The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 271 เขมินท์บ้าไปแล้ว
ตอนที่ 271 เขมินท์บ้าไปแล้ว
บุรินทร์ได้วางถ้วยชาลง และเดินมา อุ้มมิราไป “นี้เป็นลูกของใครเนี่ย”
เขมินท์ได้นวดไปที่ไหล่ของตัวเองที่ปวดเมื่อยและมองไปที่บุรินทร์ด้วยสายตามองบน “นี้จะเป็นลูกใครได้ละ
ก็ต้องเป็นลูกของนาราที่หน้าไม่อายคนนั้นสิ”
“ลูกของนารา?” บุรินทร์รู้สึกมึนงง “เธอมีลูกโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ที่ฉันจำได้เมื่อห้าปีก่อนนาราท้องจริงๆ แต่ลูกของเธอเมื่อคลอดลูก ลูกเธอก็ได้ตายไปแล้วไม่ใช่หรอ?
เขมินท์จ้องไปที่บุรินทร์และพูดว่า “ฉันว่าเป็นลูกของนาราก็คือลูกของเธอ ที่สำคัญลูกคนนี้ยังมีสายเลือดของคณพศอีกด้วย
เป็นลูกของนาราที่ตายไปเมื่อห้าปีที่แล้ว คณพศเอาเด็กคนนี้ไปซ่อนเอาไว้!”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น หน้าของเขมินท์ได้บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว “ผู้หญิงของนี้ทำให้ลูกสาวของเราต้องกลายเป็นแบบนี้
ตอนนี้เธอกลับใช่ชีวิตอยู่อย่างราบรื่น ลูกของเธอก็ยังโตขนาดนี้แล้ว ฮึ่ม ฉันจะทำให้นาราอยู่อย่างไม่มีสุขให้ได้
ถึงฉันจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม!”
บุรินทร์ได้อุ้มมิราที่หมดสติอยู่นั้นไปนอนบนโซฟาที่ทำจากหนังแท้ แล้วถามเขมินท์ด้วยความสงสัยว่า
“เธอจะทำอะไรกันแน่? เธอจับเด็กคนนี้มาทำอะไร? การลักพาตัวเป็นสิ่งผิดกฎหมายนะ!”
เขมินท์กัดฟันและพูดว่า “ผิดกฎหมายหรอ? ฉันจะล้างแค้นให้กับลูกฉัน ถึงจะต้องตายฉันก็ไม่กลัว
ไม่เหมือนคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาย วันๆเอาแต่ถอนหายใจไปวันๆ”
บุรินทร์ที่ได้ยินเขมินท์พูดแบบนี้ ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยดี แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“ฮึ่ม! นาราฉันจะให้เธอชดใช้ในสิ่งที่เธอทำอย่างสาสมใจ! เป็นเพราะเธอคนเดียว ลูกสาวฉันถึงต้องกลายเป็นสภาพที่สติไม่ดีแบบนี้” เขมินท์พูดด้วยความโกรธ และเธอได้ใช้สายตาที่เย็นชามองไปที่มิราที่นอนอยู่บนโซฟา
บุรินทร์ได้นิ่งไปสักพัก เขารู้สึกว่าเขมินท์นับวันยิ่งเหมือนกับพิมมี่ เธอน่าจะบ้าไปแล้ว!
