The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 994 - รางวัลสำหรับผู้ชนะ
กงซุนหวูซื่อพูดผ่านโทรจิต
“พี่หยูเซี่ยนนั่นน่ะของดี รีบรับไว้เร็ว! มันคือวุ้นจากยุคโบราณที่สร้างจากสัตว์อสูรที่เสียชีวิต ตอนที่ร่างมันตาย แกนกลางพลังจะถูกพลังจากธรรมชาติบีบไว้ไม่ให้ระเหยออก พอเวลาผ่านไป พวกมันจะจับตัวกันหนาแน่นขึ้นจนกลายเป็นวุ้นที่มีพลังทั้งหมดของสัตว์อสูรตัวนั้น”
“วุ้นแบบนี้คือพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดที่สิ่งมีชีวิตใดก็ได้จะดูดซับมันทำให้ทะลวงผ่านคอขวดของพลังไปได้!”
นางพูด
“ดูจากขนาดวุ้นอย่างน้อยมันก็ต้องเป็นพลังของอสูรเนรมิตระดับหนึ่ง พอกินเข้าไปแล้วจะต้องเป็นจ้าวเทวะแน่นอน”
มีสองเงื่อนไขในการได้เป็นจ้าวเทวะประการแรกคือความแข็งแกร่งของวิญญาณหลายคนไม่ผ่านเงื่อนไขนี้จึงมิอาจได้เป็นจ้าวเทวะ เงื่อนไขที่สองคือพลังชีวิต เมื่อจุดกำเนิดพลังขยายจนถึงขีดจำกัดจนเก็บพลังไม่ได้อีกต่อไป จุดกำเนิดพลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นแก้วกำเนิด วิญญาณของซือหยูแข็งแกร่งพอแล้ว เหลือเพียงแต่เรื่องพลังชีวิตเท่านั้น
แต่ซือหยูมีพลังหนึ่งในสิบของเซียนอย่างราชาเขตกลางอยู่กับตัวมันเป็นพลังที่ถูกใบเทพไม้ชำระล้างมาแล้ว ซึ่งพลังไม่ได้น้อยไปกว่าวุ้นนี้เลย แม้วุ้นจะล้ำค่า มันก็ไม่ได้สำคัญกับซือหยูนัก
ซือหยูเข้าใจได้ว่าทำไมม่อเทียนฉวนถึงโกรธศิษย์ผู้เก่งกาจจากตำหนักโลหิตติดอยู่ในพลังภูติระดับเก้ามิได้รับรางวัลใด แต่กลับได้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากตำหนักเมฆาม่วง คนนอกจะไม่คิดหรือว่าเหล่าศิษย์ที่ยอดเยี่ยมจากตำหนักโลหิตลงท้ายต้องหวังพึ่งสำนักอื่น? ซือหยูรู้สึกตลกที่คิดเช่นนี้
บุรุษเมฆาม่วงยังคงยิ้ม
“พูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกนักหรอกเจ้าตำหนักม่อ ตำหนักเมฆาม่วงติดหนี้บุญคุณอาจารย์ซือ สิ่งที่อาจารย์ซือต้องการที่สุดในตอนนี้จะต้องเป็นการได้เป็นจ้าวเทวะ นี่คือรางวัลใหญ่ที่สุดที่ตำหนักเมฆาม่วงจะมอบให้ได้ เจ้าตำหนักม่อโปรดอย่าห้ามข้าเลย”
เมื่อพูดจบเขายื่นมือวางวุ้นให้ซือหยู ซือหยูยิ้มและไม่สนใจสายตาขู่ของม่อเทียนฉวน
“ขอบคุณท่านมาก”
ม่อเทียนฉวนรำคาญใจเจ้านี่อยากจะทำให้ข้าต้องขายหน้าต่อหน้าคนนอกเรอะ? ศักดิ์ศรีของนางมลายหายในพริบตา
ม่อเทียนฉวนกัดฟันและยิ้ม
“ซือหยูเซี่ยนครั้งนี้เจ้าทำได้ดี ไม่เพียงแต่เจ้าจะช่วยตำหนักโลหิต แต่เจ้ายังช่วยศิษย์จากสำนักอื่นด้วย เจ้าถึงกับช่วยชีวิตเหล่าศิษย์ตำหนักเมฆาม่วง เจ้าสมควรได้รับรางวัลอย่างงาม!”
