The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 979 - ตรวจนับคะแนน
ม่อเทียนฉวนหรี่ตาและกำหมัดไอ้บ้านี่! นางอดมองศิษย์นางที่อยู่ใกล้ซือหยูไม่ได้ นางต้องอดกลั้นไว้
‘ทำไมมันถึงไปอยู่ใกล้ปิงหวูชิงได้?’
ม่อเทียนฉวนคิดนางยอมรับปิงหวูชิงอย่างสูง หากปิงหวูชิงไม่มาพูดแทนซือหยู นางก็คงจะค้นวิญญาณของเขาไปหลายครั้งแล้ว
ม่อเทียนฉวนกลับคืนใบหน้าเย็นชาและพูด
“ข้าต้องพูดอีกครั้งรึ?ทุกคนที่คะแนนไม่ถึงสี่ล้านคะแนนต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
เทียนหยูเหลือบมองศิษย์พี่หลิวอย่างมีเลศนัยเขาเดินออกมาและมองซือหยู เขายิ้มเยาะที่มุมปาก
“ศิษย์น้องออกไปซะ เจ้าตำหนักม่ออยากให้เจ้าไป แต่เจ้าก็ยังไม่ทำอย่างที่เจ้าควรทำจนถึงตอนนี้ เจ้าอยากจะให้ข้าพาเจ้าออกไปหรือ?”
เมื่อศิษย์พี่หลิวพูดแทนเทียนหยูหลายคนก็เริ่มพูดตามบ้าง
“ศิษย์น้องซือข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะไปแดนมณี แต่น่าเสียดายที่มีแต่ยอดฝีมือแห่งตำหนักเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเข้าร่วม เจ้าเพิ่งจะเข้าร่วมตำหนักมา เจ้าต้องอดทนบ่มเพาะพลังสักร้อยปีแล้วรอโอกาสหน้านะ”
แม้ว่าจะพูดเสียงธรรมดาแต่พวกเขาก็กำลังยินดีกับความโชคร้ายของซือหยู พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซือหยูจะอยู่ตำหนักโลหิตไปอีกร้อยปีหรือไม่
ศิษย์ในหลายคนไม่ได้แสดงผ่านสีหน้าแต่ทุกคนก็ดีใจ ซือหยูได้ครอบครองปิงหวูชิงจากเขาอสูร และตอนนี้เขาก็กำลังจะได้ครองปิงหวูชิงตำหนักใน เขาได้หัวใจของพี่น้องที่งดงามที่สุดในตำหนักโลหิตไว้กับตัว หลายคนชิงชังและแค้นเขาในเรื่องนี้
เมื่อซือหยูตกอยู่ในสภาพนี้ปิงหวูชิงจากตำหนักในเดินไปทางซือหยูและพูดเบา ๆ
“ข้าจะจ่ายคะแนนที่มากพอให้กับศิษย์น้องซือ”
ตำหนักโลหิตอนุญาตให้มีการแบ่งคะแนนกันหากทั้งสองฝ่ายยินยอม
เมื่อได้ฟังศิษย์ตำหนักในหลายคนไม่พอใจแม้แต่น้อย ความอิจฉายิ่งเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นความเกลียดชัง พวกเขาทุกคนทำงานอย่างหนัก เสี่ยงชีวิต เสียเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อกว่าจะได้สี่ล้านคะแนน แต่คนอย่างซือหยูที่เพิ่งจะเข้าร่วมตำหนักเมื่อปีก่อนกลับได้สี่ล้านคะแนนอย่างง่ายดายโดยสตรี
ม่อเทียนฉวนมองดูปิงหวูชิงด้วยสีหน้าประหลาด
“หวูชิงเจ้าแน่ใจรึว่าจะให้สี่ล้านคะแนนกับเขา? คะแนนเจ้ายังไม่ถึงแปดล้านคะแนนเลย ถ้าเจ้าจะให้สี่ล้านคะแนน เจ้าจะเสียสิทธิ์ไปแดนมณีนะ”
“ท่านอาจารย์ข้าเต็มใจทำเพื่อศิษย์น้องซือ”
ปิงหวูชิงพูดอย่างอ่อนโยนนางหน้าแดงระเรื่อ มันยิ่งแสดงความรู้สึกต่อซือหยูมากขึ้น ปิงหวูชิงยอมเสียโอกาสสำคัญเพื่อซือหยู หรือว่านางจะรักเขาจริง?
