The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 996 - ใครรังแกใครกันแน่?
ปิงหวูชิงเลิกคิ้วและชิงแก้ววุ้นไปทันทีกว่าจะรู้ตัวแก้ววุ้นก็อยู่ในมือนางแล้ว ใบหน้าน่ารักของปิงหวูชิงแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย นางแสร้งทำเป็นเย็นชา
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว!”
นางพูดและกระโดดขึ้นฟ้าบินจากไป
“ศิษย์น้องยินดีด้วยที่ได้โฉมงามมาครอง ข้าขออวยพรให้เจ้ามีงานแต่งงานที่ชื่นมื่นนะ”
ไป่ชานเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พอเจ้าสองคนแต่งงานกันอย่าลืมชวนข้าไปงานด้วยล่ะ แน่นอนว่าในฐานะศิษย์พี่ที่เจ้านับถือที่สุด ข้ายินดียิ่งนักที่จะช่วยเจ้าจัดการของขวัญที่แขกให้มา”
“ไสหัวไปซะ!”
ซือหยูมีเพียงคำพูดนี้ให้เขา
“น้องหยูเซี่ยนข้าพูดถูกไม่ใช่หรือ?” ไป่ชานเหลียงจากไปด้วยรอยยิ้มกงซุนหวูซื่อสีหน้าดูเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม นางเป็นฝ่ายจับคู่ซือหยูกับปิงหวูชิง นางช่วยให้ซือหยูชนะใจปิงหวูชิงอยู่ตลอดเวลา และยิ่งกงซุนหวูซื่อแสร้งแสดงเป็นศัตรูกับปิงหวูชิง ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองก็ยิ่งเบ่งบานเร็วขึ้น
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเขาไม่สนใจอีกแล้วว่าปิงหวูชิงจะอยู่ที่นี่หรือไม่
“หวูซื่อฟังข้า”
ซือหยูมองตากงซุนหวูซื่ออย่างจริงจังและหายใจเบาๆ เขาไม่มั่นใจว่าควรจะพูดกับกงซุนหวูซื่อถึงเรื่องนี้อย่างไร นางจะคิดว่าเขากำลังหลอกนางกับปิงหวูชิงไหมนะ?
กงวุนหวูซื่อยิ้มหวาน
“หวูซื่อยินดีฟังพี่หยูเซี่ยนอยู่แล้ว”
กงซุนหวูซื่อยิ้มในทีแรกแต่เมื่อดวงตาสดใสเริ่มเปล่งประกาย ใบหน้านางก็เริ่มจริงจังขึ้น “จริงๆ แล้ว ชื่อจริงของข้าคือซือหยู เรื่องนี้ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว แต่ที่เจ้าไม่รู้ก็คือข้ามาจากต่างโลก ในโลกใบนั้น ข้ามีคนที่สาบานว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน กับผู้หญิงที่ข้าสนิทด้วยที่ตามข้ามาถึงเขตกลาง พวกเราเจอกับอันตรายจนต้องแยกจากกันนับจากวันนั้น ข้าส่งคนไปหาพวกนางแล้ว คงจะได้ข่าวในอีกไม่นาน”
ขณะที่พูดเขามองดูสีหน้าของกงซุนหวูซื่ออยู่ตลอดเวลา ใบหน้านางเคร่งเครียดขึ้นจนซือหยูรู้สึกผิด บางทีกงซุนหวูซื่ออาจจะคือว่าซือหยูจงใจเก็บความลับมาโดยคลอด
“ข้าไม่คิดจะสร้างความสัมพันธ์กับสตรีใดนอกจากพวกนางส่วนปิงหวูชิงนั้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ต่อไป เจ้าไม่ต้องจับคู่ให้พวกข้าอีกแล้ว มิเช่นนั้นพอถึงวันสุดท้าย มันจะทำร้ายความรู้สึกของนาง”
เขาพูดและถอนหายใจยาวเขาเตรียมตัวจะหาทางออกเมื่อมองกงซุนหวูซื่อ แต่ใบหน้านางก็ยิ่งหม่นหมอง แต่หลังจากผ่านไปนานกงซุนหวูซื่อก็ยังไม่พูดอะไร
เขาถอนหายใจ
“นี่คือทั้งหมดที่ข้าอยากจะบอกหวังว่าเจ้าจะมีโอกาสบอกเรื่องนี้กับปิงหวูชิง”
แต่ที่ต้องทำให้ซือหยูตกใจก็คือหลังจากเงียบไปสักระยะกงซุนหวูซื่อกระพริบตาและถาม
“เท่านี้หรือ?”
