The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 263 พาพิมมี่ไปโรงพยาบาลจิตเวชเถอะ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 263 พาพิมมี่ไปโรงพยาบาลจิตเวชเถอะ
ตอนที่ 263 พาพิมมี่ไปโรงพยาบาลจิตเวชเถอะ
สาวรับใช่ไม่อยากที่จะมารับใช้บนนี้อยู่พอดี เมื่อได้ยินเขมินท์พูดแบบนี้ ทั้งสองคนก็ตอบว่า“ ค่ะ คุณนาย” แล้วจึงได้รีบลงไป
“แต่ละคนไม่มีน้ำใจกันหมด มีพวกเธอไว้เพื่ออะไร?!” เขมินท์ได้จ้องมองไปที่สาวรับใช้ที่เดินจากไป และพูดเชิงสาปแช่งว่าอย่า“คิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าพวกเธอแอบหัวเราะลูกพิมมี่ของฉันว่าถูกผู้ชายทิ้งจนเสียคน สักวันหนึ่งพวก เธอก็จะโดนผู้ชายทิ้งจนเสียคนเหมือนกัน!”
พูดจบ เขมินท์ก็ได้ใจเย็นลง เหมือนกับได้ระบายความเครียดที่อยู่ในใจออกมา
เธอได้ก้มลงไป เพื่อที่จะอุ้มพิมมี่ที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา“ พิมมี่ ไม่อาละวาดแล้วนะ ดีมั้ย?
เดียวแม่พาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่และของเล่นใหม่ ดีมั้ย?”
พิมมี่ในตอนนี้ ไม่เหลือความสดใสอย่างเมื่อก่อน
แววตาของเธอเหมือนคนที่ละเมอ ผมของเธอได้เหนียวแห่ง
ทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน หลังจากที่เธอถูกขายไปที่บ่อนการพนันใต้ดิน
ก็ได้ถูกผู้ชายที่น่ารังเกียจพวกนั้นซื้อไว้
พิมมี่ที่อยู่ที่บ่อนการพนันใต้ดิน ทุกวันเธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนอยู่ในนรก
เธอต้องถูกด่าและอยู่ในความทรมานที่น่ากลัวแบบนี้ทุกวันเรื่อยไป ผู้ชายพวกนั้นเอาเธอไปเป็นของเล่นของพวกเขา
คิดทุกวิธีทางเพื่อจะทรมานเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าความแค้นที่มีต่อนารา ตอนนี้ใจของพิมมี่หน้าจะแตกสลายไปแล้ว
หลังจากที่เขมินท์แม่ของเธอและบุรินทร์ไปตามหาเธอจนเจอพิมมี่ได้เสียสติแล้ว เมื่อบุรินทร์ไปพบเธอสติเธอถึงค่อยๆกลับคืนมา บุรินทร์ที่เห็นพิมมี่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก พิมมี่ในตอนนั้นประสาทของเธอได้เสียไปแล้ว
เธอได้กลายเป็นคนที่เบลอและปัญญาอ่อนไปแล้ว
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ลืม เธอได้พูดชื่อของนาราตลอดเวลา
ไม่ว่าเธอจะ กินข้าวหรือปาสิ่งของ เธอก็จะพูดแต่ชื่อของนารา
ความแค้นที่ฝังอยู่ในสมองของเธอนั้น ได้กลายเป็นสัญชาตญาณของเธอไปแล้ว
เหมือนดั่งตอนนี้ที่พิมมี่อยู่ในอ้อมกอดของเขมินท์
แต่เธอก็ยังพูดคำว่า “นารา ฉันเกลียดเธอ!”
น้ำตาของเขมินท์ก็ได้ตกลงมา เธอได้ร้องไห้อย่างสะอึกสะเอือน
“พิมมี่ แม่รู้ว่าลูกแค้นมัน! ลูกวางใจได้เลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม่ต้องให้มันชดใช้!