เทียนหยูสีหน้าดำมืดดวงตานางมีแต่จิตสังหารเมื่อมองซือหยู ถ้าหากม่อเทียนฉวนไม่อยู่ที่นี่ก็ยากที่นางจะเก็บอารมณ์ไม่ยอมทำร้ายซือหยูต่อหน้าทุกคน
สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ทำให้ศิษย์ที่อวดดีหลายๆ คนไม่พอใจ
“ซือหยูเซี่ยนถ้าเจ้ายังเป็นบุรุษ เจ้าก็ควรจะพึ่งพาตัวเองและทำงานหาคะแนนอย่างเปิดเผย เจ้ามาหวั่งพึ่งสตรีได้ยังไง? ข้ารังเกียจคนอย่างเจ้าจริง ๆ”
ชายหนุ่มรูปงามนามถังที่ตัวสูงโปร่งตำหนิเขาทั้งอิจฉาและแค้นเคืองซือหยู
“ซือหยูเซี่ยนถ้าเจ้าได้คะแนนมาแล้วจะยังไง? ยากที่เจ้าจะเป็นหนึ่งในร้อยยอดฝีมือในงานชุมนุมเฟิงหยุน เจ้ายอมแพ้ไปยังดีกว่าเอาตัวไปขายหน้า นี่น่ะดีที่สุดสำหรับเจ้าแล้ว”
หญิงสาวผู้มีรอยปานคนหนึ่งพูดแม้นางจะดูเหมือนเป็นห่วงเขา นางก็อิจฉาเขาไม่แพ้กัน
ไม่มีใครคิดจะยอมรับศิษย์หน้าใหม่ที่ไม่มีอะไรเลยและจะได้ประสบความสำเร็จเหนือตัวเองแต่แท้จริงแล้ว ซือหยูไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากปิงหวูชิงด้วยซ้ำ
ทุกอย่างถูกจัดฉากโดยปิงหวูชิงเองและผู้คนก็ควรจะตำหนิปิงหวูชิง ไม่ใช่เขา เหตุที่ทุกคนเลือกตำหนิซือหยูก็เพราะว่าปิงหวูชิงแข็งแกร่งเกินไปและซือหยูก็อ่อนแอกว่ามาก
เมื่อถูกหลายคนรุมตำหนิและพบกับสายตาเหยียดหยามพร้อมริษยาซือหยูยังคงมีสีหน้าแบบเดิม เขามองปิงหวูชิงอย่างใจเย็น
“ข้ายินดีกับความหวังดีของเจ้าแต่เจ้าเก็บคะแนนเจ้าเอาไว้เถอะ” ซือหยูปฏิเสธข้อเสนอของปิงหวูชิงต่อหน้าทุกคน
ปิงหวูชิงยิ้มบางๆ นางสามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ ดังนั้นนางจึงรู้อยู้แล้วว่าซือหยูมีคะแนนสี่ล้านคะแนน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การแสดงของนางเท่านั้น
เมื่อได้ฟังซือหยูหลายคนสีหน้าสบายใจขึ้น
ศิษย์พี่ถังพูดด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องเจ้าเป็นคนที่ดีนัก ข้าเชื่อว่าต่อให้ไม่มีโอกาสไปแดนมณี เจ้าก็ต้องประสบความสำเร็จได้มากแน่ หึหึ…”
“ใช่แล้วดีกว่าที่จะบ่มเพาะอยู่ในตำหนักโลหิตแทนการเสี่ยงชีวิตไปแดนมณีเหมือนพวกเราที่ไม่แน่ใจว่าจะรอดกลับมาหรือไม่”
หญิงสาวที่พูดเมื่อครู่พูดตาม
ซือหยูแสยะยิ้มในใจเมื่อได้ฟังเหล่าผู้คนพูดคุยกันอย่างรื่นรมย์
ความสัมพันธ์ของศิษย์ร่วมตำหนักไม่มีอยู่จริงพวกเขาก็แค่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ถ้าหากพวกเขาไม่ทำตัวอย่างนี้ ซือหยูก็อาจจะช่วยเหลือพวกเขาในแดนมณีเพื่อพวกเขาเจอปัญหา แต่ตอนนี้น่ะหรือ? หึหึ…
“ใครบอกเจ้าว่าข้าไปแดนมณีไม่ได้ถ้าปิงหวูชิงไม่ช่วย?”