“ข้าจะให้รางวัลหนึ่งล้านคะแนนกับเจ้าแล้วก็…” ม่อเทียนฉวนปลดปิ่นปักผมสีแดงเพลิงบนศีรษะยื่นให้ซือหยู
“นี่คือปิ่นปักผมที่ข้าปกติดตัวอยู่เสมอมันอยู่กับข้าตลอดปี มันมีพลังพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าใช้มันเพื่อช่วยชีวิตตัวเองได้”
บุรุษเมฆาม่วงงุนงงเล็กน้อยกับสิ่งที่นางทำปิ่นปักผมของนางจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ได้ยังไง? พลังของอสูรเนรมิตรซึมลึกไปที่มันมานานแล้ว
เขาสัมผัสได้ว่าปิ่นปักผมนี้สามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่อสูรเนรมิตรระดับสามระเบิดออกมาได้มันเหมือนกับการระเบิดตัวเองของหุ่นเชิดเมื่อครู่ก่อน แต่ม่อเทียนฉวนกลับให้ของอันตรายเช่นนั้นกับศิษย์เพียงเพื่อเอาใจเขา นั่นทำให้บุรุษเมฆาม่วงทึ่งในใจ ม่อเทียนฉวนพยายามมากนักเพื่อรักษาหน้าตัวเอง
บางคนสีหน้าตกตะลึงปิ่นปักผมนั้นมีความหมายพิเศษสำหรับสตรี มันไม่เหมาะสมเท่าใดนักที่ม่อเทียนฉวนผู้ครองโสดจะมอบปิ่นปักผมให้กับบุรุษ แต่ถึงอย่างนั้น ใครกันจะกล้าตั้งคำถามกับนาง?
“อาจารย์ซือโชคดีนักที่ได้เจ้าตำหนักม่อดูแลอย่างดี” Aileen-novel
บุรุษเมฆาม่วงกล่าวเขามองดูพื้นที่ลับที่กลายเป็นซากระเบิดและเหลือบมองศิษย์ตัวเอง
“งานชุมนุมเฟิงหยุนมิอาจดำเนินต่อได้อีกเราขอประกาศจบการชุมนุมล่วงหน้า”
ม่อเทียนฉวนไม่โต้แย้งนางพยักหน้า
“แน่นอนมีเกินร้อยคนที่ถูกกำจัดไปแล้ว ให้มันจบตรงนี้เถอะ”
มีคนเกินกว่าร้อยคนถูกกำจัดตั้งแต่ก่อนหุ่นเชิดระเบิดมานานแล้วมีไม่ถึงร้อยคนที่อยู่ในพื้นที่ลับในตอนนี้ การชุมนุมนับว่าจบลงได้แล้ว
“ช้าก่อน!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้น
ผู้คนหันไปมองด้วยสีหน้าประหลาดผู้ที่พูดคือกู้ไทซู! เป็นความอัปยศของเขาที่แก้วิกฤติไม่ได้และยังปล่อยให้เรื่องถูกจัดการโดยคนนอก
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
บุรุษเมฆาม่วงถาม
กู้ไทซูจ้องซือหยู
“ข้าแค่คิดว่าก่อนที่งานเฟิงหยุนจะจบมันมีความจำเป็นที่จะต้องสืบหาคนที่สร้างปัญหา!”
เมื่อได้ฟังหลายคนจึงเข้าใจความหมายของเขา
ม่อเทียนฉวนสายตาเย็นชา
“โอ้?เจ้าสงสัยว่าซือหยูเซี่ยนจากตำหนักโลหิตของข้าเป็นคนก่อเรื่องเองแล้วก้าวเข้ามาแก้ปัญหาเพื่อสร้างชื่อเสียงรึ?”
แน่นอนว่าซือหยูมิใช่คนสำคัญนักหากพูดถึงเรื่องพลังและก็บังเอิญว่าเขาทำสิ่งที่กู้ไทซูทำไม่ได้ นั่นทำให้เขาเป็นผู้ต้องสงสัย
แต่กู้ไทซูก็ตอบอย่างไม่แยแส “ไม่ข้าไม่เชื่อว่าเขาทำได้!”
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจกู้ไทซูผิด
ม่อเทียนฉวนแปลกใจ
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ข้าแค่อยากจะเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!”