ผู้หญิงแบบนั้นไม่มีใครเขาเสียดายหรอก แต่พิมมี่ไม่เหมือนกัน พิมมี่เป็นลูกของแม่ พิมมี่ไม่ดื้อ”
เขมินท์ที่กำลังปลอบใจพิมมี่อยู่นั้น พิมมี่ที่ตอนแรกที่อารมณ์ได้สงบลงแล้ว
แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นคนที่ฮึกเหิม
พิมมี่ได้ดิ้นออกมาจากอ้อมกอดเขมินท์ด้วยความกลัว
“ไม่ ฉัน ฉันไม่ใช่ที่รัก ไม่ใช่ ไม่ใช่”
ใจของเขมินท์ก็ได้สลาย เธอถึงรู้สึกตัวว่าตนเองได้พูดได้สิ่งที่พิมมี่กลัวที่สุดออกไป
เพราะพิมมี่ถูกรังแกทำร้ายอย่างอับอายขายหน้า ไอผู้ชายเลวพวกนั้นได้เรียกพิมมี่ว่า“ที่รัก”เป็นประจำ
“พิมมี่ แม่ขอโทษ แม่เรียกผิดไปแล้ว ไม่กลัวนะ ไม่กลัวนะ ไม่ดื้อนะ มา แม่ใส่เสื้อผ้าให้นะ
ไม่นอนบนพื้นนะ บนพื้นมันเย็นเดียวจะไม่สบายเอานะ” เขมินท์ที่กำลังปลอบใจพิมมี่อยู่นั้น เห็นแววตาของพิมมี่เต็มไปด้วยความกลัว ใจของเขมินท์ก็ได้แตกสลายไม่มีชิ้นดี
พิมมี่ยังมีความกลัวต่อคำว่า“ที่รัก” เธอได้นอนลงไปที่พื้นแล้วหดตัวนอนอยู่
และยังได้พูดว่า“ ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ที่รัก ไม่ใช่ ตลอดเวลา”
เขมินท์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกและร้องไห้ออกมา เธอได้หันกลับไปมองที่บุรินทร์
และทั้งด่าและตีเขา “นายดูลูกเราถูกคนอื่นรังแก แต่กลับทำอะไรไม่ได้ นายยังเป็นผู้ชายอีกมั้ย?
นายเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ!”
บุรินทร์ที่ถูกตีบนร่างกาย แต่ในใจของเขากลับเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็ม
บุรินทร์ได้โทษตัวเอง ว่าถ้าในตอนนั้นถ้าเขารู้ว่าการรับนารามาเลี้ยง จะทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ตีบุรินทร์จนตายเขาก็ไม่พานารากลับจากประเทศอังกฤษหรอก
บุรินทร์ทุ่มเททั้งหมดให้กับนารา เพื่อให้เธอได้มีชีวิตที่ดี แต่เธอกลับตอบแทนเขาแบบนี่หรอ?
นารา เธอไม่ควรที่จะทำแบบนี้กับพิมมี่เลย!
ความแค้นในใจบุรินทร์ไม่มีที่สิ้นสุด ความเจ็บปวดที่ไร้ขีดจำกัด เขาได้มองไปที่ภรรยาและลูกของเขาที่นอนเปลือยกายอยู่ที่พื้น
เขาได้บอกกับเขมินท์ว่า“ เราส่งพิมมี่ไปที่โรงพยาบาลจิตเวชเถอะ และอย่าไปมีเรื่องกับตระกูลปัญญาพนต์อีกเลย”
“บุรินทร์!” เขมินท์มองเขาอย่างเคียดแค้น “ตอนนี้ลูกเราได้กลายเป็นแบบนี้ นายยังจะเอาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลจิตเวชอีกหรอ
นายยังมีหัวใจอีกมั้ย!”