ซือหยูกอดอกพูดอย่างเย็นชา
“ข้ามีคะแนนมากพอมานานแล้วพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ผู้คนตกตะลึงเขามีสี่ล้านคะแนนได้ยังไง? เขาทำด้วยวิธีใดกัน? การเก็บสี่ล้านคะแนนในเวลาแค่ปีเดียวนั้นยากกว่าการขึ้นสวรรค์ ไม่ว่าจะคิดเท่าใด พวกเขาก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ คำอธิบายเดียวก็คือต้องมีคนแอบช่วยเขาและให้คะแนนมาก่อนหน้านี้
ม่อเทียนฉวนตกใจนางไม่คิดว่าซือหยูจะมีคะแนนมากพอ
“ย่อมได้ข้าจะเริ่มตรวจสอบเจ้าเป็นคนแรก”
ม่อเทียนฉวนยื่นดัชนีออกมา
“เอาตราประจำตัวเจ้ามาให้ข้า”
ซือหยูโยนตราประจำตัวของตัวเองออกไปเขายืนนิ่งด้วยความสุขุม
เมื่อผู้คนเห็นสีหน้าซือหยูพวกเขาก็รู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องตรวจตราประจำตัว มันแน่นอนแล้วว่าซือหยูมีสี่ล้านคะแนนอยู่จริง แต่คำถามก็คือเขาได้คะแนนมาจากไหน? ศิษย์ใหม่ที่อยู่ในตำหนักไม่ถึงปี กลับเหนือกว่าพวกเขา ไม่มีใครคิดจะยอมรับเรื่องนี้
ทุกคนมองดูการตรวจการตรวจคะแนนมิได้แสดงแค่จำนวนคะแนนที่มีเท่านั้น มันยังบอกที่มาของคะแนนที่ได้มาอีกด้วย มันจะบอกได้ว่าคะแนนมาจากการทำภารกิจตามแบบทั่วไป หรือมาจากการแลกแก้วเป็นคะแนน
ม่อเทียนฉวนหรี่ตามองซือหยูนางอยากจะหาเบาะแสจากสีหน้านั้น แต่ก็เป็นเพราะเขามั่นใจ นางจึงรับเอาตราประจำตัวของเขามาแตะดู พลังอสูรเนรมิตรทะลวงตราเข้าไป แสงครามส่องประกาย เกิดม่านแสงแสดงรายละเอียดที่มาของคะแนนซือหยู
ก่อนที่ม่านแสงจะปรากฏแจ่มชัดศิษย์ในหลายคนมองด้วยความเหยียดหยาม
“ฮื่ม!ฮื่ม! สี่ล้านคะแนน! ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนไหนให้คะแนนมันมา?”
เมื่อแสงสีครามหายไปม่านแสงได้ปรากฏอย่างชัดเจน ข้อความหลายบรรทัดแสดงรายละเอียดออกมา ไม่มีบรรทัดใดที่เขียนว่าเป็นคะแนนที่ถูกให้เปล่า ทุกคะแนนมาจากสองประเภท อย่างแรกคือรางวัล อย่างที่สองคือภารกิจ
ในบรรดารางวัลมีหลายรางวัลที่มีค่าหลายหมื่นหรือเป็นแสนคะแนน รางวัลแรกที่เขาได้คือรางวัลจากเขาวิญญาณจรัส เขาได้เปิดเผยตัวตนของกระดูกโลหิตและช่วยชีวิตศิษย์ในตำหนักเอาไว้ รางวัลคือหนึ่งแสนคะแนน รางวัลต่อมาคือความดีความชอบที่เมืองเทียนหยาเขาได้กอบกู้ร้านค้าที่ถูกดินแดนมีดสวรรค์ชิงไปกลับมา เขาได้รางวัลมากสุดเท่าที่เป็นไปได้ นั่นคือหนึ่งแสนคะแนน
ยังมีรางวัลคล้ายๆ กันเขียนเอาไว้อีกมาก เหล่าคะแนนครั้งละหนึ่งแสนคะแนนทำให้หลายคนสูดหายใจเข้าเต็มปอด พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รางวัลหนึ่งแสนคะแนนมาหลายปีแล้ว แต่ซือหยูกลับได้ถึงสามครั้ง ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้พวกเขาตกตะลึงไม่พอ ภารกิจต่อไปก็คงจะทำได้แน่นอน
“ภารกิจสังหารมั่วหยาง!รางวัลสามล้านคะแนน!”
