The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 144 หน้าอกของเขามีรอยลิปสติก
บทที่ 144 หน้าอกของเขามีรอยลิปสติก
ไลลาฟังข้อความเสียงที่ถูกส่งมาลางๆจึงกดเข้าไปดู ตกใจชะงักไปพักหนึ่ง เธอโทรกลับไปทันที “เป็นอะไรหรือเปล่านารา ตอนนี้ฟ้ายังไม่ทันสว่างเลยนะ”
นาราสูดลมหายใจเข้า “เปล่า ตอนนี้ฉันจะรอพวกเธออยู่ที่สนามบิน เธอนอนต่อเถอะ”
ไลลาที่ถูกปลุกตื่นจากฝันนั้นฟังเสียงนาราดูไม่ปกติ รีบลุกขึ้นนั่ง เสียงสูงขึ้น “นารา เธอร้องไห้หรอ? ไอ้คุณคณพศนั้นรังแกเธออีกแล้วใช่ไหม?”
หัวใจของนาราพลันอุ่นวาบ ยากที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา น้ำตาหยดเล็กหล่นลงมา “เปล่า ไลลา ฉันสบายดี เราบินไฟท์กี่โมง รีบไปจากที่นี่เร็วหน่อยได้ไหม?”
ไลลาได้ยินเสียงสะอื้นของนารา แต่เธอไม่พูด และไม่ถามอีกต่อไป “ก็ได้ เธอรอก่อนนะ ฉันขอดูไฟท์ที่เร็วที่สุดก่อน เราล่วงหน้าไปก่อน”
บอกพร้อมกับยื่นมือไปหยิบโน๊ตบุ๊คบนหัวเตียง เปิดออกอย่างทุกลักทุเล รีบกดเข้าไปหาเที่ยวบินที่เร็วที่สุด “เจอแล้ว นารา ไฟท์ที่เร็วที่สุดจะมีในอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เธอรอก่อนนะ ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้”
แม้ไลลาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนารากับคณพศ เธออยากให้นาราและคณพศคุยกันต่อหน้าคุยให้รู้เรื่อง ไปแบบไม่บอกไม่กล่าวกันแบบนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
แต่ตอนนี้เธอคงทำได้เพียงอยู่เคียงข้างนารา เธอถึงจะวางใจ
“อืม ฉันจะรอนะ” นาราพยักหน้า อยากจะหนีไปจากที่ที่ทำให้เธอเสียใจเร็วๆ “ไลลาฉันอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ลำบากเธอต้องรีบไปกับฉันตั้งแต่เช้า ขอโทษนะ”
“พูดบ้าอะไรของเธอ เราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ” ไลลาเอ่บปลอบนารา “นาราไม่ต้องเสียใจ วันเวลาร้ายๆจะต้องผ่านไป บางทีรอเรากลับจากไปผ่อนคลายที่ฝรั่งเศสแล้ว กลับมาทุกอย่างอาจจะดีก็ได้”
“อืม” นาราตอบรับ ในใจนั้นเข้าใจดี ปัญหาครั้งนี้มันจะคงอยู่ตลอดไป
“งั้นก็ดี ฉันจะรีบเก็บกระเป๋า เธอก็รีบเก็บล่ะ เรามีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง เจอกันที่สนามบินนะ” ไลลาพูดจบกดวางสายทันที รีบร้อนไปหากระเป๋าเพื่อเก็บเสื้อผ้า
เก็บโทรศัพท์ลง เธอมองกระเป๋าที่เธอเก็บเรียบร้อยตั้งนานแล้ว ค่อยๆยกขึ้นมา
เธอมีสัมภาระไม่มาก ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นของที่คณพศให้เธอ เธอไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เก็บเฉพาะของที่เธอนำติดตัวมาตอนมาถึงที่นี่ครั้งแรก
หิ้วกระเป๋าใบเล็กเดินออกประตูไป
เมื่อเดินผ่านห้องของคณพศ เธอมองชายที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่
คณพศกำลังหลับสนิท ไม่รู้ถึงการจากไปของเธอเลยสักนิด
คุณคณพศ ลาก่อน ดูแลตัวเองนะ
นาราเห็นว่ายังเช้าอยู่ เธอไปบ้านของไลลาเลยดีกว่า รอเธอถึงบ้านไลลาแล้วฟ้าคงสว่างพอดี
ไลลาที่กำลังแปรงฟันเดินไปเปิดประตู ใครมาแต่เช้าจัง
พอเธอเห็นใบหน้าซีดเซียวของนาราที่ยืนอยู่หน้าประตู ตกใจจนทำแปรงตกลพื้น เธอรีบดึงนาราเข้ามาในบ้าน “นารา ไม่ใช่บอกจะรอที่สนามบินหรอ ทำไมมาถึงนี่ได้ล่ะ เก็บของเสร็จแล้วหรอ เธอกับคุณคณพศมันเป็นยังไงกันแน่?”