บุรินทร์ได้ถามเขมินท์ด้วยเสียงที่เบาว่า “เธอจะทำอย่างไงต่อไป? ถึงพิมมี่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนารา
แต่คนที่ทำพิมมี่คือคณพศ เด็กเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เราไม่ควรให้เด็กมารับเคราะห์แทน”
“อะไร อะไรก็เด็ก! ในตอนนั้นถ้านายไม่เอานาราที่ยังเป็นเด็ดมาเลี้ยง! ลูกเราคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก
เหตุมันเกิดจากนายทั้งนั้น!” เขมินท์จ้องไปที่บุรินทร์ด้วยความโกรธแค้น ถึงได้โทรศัพท์ไปหานารา
เบอร์โทรที่เขมินท์ได้มาไม่ง่ายเลย เธอต้องจ้างนักสืบมืออาชีพถึงจะได้เบอร์โทรเหล่านี้มา
เธอจะต้องแกล้งนาราให้ถึงที่สุด เขมินท์ได้มีการเตรียมการมาอย่างดี
นาราก็ได้ขับรถไล่ตามเขมินท์ ถึงนาราจะไม่รู้ว่าเขมินท์อยู่ที่ไหน แต่นาราเดาออกว่า เขมินท์ต้องเอามิราไปไว้ที่บ้างของตัวของเธอแน่นอน
แต่ที่นาราไม่รู้ก็คือคนที่บ้าครั่งอย่างเขมินท์ทำร้ายมิรามั้ย ในใจของนาราก็หวังให้มิราจะไม่ถูกเขมินท์ทำร้าย!
นาราที่กำลังอธิษฐานในใจอยู่นั้น โทรศัพท์เธอก็ได้ดังขึ้น พอเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรที่เธอคุ้นมาก
แต่ไม่ได้แสดงชื่อบนโทรศัพท์
เบอร์โทรนี้ของเธอเป็นเบอร์ที่เธอใช้ที่อังกฤษ มีคนไม่มากที่จะรู้เบอร์นี้ แล้วใครละที่จะโทรมาหาเธอ?
นารานึกอยู่สักพัก สมองของเธอก็นึกถึงชื่อเขมินท์ เขมินท์!
นาราได้รีบรับโทรศัพท์ เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เธอได้ยินเสียงของเขมินท์ออกมาจากโทรศัพท์
“นารา ลูกของเธออยู่กับฉัน”
“คุณเขมินท์ คุณบ้าไปแล้วใช่มั้ย? คุณลักพาตัวลูกฉันไปได้ไง?” คุณจะทำอะไรกันแน่ นาราในตอนนี้ที่ใจเริ่มร้อน
พยายามที่จะใจเย็นและพูดให้ช้าลง
“ฮาฮาๆ!” เสียงหัวเราะอันบ้าระห่ำก็ได้รอยออกมาจากโทรศัพท์” นารา ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอก็มีวันนี้”
“ฉันได้ยินเสียงที่สั่นเครือของเธอ เธอเป็นอะไร? เธอกลัวหรอ? กลัวฉันจะหักคอลูกชายของเธอใช่มั้ย?”
นี้เป็นสิ่งที่นารากลัวที่สุด เธอได้ยินเขมินท์พูดออกมาแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมาก
“เขมินท์ ถ้าคุณมีความโกรธแค้นใดๆมาลงที่ฉัน อย่าไปทำร้ายลูกของฉัน!” นาราได้เรียกชื่อเขมินท์ออกมาอย่างไม่เกรงใจ!
ผู้หญิงที่บ้าระห่ำและสติไม่ดีแบบนี้ ถ้าเขากล้าทำร้ายมิรา ฉันจะฆ่าเขา!
นาราในตอนนี้ไม่ใช่คนที่รังแกง่ายเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอก็ไม่ได้ติดข้างอะไรกับพวกเขาด้วย!
“เฮ้อๆ นาราเธอพูดออกมาอย่างน่านับถือและเกรงขามนะ แต่ตอนที่เธอทำร้ายพิมมี่ ไม่เห็นเธอพูดยิ่งใหญ่แบบนี้เลย?”
เขมินท์ได้พูดเสียดสีนาราตลอดเวลา “เธอรีบมาที่บ้านฉันด่วนฉันจะให้เธอเห็นกับตาว่าฉันทรมานลูกเธออย่างไง”
“ได้! ฉันจะรีบไป คุณอย่าทำร้ายเด็กนะ! ถ้าคุณทำร้ายเด็กคุณยังมีจิตใจที่เป็นคนอีกมั้ย….”