หลายคนอุทานด้วยความตกใจเมื่ออ่านม่านแสง
มั่วหยางนั้นมีชื่อเสียงกระฉ่อนภารกิจของเขาอยู่ในกระดานภารกิจมาเป็นระยะเวลานานกว่าสิบปีแต่ก็ไม่มีใครทำได้ ศิษย์ในหลายคนพยายามทำภารกิจนี้แต่ก็ไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับมา เวลานี้ ภารกิจนั้นกลับลุล่วง รางวัลต่อมาคือความดีความชอบที่เมืองเทียนหยาเขาได้กอบกู้ร้านค้าที่ถูกดินแดนมีดสวรรค์ชิงไปกลับมา เขาได้รางวัลมากสุดเท่าที่เป็นไปได้ นั่นคือหนึ่งแสนคะแนน
ยังมีรางวัลคล้ายๆ กันเขียนเอาไว้อีกมาก เหล่าคะแนนครั้งละหนึ่งแสนคะแนนทำให้หลายคนสูดหายใจเข้าเต็มปอด พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รางวัลหนึ่งแสนคะแนนมาหลายปีแล้ว แต่ซือหยูกลับได้ถึงสามครั้ง ถ้าเรื่องนี้ยังทำให้พวกเขาตกตะลึงไม่พอ ภารกิจต่อไปก็คงจะทำได้แน่นอน
“ภารกิจสังหารมั่วหยาง!รางวัลสามล้านคะแนน!”
หลายคนอุทานด้วยความตกใจเมื่ออ่านม่านแสง
มั่วหยางนั้นมีชื่อเสียงกระฉ่อนภารกิจของเขาอยู่ในกระดานภารกิจมาเป็นระยะเวลานานกว่าสิบปีแต่ก็ไม่มีใครทำได้ ศิษย์ในหลายคนพยายามทำภารกิจนี้แต่ก็ไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับมา เวลานี้ ภารกิจนั้นกลับลุล่วงไปแล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิดโดยศิษย์นอกคนหนึ่ง ทุกคนตกใจมาก พวกเขาต้องยอมรับว่าคะแนนของซือหยูมีที่มาอันถูกต้อง
“โอ้พระเจ้า!ดูนั่นสิ! มันบอกว่าเขาให้สามล้านคะแนนนั้นกับคนอื่น!”
เมื่อผู้คนมองดูพวกเขาก็เห็นว่ามันถูกบันทึกไว้จริง เขาได้ให้สามล้านคะแนนนั้นกับคนอื่น คะแนนมหาศาลนี้เหมือนกับการตบหน้าพวกเขา พวกเขาต่างพูดว่าซือหยูต้องการคะแนนจากคนอื่นในการไปแดนมณี แต่มันก็มีบันทึกว่าเขาให้สามล้านคะแนนกับคนอื่นไป ไอลีนโนเวล
“เขาให้มันกับ…ปิงหวูชิงแห่งเขาอสูร”
ผู้คนมองปิงหวูชิงด้วยความแปลกใจและสับสน
ชายหนุ่มหลายคนที่หลงรักนางทั้งตกใจและละอายใจพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีทางใจกว้างจนมอบสามล้านคะแนนให้นางได้ หญิงสาวบางคนถึงกับอิจฉานาง
ปิงหวูชิงสีหน้าแปลกไปเล็กน้อยเมื่อถูกคนสนใจตามปกติ ไม่ว่าจะมีคนมองนางอย่างไร นางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกอึดอัดเพราะสีหน้าของแต่ละคนนั้นซับซ้อนไม่ชัดเจน
“ซือหยูเซี่ยนหลงรักปิงหวูชิงจริงหรือ?”