ซือหยูงุนงงเล็กน้อย
“ใช่ข้าพูดจบแล้ว”
กงซุนหวูซื่อดูสับสน
“นี่น่ะรึที่อยากจะบอกข้า?”
ด้วยฐานะคุณหนูแห่งผาบั่นภูตินางได้เห็นภรรยาของผู้เป็นพ่อมากมาย สตรีที่หวังพึ่งพาเขามีอยู่หลายคน ในความคิดของนาง มันเป็นเรื่องปกติอย่างมากที่ผู้ทรงพลังจะมีสาวสวยมาพึ่งพา นางเองก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ นางรู้สึกแปลกที่ซือหยูพูดเรื่องนี้กับนางอย่างตึงเครียด
“เอิ่มมันยังสำคัญไม่พอหรือ?”
ซือหยูถามด้วยความตกใจ
วะฮ่าๆๆๆๆ!
กงซุนหวูซื่อปิดปากหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆๆพี่หยูเซี่ยน ข้าก็รู้สึกมาตลอดแล้วว่าพี่ปกปิดบางอย่างกับพวกข้าจนไม่กล้าพูดออกมาตั้งหลายครั้ง แต่เพราะเรื่องแค่นี้น่ะหรือ?”
ซือหยูพยักหน้าด้วยความสับสน
“หึหึพี่หยูเซี่ยนไม่ต้องกังวลไป นอกจากจะแข็งแกร่ง สตรีในโลกนี้ย่อมยอมรับได้ พี่หวูชิงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
กงซุนหวูซื่อกล่าว
ซือหยูไม่ได้รู้สึกยินดียิ่งกว่าเดิมเลยเขาหนักใจขึ้นไปอีก เขาไม่อยากจะสร้างสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็นกับผู้หญิงคนใดนอกจากเซี่ยนเอ๋อและเซี่ยจิงหยู เขาทำร้ายทั้งสองมามากพอแล้วในการต่อสู้ครั้งอดีต และเขาก็ไม่อยากจะทำร้ายพวกนางอีกครั้ง
“หวูชิงถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ โปรดบอกกับนางด้วย…”
ซือหยูพูดเสียงแข็ง
กงซุนหวูซื่อหัวเราะ
“ข้าไม่บอกหรอก!อยากให้นางรู้ก็พูดเองสิ!”
นางหัวเราะเบาๆ และบินออกไปอย่างซุกซน
เมื่อพวกเขาใกล้ถึงยอดเขาที่สามกงซุนหวูซื่อพูดคนเดียว
“หึหึพี่หวูชิงทั้งเย่อหยิ่งทั้งสง่างาม นางจะยอมให้บุรุษของนางมีสตรีอื่นรึ? ทีแรกข้าก็กลัวว่าพี่หวูชิงจะไม่ทนข้าอีก แต่ตอนนี้พี่หยูเซี่ยนมีคู่ครองอยู่แล้ว แล้วก็มีถึงสองคน แต่จากที่นางต้องการ นางจะต้องยอมรับได้! ถ้าหากนางยอมรับสองคนนั้นได้ นางก็จะยอมรับข้าได้เหมือนกัน หึหึ ช่างเป็นข่าวดีนัก”
“ตอนนี้ข้าก็แค่ต้องจับคู่สองคนนั้นต่อไปพอพี่หวูชิงหลวมตัว นางก็จะต้องพยายามกำจัดผู้หญิงสองคนนั้น แต่นางอยู่ตัวคนเดียวไร้ผู้ช่วย ใครจะช่วยนางได้นอกจากคนฉลาดตัวเล็กน่ารักอย่างข้า? ฮ่าๆๆๆๆๆ ข้าฉลาดเกินไปแล้ว”
กงซุนหวูซื่อมองท้องนภาหัวร่อราวกับว่านางคือตัวเลือกเดียวซือหยูที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นได้แต่รอเงียบ ๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมารอยแรกมิติเกิดที่ด้านหน้าซือหยู สตรีงดงามชวมชุดดำก้าวออกมาจากรอยแยก
“จับฆาตกรตัวจริงได้แล้วรึ?”
