The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 18 หมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
ตอนที่ 18 หมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
ใส่ชุดนอนที่สะอาดให้กับเธอ ห่มผ้าห่มและออกไปจากห้องนอน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้ามาดูอีกครั้ง หญิงสาวหลับอย่างสงบ ในที่สุดเขาก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองและนอนลงบนเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้น นาราสะดุ้งตื่นตกใจหลังจากการฝันร้าย ขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว
ผ้าม่านในห้องนอนถูกแม่บ้านเปิดออก แสงตรงเข้ามาในรอยแยกของหน้าต่าง ข้างนอกหน้าต่างเกิดเสียงคลื่นซัดกระทบกับโขดหิน
นาราหันศีรษะเบาๆ ร่างกายมีความเจ็บปวดรุนแรง ศีรษะก็ยังรู้สึกวิงเวียน
“คุณนายสาม คุณตื่นแล้วเหรอคะ คุณถูกเจ้าเพสกัด เมื่อคืนมีไข้ เป็นคุณชายที่ดูแลคุณทั้งคืน” ป้าอ้ายเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“คุณคงหิวแล้ว ฉันทำโจ๊กลูกเดือยให้ คุณทานอาหารสักหน่อยเดี๋ยวคุณหมอจะมาเปลี่ยนยาให้คุณค่ะ”
ในตอนนี้นาราก็จำได้แล้วว่าเธอได้เข้าไปในป่าด้านหลังเขาเมื่อคืนจนเกือบถูกหมาป่ากิน
ในที่สุดเธอก็จำได้ว่ามีคนอุ้มเธอออกไป แต่หลังจากนั้นก็จำไม่ได้อีก
“ป้าอ้ายคะ เมื่อวานใครเป็นคนช่วยฉันกลับมาเหรอคะ ฉันเกือบจะถูกหมาป่ากินไปแล้ว” เมื่อเธอนึกถึงเมื่อวานนี้มือของเธอก็เริ่มเหงื่อออกอีกครั้ง
“ลุงบีมช่วยคุณกลับมาค่ะ หมาป่าตัวนั้นถูกส่งมาจากอเมริกาคุณชายเป็นคนเลี้ยงเอาไว้ค่ะ ปกติมันก็ไม่ดุ แต่เพราะมันยังไม่รู้จักคุณมันจึงทำร้ายคุณ”
เลี้ยงหมาป่าเหรอ ยังไม่รู้จักเหรอ ผู้ชายคนนั้นนี่จริงๆเลย เลี้ยงอะไรไม่เลี้ยง ต้องเลี้ยงหมาป่า เธอเกือบจะถูกหมาป่ากิน ยังบอกว่าปกติไม่ดุอีก
ผู้ชายคนนั้นช่างประหลาด เลี้ยงสัตว์ก็ยังเลี้ยงสัตว์ดุร้าย นาราค่อยๆลุกขึ้นนั่ง
เธอสวมชุดนอนสะอาด บาดแผลได้รับการรักษาแล้ว แต่ศีรษะของเธอยังคงวิงเวียน
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ป้าอ้ายนำโจ๊กขึ้นมาให้ “คุณนายสามทานข้าวค่ะ อีกสักพักคุณหมอก็จะมาแล้ว”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะป้าอ้าย” นาราเห็นโจ๊กลูกเดือยแล้วท้องก็เริ่มร้องประท้วง เมื่อคืนเธอไม่ได้ทานข้าว ตอนนี้จึงหิวจนจะกินหมูได้ทั้งตัว
“ป้าอ้ายคะ ทำไมคุณชายถึงเลี้ยงหมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยงล่ะคะ เขาไม่รู้เหรอว่าโดยธรรมชาติแล้วหมาป่านั้นดุร้าย” ก็ไม่ใช่เพราะเธอหลงทางหรอกเหรอจนเกือบถูกหมาป่ากิน
