The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 2 การแต่งงาน
ตอนที่ 2 การแต่งงาน
รถRolls-Rpyceสีดำเหินอยู่กลางอากาศตีลังกาไปหลายตลบก่อนจะล่วงลงไปยังกลางทะเล เกิดฟองคลื่นขนาดใหญ่กระจายเหนือน้ำทะเล
“นารา”
คณพศเห็นรถลอยล่องลงสู่ทะเลเหมือนฝุน เขาตะโกนด้วยสายตาที่โกรธมาก ข้างหน้ามืดมน เขาหักพวงมะลัยหวังจะโดดลงทะเลตามเธอ แต่กลับชนเสาเหล็กแล้วเด้งไปอยู่ระหว่างแผงกั้นและเสาร์เหล็ก……
รถของรานาค่อยๆจมลงสู่ทะเล ในหูตาปากของเธอเต็มไปด้วยน้ำ
คลื่นใหญ่ซัดผ่าน นาราถูกคลื่นซัดออกจากรถผ่านจากกระจกที่แหลกละเอียด ลอยออกไป ในหูของเธอมีเสียงหัวเราะเยาะเสียงดังจากพี่สาว “นารา แกตายไปเถอะ แกตายไปจะได้คืนงานแต่งให้ฉัน ทำไมแกถึงหน้าด้านอย่างนี้ เอาผู้ชายที่ควรเป็นของไป ฮ่าๆๆ……”
เธอหลับตาลง สมองของเธอกลับเป็นเสียงอันเจ็บปวดของคณพศ “นารา คุณอย่าทิ้งผมไป คุณบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดชีวิต คุณลืมไปแล้วเหรอ” เหอะๆ เธอเคยพูดเหรอ!
ต่อมาคือเสียงแม่ของเธอเขมินท์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “นารา แกคืนแฟนของพี่แกไปซะ แกทำไมไม่รู้จักอายบ้างเลย” เหอะๆ ใช่เหรอ
เวลานั้นพวกเธอใช้ทุกวิธีทางให้เธอได้แต่งานกับผู้ชายคนนั้น ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอแย่งแฟนพี่สาวซะงั้น
“นารา ไปกับผมเถอะ คุณไม่เหมาะกับที่นี่ ผมจะพาคุณไปเจอแม่แท้ๆของคุณเอง แม่คุณคิดถึงคุณทุกวันเลย” เครี่โล่พูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
“นารา ผมจะรอคุณ ไม่ว่านานแค่ไหนผมก็จะรอ นาราคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเขาไม่ได้รักคุณเลย ถ้าเขารักคุณแล้วทำไมต้องไปอยู่กับผู้หญิงอื่นทั้งๆที่คุณกำลังตั้งท้องอยู่ มันไม่คุ้มเลย นารา”
ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ เธอยิ่งไม่ควรอยู่ เธอควรจากไปได้แล้ว แต่เธอแค่อยากอยู่กับลูก เธอกำลังจะไปแล้ว
สุดท้ายเธอก็ได้หลุดโพ้นเสียที เธอกำลังจะไปอยู่กับลูกในอีกโลกหนึ่ง ลาก่อนคุณคณพศ ลาก่อนคุณพ่อ ลาก่อนคุณเคนโด้ ลาก่อนพี่เครี่โล่ ร่างของเธอค่อยๆจมลงทะเล……เหมือนเธอมองเห็นลูกกำลังยิ้มอยู่
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน
ในเมืองธิตกล งานแต่งงานระหว่างตระกูลปัญญาพนต์กับตระกูลวรชัยลภัส ซึ่งตอนแรกควรเป็นคุณชายรองอาชัญตระกูลปัญญาพนต์กับคุณหนูใหญ่พิมมี่่ของตระกูลวรชัยลภัส แต่สุดท้ายกลายมาเป็นคุณชายสามของตระกูลปัญญาพนต์กับคุณหนูใหญ่พิมมี่่ของตระกูลวรชัยลภัส
