยขจัดความคิดรบกวนทั้งมวล นั่นทำให้ผู้ใช้บ่มเพาะพลังได้อย่างสงบ”
เขาอธิบายฤทธิ์ต่อไป
“ฤทธิ์ที่สองคือพลังวิญญาณที่มีอยู่ในโอสถมันจะช่วยในการเพิ่มพลัง ส่วนฤทธิ์ที่สามคือการฟื้นฟู มันมีฤทธิ์นี้ก็เพราะวัตถุดิบพิเศษที่ใช้ปรุง”
เขามองผู้ร่วมงานรอบๆและประกาศ
“สรุปก็คือมันจะช่วยให้ใจเย็นลง เพิ่มฐานพลัง และฟื้นฟูบาดแผล”
เมื่อได้ฟังเฟยฮั่งสีหน้าหม่นหมอง นั่นก็เพราะฤทธิ์ทั้งสามคือฤทธิ์ของโอสถเลือดบริสุทธิ์ โอสถชำระวิญญาณ และผงประณีต นั่นหมายความว่าโอสถเดียวอันนี้ก็คือโอสถทั้งสามรวมเป็นหนึ่ง!
เขาเคยได้ยินเรื่องโอสถวิหคเพลิงมังกรมาก่อนและก็ยืนยันได้ว่ามันมีฤทธิ์เช่นนั้นจริง แต่สูตรโอสถได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว
เพราะมันเป็นแค่โอสถสามัญที่ใช้ในยุคโบราณเท่านั้นง่ายดายนักที่สูตรจะสูญหายไป ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในวัตถุดิบของมันซึ่งก็คือหญ้าเครามังกรได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่มึทางปรุงโอสถนี้ได้เลย นั่นเป็นเหตุให้เขาไม่คิดว่าโอสถนี้เป็นภัย!
“โอสถแค่ชุดเดียวจะได้ผลสักเท่าไหร่กัน?”
อวี่หลิงหลงปลอบใจตัวเองและถามด้วยความกังขา
เพราะหญ้าเครามังกรได้สูญพันธุ์ไปแล้วเขตกลางย่อมไม่มีมันมากพอที่จะผลิตโอสถวิหคเพลิงมังกรเป็นจำนวนมาก! ต่อให้พวกเขาพบหญ้าเครามังกรโดยปาฎิหาริย์ ต้นทุนการผลิตจะถีบไปสูงเสียดฟ้า ซึ่งจะไม่มีทางได้เปรียบพวกเขาเลย!
หูหวังกุยพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“หึหึข้าอยากจะประกาศข่าวดีกับทุกท่าน หลังจากที่นักปรุงยาจากหอวิญญาณของข้าพยายามอย่างหนักมาสิบปี พวกเขาก็สามารถปลูกเมล็ดหญ้าเครามังกรได้เป็นจำนวนมาก! นั่นหมายความว่าทุกท่านมีโอกาสที่จะได้รับประทานโอสถวิหคเพลิงมังกรเหมือนกับยอดฝีมือในยุคโบราณ”
เขาพูดอีก
“หลังจากที่สมาชิกระดับสูงของหอวิญญาณฟ้าหารือเรื่องนี้กันแล้วพวกเราตัดสินใจว่าจะไม่ใช้โอสถนี้ทำกำไร และพวกเขาจะใช้มันตอบแทนการสนับสนุนของพวกท่านทุกคน! นั่นหมายความว่าพวกเราจะขายมันในราคาชุดละสิบดวง!”
เมื่อได้ฟังผู้เข้าร่วมงานทุกคนส่งเสียงดัง การชุบชีวิตโอสถโบราณขึ้นมาก็เป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมอยู่แล้ว ผู้คนยอมแม้แต่จ่ายในราคาแพงเพื่อที่จะได้ลิ้มลอง แต่หอวิญญาณฟ้ากลับไม่ได้ขายในราคาแพงอย่างที่พวกเขาคิด หอวิญญาณฟ้ากลับขายแค่ในราคาที่เข้าถึงได้และต่ำอย่างมาก!..ไอรีนโนเวล
และเพราะโอสถนี้มีฤทธิ์แบบเดียวกับโอสถทั้งสามจากตำหนักโลหิตรวมกันซึ่งเทียบมูลค่าได้สามสิบดวง แต่พวกเขาเพียงต้องจ่ายสิบดวงในการซื้อโอสถวิหคเพลิงมังกรหนึ่งชุด มันทำให้พวกเขาประหยัดได้ถึงยี่สิบดวง!
