The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 933 - จ้าวเทวะระดับหก
DND.
วิหคจ้าวเทวะระดับห้ายังคงจำได้ว่าไป่ชานเหลียงได้เปลี่ยนจ้าวเทวะระดับสี่ให้กลายเป็นกองเลือดจากโลหิตที่พ่นออกมามันกรีดร้องเสียงดังและหนีเอาชีวิตรอด
แต่วิชาแส้ของหูหวังกุยนั้นพึ่งพาได้ไม่นาน หูหวังกุย นายหญิงซือถู ไป่ชานเหลียงและกงซุนหวูซื่อก็ตามมันทัน
มันโดนล้อมรอบเอาไว้ส่วนทางด้านซือหยู วิหคจ้าวเทวะระดับสี่ทั้งสี่ตัวถือโอกาสยามที่ซือหยูอยู่ตัวคนเดียวและสิ้นหวังเข้าจู่โจมเขาจากทุกทิศทาง พวกมันคิดจะฉีกกระชากซือหยูให้เป็นชิ้นๆ
แต่ซือหยูนั้นมิได้ตกใจเขาหายใจเบาๆและขยับมือเล็กน้อย ไม่นานเสียงมังกรสี่ตัวก็คำรามดังราวกับฟ้าผ่า!
เสียงมังกรคำรามนั้นมีแรงกดดันวิญญาณมหาศาลไม่เพียงแต่คนตระกูลซือถูจะตัวสั่น เหล่าวิหคก็ตัวสั่นด้วย เหล่าฝูงวิหคตัวอื่นที่อยู่นอกค่ายกลกำลังตื่นตระหนก
พวกมันอยากที่จะหนีพวกมันคงจะบินแตกรังไปไกลแล้วถ้าหากชายชุดม่วงไม่ได้ควบคุมพวกมันเอาไว้…
“นั่นมันอะไรกัน?”
“ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงมังกรคำรามจากร่างซือหยูเซี่ยนล่ะ?”
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายพลังอสูรได้พวยพุ่งออกจากอกของซือหยู หัวมังกรผุดออกมาจากร่างกายของเขาและกลายเป็นกลุ่มก้อนเงาทมิฬ จากนั้นตัวที่สองสามสี่ก็ตามออกมา!
ไม่นานมังกรอสูรทั้งสี่ก็อยู่เหนือหัวซือหยูพวกมันมีร่างขนาดใหญ่ยักษ์ มันยังดูดุร้ายน่ากลัว ความป่าเถื่อนบ้าคลั่งแผ่ออกมาจากพวกมัน
เมื่อได้เห็นมังกรวิหคทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาตัวสั่นและบินหนีพร้อมกรีดร้อง! แต่มังกรอสูรทั้งสี่ก็ได้ไล่ล่าไปในทันที
ตัวที่ใกล้ที่สุดถูกมังกรทั้งสี่ทะลวงร่างไปพร้อมกันก่อนที่จะมีโอกาสได้หนีไปไกลมันกลายเป็นกองเถ้าในพริบตา ทันทีหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องแบบเดียวกันกับวิหคตัวที่สอง
ไม่นานตัวที่สามก็พบชะตาไม่ต่างกันนักพวกมันกลายเป็นเถ้าถ่านและกระจัดกระจายไปตามลม ตัวสุดท้ายโชคดีที่หนีไปได้ แต่ด้วยความตกใจจากพลังที่ได้เห็นทำให้ชายหนุ่มชุดม่วงเสียการควบคุมจากมันไป มันบินหนีสูงขึ้นฟ้าไปไกล
ทุกคนตกตะลึงเพราะหายากที่จะได้เห็นภูติระดับหกสังหารวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ได้สามตัวด้วยมือตัวเอง! แม้จะดูเป็นวิชาโจมตีที่เรียบง่าย เขาก็แข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์จ้าวเทวะระดับสามอยู่หลายขุม
“นั่นมันวิชาอสูรอะไรกัน?มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ผู้เฒ่าตระกูลซือถูอุทานพวกเขาทั้งตกใจและหวาดกลัว
ทีแรกพวกเขาคิดว่าซือหยูแค่โชคดีที่แสดงพลังมหาศาลออกมาได้โดยเฉพาะพรสวรรค์และการป้องกันที่มี เมื่อมาถึงตอนนี้พวกเขาจึงได้ตระหนักกว่าซือหยูสามารถสังหารจ้าวเทวะได้ด้วยตัวเอง!