“คุณพ่อคะ เพราะอะไรคะ หนูไม่ใช่หมั้นกับคุณชายรองเหรอคะ ทำไมเป็นคุณชายสามไปได้ หนูไม่แต่ง หนูไม่มีวันแต่งงานกับพิการนี้หรอก” เสียงร้องไห้เสียงดังในคฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัส
“พิมมี่่ พ่อก็ไม่มีทางเลือก ตอนแรกคุณกษาปณ์ก็จะให้ลูกหมั้นกับคุณชายรองนั่นแหละ แต่คุณชายสามบอกจะแต่งงานกับลูกกะทันหันซะงั้น” บุรินททร์ทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีทางเลือก
“ไม่มีทาง หนูไม่แต่งค่ะ คุณพ่อคะ พ่อจะให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับตาพิการนั่นนะ ”ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาที่โกรธและเสียใจ
เขมินท์ภารรยาบุรินททร์ทร์รีบปลอบลูกค้า “พิมมี่่ลูก แม่ไม่ยอมให้ลูกแต่งานกับตาพิการนั่นแน่นอน ลูกสบายใจได้เลย” เธอหันมองบุรินททร์ทร์แว๊บหนี่ง
พิมมี่่โผเข้าไปในอ้อมกอดของเขมินท์ปล่อยโฮร้องไห้ฟูมฟาย
พอปลอบลูกเสร็จ เขมินท์นั่งข้างบุรินททร์ทร์ “คุณบุรินททร์ทร์ นี่ตระกูลปัญญาพนต์จะรังแกกันมากเกินไปแล้ว ทั้งๆที่หมั้นกับคุณชายรอง แต่ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นตาพิการคุณชายสามนั่นไปได้”
บุรินททร์ทร์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณกษาปณ์รัหลานคนนี้มาก ความรู้สึกผิดที่มีต่อเขายิ่งอยู่ยิ่งมาก ถ้าเป็นไปได้เขาจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้หลานคนนี้ด้วยซ้ำ”
“พวกเขารู้สึกผิดก็เรื่องของพวกเขา แต่ไม่ใช่มาเอาเปรียบกันอย่างนี้ คุณบุรินททร์ทร์ ในเมื่อพวกเขาไม่รักษาคำพูด ก็อย่ามาโทษกันแล้วกัน” เขมินท์พูดด้วยสายตาที่โกรธเคือง
“นี่คุณคิดจะทำอะไร คุณกษาปณ์รักคุณชายสามมาก ถึงแม้เขาอยากได้ทุกอย่างของตระกูลปัญญาพนต์เขาก็สามารถให้ได้ แล้วนับภาษาอะไรกับผู้หญิงแค่คนเดียว”บุรินททร์ททร์มองเขมินท์แว๊ปหนึ่ง
“คุณบุรินททร์ทร์ ตอนแรกคุณกษาปณ์ตกลงกับเราว่าให้พิมมี่่แต่งงานกับคุณชายรอง ตอนนี้กลับเปลี่ยนคน เห็นเราน่ารังแกขนาดนั้นเลยหรือไง ในเมื่อคุณกษาปณ์รักคุณชายสามมาก ถ้างั้นเราก็ให้นาราแต่งงานกับคุณชายสามสิ นาราก็เป็นคุณหนูรองตระกูลวรชัยลภัสเหมือนกัน”
“ไร้สาระน่า ทำอย่างนั้นได้ยังไง นาราไม่ได้แน่นอน” เวลานี้บุรินททร์มีแต่ความวุ่นวายใจ
“ทำไมจะไม่ได้ นี่คุณปกป้องมันเหรอ แล้วพิมมี่่ไม่ใช่ลูกสาวคุณหรือยังไง” เขมินท์ร้องไห้โวยวาย “ลูกที่คูณไปมีกับชู้กลับมา ฉันยังไม่ว่าอะไรเลย ยังช่วยคุณเลี้ยงมาสิบกว่าปี นี่คุณบุรินททร์ทร์ ถ้าคุณให้พิมมี่่แต่งงานกับตาพิการนั่น ฉันจะไม่จบง่ายๆแน่” พอพูดจบเธอก็ลุกวิ่งขึ้นชั้นบน