นาราส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอก ฉันเห็นว่ายังเช้าอยู่ เลยอยากไปสนามบินพร้อมกับเธอน่ะ เธอเก็บของเสร็จแล้วหรอ”
“สวรรค์” ไลลาพ่นน้ำลายออกมา อาการลุกลี้ลุกลนเกาศีรษะ “ฉุกละหุกเกินไปฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอาอะไรไปด้วย เธอดูสิ ฉันกระวนกระวายเก็บของลงกระเป๋าไปเนี่ย”
มองเสื้อผ้าที่ทิ้งกระจัดกระจายเต็มพื้น นาราจึงวางกระเป๋าของตัวเองลง ช่วยไลลาเก็บของขึ้นมา
ไลลาสวมรองเท้าเปียกชื้นคอยๆกระโดดเข้าห้องตัวเองไป พลิกค้นตู้หาพาสปอร์ตตัวเอง หาไปพร้อมเอ่ยถาม “นารา ทำไมเธอเก็บของเร็วจัง”
“เพราะของฉันไม่เยอะ เอาไปแค่ไม่กี่ชุดเอง แค่นี้ก็พอแล้ว” นาราช่วยไลลาพับเก็บของวางซ้อนกันไว้ “เธอรีบหน่อย เดี๋ยวเราจะสายแล้ว”
“เสร็จแล้วเสร็จแล้ว ก็เธอนั่นแหละ เมื่อวานยังบอกไม่รู้จะไปไหม สุดท้ายฟ้ายังไม่ทันสางก็ปลุกฉันตื่นซะแล้ว ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” ไลลาปิดปากหาวเดินออกจากห้อง ตอนเอาพาสปอร์ตไปเก็บลงในกระเป๋าจึงมองไปยังกระเป๋าของนารา “ของเธอมีแค่นี้หรอ?”
“อืม แค่นี้ก็พอแล้ว” นาราไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อย น่าจะพอแล้ว
ทันใดนั้นเหมือนไลลาจะมองเห็นอะไรสักอย่างจึงหัวเราะออกมาราวกับจะร้องไห้ “พระเจ้า นารา เราไปต่างประเทศนะ ไม่ได้ไปเที่ยวสองสามวันจะกลับมา เธอเอาของไปไม่เยอะได้ยังไง ของที่ต่างประเทศแพงจะตาย ฉันซื้อไม่ไหวนะ”
“พอแล้ว พอจริงๆนะ เธอเก็บของเสร็จหรือยัง เสร็จแล้วเราไปสนามบินกันเถอะ”
“เดี๋ยวฉันดูก่อนนะ อืม กันแดด รองพื้น แผ่นมาส์ก บัตร…” ไลลาตรวจสอบดูอีกรอบ “น่าจะครบแล้วล่ะ ไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินออกมา ไลลากำลังจะล็อกประตูพลันนึกขึ้นได้วิ่งกลับเข้าไปในห้อง “แย่แล้ว ฉันยังไม่เอาโทรศัพท์”
มองดูไลลาที่ลุกลี้ลุกลน นาราส่ายหน้าเบาๆนิสัยไม่ระมัดระวังของไลลา ไม่รู้เมื่อไหร่จะเปลี่ยนได้สักที
ในที่สุด ของทุกอย่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว ทั้งสองเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน
หกโมงครึ่ง นาราและไลลาซื้อตัวเครื่องบินไปฝรั่งเศส เตรียมจากลาเมืองธิตกล…..
ความมึนเมาทำให้คณพศหลับสนิทไปจนเกือบเที่ยงค่อยตื่นขึ้นมา
เขาค่อยๆลืมตา ยืนมือคลำไปข้างๆด้วยความเคยชินกลับพบเพียงเตียงนอนที่เย็นชืด
ภาพความทรงจำเมื่อคืนค่อยๆโผล่เข้ามาในหัว เขาโกรธดื่มจนเมามาย เต้นรำกับณัจยาหลังจากนั้นก็จำไม่ได้แล้ว
เขาจำได้ว่านาราร้องไห้ น้ำตาไหลรินไม่ให้เขาแตะต้อง แต่เขาต้องการเธอ…..
เขาลุกขึ้นนั่งอย่างแรง นารา!
“นารา” เขาดึงผ้าห่มออกเหยียบเท้าเปลือยเปล่าลงบนพื้น เดินตามหาเธอทุกๆที่ ไม่เจอนาราอยู่ในห้อง
เช้าขนาดนี้ เธอจะไปไหนกันล่ะ?
เขาตะโกนเรียกหาเธอ คณพศก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนารา หรือว่าเธอจะอยยู่ด้านล่าง เขาเชื่อว่านาราคงไม่ได้ไปไหน
และไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ในเมื่อตื่นแล้วก็ปลดปล่อยของเสียในร่างกายก่อนเถอะ
หลังจากเสร็จกิจจึงเดินไปที่อ่างล้างหน้า ไม่ตั้งใจยกมือขึ้นมาเห็นตัวเองในกระจกสภาพหนักหน่วง
ผมเผ้าหยุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวไม่รู้เอาไปทิ้งไหนแล้ว น่าโมโหก็คือทำไมหน้าอกของเขาถึงมีรอยลิปสติก?
คณพศชะงักนึ่งไปพักหนึ่ง ภรรยาของเขาไม่เคยต้องใช้ลิปสติก โดยเฉพาะสีแดงแบบนี้
นี่เป็นฝีมือใครกัน
ขมวดคิ้วเข้าหากัน คณพศนึกไม่ออกจริงๆว่าไปแนบชิดสนิทสนมกับใครตอนไหน