The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 241 ตอนที่เขาสลบไปเอาแต่เรียกชื่อเธอ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 241 ตอนที่เขาสลบไปเอาแต่เรียกชื่อเธอ
ตอนที่ 241 ตอนที่เขาสลบไปเอาแต่เรียกชื่อเธอ
คนรับใช้ของบ้านนี้ต่างได้รับการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นระดับสูง เรื่องที่เจ้าของบ้านสั่งนั้น รับรองได้ว่ายังไงก็ทำสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน
ดังนั้น เมื่อคณพศก้าวเท้าออกไป นาราก็รู้สึกเป็นอิสระทันที
ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากการรังควานของคณพศซักที นาราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วเธอก็รีบโทรหาเคลลี่ลั่ว
เสียงรอสายดังอยู่นาน แต่ก็ไม่มีคนรับโทรศัพท์
นารารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอคิดว่าเพราะว่าเธอมาที่ฝรั่งเศส เคลลี่ลั่วก็เลยไม่อยากรับสายเธอ เธอก็เลยโทรเข้าปราสาทเขาทันที
“ตู้ด——ตู้ด——ตู้ด——”
โทรศัพท์ดังอยู่นาน สุดท้ายก็มีคนรับสาย
“hello,KAILItower,Good afternoon,speaking please、”
เสียงปลายสายตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ พอนาราได้ยินก็รู้เลยว่าคนที่รับสายคือโลลิต้า
“โลลิต้า ช่วยเรียกพี่ลั่วมารับสายหน่อยสิ ฉันนารา”
โลลิต้าจำเสียงของนาราได้ พอเธอได้ยินเสียงนารา จากภาษาอังกฤษก็เปลี่ยนกลายมาเป็นภาษาจีนทันที แถมน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความดีใจ “ดีจังเลย คุณนารา ในที่สุดก็มีข่าวคราวจากพี่แล้ว! ที่นี้เจ้านายของเราก็มีหนทางรอดแล้ว!”
นารารู้สึกประหลาดใจ แล้วก็รีบเอ่ยปากถามออกมา “โลลิต้า เธอพูดอะไรอยู่น่ะ? อะไรมีทางรอด? พี่ลั่วเป็นอะไรงั้นหรอ?”
“คุณนารา ก็ตั้งแต่ที่คุณไป เจ้านายของเราก็ป่วยหนัก จนถึงนอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงลุกไม่ได้ หมอบอกว่า เจ้านายของเราแทบจะไม่มีโอกาสรอดแล้ว คุณนารา คุณรีบกลับมาได้มั้ย ตอนที่คุณท่านของเราสลบไป เขาได้แต่เรียกชื่อคุณ ฮือๆ”
เสียงร้องไห้ของโลลิต้าดังทะลุสายออกมา ทิ่มแทงไปที่หัวใจของนารา
ทำไมเธอคิดไม่ถึงเลยว่า ตัวเองพึ่งจะจากมาได้แค่สามวัน พี่ลั่วก็ป่วยหนักแล้วงั้นหรอ? นี่มันไม่น่าเชื่อเลย
เธอก็รับปากแล้วไม่ใช่หรอว่าเธอจะหลับไป! พระเจ้า นี่เธอทำอะไรลงไปกันแน่? ลั่วคือญาติคนเดียวของเธอบนโลกใบนี้นะ
“โลลิต้า อย่าพึ่งรีบร้อนไป เธอค่อยๆพูดมาซิ พี่ลั่วเป็นอะไรกันแน่?” ตอนนี้นารากังวลใจเป็นอย่างมาก แทบทนไม่ไหวที่จะบินกลับอังกฤษไปตอนนี้เลย
“ฮือๆ คุณนารา ฉันยังต้องเอายาไปให้คุณท่านอีก คงไม่มีเวลาคุยกับคุณต่อแล้ว รีบกลับมานะคะ ถ้าเกิดว่ากลับมาช้ากว่านี้ อาจจะไม่ได้เจอคุณท่านแล้วก็ได้”
พอโลลิต้าพูดจบก็รีบตัดสายไป
พอได้ยินเสียงตู้ดๆๆมาจากโทรศัพท์ หัวใจของนาราก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเลลึก
เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเคลลี่ลั่ว แต่เธอรู้ดีว่า โลลิต้าไม่มีทางเราเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นแน่นอน
แล้วอีกอย่างโลลิต้าก็บอกแล้วว่า ถ้าเกิดว่ากลับช้าไปแม้แต่นิดเดียว อาจจะไม่ได้เจอพี่ลั่วอีกก็ได้
นาราอกสั่นขวัญหายไปหมด ไม่ได้การล่ะ เธอต้องรีบกลับอังกฤษตอนนี้
สมองออกคำสั่งให้เธอขยับตัวทันที นารารีบลงมาชั้นล่างเพื่อหยิบพาสปอร์ต และเตรียมตัวที่จะออกจากคฤหาสน์ของคณพศที่ฝรั่งเศสทันที
ตอนที่เธอลงมาชั้นล่าง เธอก็เห็นว่าห้องรับแขกมีคนๆนึงนั่งอยู่ นั่นก็คือไลลา
“ไลลา เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” นารารีบเอ่ยปากถาม
ไลลายักไหล่อย่างไม่สนใจ “เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนจริงๆ! ฉันจะไปจากฝรั่งเศสแล้วก็เลยมาลา แต่ในเมื่อเธอไม่สนใจ งั้นฉันไปล่ะ”
“โอเคๆ ไลลา ฉันผิดเอง ฉันยังอยู่กับเธอไม่เต็มที่อีกหรอ? ทำไมเธอถึงจะไปจากฝรั่งเศสแล้วล่ะ” นาราถามออกมา
ไลลาชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็กๆของตัวเอง “ตอนแรกฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาเล่นกับผิงผิง แล้วลมฟ้าลมฝนก็พัดมาให้เจอเธอโดยบังเอิญ แล้วฉันจะรู้สึกเสียดายอะไรอีกล่ะ ก็เลยเก็บข้าวของเตรียมกลับเมืองธิตกลแล้วน่ะสิ”
พูดจบ ไลลาก็เห็นเอกสารเตรียมออกนอกประเทศในมือของนารา ก็เลยถามออกมาอย่างแปลกใจ “นารา เธอเตรียมเอกสารไปเยอะขนาดนี้ คงไม่ได้จะไปต่างประเทศหรอกใช่มั้ย?”