ไป่ชานเหลียงตาเป็นกระกายเขาทั้งตกใจและสับสน
“นั่นมันวิชาอสูรใด?ทำไมมันดูเหมือนวิชาเก้ามังกรอสูรล่ะ? แต่…ตำรานั่นเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่มเพาะไม่ใช่หรือ?”
กงซุนหวูซื่อจ้องมองซือหยูนางรู้สึกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ นางมิอาจมองชายที่นางชิงชังออก เขาลึกลับเกินไป อุบายและวิชาที่ซุกซ่อนเอาไว้ก็ห่างไกลเกินกว่าที่นางปกปิดตัวเอง
นั่นทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยกับคนคนหนึ่งนางเคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้กับคนอื่นมาก่อน…ชายวิถีอสูรผู้เด็ดขาด…ชายหนุ่มลึกลับที่สังหารจักรพรรดิโลหิต!
แต่ไม่นานนางก็ส่ายหน้า
“นังโง่!ไอ้แก่นั่นจะไปเทียบกับเขาได้ยังไง?”
หลังจากจำกัดพวกจ้าวเทวะระดับสี่ไปแล้วซือหยูก็หันไปมองจ้าวเทวะระดับห้า
ด้วยกำลังหลักของหูหวังกุยและกำลังเสริมจากนายหญิงซือถูไป่ชานเหลียง และกงซุนหวูซื่อ มันบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ความดุร้ายของมันมิได้หายไป มันยังคงใช้จำนวนมากพยายามออกจากค่ายกลเพื่อหนี
ชายหนุ่มชุดม่วงควบคุมฝูงวิหคที่อยู่นอกค่ายกลให้พยายามมาช่วยมันซึ่งก็ทำให้ไม่มีใครกล้าตามต่อ เพราะพวกเขาคงจะกลายเป็นอาหารของฝูงวิหคเป็นแน่
แต่จากนั้นก็มีแสงสีแดงส่องฉาบร่างวิหคจ้าวเทวะระดับห้าที่กำลังจะหนีพ้นค่ายกลจากนั้นพลังมิติก็โอบล้อมร่างงของมัน
ไม่นานมันก็ถูกเคลื่อนย้ายกลับมาที่หน้านายหญิงซือถูและคนอื่นๆนายหญิงซือถูกับคนอื่นๆตกใจในทีแรก แต่จากนั้นพวกนางก็ดีใจมาก พวกนางจู่โจมมันด้วยพลังสูงสุดก่อนที่วิหคจะได้ตอบสนอง!
เพี๊ยะ!
หัวของมันถูกแส้หูหวังกุยฟาดอย่างแรกจากนั้นมันก็ถูกเลือดพิษของไป่ชานเหลียงและเครื่องรางพลังจ้าวเทวะระดับห้าของกงซุนหวูซื่อ และด้วยวิชาของนายหญิงซือถู ร่างกายกับวิญญาณของมันแหลกสลายในทันที
พริบตาเดียววิหคจ้าวเทวะระดับห้าและสี่ถูกรุมทึ้งไม่เหลือชิ้นดี! ชายหนุ่มชุดม่วงตกตะลึงเมื่อมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
วิหคเหล่านี้ต้องจ่ายมหาศาลเพื่อที่จะฝึกมันได้!ถึงอย่างนั้นมันก็ตายหมด แม้แต่ตัวที่แข็งแกร่งสุดก็มิอาจหนีออกมาได้
“พวกเจ้าถ้าข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าตอนนี้ ความโกรธของข้าก็ไม่มีวันจางหาย!”