บุรินทร์ไม่รู้จะพูดอะไร“ เขมินท์ เธอดูอาการของลูกเรานับวันก็ยิ่งหนักขึ้น ถึงจะไม่ส่งโรงพยาบาลจิตเวชแต่ก็ควรพาเธอไปหาหมอไม่ใช่หรอ?” บุรินทร์ได้ปรึกษาเขมินท์อย่างระมัดระวัง กลัวเขมินท์จะโกรธตัวเอง
บุรินทร์ก็รู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ เพราะพิมมี่เป็นลูกแท้ๆของเขา!
เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เมื่อบุรินทร์พูดจบแล้ว เขมิมท์ได้ตะโกนเสียงดังว่า“ ฉันไม่ยอมให้คนอื่นใช้สายตาที่ไม่ดีมองไปที่ลูกของฉัน! แค่ได้รู้ว่ามีคนแอบหัวเราะลูกสาวฉันลับหลัง ฉันก็รู้สึกอยากจะฆ่าคนแล้ว! ฉันไม่อนุญาต! ไม่อนุญาต!”
“เธอ อย่าพึ่งใจร้อน” บุรินทร์กำลังปลอบเขมินท์ที่โมโหอยู่“ เราไม่ส่งลูกไปที่โรงพยาบาลจิตเวชก็ได้
แต่เราพาลูกไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านที่เกี่ยวข้องดีมั้ย?”
อารมณ์ของเขมินท์ถึงได้สงบลง เธอได้ยอมรับข้อเสนอ“ งั้นนายรีบไปหามา และจำไว้อย่าให้คนอื่นรู้ว่าพิมมี่เป็นอะไร”
แววตาที่เยือกเย็นของบุรินทร์ เธอวางใจได้เลย หลังจากที่เขามาดูอาการของลูกสาวเราแล้ว
ฉันรับประกันว่า“ เธอวางใจได้เลย ฉันจะไม่มีทางให้เขาได้มีโอกาสได้พูดออกไปอย่างแน่นอน”
เขมินท์ก็ได้เข้าใจความหมายที่บุรินทร์พูด“งั้นนายก็ไปจัดการได้เลย”
ถึงบุรินทร์จะไม่ใช่คนรวยที่สุดในเมืองธิตกล แต่การที่จะหาหมอที่เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
แต่เขาไม่ใช่ไปเชิญคุณหมอโดยเฉพาะ แต่เขาจะลักพาตัวหมอนั้นมาดูอาการให้ลูกเขา
หลังจากที่หมอได้ตรวจอาการของพิมมี่อย่างไม่สบายใจ หมดได้ส่ายหัวและบอกว่า
“นี้เป็นโรคซึมเศร้าที่เกินจากความผิดหวังทางความรัก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เพียงแค่ต้องดูแลเอาใจใส่และต้องใช่เวลาในการฝืนตัว เดียวผมจะให้ยาช่วยลดและบรรเทาอาการประสาทหลอนของเธอ
ต้องกินยาตามเวลานะ และอาการของเธอจะดีขึ้น แต่อย่าพูดสิ่งที่เธอได้เผชิญเหล่านี้ ไม่งั้นอาการอาจจะกำเริบได้”
“จริงหรอคะ? งั้นดีมากเลย” เขมินท์ได้ดีใจเป็นอย่างมาก และเธอได้ส่งสายตาไปให้บุรินทร์ “ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ”
บุรินทร์ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณหมอมาก โรคของลูกผมก็ต้องฝากใว้กับคุณหมดด้วยนะครับ
คุณหมอจ่ายยาได้เลยนะครับ”
“ได้ครับ นี้ยาครับ บาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากความรักนั้น แค่กินยาตามที่หมอสั่งและดูแลอย่างใกล้ชิด
ให้ความรักความอบอุ่นแก่เธอ เชื่อว่าอีกไม่นานเธอก็จะหายเป็นเหมือนเดิม” คุณหมอได้เขียนสูตรยาและส่งให้กับบุรินทร์
เตรียมตัวที่จะกลับ “คุณบุรินทร์ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับก่อนนะครับ พอดีที่บ้านยังมีเรื่องที่ผมต้องไปจัดการครับ”