The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 938 - องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้า
DND.
เมื่อได้ฟังสิ่งที่เมิ่งเถียนแนะนำแววตาซือหยูเย็นชาลงในทันที นั่นทำให้เมิ่งเถียนสั่นไปทั้งกาย
เมิ่งเถียนคุกเข่าลงด้วยความตระหนก
“ยกโทษให้ข้าด้วยนายท่าน!ข้าเพียงแค่ชี้ประโยชน์ให้นายท่านได้เห็นเท่านั้น”
“ข้าให้โอกาสแค่ครั้งนี้เท่านั้น”
ซือหยูปฏิเสธที่จะทำตัวเช่นนั้นเขามีพลังที่จะปกป้องตระกูลซือถู แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องทิ้งเกียรติของความเป็นมนุษย์
เมื่อพูดจบซือหยูยืนขึ้นช้าๆ เมิ่งเถียนเดินตามอย่างใกล้ชิด
“เจ้ายังไม่ต้องติดตามข้าในตอนนี้สัตว์อสูรของเจ้าบาดเจ็บหนัก เจ้าสูญเสียไปมากในการต่อสู้ ไปเมืองเทียนหยาพักฟื้นซะ ข้าจะเรียกเจ้าตอนที่ต้องการตัว…”
ซือหยูกล่าว
หลังได้ฟังเมิ่งเทียนทำท่าทางราวกับผู้ที่ได้รับการยกเว้นจากโทษประหาร เขามุ่งหน้าไปเมืองเทียนหยาทันที วันต่อมา ซือหยูกลับมายังป้อมปราการที่น่านฟ้าตระกูลซือถู
ป้อมปราการว่างเปล่าเพราะผู้คนจากไปแล้วตอนนี้เหลือเพียงค่ายกลที่ลุกไหม้อยู่เงียบๆ เมื่อมาถึงที่นี่ ซือหยูใช้สร้อยหยกสื่อสารส่งข้อความถึงนายหญิงซือถูเพื่อให้นางกลับมา
แม้โลกจะกว้างใหญ่สถานที่ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอย่างป้อมปราการนี้ก็มีอยู่น้อย การทิ้งไปเช่นนี้นับว่าเสียเปล่า
จากนั้นซือหยูจึงมุ่งหน้าไปตระกูลชางก่วนเขาพบซากศพของคนตระกูลซือถูมากมาย คนเหล่านั้นเป็นคนที่เจ้าตำหนักคงฉานยืมกำลังไป
ซือหยูเหลือบมองอย่างไม่แน่ใจว่าเจ้าตำหนักคงฉานเป็นตายร้ายดีอย่างไรในเรื่องพลัง เจ้าตำหนักคงฉานเป็นจ้าวเทวะระดับห้า นางไม่น่าจะต้านทานเจ้าตระกูลเฉาไหว
ขณะที่กำลังค้นหาอยู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดแล้วในตอนนั้นเอง ซือหยูเห็นคนร่างเล็กจากที่ไกลๆ
“ข้าจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!ที่นี่มันอะไรกัน? ทำไมข้าถึงต้องวนกลับมาอยู่เรื่อย?”
กงซุนหวูซื่อแก้มป่องด้วยความโมโห
ซือหยูตกใจเมื่อได้ยินเสียงนางซือหยูพบว่ามีมิติโกลาหลอยู่ที่นี่ด้วย!
ตอนที่ซือหยูต่อสู้พื้นที่บริเวณตระกูลซือถูมิได้รับผลกระทบ แต่มันเพิ่งจะผ่านมาไม่นาน แต่มิติโกลาหลได้ขยายมาถึงที่นี่แล้ว!
“เอ๋ซือหยูเซี่ยน?”
กงซุนหวูซื่อตาเป็นประกายเมื่อเห็นเขานางวิ่งมาหา ริมฝีปากแดงอ้าหายใจหอบ
นางถาม
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?สองคนนั้นไปไหนล่ะ? พวกมันหนีไปเพราะกลิ่นตัวเจ้าสินะ?”