ชายชุดม่วงโกรธแค้นถึงขีดสุด
ซือหยูยืนมือไพล่หลังเขาพูดอย่างเรียบเฉย
“ตอนนี้เจ้าห่วงตัวเองเสียดีกว่า”
เมื่อพูดจบซือหยูกระพริบตา บรรยากาศแปลกๆแพร่กระจายไปยังทุกทิศทาง ไป่ชานเหลียง กงซุนหวูซื่อ นายหญิงซือถู และคนอื่นๆรู้สึกราวกับว่าอยู่ในบางสิ่งบางอย่าง ดวงวิญญาณของพวกเขาพบกับการเปลี่ยนแปลง
มันคือบรรยากาศที่ต่อต้านสวรรค์และพื้นโลกมันคือบรรยากาศของความต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้ พวกเขารู้สึกตัวเล็กจ้อย
พวกเขารู้สึกราวกับว่าตนเป็นแมลงที่ได้เจอกับมนุษย์ผู้ตระการตาตรงหน้าทุกคนมองไปยังท้องนภาและพบกับเนตรที่ก่อตัวขึ้น
มันเป็นเนตรกว้างใหญ่ที่ทอดยาวนับหมื่นลี้บนท้องฟ้ามัดบดบังแสงอาทิตย์และดวงจันทร์เช่นเดียวกับฟ้าคราม มันมองทุกสิ่งเบื้องล่างเงียบๆ
“สวรรค์แสดงพลัง!”
มีคนตะโกนออกมา
ไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อหายใจเข้าลึกทั้งสองตะโกนอุทานพร้อมกัน
“ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์!”
ทั้งสองมองไปยังซือหยูพร้อมกันและทั้งสองก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“เขาก้าวเข้าสู่วิถีฎีกาสวรรค์และได้รับสภาวะบริสุทธิ์มา!”
กงซุนหวูซื่อจ้องซือหยูนางรู้สึกว่าเขายิ่งเหมือนกับเด็กหนุ่มลึกลับในใจของนางกว่าเดิม
ไป่ชานเหลียงพูดอย่างเคร่งเครียด
“ฎีกาสวรรค์เป็นหนทางอันยากลำบากเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่เดินบนเส้นทางฎีกาสวรรค์จะไม่มีทางได้เป็นจ้าวเทวะ แต่ยอดฝีมือที่อยู่บนวิถีฎีกาสวรรค์จะแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะระดับปัญญาที่ไม่มีใครเทียบได้!”
นายหญิงซือถูชาไปทั้งตัวความสั่นสะเทือนที่หัวใจของนางนั้นมิอาจอธิบายได้
“หายไปซะ!”
ซือหยูลั่นวาจาออกมา
หลังจากพูดแล้วเนตรขนาดมหึมาบนนภาหลับช้าๆ เมื่อลืมขึ้นอีกครั้ง วิหคร้อยตัวที่เป็นจ้าวเทวะระดับสองก็ละลายหายไปราวกับเกล็ดหิมะ
จากนั้นฝูงวิหคหนาแน่นได้กระจัดกระจายแยกกันหนีทุกตัวที่ตายไปนั้นไม่มีโอกาสได้กรีดร้องก่อนจะหายไปด้วยซ้ำ
ไป่ชานเหลียงคืนสติจากความตกตะลึงเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆๆศิษย์น้องข้าแสดงพลังออกมาเช่นนี้ แล้วข้าจะยังนับว่าเป็นศิษย์พี่ได้อย่างไร?”
ฟึ่บ!
ไป่ชานเหลียงเรียกหุ่นเชิดวิหคไม้ตัวเล็กออกมาขว้างออกไปมันบินไปยังฝูงวิหค จากนั้นวิหคตัวหนึ่งก็กวาดกรงเล็บใส่วิหคไม้ตัวเล็กจนแหลกละเอียด จากนั้นได้เกิดควันสีเหลืองหม่นกระจายมาจากหุ่นเชิดวิหค
ไม่ว่าควันจะลอยไปทางใดวิหคทุกคนไม่ว่าจะพลังเท่าไหนก็กลายเป็นวิหคสีเหลืองและร่วงลงกับพื้น พริบตาเดียวมันก็ตายไปสามสิบสี่ตัว!
