The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 125 นาราเป็นลม
บทที่ 125 นาราเป็นลม
วิษณุส์หยุดเดิน
“เป็นไง? นายจะลองคิดดูซักหน่อยมั้ยล่ะ พวกเรามาดีกันเถอะ! เมื่อก่อนฉันยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ฉันโดนชื่อเสียงและเงินทองครอบงำ ฉันขอเถอะนายอย่าไปจากฉันเลย อยากเมินฉันเลย ฉันต้องจ่ายอย่างแสนสาหัสกับค่าโง่ของฉันไปแล้ว ได้เทียบกับคุณพศแล้ว ฉันถึงรู้สึกว่าฉันยังชอบนายอยู่ พวกเรามาดีกันเถอะ ดีกันเถอะนะ! ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ฉันพิมมี่ก็มีแค่นายคนเดียว!” พิมมี่พูดไปพูดมาก็เหมือนจะร้องไห้ออกมา
วิษณุส์ก็เคยรักเธอมาก่อน ถ้าจะบอกว่าใจไม่เต้นกับคำพูดของเธอก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ คำพูดที่ออกมาจากปากเธอมีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงบ้างล่ะ เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าอยากจะโค่นล้มคุณพศจริงๆ เขาคนเดียวไม่น่าจะไหว ต้องการพิมมี่มาร่วมมือด้วย ตอนนี้พิมมี่ก็ดูเปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไปแล้ว
“พิมมี่…เธอก็รู้อยู่ ว่าฉันรักเธอมาตลอด เรื่องเมื่อก่อนมันเกิดขึ้นเพราะเธอหลงไหลในชื่อเสียงเงินทอง โอเค ถ้ายังงั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราจะไม่พูดเรื่องในอดีตอีก เรามาเริ่มกันใหม่เถอะ”
ถ้ามองจากสายตาคนนอกก็เหมือนว่าสองคนนี้รักกันดี แต่ว่าในใจของแต่ละคนก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่
ณ ลานจอดรถ ในที่สุดรถก็หยุดสั่น
วิษณุส์เอามือโอบผู้หญิงที่นอนซบอยู่ตรงอกเขาเนื่องจากพึ่งออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงเมื่อกี้นี้ แล้วก็จุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“พิมมี่ ทุกคนก็ต้องมีจุดอ่อน แต่ว่าคนอย่างพศ จุดอ่อนของมันคืออะไรกัน?”
“นาราไง” พิมมี่ฝังหน้าเข้าไปที่หน้าอกของวิษณุส์ แล้วก็พึมพำออกมา
“นารา..”ดวงตาของวิษณุส์เป็นประกายขึ้นมา แล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
“พิมมี่ ฉันคิดอะไรออกแล้วล่ะ”
…
“นารา! เธอไม่ติดต่อฉันมานานแล้วนะ! หรือว่าแต่งงานแล้วก็เลยลืมฉันไปแล้วหรอ….”สีหน้าของคนตรงหน้าดูเศร้าหมอง ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสงสาร
“โถ่ไลลา ฉันไม่ได้ลืมซักหน่อย พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้ เธอยังไม่รู้จักฉันดีอีกหรอ ฉันรักเธอที่สุดอยู่แล้ว” พอนาราพูดแบบนั้น ใบหน้าที่หมองคล้ำของไลลาก็ดูสว่างสดใสขึ้นมาทันที
“นั่น…เพื่อจะปลอบประโลมจิตใจของฉันทีได้รับความบอบช้ำมา พรุ่งนี้เธอต้องอยู่กับฉันทั้งวัน!”
“ได้! ถ้างั้นก็ถือว่าตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เวลานี้ พวกเรามาเจอกันที่นี่!”
ผู้หญิงอายุยี่สิบทั้งสองคน ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ พอแสงอาทิตย์ทอดลงมาลงที่พวกเธอพอดี พวกเธอสองคนก็เหมือนกับเป็นเด็กน้อย
ตอนเย็น ณ คฤหาสน์ตระกูลปัญญาพนต์
“คุณพศ….วันนี้ฉันไปเจอไลลามา คุณก็รู้อยู่ ว่าฉันกับเธอเป็นเพื่อนรักกัน ฉันไม่ได้เจอเธอนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่แต่งงานเข้ามา….” นาราพึมพำเบาๆในอ้อมแขนของคุณพศ
พอได้ยินผู้หญิงในอ้อมกอดของเขานั่งอธิบายเรื่องที่เธอไปเจอมาในแต่ละวัน ทำให้หัวใจของคุณพศรู้สึกหวานชื่นเหมือนได้กินน้ำผึ้งชั้นหนึ่ง
“อืม แล้วยังไงต่อ” คุณพศตอบเธอนิ่งๆ
“ไม่ยังไงต่อนี่? ฉันแค่อยากเล่าให้ฟัง พรุ่งนี้เธอให้ฉันอยู่กับเธอทั้งวัน พอตอนนี้มานั่งคิดดูก็เหมือนฉันติดค้างเธอไว้เยอะเหมือนกัน…..” นาราพูดไปพลางเอามือเล่นผมตัวเอง
“ถ้าเธอไปอยู่กับเขา แล้วใครจะอยู่กับฉันล่ะ หืม?” คุณพศก้มลงมองผู้หญิงในอ้อมอก แล้วก็ทำเป็นงอน
พอได้ยินดังนั้นนาราก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองคุณพศด้วยสายตาใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วก็เบ้ปากทำหน้ามุ่ย
“ นายนี่เป็นคนยังไงกันแน่ ขี้หึงไปหมดไม่ว่าจะกับใคร!” นาราหันหน้าไปทางอื่น
คุณพศอดกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะออกมา เขาหยิกคางของนาราเบาๆแล้วก็จับให้เธอหันมามองหน้าเขา แล้วก็อาศัยตอนที่เธอโกรธจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากเธอหนึ่งที
นาราหน้าแดงขึ้นมาทันที
“….นาย! หน้าหม้อไม่ดูเวลาเลยนะ! ฉัน…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนคุณพศปิดปากอีกรอบ ทำให้เธอต้องกลืนคำพูดทั้งหมดที่เธอยังไม่ทันได้พูดลงไป
เพราะว่าทั้งสองคนกำลังนอนอยู่บนเตียง คุณพศก็เลยขึ้นคร่อมเธอได้งาน เขาจูบเธอพลางปลดกระดุมเสื้อของเธอไปด้วย
นาราไม่ขัดขืนเขาอีกต่อไป เธอรู้สึกมีความสุขกับสิ่งนี้
คุณพศรู้สึกได้ถึงการตอบสนองจากคนด้านล่าง ก็ยิ่งรู้สึกชอบใจขึ้นไปใหญ่ ตอนนั้นร่างกายของทั้งสองคนหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงทำให้คนชอบได้ขนาดนี้เนี่ย แม้แต่ตอนที่เธอโกรธยังทำให้คนรู้สึกอยากครอบครอง ใครจะกล้าให้เธอออกไปข้างนอกได้ตามใจกันล่ะ
ไม่นานก็มีเสียงร้องแห่งความสุขของผู้ชายและผู้หญิงดังออกมาจากห้องนอน……
เช้าวันรุ่งขึ้น นาราตื่นแต่เช้า แต่งหน้าบางๆ ใส่ชุดเดรสสีขาว ดูใสซื่อบริสุทธิ์มาก
คุณพศรู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ เขามองดูผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้แต่งตัว แล้วก็พูดออกมาอย่างกังวลว่า “รีบกลับมานะ”
“อืม รู้แล้ว”
มุมถนน
“ไลลา! ฉันอยู่ตรงนี้!” นาราเห็นผู้หญิงที่ใส่ชุดเดรสสีชมพูมาแต่ไกล เธอแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่านั่นคือไลลาแน่นอน เธอชอบสีชมพูมาก เหมือนเป็นเด็กน้อย
“นารา! ฉันเห็นเธอแล้ว! ฉันรอเธออยู่ตรงนี้20นาทีแล้ว ทำไมพึ่งมาเอาป่านนี้?” เด็กผู้หญิงน่ารักๆตรงหน้าทำปากมุ่ย
“โอเคๆ ! รถมันติดนิดหน่อยน่ะ ฉันอุตส่าห์รีบออกมาจากบ้านก่อนเวลาตั้งสิบนาที” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าอ้อมกอดของคุณพศจะอุ่นขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์ จนจะถึงเวลาเธอก็ต้องออกจากบ้านมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
“โอเคๆ ฉันให้อภัย” ผู้หญิงตรงหน้าคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง
นารารู้สึกผิดเล็กน้อย
“โอเค งั้นพวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนดี?”
“ไปสนามเด็กเล่นกันเถอะ! เดี๋ยวคนจะเยอะแล้วนะ” ไลลายังคงเหมือนเด็กน้อยเหมือนเดิม ที่ๆไปเที่ยวก็เหมือนเด็ก
“ได้” ตามใจเธอแล้วกัน
ดังนั้นเด็กหญิงทั้งสองคนก็จูงมือกันวิ่งไปที่สนามเด็กเล่น แต่พวกเธอไม่รู้เลยว่าด้านหลังของพวกเธอมีสายตาคู่นึงคอยจับตามองพวกเธออยู่
ผู้หญิงทั้งสองคนเล่นกันอย่างสนุกสนานมาก แต่ว่าไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนตามพวกเธอมา
ถึงแม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่พอทั้งสองคนได้คุยได้เล่นกัน ก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
“บางทีเราอาจจะคิดไปเองก็ได้!” นาราคิดแบบนั้น
“นารา ฉันเหนื่อยแล้ว พวกเราไปหาที่พักผ่อนซักหน่อยเถอะ!” นาราก้มมองหน้าไลลาที่ตัวเตี้ยกว่าเธอ ใบหน้าเล็กๆของเธอแดงเลือดฝาดด้วยความเหนื่อย
“โอเค งั้นพวกเราไปที่ร้านกาแฟร้านโปรดของพวกเราตอนสมัยเรียนกันเถอะ”
“โอเค!”
ผู้หญิงสองคน ที่เข้าอกเข้าใจกันดี แต่ไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนี้ มีคนอื่นที่ได้ยินด้วย
“อเมริกาโน่เย็นสองแก้วค่ะ”
“ได้ค่ะ รอซักครู่”
ผู้หญิงทั้งสองคนยังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสนุกสมัยเรียน แต่ไม่ได้เอะใจได้เลยว่า พนักงานเปลี่ยนไปเป็นอีกคนนึงแล้ว
“อาฮ่าๆๆๆๆๆๆใช่สิ เธอยังจำตอนนั้นได้มั้ย? วันนี้ช่าง….”
“นารา? นารา?”
พอดื่มกาแฟไปอึกนึงนาราก็สลบลงไปกองอยู่ที่พื้น แต่ไลลาที่ยังไม่ได้ดื่มกาแฟนั้น เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับเธอ เธอตกใจจนไม่ได้สติ เธอได้แต่มองนาราอยู่แบบนั้น ตอนนั้นลืมไปเลยว่าควรจะทำยังไง
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย มีคนเป็นลม ช่วยหน่อย!” ไลลารีบตะโกนออกมา แต่ว่าผ่านไปซักพัก ก็ไม่มีใครสนใจเธอเลย