ไม่รอให้นาราพูดจบ เขมินท์ก็ได้วางสายไปแล้ว
ได้ยินเสียงที่รีบร้อนจากโทรศัพท์ ใจของนาราก็ยิ่งรู้ไม่ดียิ่งขึ้น เธอได้เหยียบคันเร่งจนสุด เสมือนจะบินไปที่บ้านของเขมินท์เลย
ไม่นานนาราได้ขับรถไปถึงที่หน้าบ้านของเขมินท์
เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้กว่าสิบห้าปี ยังจอดรถได้ไม่ดี นาราก็ได้รีบลงมาจากรถและวิ่งเข้าไปในบ้าน
แล้วตะโกนชื่อมิรา “มิรา? มิรา?”
บุรินทร์ที่เห็นนาราเข้ามา เป็นเวลากว่าห้าปีที่เขาไม่ได้เจอนารา หน้าตาของนาราไม่ได้แก่ลงเลย
กลับมีราศีขึ้นมาเยอะกว่าเดิม
บุรินทร์เห็นนาราที่เขาได้เสียงเธอมาจนโตนั้น บุรินทร์รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก บุรินทร์ไม่รู้จะไปเผชิญหน้ากับนาราอย่างไร
เขาเลยหันหลังและไม่มองนารา
เขมินท์เห็นนาราที่เดินเข้ามา เขมินท์ดีใจจนกระโดดขึ้นมาจากโซฟา เธอได้พูดอย่างเสียดสีว่า
นารา “เธอว่าเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้นะ!”
“เขมินท์ ลูกของฉันอยู่ที่ไหน?” ใจของนาราในตอนนี้เหมือนถูกไฟเผา นาราได้มองไปรอบๆ เธอเห็นมิราได้นอนอยู่บนโซฟา
ใจของเธอที่ร้อนระอุถึงได้เย็นลงมาได้
“ถ้าอยากให้ลูกของเธอปลอดภัย? ไม่ยาก” เขมินท์ได้ยืนขึ้นและถือมีดเดินไปใกล้นารา และพูดอย่างเคียดแค้นว่า
“ถ้าเธอเอามีดนี้กรีดหน้าตัวเอง ลูกของเธอก็จะปลอดภัย”
นาราได้ยินสิ่งที่เขมินท์ได้พูดออกมา เธอรู้สึกตกใจและอึ้ง เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขมินท์คืนแบบนี้
นาราได้เดินไปหามิราที่นอนอยู่บนโซฟา แต่ถูกเขมินท์ขวางไว้
“เป็นอะไร รับไม่ได้หรอ?” “ฉันเดาไม่ผิดจริงๆเธอยังหวงใบหน้าของเธออยู่ เป็นเพราะใบหน้าที่สวยของเธอ! ทำให้คณพศหลงเธอจนหัวปักหัวปำและทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้กับพิมมี่! วันนี้เธอต้องกรีดหน้าตัวเอง หรือไม่ฉันจะเป็นคนกรีดหน้าเธอเอง!”
เขมินท์ได้โยงมีดไปที่ขาของนาราและบอกว่า ระหว่างลูกกับหน้าของเธอ “เธอจะเลือกอะไร เธอเลือกเอาเอง!”
เขมินท์ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
นาราได้หันไปมองบุรินทร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
พ่อที่เลี่ยงเธอมากว่าสิบห้าปีนั้น ทำเหมือนไม่เห็นเธอ
ห้าปีที่ผ่านมา คือการเเวลาที่ทำให้คนลืมเลือน หรือใจของคนที่โหดร้ายกันแน่
“พ่อ!” นารามองไปทีบุรินทร์ด้วยสายตาที่จริงใจ “คุณพ่อยอมให้ภรรยาของคุณพ่อทำร้ายเด็ดคนหนึ่งแบบนี้หรอ?”
บุรินทร์ได้หันกลับมา แล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “เขมินท์ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถอะ!”
เขมินท์ได้อึ้งไปสักพักแล้วด่าว่า “นี่นายไม่เห็นสภาพของลูกของเราหรอ! เธอยังจะช่วยคนที่ชั่วแบบนี้อีกหรอ!
เธอยังมีหัวใจอีกมั้ย?