The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 242 ถ้าไม่มีเธอฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 242 ถ้าไม่มีเธอฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
ตอนที่ 242 ถ้าไม่มีเธอฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
พอจัดการที่พักเรียบร้อยแล้ว นาราถึงได้พูดออกมาว่า “นารา ฉันไปที่ปราสาทก่อนนะ จะไปดูอาการพี่ลั่วซะหน่อย เธอกับมิราอยู่ที่นี่ก่อน ไม่นานฉันก็กลับมาแล้ว ฉันฝากดูแลมิราด้วยนะ”
“ได้ รีบไปรีบกลับ ฝากบอกเขาด้วยว่าฉันขอให้เขาหายไวๆ สำหรับคนที่ดูแลเธอมาตั้งหลายปีอย่างท่านดยุคเนี่ย ฉันล่ะแปลกใจจริงๆเลย” พอไลลาพูดจบก็โบกมือไล่ “ไปเถอะๆ แล้วรีบกลับมานะ”
“อืม” นาราตอบสั้นๆแล้วรีบออกจากห้องไป
ปราสาทของเคลลี่ลั่วนั้นไม่ได้ไกลเท่าไหร่ นาราก็เลยใช้วิธีการเดินแทนการเรียกแท็กซี่ เพื่อไม่ให้ล่าช้า
โชคดีที่ระยะทางไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เดินไปได้ไม่นาน นาราก็เห็นปราสาทที่คุ้นเคยอีกครั้ง
เธอเร่งฝีเท้า แทบจะทนไม่ไหวที่อยากจะรู้ว่าเคลลี่ลั่วเป็นยังไงบ้าง
แป๊ปเดียวเธอก็เดินผ่านประตูปราสาท แล้วก็เข้ามาที่ห้องโถง
โลลิต้าที่กำลังเดินออกมาพอดี พอเห็นว่านารากลับมาแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตื่นเต้น วิ่งไปตะโกนไป “พระเจ้ามาโปรดจริงๆ! คุณนารากลับมาแล้ว ดีจริงๆเลย!”
นาราเห็นท่าทีที่ตื่นเต้นมากของโลลิต้าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยนึง “โลลิต้า รีบพาฉันไปหาพี่ลั่วแล้ว เขาเป็นอะไรกันแน่?”
“อืม ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่าคุณนาราต้องเตรียมใจไว้ก่อนนะคะ เพราะว่าอาการของคุณท่านตอนนี้ไม่ค่อยดีเลยจริงๆ” โลลิต้าพูดไปพลางนำนาราเข้าไปในปราสาท
พอนาราได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจหล่นวูบ หรือว่า เขาป่วยจนหมดหนทางรักษาแล้วงั้นหรอ?
ตอนนี้ในใจเธอร้อนรนไปหมด ไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดว่าพี่ลั่วป่วยจนหมดหนทางรักษาจริงๆเธอจะทำยังไง
ก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอนของพี่ลั่ว นารายังไม่ทันจะเข้าไปก็ได้ยินเสียงไอลอดประตูออกมา
นั่นคือเสียงของพี่ลั่ว เสียงนั้นดูขาดๆหายๆ อ่อนแอและแหบแห้ง
พอได้ยินเสียงไอไม่หยุดนั้น นาราก็รีบผลักประตูเข้าไปทันที
ภายในห้องนั้นปิดผ้าม่านสนิท จนเห็นเพียงแค่แสงสลัวๆเท่านั้น กลิ่นของยาลอยอบอวลอยู่เต็มห้องไปหมด
นารารีบก้าวยาวไปที่เตียงทันที เธอเห็นใบหน้าของพี่ลั่วมาจากไกลๆ เขาดูผอมและหน้าซีดมาก
พอเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ นาราก็เม้มปากแน่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอพึ่งไปได้แค่สามวันเอง อยู่ๆดีพี่ลั่วเป็นอะไรกันแน่? ทำไมผอมลงขนาดนี้?
เธอเห็นเคลลี่ลั่วที่ปกติร่างกายกำยำ แต่ตอนนี้ผอมจนเหมือนกิ่งไม้ ใบหน้าของเขาซีดเซียว ใต้ตาคล้ำ ริมฝีปากสีอมม่วงเล็กน้อย
เขานอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแอ พอได้ยินว่ามีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ จึงเปิดตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า
พอเคลลี่ลั่วเห็นว่าคนที่กำลังเดินเข้ามานั้นคือนารา อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ดวงตาที่หมองหม่นของเขาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาพยายามลุกจากเตียง แต่พอพยายามอยู่หลายครั้งก็เลยรู้ว่าตัวเองในตอนนี้นั้น ไม่มีแรงแม้แต่นิดเดียว
ความเศร้าในดวงตาก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง เคลลี่ลั่วยื่นมือออกไปหานารา แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า “หวาน นั่นเธอใช่มั้ย? เธอกลับมาแล้วจริงๆหรอ? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?”
นาราพยายามกดอารมณ์ของตัวเองไว้ แล้วก็บีบมือเคลลี่ลั่วแน่น
น้ำตาของเธอไหลออกมา เธอสะอึกสะอื้นแล้วพูดว่า “พี่ลั่ว พี่เป็นอะไรไป? นี่มันพึ่งผ่านไปสามวันเอง ทำไปพี่ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?”