“ฮ่าฮ่า ที่คุณชายเลี้ยงหมาป่ามันมีเหตุผลอยู่ค่ะ ปีนั้น จู่ๆก็มีคนขึ้นมาโจมตีบนเกาะ คุณชายเพราะขาไม่ดีจึงเกือบถูกฆ่าตาย จนในที่สุดคุณชายก็เลี้ยงเจ้าเพส ลุงบีมปล่อยเจ้าเพสออกมา ทำให้คนเหล่านั้นล่าถอยไปเพราะความกลัว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าทำร้ายคุณชายอีก”
เมื่อป้าอ้ายพูดจบก็มองที่นารา “คุณนายสามคะ จริงๆ แล้วคุณชายของเราเป็นคนดีมาก คุณจะแต่งงานกับเขาอย่างมีความสุข ในโลกนี้มีแต่คนอื่นที่ทำร้ายเขา เขาไม่เคยทำร้ายใคร”
นาราเช็ดปากหลังจากทานโจ๊กไปสองชาม “ขอบคุณค่ะป้าอ้าย ฝากขอบคุณลุงบีมที่ช่วยชีวิตฉันไว้เมื่อวานนี้ด้วยนะคะ” เธอจะมีความสุขเหรอ เธอไม่ได้คาดคิดเลย
ผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ชอบอารมณ์เสีย เธอกลัวมาก เธอกลัวว่าวันหนึ่งเมื่อเขาพบว่าเธอไม่ใช่พี่สาว จะไม่ตรงเข้าฆ่าเธอหรอกเหรอ หรือไม่ก็โยนเธอลงเนินเขาด้านหลังเพื่อให้เป็นอาหารของหมาป่าสัตว์เลี้ยงของเขา
ป้าอ้ายเก็บมันและเดินออกไป ไม่นานหมอประจำตระกูลก็มา เขาเป็นหมอเก่าแก่ที่มีอายุเกือบห้าสิบปี เขาเปลี่ยนผ้าปิดแผลบนไหล่ของนาราอย่างสุภาพจากนั้นก็ให้ทานยาแล้วออกไป
นาราไม่ได้ออกจากประตูห้องนอนเลย นอนบนเตียงและคิดถึงสิ่งที่ป้าอ้ายพูด “เมื่อคืนคุณชายดูแลคุณทั้งคืน”
เป็นเขาที่ดูแลจริงเหรอ
เธอจำได้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นเมื่อคืนนี้ เธอตกใจชะงักไป คงจะไม่ใช่ว่าเป็นคณพศหรอกนะ
เป็นไปไม่ได้ เขาเกลียดเธอมากจะกอดเธอได้ยังไง เธอจำได้ว่าเมื่อวานเขาบอกให้อยู่ห่างจากเขาสามเมตร
ในเมื่อรู้ว่าพี่สาวเป็นคนรักของคุณชายสอง ทำไมยังต้องไปปล้นมาเพื่อให้ตัวเองอึดอัด
เขาบอกว่าเธอสกปรก!
เธอยิ้มอย่างขมขื่น ได้ เธอจะอยู่ห่างจากเขา แต่เมื่อเธอนึกถึงขาของเขา หัวใจก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจขึ้นมาอีก
ถ้าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาอาจจะเกลียดชังโลกใบนี้น้อยลงมาก
ในขณะที่เธอกำลังคิดเรื่องพวกนี้ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักเปิด
ชายหนุ่มแต่งตัวเรียบร้อยเลื่อนรถเข็นเข้ามา มุ่งหน้าไปที่เตียงของเธอ ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวที่กำลังพิงหัวเตียง
พูดด้วยท่าทีอ่อนลง “ไข้ลดลงแล้วเหรอ”
“ค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะที่ดูแลเมื่อคืนนี้” นารานั่งตัวตรงและมองไปที่เขา
ชายหนุ่มเลื่อนรถเข็นมาข้างเตียง ยกมือขึ้นอังหน้าผากของเธอ นาราตกใจมาก
เธอเงยหน้าขึ้นมองมือใหญ่ของชายหนุ่มที่แตะบนหน้าผาก หัวใจพลันเต้นแรง
“อืม ลดลงแล้ว” เขาถอยออกไปเล็กน้อย “ถ้าไม่มีอะไรอย่าไปหลังเขาอีก และอ่านหนังสือต่อไป ขาของฉันยังต้องการการฟื้นฟู” ดวงตาสีเข้มของเขามองตรงที่เธอ
นาราเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาสีเข้มลึกล้ำราวกับจักรวาลที่ดูเหมือนจะสามารถดูดคนเข้าไปได้