ซือหยูหัวเราะ
“ใช่พวกเราปลอดภัยแล้ว ศิษย์พี่ชานเหลียงกับนายหญิงซือถูล่ะ?”
กงซุนหวูซื่อตอบกลับด้วยความโมโห
“แค่คิดข้าก็โกรธแล้วไม่นานหลังจากพวกเราไป มิติก็ปั่นป่วนวุ่นวายจนหลงจนคลาดกันหมด”
อย่างนั้นเองหรือ?ซือหยูยืนนิ่ง เขามองดินแดนกว้างใหญ่ที่ถูกมิติโกลาหลปกคลุม จู่ ๆ เขาก็รู้สึกอึดอัดใจ
เขารู้สึกว่ามีสิ่งที่จับต้องไม่ได้กำลังบีบพื้นที่นี้ไว้ในกำมือ!เขารู้สึกไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะเราจะไปที่ตระกูลชางก่วน ข้ายังไม่เห็นร่างเจ้าตำหนักคงฉาน นางอาจจะไปเจอกับเจ้าตำหนักฮั่วที่ตระกูลชางก่วนอยู่ก็ได้”
กงซุนหวูซื่อพยักหน้าอารมณ์ของนางดีขึ้นเล็กน้อย นางตามหลังซือหยูไป
ทั้งสองมุ่งหน้าตรงไปยังตระกูลชางก่วนแต่ก็ไปไม่ถึงแม้จะผ่านมานานสิ่งรอบข้างของพวกเขาเริ่มไม่คุ้นตามากขึ้นเรื่อยๆ.Aileen-novel.
ซือหยูพบว่ามิติโกลาหลของที่นี่ซับซ้อนกว่ามากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะถูกย้ายไปที่อื่นหลังจากก้าวเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขาไม่รู้เลยว่าขณะนี้อยู่ที่ใด
ตลอดมาความรู้สึกอึดอัดใจของซือหยูเริ่มหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเช่นกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
กงซุนหวูซื่อบ่นอีกครั้ง
“มิติโกลาหลนี่แปลกนัก!มันเหมือนกับแหปลาน่าเกลียดไม่มีผิด”
นางดูพูดไปเฉยๆแต่มันไม่ต่างจากเสียงสายฟ้าฟาดใส่หูซือหยู
แหจับปลา…เขาหนักใจยิ่งขึ้นไปอีก
ซือหยูที่มิอาจเดินทางต่อได้ได้แต่คิดหาทางหนีแต่แรก การเคลื่อนย้ายของมิติจะเกิดขึ้นในหลายสิบลี้ แต่มันเริ่มที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่ลี้แล้ว มันเป็นความถี่ที่น่ากลัว
จากนั้นมันก็เริ่มลดลงเหลือไม่กี่ศอกราวกับว่ามิติในทุกพื้นที่กำลังเดือด! เหมือนกับมีปลาตัวใหญ่ถูกจับดึงขึ้นไป
ในตอนนั้นเองลางร้ายได้มาถึงซือหยู เขาตะโกน
“ไป…เร็ว!”
ซือหยูคว้าข้อมือกงซุนหวูซื่อและใช้เนตรวิญญาณเขาพยายามสุดฝีมือเพื่อหลบมิติเคลื่อนย้าย แต่ยิ่งผ่านไปเท่าใดมันก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็เกิดการเคลื่อนย้ายในทุกสองศอก!
ซือหยูจับมือกงซุนหวูซื่อแน่น
“พวกเรากำลังเจออะไรกันอยู่?”
กงซุนหวูซื่อถามด้วยความตระหนก
นางสัมผัสได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงนางเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ นางรู้ว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิด
ซือหยูไม่ตอบนางนั่นก็เพราะเขาเพิ่งจะรู้ว่าว่าเขาสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตรอบๆไม่ได้อีก
ราวกับว่าทุกสิ่งมีชีวิตถูกลักตาตัวไปไม่ว่าเขาจะถูกย้ายไปที่ใด มันก็มีแต่ความเงียบงัน
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองทะเลสาบสีเงินปรากฏใต้เท้าซือหยู เขารู้จักทะเลสาบนี้เพราะมันคือทะเลสาบขนาดใหญ่ใต้อาณาเขตของตระกูลชางก่วน!