ซือหยูกอดอกถามเขาใจเย็นและรู้สึกถึงการมาของนางได้อย่างรวดเร็ว
ม่อเทียนฉวนลอยอยู่กลางฟ้า
“ไม่พวกมันเตรียมตัวมาดี ไม่เหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้ แต่ที่แน่ใจก็คือคนที่เชิดหุ่นก็คือหนึ่งในหกสิบคนในหมู่พวกเจ้าที่โชคดีเหลือรอด” ซือหยูคิดหนักถ้าหากผู้ที่คุมหุ่นเชิดไม่ถูกจับตัวแล้วยังเข้าสู่แดนมณีได้ แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรเล่า? พลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้เลย
“เอาเถอะแล้วจะมาคุยกับข้าเรื่องอะไร?”
ซือหยูถามกับม่อเทียนฉวนที่ไม่มีคนอื่นอยู่รอบข้าง เขาสามารถคุยกับนางได้ตรง ๆ โดยไม่ต้องสงวนสิ่งที่ไม่อยากจะพูดเอาไว้
ม่อเทียนฉวนหัวเราะอย่างเย็นชานางยื่นมือ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?ปิ่นของข้า เอามันคืนมา!”
ซือหยูหัวเราะด้วยความแค้น
“เจ้าจะเอาปิ่นปักผมที่ให้ข้าต่อหน้าทุกคนคืนงั้นเรอะ?เจ้าไม่กลัวตัวเองจะขายหน้าหรือ?”
นางเป็นผู้นำประเภทใดกัน?นางแอบมาขอสมบัติที่นางให้อย่างเปิดเผยคืน ปิ่นปักผมนั้นถือเป็นเครื่องช่วยชีวิตที่มีพลังอสูรเนรมิตรขั้นสาม เมื่อมันอยู่ในมือเขาแล้ว เขาจะคืนมันง่าย ๆ รึ?
“ข้าต้องการมันเจ้าคิดจะสู้กับข้าเรอะ?”
ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรงนางดีดนิ้ว แสงสีแดงแล่นผ่านแขนของซือหยู ปิ่นปักผมสีแดงเพลิงตกไปอยู่ในมือของนาง
ซือหยูตกใจ Aileen-novel
“เจ้ามันผู้หญิงหน้าด้าน!!”
นิสัยใจคอของนางทำให้ซือหยูสับสนจริงๆ ผู้หญิงอื่นที่คิดจะรักษาชื่อเสียงเอาไว้ย่อมจะไม่ทำอย่างนาง
“เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้าเรอะ?ไอ้หนู วันนี้ข้าทนเจ้ามามากพอแล้ว! ถังหลิงกับหลิวฉีตกรอบก็เพราะเจ้า ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นเจ้าเลย”
นางพูด
“แล้วเจ้ายังยอมรับรางวัลของบุรุษเมฆาม่วงแม้ข้าจะปฏิเสธเจ้าทำให้ข้าต้องขายหน้า การขอปิ่นคืนไม่ใช่เรื่องมากมายอะไรเลย แล้วเจ้ายังมาดูหมิ่นข้าอีก อภัยให้ไม่ได้!” นางดีดนิ้วจู่ ๆ ซือหยูก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มจิ้มก้น เขาหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด
ซือหยูโกรธอย่างบ้าคลั่ง
“นังผู้หญิงร้าย!ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยพลังทั้งหมดของข้า!”
เมื่อได้ฟังม่อเทียนฉวนหัวเราะอย่างเย็นชา
“เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้างั้นเรอะ!”
เป๊าะ!เป๊าะ! เป๊าะ!
นางดีดนิ้วอีกหลายครั้งซือหยูร้องครางด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงมากกว่าเดิมในแต่ละครั้ง เขาทั้งอับอายและโกรธแค้น เขาบ่มเพาะพลังมาอย่างยาวนาน และนี่คือครั้งแรกที่เขาได้เจอกับผู้หญิงที่ไร้ยางอายอย่างม่อเทียนฉวน ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมุ่งร้ายต่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความโกรธแค้นของเขาปะทุขึ้นมาทันที
“ถ้าข้าไม่แสดงพลังเสียบ้างเจ้าจะคิดเอาได้ว่าตัวข้าปั้นมาจากโคลน!” “เจ้าคิดว่าทำได้เรอะ?ฮ่าๆๆๆ”
ม่อเทียนฉวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและมิอาจหยุดได้การเห็นซือหยูทุกข์ทรมานทำให้นางรู้สึกดีและสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่เมื่อนางจะรังแกซือหยูต่อไปแสงสีม่วงก็ได้ส่องประกายมาจากตาซ้ายของซือหยู แสงสีม่วงเข้าล้อมกายนาง ม่อเทียนฉวนพบว่าร่างตัวเองแข็งทื่อและมิอาจควบคุม ความนึกถึงยังคงอยู่ แต่ร่างกายของนางราวกับตกไปอยู่ในมิติเวลาอื่น ราวกับว่าเกิดการหยุดเวลาระหว่างวิญญาณและร่างกายของนาง
ในตอนนั้นซือหยูพุ่งออกมากระโจนใส่นาง นางตกตะลึงเมื่อร่างถูกบดขยี้สู่เบื้องล่างด้วยร่างกายบุรุษที่แข็งแรง นางเริ่มตื่นตระหนก เขาคิดจะทำอะไรกัน?
ซือหยูถอนหายใจแรงเขาพลิกร่างม่อเทียนฉวนและยกมือฟาดก้นม่อเทียนฉวนอย่างแรง เสียงฟาดดังสดใสก้องทั่วฟ้า ในตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง นางดูสับสนและไม่เชื่อสายตา มีคนตีก้นนางจากด้านหลัง!!
ในฐานะเจ้าตำหนักโลหิตและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากเซียนนางถูกกดลงกับพื้นและฟาดก้นเต็มแรง! เพลิงแค้นและความอับอายพุ่งทะยานไปทั้งฟ้า
เมื่อจิตสังหารของนางเดือดขึ้นซือหยูถอนหายใจแรง
“เจ้ายังกล้าขัดขืนอีกเรอะ!”
เพี๊ยะ!
ซือหยูฟาดอีกครั้ง
ปอดม่อเทียนฉวนแทบจะระเบิดนางทั้งขายหน้าและโกรธแค้น ผนึกเวลาหายไปแล้ว นางกัดฟันพูดด้วยความแค้น
“ขะ…ข้า…จะเป็นศัตรูกับเจ้าตลอดไป…”
เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!
เสียงฟาดก้นดังไม่หยุดความเจ็บปวดตามด้วยความชาเติมเต็มทั้งลใจม่อเทียนฉวน นางแค้นจนหน้าแดงก่ำ หลังจากฟาดครั้งที่เก้านางรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับตัวนางหายไป ซือหยูหนีไปแล้ว! เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหนีหลังจากเวลาผ่านไปสามลมหายใจ
ม่อเทียนฉวนฟื้นตัวกลับมาและลุกยืนขึ้นทันทีความเจ็บปวดยังคงค้างอยู่บนก้นของนางจนทำให้นางเกือบล้มลงไปอีกครั้ง นางหน้าแดงก่ำด้วยเพลิงความแค้นที่ปกคลุมทั้งใบหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นับว่าเป็นความอัปยศสูงสุดในตลอดชีวิตของนาง
“ซือ!!หยู!! เซี่ยน!!”
ฟันม่อเทียนฉวนบดสับกันอย่างรุนแรงจนเกือบจะแตกนางมองรอบ ๆ ด้วยสายตางดงามอันเต็มไปด้วยเพลิงคลั่ง
จิตสังหารของนางส่งผ่านไปถึงทั้งตำหนักเมฆาม่วงไม่ต้องพูดถึงยอดเขาที่สอง ผู้ดูแลแต่ละสำนักมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น?จิตสังหารนี่มันอะไรกัน!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมตัวสั่น
จิตสังหารนี้แข็งแกร่งมากเหมือนกับมาจากคนที่ทรงพลัง
“หรือจะเป็นเจ้าตำหนักม่อ?”
ผู้ที่คุ้นเคยกับม่อเทียนฉวนสัมผัสกลิ่นอายใจจิตสังหารของนางได้
บุรุษเมฆาม่วงหน้าหมองจากที่เขารู้จักนางมาร้อยปี แม้ม่อเทียนฉวนจะอารมณ์ร้อน แต่ครั้งสุดท้ายที่นางระเบิดความโกรธระดับนี้ก็คือในสงครามครั้งใหญเมื่อร้อยปีก่อน