ดังนั้น…ราคาของโอสถจึงถูกว่ากันสามเท่า!ทุกคนตื่นเต้นกับราคาที่ล่อตาล่อใจ แล้วมันยังเป็นโอสถจากยุคโบราณ ความรู้สึกย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ตราบเท่าที่ไม่โง่เขลามากพอคนก็จะไม่จ่ายกแก้วในการซื้อโอสถทั้งสามชนิดจากตำหนักโลหิต แต่จะไปซื้อโอสถวิหคเพลิงมังกรแทน! มันไม่ต้องคิดเลย!
คงจะคาดเดาได้ว่าต่อไปถ้าหากหอวิญญาณฟ้าผลิตโอสถวิหคเพลิงมังกรออกมาเป็นจำนวนมาก ผู้คนจะไม่สนใจโอสถชื่อดังทั้งสามจากตำหนักโลหิตอีกต่อไป และจากนั้นโอสถทั้งสามจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ถูกลืมของอดีต
เฟยฮั่งตัวเย็นดั่งน้ำแข็งเมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตรต่อหน้าต่อตาร้านกลิ่นสวรรค์หวังพึ่งยอดขายจากโอสถหลักทั้งสามเพื่อรักษาสถานะความเป็นร้านระดับสูง หากเสียกำไรส่วนนี้ไป พวกเขาก็จะกลายเป็นร้านโอสถระดับกลางทันที!
ทุกคนที่นี่กำลังตื่นเต้นมีเพียงคนจากตำหนักโลหิตเท่านั้นที่จิตใจจมดิ่งสู่ห้วงทะเล ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ยากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีอยู่ของโอสถวิหคเพลิงมังกรจะเป็นการทำลายล้างร้านโอสถขนาดเล็กและกลางของตำหนักโลหิตแม้ว่าธุรกิจทั้งสามของตำหนักโลหิตจะยังไม่ถูกทำลายหลังจากงานประมูล มันก็ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะกำไรพวกเขาน่าจะเสียกำไรไปสามในสิบส่วน อัตราส่วนมากมายเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อตำหนักโลหิตอย่างมาก และคนจากตำหนักโลหิตย่อมต้องเดินทางมาตรวจสอบด้วยความคั่งแค้น!
คนตำหนักโลหิตรู้สึกราวกับนภาถล่มใส่พวกเขาพวกเขารู้แล้วว่าตอนนี้ไม่มีอะไรให้อุ่นใจได้เลย
สายตาหลายคู่มองไปที่ห้องรับรองพิเศษห้องแรกนั่นก็เพราะมีคนผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น เขาเป็นชายผู้มากด้วยอำนาจ เขาสามารถกุมชะตาของคนตำหนักโลหิตในเมืองเทียนหยาได้ทุกคน
เสี่ยวเหยาสีหน้าหม่นหมองเขาคิดไว้แล้วว่าเขตกลางจะพยายามเอาชนะพวกเขาอย่างดุเดือดและรู้ตัวว่าอาจจะพ่ายแพ้ แต่เขาไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้ราบคาบเช่นนี้!