เมื่อวานนี้เขาไม่ใช่ว่าพูดเหรอว่าให้อยู่ห่างจากเขาสามเมตรและยังให้เธอไสหัวไป แล้วทำไมถึงยังอยากให้เธอช่วยฟื้นฟูเขาอีก
เธอมองเขาอย่างไร้สติ อ้าปากค้าง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอเงียบก็เม้มปากเป็นเส้นตรง “ทำไม ไม่เต็มใจงั้นเหรอ”
“เต็ม…เต็มใจค่ะ”
ได้สิ เธอเข้าใจได้ว่า: อย่าทำความเข้าใจกับคนที่มีวิสัยทัศน์แปลกประหลาด ตราบใดที่เขาไม่โกรธ ก็ยังไงก็ได้
ชายหนุ่มมองเธออย่างลึกซึ้ง แล้วเลื่อนรถเข็นออกไปจากห้องนอน
ไม่กี่วันต่อมานาราที่ได้รับบาดเจ็บก็ฟื้นตัวได้ดี นอกจากกินแล้วก็นอน อีกอย่างก็แค่ศึกษาหนังสืออยู่ตรงระเบียง
วันนี้เธอเกือบจะหายดีจากอาการบาดเจ็บแล้ว เธอวางหนังสือลง ยืนอยู่บนระเบียงมองออกไปในทะเลที่ไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
เธอมาอยู่ที่นี่ยี่สิบวันแล้ว คุณพ่อไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลย คณพศก็ไม่เคยพูดว่าจะพาเธอกลับบ้าน
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากกลับบ้าน แต่ที่ที่เธอเติบโตขึ้นมามีคุณพ่ออยู่ที่นั่น
เธอปิดโทรศัพท์เอาไว้ไม่กล้าเปิด เธอกลัวว่าเคนโด้จะตามหาเธอ กลัวว่าผิงผิงกับไลลาจะตามหาเธอ
แบบนี้ก็ดี เดี๋ยวก็จะครบสามเดือน โดยไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ไปสหรัฐอเมริกา ได้มีชีวิตใหม่ และก็จะลืมทุกอย่างที่เธอเคยมี
เธอนึกถึงที่เป็นเวลาหลายปีมันไม่ง่ายที่จะได้เจอผู้ชายที่อยากดูแลชีวิตของเธอ แต่ก็ต้องจากไปแบบนี้
รู้สึกอยากจะร้องไห้ เธอพิงระเบียงและมองไปที่ทะเลเงียบๆ สายลมพัดผมยาวจนยุ่ง
มันดูเหมือนจะเป็นความเหงาและความเศร้าที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่” เสียงเบาด้านหลังทำให้นาราได้สติ
เธอหันไปเห็นคณพศที่นั่งอยู่ในรถเข็นและกำลังมองเธออย่างตั้งใจ
ดวงตาของเขามืดดำและลึกลับ เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับในท้องฟ้า เสน่ห์ดึงดูดอย่างร้ายแรง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย สมบูรณ์แบบราวกับว่าเป็นที่รักของพระเจ้า
ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่ส่งผลกระทบกับลักษณะอย่างจักรพรรดิเลย
นารามองเขาอย่างงุนงง เธอสงสัยว่าถ้าผู้ชายคนนี้ยืนขึ้นได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้หญิงบนโลกนี้สักแค่ไหน
“ไม่ได้คิดอะไรค่ะ คุณชาย…คุณคณพศ ร่างกายของฉันดีขึ้นแล้ว เดี๋ยววันนี้จะช่วยคุณฟื้นฟูสมรรถภาพนะคะ” เธอเข้าใกล้เขาและเข็นรถเข็นออกไป
ชายหนุ่มเห็นเธอเข้าใกล้ก็ไม่ได้พูดอะไร
บางครั้งเขาก็ทำตัวแปลกๆ เขาไม่ได้ป้องกันเธอจากการเข้าใกล้ ดูเหมือนเขาจะลืมว่าผู้หญิงคนนี้คือพิมมี่ ผู้หญิงของวิษณุส์