เคลลี่ลั่วพยายามฝืนยิ้มออกมา “หวาน แค่เธอกลับมาก็ดีแล้ว เรื่องอื่นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ฉันก็นึกว่าถ้าคณพศมารับเธอไปแล้วจะไม่มีวันกลับมาแล้วซะอีก”
“พี่ลั่ว ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะกลับมา ฉันก็ต้องกลับมาสิ แต่ว่า พี่ต้องบอกมาก่อนว่าพี่เป็นอะไรกันแน่? ทำไมอยู่ดีๆอ่อนแอลงขนาดนี้? เมื่อกี้ฉันได้ยินโลลิต้าบอกว่า เธอบอกว่า พี่……”
พอพูดถึงตรงนี้ นาราก็ไม่พูดอะไรต่อ เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่โลลิต้าพูด จะมาพูดว่าลั่วใกล้ตายแล้วได้ยังไง ตอนนี้เขายังดูแข็งแรงอยู่เลย!
เคลลี่ลั่วรู้ดีว่านาราอยากจะถามอะไร เขายิ้มให้เธอเพื่อเป็นการปลอบใจ “หวาน ไม่ต้องไปฟังคำพูดไร้สาระของโลลิต้าหรอก ฉันแค่ดื่มเยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรหรอก พักผ่อนซักวันสองวันก็เหมือนเดิมแล้ว”
“พี่ลั่ว อย่ามาปิดบังฉันนะ ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ เห็นๆอยู่ว่าอาการหนัก! ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเลย?”
พอนาราถามแบบนั้น เคลลี่ลั่วก็ไม่ได้ตอบตรงๆ ตอนนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความสุข เพราะว่านารากลับมาหาเขาแล้ว
“หวาน แค่เธอกลับมาก็ดีแล้ว จริงๆนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เคลลี่ลั่วตอบ แล้วลองถามหยั่งเชิงออกมา “แต่ว่า หลังจากเธอกลับมาแล้ว ยังต้องกลับไปอีกมั้ย?”
นาราลังเลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบลั่วยังไง ขนาดตัวเธอเองตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอนาคตควรจะไปทางไหนดี
เคลลี่ลั่วมองเห็นความสับสนในดวงตาของนารา ก็เลยคิดไปว่านาราน่าจะตัดใจจากคณพศไม่ได้ ความสุขเมื่อกี้นี้ก็หายไปจากใบหน้าเขาทันที เขาจับมือของนาราและอ้อนวอน “หวาน ฉันรู้ว่าฉันมันเห็นแก่ตัว แต่ว่าฉันอยู่ห่างจากเธอไม่ได้จริงๆ หวาน เธอไม่ไปไม่ได้หรอ ไม่มีเธอ ฉันมีชีวิตต่อไปไม่ได้จริงๆ”
มือทั้งสองข้างของเขากุมมือเธอแน่น เพราะว่ากลัวว่าเธอจะจากไป นารารู้สึกเหมือนมือคู่นั้นร้อนเหมือนไฟ
“ฉัน…พี่ลั่ว ทำไมมือพี่ร้อนขนาดนี้ ตอนนี้พี่ต้องรักษาตัวเองให้ดีก่อนโอเคมั้ย? ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน ยังไงพี่ก็ต้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมให้ได้!” นาราพูดไปพลางตะโกนเรียกโลลิต้าที่อยู่ด้านนอก “รีบเข้ามาพาพี่ลั่วไปโรงพยาบาล!”
พอโลลิต้าได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามา แล้วก็ตอบอย่างระมัดระวัง “คุณนารา ตั้งแต่คุณจากไป คุณท่านของเราก็เอาแต่ดื่มทุกวัน สองวันก่อนฝนตกหนักมา เขาก็เอาแต่นอนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน แถมยังสั่งไม่ให้พวกเราเข้าใกล้ แล้วก็ไม่ยอมให้พวกเราพาไปโรงพยาบาลด้วย พอพวกเราเห็นคุณท่านที่นอนตากฝนอยู่สองวันเต็มจนสลบไป ก็เลยย้ายเขามาอยู่ที่ห้องนี้”
นาราไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ แล้วเธอก็รีบถามต่อว่า “แล้วหมอพูดว่าไงบ้าง?”
ในปราสาทมีหมอประจำตัวของเคลลี่ลั่วอยู่ นาราก็เลยถามเกี่ยวกับอาการออกมา
โลลิต้าพูดต่อว่า “หมอบอกว่าคุณท่านตากฝนอยู่สองวันแถมยังดื่มเหล้ามากเกินไป อุณหภูมิร่างกายเลยต่ำเกินไป แถมปอดยังมีการติดเชื้อ จำเป็นต้องกินยา แต่ว่าคุณท่านไม่ยอมกินยาเลย แม้แต่น้ำก็ยังไม่ยอมดื่ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังอยากจะฆ่าตัวตายชัดๆ”
หลังจากโลลิต้าพูดจบก็รีบถอยหลังเดินออกจากห้องไป เพราะกลัวว่าจะโดนเคลลี่ลั่วตำหนิ
พอนาราฟังจบ แล้วรู้ว่าลั่วต้องการให้ร่างกายของตัวเองพังทลาย เธอก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก