The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 12 เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 12 เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
คณพศจ้องมองเล็กน้อย “ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป”
“ทำสิ……ฉันจะลองดูค่ะ” นาราชะงักไป สองสามวันที่ผ่านมาเธอรู้บ้างแล้วเกี่ยวกับอารมณ์ของชายหนุ่ม เป็นคนอารมณ์แปรปรวน!
ก็แค่การนวดไม่ใช่เหรอ เธอเรียนรู้ได้อยู่แล้ว แต่อย่าฆ่าคุณพ่อของเธอก็พอ
เธอรู้ว่าวันหนึ่งในที่สุดเขาก็จะรู้ว่าเธอไม่ใช่พี่สาวของเธอ แต่เธอหวังว่าวันนั้นจะมาถึงช้า อย่างน้อยก็ให้เธอได้ทำอะไรให้คุณพ่อบ้าง
อีกอย่าง ถ้าพบว่าเธอไม่ใช่พี่สาว ผู้ชายคนนี้จะไม่บีบคอเธอตายหรอกเหรอ
เธอถือหนังสือไปนั่งที่เก้าอี้และเปิดมัน จากนั้นก็อ่านอย่างจริงจัง
เธอชอบอ่านหนังสือ ไม่นานก็เข้าสู่ความหลงใหล
คณพศนั่งอยู่ตรงนั้นและกำลังดูเอกสารในมือ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
เธอสวมกระโปรงยาวสีฟ้า มือเล็กขาวนวลเปิดพลิกหน้าหนังสือ ขนตายาวสั่นเล็กน้อย เหมือนเป็นนักเรียนม.ปลายที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวใหญ่ ยิ่งดูเล็กลงไปอีก
หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย คุณหนูใหญ่ทองพันชั่งไม่ได้หลงใหลในการอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นการเสแสร้งแกล้งทำหรือเรื่องจริง เขาก็ยังคงไม่เข้าใจเลยจริงๆ
แต่ทุกครั้งที่เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นหญิงสาวอยู่ตรงมุมนั้น ในหัวใจก็เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้
เก้าปีที่ผ่านเขาไม่เคยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ใครได้เห็น ขาของเขาสามารถยืนได้เมื่อสามปีก่อน แต่เขายังคงนั่งรถเข็นอยู่
เพื่อที่จะไม่ให้บริษัทตระกูลปัญญาพนต์กับวิษณุส์สงสัย เขาจึงแกล้งทำเป็นพิการ เขาต้องการเอาทุกอย่างที่เป็นของเขาคืนมา แก้แค้นที่เขาต้องขาหัก!
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชีวิตของเขาไม่มีอะไรนอกจากการดิ้นรน อย่างที่เด่นภูมิบอก เขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิง และไม่เคยคิดเกี่ยวกับมัน
ปีนั้นเขานั่งรถเข็น มีผู้หญิงที่เขาชอบร้องไห้และขอร้องให้เธอดูแลเขา
เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ปีต่อมา ผู้หญิงคนนั้นพยายามตามหาเขา วันที่เหงาและเศร้า ผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนแสงตะวันที่ส่องผ่านลงมาในชีวิตของเขา ในที่สุดเขาก็ทำตามคำขอของผู้หญิงคนนั้น
แต่ปีถัดมาเขาก็ไล่เธอไป เขาไปฝรั่งเศสเพื่อไปหาดร.สาวอล
จนกระทั่งเขากลับมาอีกสองปีต่อมาโดยที่ยังอยู่ในรถเข็น และผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมาหาเขาอีกเลย!
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขากับรุ่นพี่เด่นภูมิสองคน และยังมีพวกของยชญ์ตรัญ ทำการขยายอิทธิพลขึ้นเงียบๆ จนตอนนี้เขาอยู่นอกเหนือการควบคุมแล้ว และเขาก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้น
ในตอนนี้วิษณุส์กำลังจะแต่งงานกับพิมมี่
เขาแทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เขาขอให้คุณปู่ยกเลิกการแต่งงาน เขาต้องการให้วิษณ์คลุ้มคลั่งตาย
นารามองอยู่นานแล้ว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นชายหนุ่มเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย เธอจึงลุกขึ้นยืนและวางหนังสือลงบนเก้าอี้
เดินเข้าไป “คุณชายสาม ให้ฉันรินชาให้คุณสักถ้วยไหมคะ คุณเหนื่อยแล้วใช่ไหม”
คณพศเพิ่งได้สติ มองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม เขาพลันเกิดความรู้สึกเหมือนไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
เขามองนิ่งไปที่ใบหน้าที่บริสุทธิ์และละเอียดอ่อน โดยไม่มีการแต่งเติมใดๆ ดวงตาโตสีฟ้าเต็มไปด้วยหมอก ใบหน้านี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับคุณหนูใหญ่ทองพันชั่งได้เลย
ไม่มีร่องรอยของความเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ มีแค่ความระแวดระวังและไร้เดียงสาเท่านั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาอยากจะยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของวิษณุส์
เขาก็หันหน้าหนีทันที “ไปรินสิ”
นาราเกิดความสับสนขึ้นชั่วครู่ เมื่อเขาไม่อารมณ์เสีย ดวงตาของเขาอ่อนโยน ดวงตาลึกล้ำดั่งน้ำทะเล สีหน้ามีร่องรอยของความสั่นไหว
เธออยากเข้ากับเขาได้ดี เช่นนี้แล้วจนกระทั่งที่เขารู้ว่าเธอไม่ใช่พี่สาว ก็จะไม่ฆ่าเธอและไม่ทำให้คุณพ่อของเธอต้องลำบาก
เธอออกไปจากห้องหนังสือทันที ลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมน้ำชาให้กับคณพศ
เมื่อถ้วยชาร้อนถูกเสิร์ฟ คณพศก็ยังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของวิษณุส์ บางทีเขาอาจจะค่อยๆ เลี้ยงดูเธอให้เป็นผู้หญิงของเขา เขาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณชายสาม ชามาแล้วค่ะ คุณนั่งอยู่เฉยๆ จนเวลาเที่ยงแล้ว ให้ฉันช่วยดูที่ขาของคุณนะคะ”
เพิ่งเรียนรู้ไปเพียงเล็กน้อย แต่บางทีมันอาจจะมีประโยชน์
เธอวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและย่อตัวลง เอื้อมมือไปบีบท่อนขาช่วงล่างของคณพศ
ชายหนุ่มไม่ขยับตัว ก้มลงมองเธอ
หญิงสาวบังคับมือเล็กน้อย นวดเบาๆ ไปตามเส้นลมปราณ อยู่ตรงนั้นสักพักแล้วจากนั้นเธอก็ขยับขึ้นกดหนักลงบนขาของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มไม่ได้ส่งเสียง มองดูมือขาวนวลของหญิงสาวนวดที่ขาของเขาเงียบๆ
ความแข็งแรงของเธอมันน้อยเกินไป มันรู้สึกเหมือนกำลังเกาอยู่มากกว่า
เกือบจะสูดลมหายใจของอากาศเย็น นารารู้สึกไม่สบายใจ
เธอเงยหน้าขึ้นแย้มยิ้ม “แรงของฉันมีไม่มาก ถ้านานไปก็คงจะดีขึ้น ตอนนี้คุณคงยังไม่รู้สึกอะไรเลย”
“…….” คณพศถูกกดด้วยมือของเธอ เงยหน้าขึ้นมองมายิ้มให้กับเขา
จังหวะในใจของเขาเต้นกระหน่ำรัวแรง
เขาไม่เคยคบผู้หญิงมาหลายปีแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่มานวดให้เขาแบบนี้
ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่เด่นภูมิพูดเมื่อวานนี้ แล้วหูก็ร้อนขึ้นมา
ในเวลานี้ นารามองเขาอีกครั้ง ใช้มือบีบหนักให้เขา ชายหนุ่มจับมือเล็กของเธอพร้อมกับกระตุก
เมื่อนาราไม่ตอบสนอง เขาจึงดึงเบาๆ จนหญิงสาวล้มลงบนตักของเขา
นาราตกใจมาก พลันยืนขึ้นทันที
นาราหน้าแดง “คุณ…..คุณชายสาม มันทำให้คุณเจ็บใช่ไหมคะ ฉันยังไม่เก่งพอ แต่ฉันจะตั้งใจเรียนรู้ค่ะ ขอโทษนะคะ” เธอกลัวว่าเขาจะโกรธ
นาราดิ้นอยู่นานก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ จนไม่มีแรงอีกต่อไป เธอหันไปมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใบหน้าหล่อของเขาเข้าใกล้ชิดเธอ ลมหายใจเย็นพัดเข้าไปในจมูกของเธอ
“ศึกษาได้เร็วขนาดนี้แล้วเหรอ หืม” เสียงของเขาต่ำและแหบพร่า
“…….ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งศึกษาไปเพียงเล็กน้อยเท่าเส้นขนเท่านั้น”
ตาโตของเธอจับจ้องไปที่ริมฝีปากของเขา หัวใจเต้นเหมือนจะกระโดดออกมาข้างนอก
“เส้นขนนั่นสามารถทำให้ฉันรู้สึกดีขนาดนี้แล้วเหรอ” เสียงของชายหนุ่มน่ารื่นรมย์เหมือนกับเสียงของไวโอลิน
นารามองเขานิ่งด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร จึงถามออกไปอย่างแปลกใจ “จริงเหรอคะ มีความรู้สึกจริงๆ เหรอ ฉันจะศึกษาต่อไป มีความรู้สึกนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี นี่แสดงให้เห็นว่าขาของคุณอาจจะดีขึ้นในไม่ช้า”
ดวงตาของเธอสุกใสเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าที่กำลังส่องแสงพร่างพราวระยิบระยับ
คณพศจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาเงียบๆ ความประหลาดใจของเธอนั้นออกมาจากหัวใจ เธอต้องการให้เขายืนขึ้นได้งั้นเหรอ
“เป็นไปไม่ได้หรอก ขาของฉันเป็นอัมพาตมาเก้าปีแล้ว จะสามารถยืนขึ้นในทันทีได้ยังไง” เขาพูดเสียงต่ำ