นาราพยักหน้า แล้วก็ตอบอย่างไม่ปิดบัง “ใช่ และฉันต้องรีบไปด้วย พี่ลั่วไม่สบาย”
“พี่ลั่ว? ท่านดยุคแห่งอังกฤษนั่นน่ะรหอ?” ดวงตาของไลลาเป็ฯประกาย “นารา ฉันไปกับเธอด้วยได้มั้ย? ฉันอยากจะไปสัมผัสปราสาทสมัยยุคกลางของอังกฤษซักครั้ง เพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของตัวเอง”
นารารู้ดีอยู่ไลลาเป็นพวกคลั่งศิลปะ ก็เลยไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเธอต่อ ได้แต่ตกลงไปว่า “โอเค ยังไงเธอก็จะออกจากฝรั่งเศสอยู่แล้วนี่ งั้นก็ไปอังกฤษกับฉันซักหน่อยก็ได้”
“หม่ามี๊ ฉันอยากไปด้วย!”
มิราตัวน้อยรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน สายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “หม่ามี๊ ผมได้ยินที่แม่กับคุณน้าไลลาคุยกันแล้ว ไม่ว่าหม่ามี๊จะไปที่ไหน ต้องพาผมไปด้วยเท่านั้น ผมไม่อยากแยกจากหม่ามี๊”
มิราทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นาราเลยรู้สึกทำใจทิ้งเธอไม่ลง
มันไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะได้มาเจอกับลูกชายสุดที่รักของเธออีกครั้ง แล้วจะให้ทำใจทิ้งเขาไปโดยไม่ใยดีได้ยังไงกันล่ะ
“แต่ว่า เราควรจะไปบอกป่าปี๊ซักหน่อยมั้ย ถ้าเกิดว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกไปล่ะ?” นาราไตร่ตรองอยู่ครู่นึง เธอรู้สึกว่าเรื่องที่จะพามิราไปด้วย ควรจะต้องไปถามความคิดเห็นของคณพศก่อน
มิรารีบส่ายหัวทันที แถมยังส่ายแรงจนสั่นไปทั้งตัว “หม่ามี๊ ป่าปี๊เคยบอกแล้วว่า ลูกผู้ชายต้องเดินทางไปได้ทั่วโลก แล้วอีกอย่างถ้าผมจะไปกับหม่ามี๊ แล้วหม่ามี๊ไปถามแล้วป่าปี๊ไม่ให้ไปจะทำยังไงล่ะ?”
คำพูดของมิราทำให้นาราเงียบไป ก็นั่นสิ ดูจากนิสัยขี้หึงของคณพศแล้ว ถ้าเกิดเธอบอกว่าจะไปเยี่ยมเคลลี่ลั่วที่อังกฤษ เขาต้องไม่ให้ไป100%
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ตัดหัวก่อนแล้วค่อยทูลความเห็นจากกษัตริย์แล้วกัน!
ดังนั้น นาราไตร่ตรองอยู่ครู่นึง แล้วก็ตัดสินใจพามิราบินไปอังกฤษทันที
แน่นอน ก่อนที่จะออกจากบ้านมานั้นพวกคนรับใช้ก็ถามว่าเธอจะไปไหน แต่นาราก็ตอบอย่างบ่ายเบี่ยง
ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางไปด้วย ใครก็คิดไม่ถึงหรอกว่าพวกเขาจะไปอังกฤษกัน
ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินก็มาส่งทั้งสามคนที่อังกฤษเป็นที่เรียบร้อย
ในระหว่างทาง มิรารู้สึกตื่นเต้นจนถามไม่หยุด ปกติเขาถูกคณพศดูแลเป็นอย่างดี ไม่เคยแม้แต่จะได้ออกมาเที่ยวรับความรู้สึกใหม่ๆกับนาราเพียงลำพังเลย
พอออกมาจากสนามบิน นาราก็เรียกแท็กซี่ แล้วก็ตรงไปที่คอนโดทันที
ผ่านไปไม่นาน แท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าคอนโด พอจ่ายเงินเสร็จแล้วนาราก็อุ้มมิราลงจากรถมา
พอเห็นสถาปัตยกรรมตรงหน้านั้น ไลลาก็ชื่นชมออกมาไม่หยุด “เป็นบ้านที่ดูงดงามและละเอียดอ่อนมาก ฉันชอบ”
“ผมก็ชอบเหมือนกัน” มิรากลัวว่าจะถูกลืม ก็เลยพูดตามออกมา
นาราควานหากุญแจออกมาแล้วไขห้อง แล้วก็ให้ไลลากับมิราเข้าไป “นี่เป็นห้องของแม่ฉัน ฉันเคยมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว”
“อืม ห้องนี้ไม่เลวเลย การตกแต่งด้านในฉันก็ชอบมาก แค่มองแว๊บเดียวก็รู้เลยว่าแม่เธอมีหัวศิลปะ รสนิยมเดียวกับฉันเลย” ไลลามองไปรอบๆห้องอย่างพอใจ แล้วก็นั่งลงไปบนโซฟา รู้สึกผ่อนคลายมาก