บางคนถามนั่นก็เพราะมันคือคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้หากเขาจะให้สามล้านคะแนนกับนาง
ผู้คนพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติกงซุนหวูซื่อหัวเราะเบา ๆ
“ทุกท่านข้าต้องบอกทุกท่านว่าพี่หยูเซี่ยนกับพี่หวูชิงกำลังจะหมั้นกันอีกไม่นาน”
ผู้คนส่งเสียงวุ่นวายในทันทีข่าวเรื่องนี้ไม่ต่างกับระเบิดของเหล่าชายหนุ่มที่บ่มเพาะพลังมาทั้งปี
“อะไรนะ?ปิงหวูชิงจะแต่งงานกับเขารึ?”
ชายหนุ่มหลายคนร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวในสายตาเหล่าศิษย์ใน ปิงหวูชิงคือสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ นางเป็นรองแค่ปิงหวูชิงจากตำหนักในในด้านพลังเท่านั้น หลายคนยอมรับนางและมิอาจรับข่าวนี้ได้
“ซือหยูเซี่ยนเจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติจะหมั้นกับปิงหวูชิงเรอะ?”
ศิษย์พี่ถังรูปหล่อถามเสียงแข็งเพลิงริษยากำลังจะหลอมละลายซือหยู
ก่อนที่ซือหยูจะได้พูดกงซุนหวูซื่อก็พูดด้วยรอยยิ้มออกมาก่อน
“ศิษย์พี่ถังช่างใจกว้างนักหลงรักได้ทุกคนเช่นนี้ พยายามกับปิงหวูชิงตำหนักในมาช่วงหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนมาเรียกร้องให้ปิงหวูชิงแห่งเขาอสูร ศิษย์พี่ถังรักใครกันแน่หรือ?”
ศิษย์พี่ถังย่อมรักชอบทั้งสองคนด้วยทั้งหน้าตาและพลังพรสวรรค์พวกนางอยู่ในจุดสูงสุด แต่เขาจะพูดออกมาได้ยังไง?
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
ศิษย์พี่ถังรีบชักสีหน้าเขาจ้องซือหยู
“ข้าคิดว่าสตรีงามอย่างศิษย์น้องปิงไม่ควรจะบุ่มบ่ามตัดสินใจแต่งงาน” กงซุนหวูซื่อยิ้มตอบ
“ถ้านางไม่แต่งกับคนที่เต็มใจให้สามล้านคะแนนกับนางแล้วทำไมนางจะต้องแต่งงานกับคนอย่างเจ้าที่ดีแต่คุยโม้โอ้อวดกัน?”
ศิษย์พี่ถังหน้าแดงก่ำเขารีบแก้ตัว
“ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นกับศิษย์น้องปิงข้าก็แค่คิดว่านางควรได้รับสิ่งที่ดีกว่…”
“หุบปาก!”
เสียงเยือกเย็นดังตามมา
ปิงหวูชิงแววตาเยือกเย็น
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าที่จะมาตัดสินว่าใครเหมาะสมกับข้าข้าจะแต่งงานกับใครก็ได้ และใครก็ตามที่คิดว่าเหมาะสมกว่าซือหยูเซี่ยนก็มาถามคมกระบี่ข้าได้เลย”
นางหัวใจเต้นแรงเมื่อพูดนางเอามือทาบอกโดยไม่รู้ตัว นั่นก็เพราะมันคือครั้งแรกที่นางเคยได้รับความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่น่าอัศจรรย์และน่าฉงน
ทุกคนเงียบกริบการปกป้องคนรักของปิงหวูชิงคือหลักฐานพิสูจน์อย่างดี
ศิษย์พี่ถังหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเขาเงียบปากไปอย่างไม่เต็มใจ
ม่อเทียนฉวนยิ้มด้วยแววตาราวกับว่าได้ชมการแสดงอันยอดเยี่ยม