The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 265 ไลลาได้หายตัวไป
ตอนที่ 265 ไลลาได้หายตัวไป
นาราพยายามที่จะไม่ไปคิด ไม่ว่าเขมินท์จะเกลียดเธอแค่ไหน แต่เขาอาจจะไม่คิดขนาดถึงต้องฆ่าเธอหลอก
แต่เมื่อรถที่ตามหลังเธอมานั้นได้เข้ามาใกล้รถเธอมากขึ้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
รถคันนั้นเป็นรถของเขมินท์อย่างแน่นอน ไม่ผิดแน่
เขาจะทำอะไรกันนะ?
นาราสงสัยมากว่า ทำไมเขมินท์ถึงตามติดเธอแบบนี้ หรือเขมินท์อาจจะมีเรื่องที่สำคัญจะบอกเธอก็ได้?
ทันใดนั้น นาราก็นึกอะไรขึ้นได้ ตามหลักแล้ว ฉันต้องบอกข่าวที่คุณแม่ได้เสียไปแล้วให้เขมินท์ฟังสิ
เพราะว่าบุรินทร์เป็นคนที่เลี้ยงเธอมาจนโต และแม่ของเธอยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของบุรินทร์อีกด้วย
คิดไปคิดมา นาราก็ได้ถือโอกาสลดความเร็วของรถลง แล้วลดกระจกลง
ไม่นาน รถคันหลังก็ได้แซงเธอขึ้นมา
นารารู้ว่าเขมินท์ไม่ชอบเธอตั้งนานแล้ว เธอก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองได้เจอปัญหาแล้ว
“นารา! ไอคนต่ำต้อย! เธอยังมีชีวิตอยู่ได้ไง!”
รถของเขมินท์ได้เทียบข้างๆรถนารา แล้วด่าเธออย่างเสียงดัง
นาราก็ได้ปิดกระจกเพื่อจะได้ไม่ได้ยินคำด่าของเขมินท์
แต่การกระทำของนาราถูกเขมินท์มองว่าเป็นการท้าทายเธอ เลยยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“นารา ไอคนหน้าไม่อาย เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ลูกพิมมี่ต้องกลายเป็นสภาพที่ไม่เหมือนคนแบบนี้
เธอน่าจะไปตายไม่ใช่หรอ?! ไปตายสิ!”
“นารา ชาติก่อนตระกูลวรชัยลภัสน่าจะทำบาปไว้เยอะ ถึงได้ปีศาจร้ายอย่างเธอเข้ามาในครอบครัว
ทำให้ครอบครัวฉันอยู่ไม่เป็นสุข ไอคนหน้าไม่อาย”
“นารา ถ้าเธอแน่จริงก็เปิดกระจกสิ ถ้าเธอคิดว่าเธอปิดกระจกแล้วจะไม่ได้ยินหรอ? เธอเป็นคนนิสัยเสีย เป็นคนที่ไม่มีใครเอา!”
เขมินท์ได้ขับรถไปและด่านาราอย่างไม่หยุดยั้ง เขมินท์อยากที่จะลากนาราออกมาจากรถ แล้วตีเธอจนตาย
นาราได้หันไปมองที่มิรา มิราในตอนนี้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย อาจจะเป็นการที่ได้ยินเขมินท์ด่านาราก็เป็นไปได้
ไม่ได้ จะให้เขมินท์ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้
นาราได้เหยียบเบรก รถก็ได้หยุดลงอย่างช้าๆ
เขมินท์ที่จดจ่อกับการด่านาราอยู่นั้น เห็นนาราได้หยุดรถอย่างกะทันหัน เธอก็ได้รีบหยุดรถ จนหัวเกือบจะโขกกับพวงมาลัย
เขมินท์ที่โกรธอยู่แล้วนั้นยิ่งโกรธขึ้นไปอีก เธอก็ได้เปิดประตูรถอย่างแรงแล้วลงจากรถตัวเองไป
เธอได้ทุบไปที่กระจกรถของนาราอย่างแรง นารา ไอคนหน้าไม่อาย รีบออกมาจากรถได้แล้ว
นาราก็ได้นิ่งไปสักพัก แล้วก็ได้เปิดประตูรถเดินออกมา มองเขมินท์ด้วยความเย็นชา
มิราก็ได้ตามเธอลงมา มองไปที่เขมินท์ด้วยความมึนงง
เขมินท์ที่เห็นเด็กที่น่ารักอย่างมิรา ใจเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และนาราที่ทำหน้าเย็นช้าใส่เธอ
ไฟในใจของเธอก็ได้ลุกไหม้ขึ้น เขมินท์ได้ตบไปที่หน้าของนาราอย่างแรง
ฝ่ามือที่มุ่งไปที่นาราได้ถูกนาราจับไว้
นาราได้ล๊อคข้อมือของเขมินท์ไว้ แล้วถามเขมินท์ “คุณจะทำอะไร?”
“ปล่อยฉัน! ไอคนน่ารังเกียจ ฉันจะขีดหน้าเธอ! เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะหน้าเธอ!”
เขมินท์พยายามที่จะเอามือออกจากมือของนาราที่จับมือเธอไว้
นารามองไปที่เขมินท์ด้วยแววตาที่เย็นชา“ หน้าของฉันไปทำอะไรให้เธอไม่ทราบ?
เขมินท์ คุณเป็นอะไรกันแน่? คุณเขมินท์ คุณควรที่จะสังวรในคำพูดและการกระทำของตนเองนะ!”
เขมินท์พยายามที่จะดิ้นรน “ฉันเป็นอะไรหรอ? ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ?! พิมมี่ลูกของฉันคงไม่ต้องกลายเป็นสภาพแบบนี้?