ซือหยูก้มลงมองและพบเรือนตระกูลชางก่วนตามที่คาดแต่ยิ่งเข้าใกล้เท่าใดก็ยิ่งเห็นว่าเรือนนั้นว่างเปล่า!
ไม่เพียงเท่านั้นในทะเลสาบยังไร้สัญญาณของชีวิต ราวกับว่าทุกอย่างสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว!
และตอนนี้เองที่มิติโกลาหลได้หยุดลงทุกอย่างเงียบกริบ สายลมหยุดไหล เมฆานิ่งงัน วารีไร้ระลอก
ทุกสิ่งสงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหวยกเว้นซือหยูกับกงซุนหวูซื่อในตอนนั้นกงซุนหวูซื่อก้มหน้าลง นางรู้สึกไม่ดีจนต้องเข้าใกล้ซือหยูมากกว่าเดิม
ซือหยูเพ่งมองจากนั้นเนตรวิญญาณของเขาก็ใช้งานไม่ได้ ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจนจนมืดมัว
ต่อมาโลกได้กลายเป็นสีดำสนิท ไร้สีไร้เสียง ราวกับข้างในภูเขาไฟมืดมิดที่มีลาวาปะทุไม่รู้จบ
จากนั้นลำแสงหนึ่งได้ปรากฏทางบูรพาแสงตะวันกระจ่างขึ้นทางบูรพาส่องสว่างฟ้าดิน
“ดวงอาทิตย์หรือ?”
กงซุนหวูซื่อพูดเบาๆด้วยความสับสนคืนมืดมิดและรุ่งสางได้เกิดขึ้นจนนางไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
จากนั้นลำแสงอีกหนึ่งสายได้ส่องมาที่ด้านหลังเมื่อซือหยูมองก็พบแสงตะวันจากทิศประจิมด้วย!
“อาทิตย์ตะวันตกก็ด้วย!”
กงซุนหวูซื่ออุทาน
จากนั้นแสงตะวันก็มาจากเหนือกับใต้เช่นกัน!และสุดท้ายก็มีดวงตะวันหนึ่งที่เหนือศีรษะ รวมทุกทิศทางแล้วมีดวงตะวันถึงห้าดวง!
กงวุนหวูซื่ออ้าปากค้างนางไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดตรงหน้า
“ดวงตะวันห้าดวง?ข้าฝันไปหรือ?”
“มันไม่ใช่!มันคือคน พวกเราไม่ได้ฝัน! มันคือค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุ”
ซือหยูหายใจเข้าลึกอยู่ข้างนาง
“ห้าองครักษ์แสงกระจ่างเจอข้าอีกแล้วสินะ”
ซือหยูเงยหน้ามองจันทร์กระจ่างสีทองทั้งห้า
ไม่แปลกเลยที่เกิดมิติโกลาหลในหลายวันที่ผ่านมาต่อเนื่องกันและมันก็อธิบายถึงเหตุที่ซือหยูรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเพราะพวกองครักษ์แสงกระจ่างกำลังจะมาถึง!
ในอดีตที่แม่น้ำเยือกแข็งซือหยูหนีจากค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุโดยการใช้วายุมิติ แต่ครั้งนี้ พวกมันปิดผนึกทุกพื้นที่เอาไว้ ซือหยูหมดหนทางหนีพ้น
ฟึ่บ!
จากนั้นแสงประกายทั้งห้าก็ส่องแสงสีทองสู่ทั้งโลกทุกใบหญ้าราวกับถูกสลักจากทองคำ
ใต้ความตระการตานี้มีมนุษย์ห้าคนที่มีมงกุฎสุริยันจันทราเหนือศีรษะทุกคนก้มลงมองซือหยูราวกับผู้ปกครอง!