กู้ไทซูมองเหล่ายอดฝีมืออย่างเย็นชา
“อาจจะเป็นฝีมือของหนึ่งในคนที่มาทีหลัง”
หลังจากวิกฤติไม่มีศิษย์คนใดที่เหลืออยู่ในพื้นที่ลับ ทุกคนถูกย้ายออกมาในคราเดียว นั่นหมายความว่าผู้บังคับหุ่นเชิดอยู่ในบรรดาพวกเขา ถึงซือหยูเซี่ยนจะทำลายชื่อเสียงของกู้ไทซู แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด
บุรุษเมฆาม่วงกับม่อเทียนฉวนเหลือบมองกันบุรุษเมฆาม่วงก้าวออกมาข้างหน้าช้า ๆ
“คนที่ดูแลสำนักเราจะต้องสืบสวนแน่นอนเจ้าวางใจได้” เกิดเรื่องวุ่นวายในงานชุมนุมเฟิงหยุนแห่งดินแดนพรสวรรค์บุรุษเมฆาม่วงกับม่อเทียนฉวนจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้หรือ? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีหลักฐานถึงผู้กระทำ พวกเขาสับสนว่าต้องสืบสวนแบบใด พวกเขาทำได้แค่ให้คนในสำนักร่วมกับสืบสวน
กู้ไทซูพยักหน้าและจ้องมองซือหยูก่อนจะก้าวถอยกลับ
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอจบงานชุมนุมเฟิงหยุน ทุกคนที่ยังมีพลังเมฆาม่วงจงก้าวมาข้างหน้า”
บุรุษเมฆาม่วงตะโกน
เหล่าหนุ่มสาวเดินออกไปทีละคนแต่จำนวนนั้นมีไม่ถึงหนึ่งร้อย มีผู้เหลือพลังเพียงหกสิบคนเท่านั้น ส่วนมากนั้นจะมีพลังเมฆาม่วงสองเสี้ยว มีจำนวนหนึ่งที่มีพลังมากกว่าสามเสี้ยว โดยเฉพาะศิษย์ตำหนักเมฆาม่วง แทบจะไม่มีใครได้พลังมาแค่เสี้ยวเดียว เหล่าศิษย์ที่ถูกกำจัดนั้นอิจฉาเป็นอย่างมาก
กฎบอกว่าแค่พลังเสี้ยวเดียวก็มากพอแล้วที่จะผ่านทำไมพวกเขาถึงต้องการเสี้ยวพลังมากกว่าหนึ่งเล่า?
พวกที่สงสัยพวกเแรกคือเหล่าศิษย์จากสำนักเล็กที่ส่วนมากจะมีพลังหนึ่งหรือสองเสี้ยวบางคนมีสามเสี้ยวพลังซึ่งนับว่าดี
เว่ยปูฟางยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตำหนักชิงวิญญาณนับว่าน่าพูดถึง สำหรับคนนอก เขาคือจ้าวเทวะระดับแปด แต่ด้วยเนตรวิญญาณ ซือหยูสัมผัสพลังจ้าวเทวะระดับเก้าของเขาได้ เขาได้เสี้ยวพลังเมฆาม่วงมามากที่สุดในบรรดาศิษย์สำนักเล็กทั้งสิบหก นั่นคือสี่เสี้ยวพลัง!
“ไม่เลว!”
บุรุษเมฆาม่วงยิ้มชมเชย
“ท่านชมข้ามากไปแล้ว”
เว่ยปูฟางสุขุมเยือกเย็น
บุรุษเมฆาม่วงพยักหน้าและมองม่อเทียนฉวน
“เหลือแค่สำนักเจ้ากับสำนักข้าแล้วจะดูสำนักเจ้าหรือสำนักข้าก่อนล่ะ?” ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรง
“ยังไงก็ได้รางวัลสุดท้ายเป็นของตำหนักเมฆาม่วงหมดแล้ว จะตรวจดูพลังของฝ่ายใครก่อนก็เรื่องของเจ้า”
ซือหยูตาลุกวาวเมื่อได้ยิน…มีรางวัลหลังจากจบการชุมนุมจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าศิษย์ตำหนักเมฆาม่วงจะพยายามสุดฝีมือให้ได้เสี้ยวพลังมา ซือหยูไม่แน่ใจว่าสิบสองเสี้ยวพลังที่เขามีจะทำให้เขาอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่