หลินหมิงโดนเล่นตลกจนกลายเป็นตัวตลกแม้แต่ความสามารถของอวี่หลิงหลงก็มิอาจต่อกรได้ ส่วนเฟยฮั่ง รากฐานของเขาถูกทำลายป่นปี้ไปพร้อมกับร้านโอสถระดับต่ำและกลาง
เรื่องนี้จะส่งผลร้ายแรงกับพวกเขาทุกคนตั้งแต่ศิษย์นอกไปจนถึงม่อเทียนฉวนจะต้องตื่นตัวกับเรื่องนี้อย่างมาก และถ้าหากเรื่องใหญ่นี้เกิดขึ้นขณะที่พวกเขาทำหน้าที่ในเมืองเทียนหยา พวกเขาก็มิอาจรอดไปจากการลงโทษของตำหนักได้เลย พวกเขาต้องถูกลงโทษอย่างร้ายแรงไม่ผิดแน่
เสี่ยวเหยาสีหน้าเยือกเย็นอย่างเคยขณะที่จิตสังหารของเขากำลังรอคอยคำสั่งจากรองผู้จัดการใหญ่ รองผู้จัดการใหญ่นั้นยังคงใจเย็นและไม่ได้แสดงความโกรธหรือยินดีผ่านสีหน้า
เขาเยือกเย็นอย่างประหลาดแต่เสี่ยวเหยาก็รู้ดีว่ารองผู้จัดการใหญ่น่ากลัวที่สุดเมื่อมีสีหน้าเยือกเย็นเช่นนี้!
“หอวิญญาณฟ้า…โอสถวิหคเพลิงมังกร…”
ขณะที่รองผู้จัดการใหญ่เอ่ยชื่อเหล่านี้ซ้ำเสี่ยวเหยาสั่นไปทั้งตัว
เขาสัมผัสจิตสังหารจากน้ำเสียงอันเยือกเย็นของรองผู้จัดการใหญ่ได้อย่างชัดเจนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นใหญ่เกินไป มันก้าวข้ามความอดทนของรองผู้จัดการใหญ่ไปแล้ว
หลังจากผู้คนหายตื่นเต้นจากเรื่องโอสถวิหคเพลิงมังกรพวกเขาก็เริ่มเห็นสีหน้าของคนตำหนักโลหิต พวกเขาได้แต่กระซิบกันอย่างลับๆ…
“แย่แล้ว!พวกเรารีบไปกันเถอะ…”
“เรื่องมันเกินควบคุมแล้วตำหนักโลหิตทนไม่ได้อีกแล้วแน่! พวกเขาอาจจะไม่ปล่อยให้หูหวังกุยออกไปก็ได้ เจ้าเตรียมหนีไว้จะดีกว่า การต่อสู้ครั้งใหญ่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้”
ผู้คนรู้สึกถึงบรรยากาศอันเยือกเย็นที่เจ็บแปลบความโหดเหี้ยมไร้รูปร่างกำลังก่อตัวขึ้นไปทุกที
หูหวังกุยหรี่ตา
“หึหึ…ท่านยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้จนคิดจะสังหารพวกข้ารึ?ตำหนักโลหิตของพวกท่านช่างน่ารังเกียจ!”
หูหวังกุยไม่ได้เป็นกังวลเลยเขารู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าคนตำหนักโลหิตเป็นเช่นใด หากเขาไล่ต้อนตำหนักโลหิตได้ถึงขนาดนี้ การค้าของพวกเขาก็ยิ่งเติบโตขึ้น แผนของพวกเขาสำเร็จ!
มีเพียงไม่กี่คนที่ยังใจเย็นอยู่ได้และไม่กี่คนนี้ก็คือคนที่รู้เรื่องความลับบางอย่าง อาจารย์เกายังคงเยือกยเ็น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงจิตสังหารจากรอบด้านเลย เขาเพียงแค่ดำเนินการประมูลโอสถบนเวทีต่อไป
หลายคนเตรียมพร้อมที่จะออกจากจุดอันตรายเพราะถ้าหากงานประมูลจบลง ที่นี่จะกลายเป็นทุ่งสังหารในทันที แต่อาจารย์เกานั้นยังคงดำเนินการประมูลต่อไปโดยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
เขาประกาศ
“โปรดนำสินค้าต่อไปออกมา”
หา?เหล่าผู้ร่วมงานตกใจ พวกเขาคิด…ยังมีของที่สำคัญกว่าของสิ่งอื่นเหลืออยู่เป็นชิ้นสุดท้ายอีกรึ?
แม่นางหลิงตาลุกวาว
“หึในที่สุดการแข่งพวกของน่าเบื่อก็จบลงสักที โอสถถึงคราวโอสถนั้นแล้วสินะ!”
หูหวังกุยผงะหลัง…ยังมีสินค้าเหลือให้ประมูลอีกรึ?