แต่ไป่ชานเหลียงมิได้มีหุ่นเชิดวิหคแค่ตัวเดียวเขายังมีอีกนับร้อยนับพัน!
กงซุนหวูซื่อเองก็ไม่ยอมถูกทิ้งไว้นางเริ่มเรียกเครื่องร่างแข็งแกร่งออกมาราวกับไม่สนใจราคาของมัน และเครื่องรางทั้งหมดของนางก็สามารถกำจัดวิหคทุกตัวในระยะได้ ไม่กี่ลมหายใจนางก็ใช้เครื่องรางที่มีค่าหนึ่งล้านไปแล้ว นางเหลือบมองซือหยูบ้างในบางครั้ง!
คนจากตระกูลซือถูมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยควาามตกตะลึงมันมิใช่ฝูงวิหคที่ล่าสังหารพวกเขา แต่เป็นสัตว์ประหลาดสามตัวจากตำหนักโลหิตที่ไล่เชือดพวกมัน!
ชายหนุ่มชุดม่วงพูดไม่ออก…พวกมันน่ากลัวมาก!
โดยเฉพาะพลังที่แท้จริงของซือหยูการทำลายล้างของเนตรสวรรค์ได้สังหารฝูงวิหคที่เขาใช้เวลาสะสมมาเกือบร้อยปี เขาฝึกฝนพวกมันอย่างยากลำบาก! มันจะปล่อยไปเฉยๆไม่ได้! เขาจะต้องไม่ให้วิหคเหล่านั้นตายอย่างสูญเปล่า!
ชายหนุ่มชุดม่วงหยิบขลุ่ยสีม่วงยาวออกมาเป่ามันเกิดเสียงใสที่ดังก้อง วิหคทั้งหมดที่ได้ยินเสียงบินเข้ามาล้อมเขาและบินออกไปไกล
ไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อกำลังเสพติดการฆ่าทั้งสองไล่ตามไปทันทีโดยตามล่าสังหารพวกมันอย่างไม่รู้เหนื่อย หลายคนจากตระกูลซือถูก็ตามไปด้วยความตื่นเต้น
ซือหยูรู้สึกไม่ดีเขารีบเรียก
“นายหญิงบอกให้คนของท่านกลับมาเดี๋ยวนี้! อย่าไปหลงกลมัน”
เขารู้ว่าค่ายกลสามารถรับมือกับศัตรูได้ชั่วคราวแต่ถ้าหากออกจากค่ายกลไปแล้ว พวกเขาจะไร้เครื่องปกป้อง ความสูญเสียต้องเกิดขึ้นแน่นอน! หลังพูดจบเสียงกรีดร้องของคนตระกูลซือถูก็ดังขึ้น!
หลายคนกลายเป็นกองโลหิตกระจายไปทุกทิศทางราวกับว่ามีพลังอันรุนแรงป่าเถื่อนกระแทกเข้าใส่! และที่แย่ยิ่งกว่า…พลังนั้นกำลังตรงมาที่ซือหยู!.Aileen-novel.
ไม่นานโลหิตของตระกูลซือถูก็ร่วงโรยราวกับสายวารีมีคนหนึ่งก้าวออกมา เขาสวมหมวกไผ่อยู่ในหมอกเลือดนั้น
หลังเขาปรากฏตัวไป่ชานเหลียงและกงซุนหวูซื่อไม่มีโอกาสได้มาช่วยก่อนที่คนผู้นั้นจะพุ่งเข้าใส่ซือหยู จิตสังหารของเขาชั่วร้ายอย่างมากราวกับว่าเขามีความอาฆาตแค้นที่ยังไม่ได้สะสางกับซือหยู
ซือหยูขนลุกเมื่อสัมผัสจิตสังหารนั้นได้จากนั้นซือหยูใช้จิตสั่งให้หูหวังกุยฟาดแส้ใส่คนที่พุ่งเข้ามา
ถึงอย่างนั้นมันก็รับแส้กระดูกเอาไว้อย่างง่ายดายพร้อมกับดึงแส้อย่างแรงจนหูหวังกุยที่ถือแส้อยู่ถูกกระชากเข้าไป!