ไอคนเฮงซวยซวย ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมาแย่งความสุขจากพิมมี่ ฉันจะหักคอเธอตายไปตั้งแต่แรกแล้ว! ไม่ให้มีโอกาสที่จะแย่งความสุขไปจากพิมมี่หรอก!”
ได้ยินเขมินท์ที่ด่าทอเธออยู่นั้น ใจของนาราก็ยิ่งจะเยือกเย็น “เฮ้อๆ งั้นต้องขอบคุณที่ไม่ได้ฆ่าฉันได้ตอนนั้น
เรื่องที่เกิดขึ้นกับพิมมี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันละ? ฉันไม่ได้เป็นคนที่ทำร้ายเธอ”
“เธอยังมีหน้ามาพูด!เพราะเธอคนเดียว! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่ไปจมลงทะเล?
คณพศคงไม่เอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่พิมมี่หรอก
คณพศก็คงไม่ทิ้งพิมมี่ไว้ที่บ่อนการพนันใต้ดิน และปล่อยให้พิมมี่ถูก…. ปล่อยให้เธอถูก…..”
เขมินท์ที่พูดถึงประโยคนี้ ก็พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของลูกสาวเธอเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความอัปยศที่สุด
เธอจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้นาราฟังอย่างแน่นอน
แค่นาราก็เดาออกว่าเรื่องราวมันเป็นแบบไหน ไม่แปลกเลยที่เขมินท์จะมาหาเธอด้วยความโกรธ
พิมมี่คงได้รับความทรมานไม่น้อยในบ่อนการพนันใต้ดิน
“ฉันเสียใจกับสิ่งที่ลูกของคุณได้เผชิญ แต่มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันแม้แต่น้อยเลย
หลังจากนี้ช่วยกรุณาอย่ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก ไม่งั้นอย่าว่าฉันไม่เตือนนะ”
นาราพูดจบก็ได้โยนมือของเขมินท์ทิ้งไป และเปิดประตูรถ ให้มิราขึ้นรถไปก่อน แล้วขับรถกลับไปอย่างเท่
เขมินท์ที่เห็นนาราได้ขับรถออกไปอย่างเร็ว เขมินท์ก็ได้โมโหจนกัดฟันตัวเอง” นาราถ้าเธอไม่ตายเราจะเจอดีกัน”
ในรถนาราที่ดูเหมือนขับรถย่างใจเย็นนั้น ที่จริงแล้วในใจเธอนั้นได้คิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไม่หยุด
เห็นเขมินท์ที่มีอาการเดือดเนื้อร้อนใจแบบนั้น เรื่องของพิมมี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เลย
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับพิมมี่จะโทษเธอไม่ได้ คณพศจะทำอะไรพิมมี่เธอจะไปห้ามก็เป็นไปไม่ได้
“คุณแม่เท่มากเลยครับ” มิรามองนาราด้วยความศรัทธา
มิราได้เห็นทุกเหตุการณ์ที่นาราและเขมินท์ด่าทอกัน ผู้หญิงที่หน้าตาขี้เหร่คนนั้นที่อวดดี
มิราเห็นแล้วรู้สึกโกรธ
คุณแม่เก่งมากเลย ได้คว้ามือของเขมินท์ได้ทันเวลา และยังได้ตักเตือนเขมินท์อีก คุณแม่ดูมีอำนาจมากเลย!
นาราก็ได้แต่หัวเราะปนร้องไห้แล้วส่ายหัว แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร
นาราก็ได้ขับรถต่อไป ไม่นานก็ถึงบ้านของไลลา
นาราได้ไปเคราะห์ประตู เห็นแม่ของไลลาที่มีสีหน้าที่กลุ้มใจ นาราเมื่อเห็นแม่ของไลลาก็ได้ส่งของขวัญที่ตัวเองเตรียมให้กับเธอ
“คุณน้า ไลลาอยู่บ้านมั้ย?”
แม่ของไลลาได้ถอนหายใจยาว เอ้อ ไลลาได้ไปต่างประเทศ แต่ครั้งนี้ไลลาได้หายไปเลยและไม่ได้ส่งข่าวใดๆกลับมาเลย
ไลลาไม่ได้ติดต่อกลับมานานแล้ว ไลลาไม่รู้บ้างเลยหรอว่าพวกเราเป็นห่วงเธอแค่ไหน?
นาราได้อึ้งไปอยู่สักพัก ไม่ใช่แล้ว ครั้งนั้นที่ประเทศอังกฤษ ไลลาได้ทิ้งข้อความที่เขียนลงในกระดาษว่า เธอได้กลับมาก่อนแล้ว!
แต่นาราก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะกลัวว่าแม่ของไลลาจะใจคอไม่ดี
“อ่อ งั้นหนูกลับก่อนนะค่ะ ถ้าไลลากลับมา ช่วยบอกไลลาว่าหนูมีเรื่องจะคุยด้วย”
นาราก็ได้เอาของขวัญวางไว้ที่หน้าประตู ไม่คิดที่จะเข้าไป
“นารา เธอมาไม่ต้องเอาของขวัญมาก็ได้ เธอเอากลับไปเถอะ บ้านน้ามีเพียบพร้อมทุกอย่าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของหนู” ถ้าไลลากลับมาแล้วให้ไลลาโทรหาหนูด้วยนะค่ะ
นาราก็ได้พามิราเดินออกไป
“เจ้าเด็กของนี้ เกรงใจมากเลย” แม่ของไลลาก็ได้หยิบของขวัญนั้นขึ้นมา แล้วถอนหายใจ
“โธ่…. ไม่รู้เจ้าไลลาคิดจะติดต่อกลับมาเมื่อไหร่นะ ไลลาเอาแต่ใจจริงๆ