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟานั่งพิงอย่างเหม่อลอย คิ้วชนกันจนดูเป็นเส้นเดียวกัน เมื่อสิบห้าปีที่แล้วเขาพานารากลับบ้าน ก็พบกับพายุฝนซัดกระหน่ำ ตอนนั้นเขาปกป้องเธอทุกวิถีทาง หวังเพียงแค่ให้เธอเติบโต ตอนนี้เธอเติบโตขึ้นแล้ว แต่กลับต้องเจอกลับความลำบากอีกครั้ง เขาควรจะทำยังไงดี
ทันใดนั้นประตูคฤหาสน์ตระกูลปัญญาพนต์ได้เปิดออก วิษณุษ์ก้าวเดินเข้ามา สูทดำทั้งตัวที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ความโกรธนัยย์ตาที่ใกล้จะแหลกสลาย เขาเดินขึ้นชั้นบน เปิดประตูห้องที่อยู่ฝั่งตะวันออก ในห้องเป็นชายชราผมสีเงินกำลังนั่งดูต้นไม้ที่อยู่หน้าระเบียง ชายชราที่อยู่ในห้องทำเป็นไม่เห็น เขารู้ว่านั่นวิษณุส์หลานชายคนที่สองของเขา
“คุณปู่ ทำไมต้องให้พิมมี่่แต่งงานกับน้องสามด้วย ปู่รับปากผมเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้ผมแต่งงานกับลูกสาวตระกูลวชัยลภัส” วิษณุส์ยืนข้างชายชราแล้วจ้องเขม็งที่เขา
“ในเมื่อน้องสามอยากแต่งก็ให้เขาแต่งไปสิ แกก็มีทุกอย่างแล้ว เขาแค่ขอผู้หญิงคนเดียวเอง” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง
“แต่ว่าคุณปู่ ผมกับพิมมี่่เรารักกันนะครับ ปู่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เส้นเลือดบนหลังมือของบุรินททร์ทร์โผล่ออกอย่างเห็นได้ชัด
กษาปณ์ค่อยๆหัน มองชายคนข้างๆอย่างสายตาที่นิ่ง
“วิษณุส์ เขาเป็นน้องชายแก เก้าปีแล้วนะที่เขาไม่ได้ขออะไรเลย เขาอยู่เกาะฟ้าตัวลำพัง ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลย วันนี้เขาขอแค่ผู้หญิงคนเดียวดูแลเขา แกก็ไม่ได้งั้นรึ ตอนนี้ปู่ชักจะสงสัยหัวใจแกแล้วล่ะว่าใช่คนตระกูลปัญญาพนต์รึเปล่า”
เสียงที่นิ่มและดูอบอุ่นของกษาปณ์ แต่วิษณุส์ฟังแล้วเหมือนคลื่นลมทีเลที่พัดมาอย่างแรง
“แต่ว่าคุณปู่ ผู้หญิงบนโลกมีเป็นร้อยเป็นพัน เขาสามารถเลือกได้ตามใจเลย ทำไมต้องมาเอาผู้หญิงของผมด้วย ปู่ไม่ใช่ไม่รู้นี่ว่าพิมมี่่เป็นผู้หญิงของผม” ความเจ็บปวดค่อยๆออกจากนัยย์ตาของวิษณุส์
“ตอนนี้แกมีทุกอย่าง แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ไม่ต้องไปแย่งกับน้องแกแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว แกออกไปเถอะ” พูดจบชายชราก็หลับตาลง
วิษณุย์กำมือแน่น สายตาที่โกรธและผิดหวัง เขาก้าวขาออกจากห้องนอนไป
เขาเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ สตาร์ทรถแล้วขับออกไป เขาไม่ยอมให้พิการนั่นมาแย่งผู้หญิงเขาไปเด็ดขาด
เกาะฟ้า ล้อมรอบด้วยทะเล อากาศสดชื่น มีรสชาติของทะเล คฤหาสน์ที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นส่องกระทบระเบียง ชายที่อยู่บนวีลแชร์มีใบหน้าที่หล่อเหลา นัยย์ตาดำโตเหมือนทะเลสาบลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้นของน้ำ