ผั่วะ!
ชายสวมหมวกไผ่ไม่หยุดแต่พุ่งตรงทะลวงร่างของหูหวังกุยหูกวังกุยร่างขาดเป็นสองท่อน แม้แต่วิญญาณก็แตกดับในพริบตา เขาตายเสียยิ่งกว่าตาย!
ซือหยูตกใจและหยิบวงแหวนขนาดเท่าฝ่ามือออกมาทันทีมันคือยานเคลือบที่กงซุนหวูซื่อมอบให้เขา
จากนั้นเขาก็อัดพลังชีวิตเข้าไปยานเคลือบขยายขนาดอย่างรวดเร็วและบินหนีในทันที มันขยายใหญกว่าสามสิบศอก กงล้อวงกลมนี้สามารถรับคนสามคนได้
หลังจากซือหยูกระโดดขึ้นยานเคลือบก็ได้หมุนด้วยความเร็วสูง ภูติระดับหกไม่สามารถเทียบความเร็วได้เลย! พริบตาเดียวซือหยูก็หายไปทางขอบนภาอย่างไร้ร่องรอย
ชายในหมวกไผ่มิได้ไล่ตามแต่ซัดมือไปทางท้องฟ้าดวงตาโกรธเกรี้ยวของเขาจ้องมองเมฆาจากนั้นจึงจ้องมองนายหญิงซือถูอย่างเยือกเย็น
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปจับตัวนางแต่จากนั้นยานเคลือบที่หนีไปก็ร่อนลงมาจากสวรรค์และพาตัวนางหนีไปด้วย
ชายสวมหมวกไผ่ตกตะลึงเขาคิดจะตามทั้งสองไปแต่ก็ตามความเร็วของยานเคลือบไม่ทัน มันเร็วจนไม่เหลือรอยให้ตาม
ที่หลายล้านลี้ไกลออกไปยานเคลือบได้ปรากฏที่หน้าไป่ชานเหลียงและกงซุนหวูซื่อก่อนจะลากทั้งสองมาข้างใน
“ยานเคลือบหรือ?ทำไมเจ้าถึงต้องใช้มันล่ะ?”
กงซุนหวูซื่อสงสัย
นางให้ยานเคลือบกับซือหยูไว้รักษาชีวิตและนางก็รู้ว่ามันใช้ได้ครั้งเดียว…หรือว่าจะมีภัยร้ายหลังจากที่ฝูงวิหคพวกนั้นตายแล้ว?
“พวกเจ้าถูกหลอกพวกมันใช้โอกาสโจมตีหลังจากที่พวกเจ้าออกจากค่ายกล…”
ซือหยูอธิบาย
ไป่ชานเหลียงพูดขึ้นมา
“คนที่จะเข้าค่ายกลได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นจ้าวเทวะระดับสี่ใช่ไหม?แล้ว…คนที่ทำให้เจ้าหนีก็ต้องแข็งแกร่งกว่าระดับห้า!”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่มันเป็นระดับหก! มันซ่อนตัวอยู่และจงใจไม่ปรากฏตัว มันลงมือตอนที่ไอ้ชุดม่วงเสียเปรียบ!”
“จ้าวเทวะระดับหกรึ?”
นายหญิงซือถูตกใจ
นางไป่ชานเหลียง และกงซุนหวูซื่อคิดหนัก ทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย พวกเขาร่วมมือกันเมื่อครู่ แต่ก็ทำได้แค่สังหารจ้าวเทวะระดับห้า!
ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเทวะระดับหกยังแข็งแกร่งกว่าระดับห้าถึงสิบห้าเท่า! พวกเขาย่อมทำอะไรไม่ได้ การหนีถือเป็นทางเลือกเดียว!
“เดี๋ยวสิ!คนของข้าล่ะ! ถ้าเราหนี พวกเขาก็ไม่มีโอกาสรอด!”
นายหญิงซือถูหน้าซีด
ไป่ชานเหลียงพูดเบาๆ
“นายหญิงมันสายไปแล้ว จ้าวเทวะระดับหกไม่ใช่คนที่ท่านจะต่อสู้ด้วยได้ ถ้ากลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างจากกระโดดลงไปตาย! จากสถานการณ์ มันคงเป็นสหายเก่าที่ชายชุดม่วงหมายถึง และท่านกลับไปก็ช่วยชีวิตใครไม่ได้ และแย่กว่า…ท่านอาจจะ…”
เขาไม่พูดต่อเพราะนางคงรู้ว่ามันคืออะไรในตอนนี้ พวกเขามิอาจช่วยชีวิตใครได้ ความโศกเศร้าปรากฏเต็มแววตานายหญิงซือถู นางส่ายหน้าช้าๆ ไหล่ของนางสั่นระริกเมื่อสะอื้นไห้
นางพูด
“ข้าขอบคุณที่เจ้าหวังดีแต่สามีข้าส่งต่อตระกูลให้กับข้า ช่างไร้เหตุผลหากข้าจะมีชีวิตรอดคนเดียวแล้วยืนมองดูตระกูลถูกทำลาย”
ความภักดีต่อสามีที่นางมีนั้นหนักแน่นและไม่เคยสั่นคลอน
กงซุนหวูซื่อถอนหายใจและเรียกยานเคลือบอีกอันออกมา
“หวังว่าท่านจะช่วยได้สักสองคนข้าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว”
นายหญิงซือถูตกใจแต่ในดวงตานั้นแสดงความขอบคุณ
“ขอบคุณเจ้ามาก…ข้าติดค้างเจ้ามากเหลือเกินหากชาตินี้มิอาจตอบแทน ข้าจะขอตอบแทนเจ้าในชาติหน้า”
นายหญิงซือถูรับยานเคลือบเอาไว้และกำลังจะบินไปไกลแต่ก่อนที่นางจะได้เดินทาง ฝ่ามือหนึ่งได้กดไหล่ของนาง เสียงดังขึ้นถาม
“ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด?นอกจากจะถูกสังหารแล้วยังช่วยใครไม่ได้อีก!”
คนที่จับไหล่นางก็คือซือหยูเขาชี้ชายหนุ่มชุดม่วงที่กำลังถูกไป่ชานเหลียงไล่ตาม
ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อใดแต่ถ้าหากเขาอยากจะลงมือ เขาก็ต้องรอจ้าวเทวะระดับหกคนนั้น ถ้าพวกเขาไม่หนีตอนนี้ พวกเขาก็ต้องตายอย่างแน่นอน
ส่วนนายหญิงซือถูนางไม่มีแม้แต่เวลาจะกลับไปหาตระกูล ไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตใคร นางได้แต่ตัวสั่น น้ำตาไหลพรากไม่หยุดหย่อน เล็บมือจิกลึกในฝ่ามือ โลหิตไหลออกเป็นสาย นางถอนหายใจยาว ตระกูลซือถูกำลังจะถูกทำลายแล้ว
แต่ซือหยูก็พูดขึ้นมา
“มีหนทางดีกว่าที่จะช่วยตระกูลท่านอาจจะไม่มีใครสูญเสียเลยก็ได้…”
ไม่เพียงแต่นายหญิงซือถูจะตัวแข็งทื่อแต่ไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อก็ขมวดคิ้ว ทุกคนคิด…ยังมีหนทางที่จะพลิกสถานการร์นี้อยู่อีกหรือ?