The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 279 ก่อนการหนีหนึ่งวัน
ตอนที่ 279 ก่อนการหนีหนึ่งวัน
เท่าที่ดูมา ผู้หญิงมีรอยยิ้มอันสดใสที่ชื่อเมษาเป็นคนที่เก่งจริงๆนะ
“ฉันก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ คุณมีรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นมาก” นาราได้เล่าความประทับใจแรกเจอให้เมษาฟัง
เมษาก็ได้พูดว่า “คุณนารา คุณหยอกฉันเล่นใช่มั้ย เพราะในบริษัทมีแต่คนเรียกฉันว่ายมทูตทีหน้านิ่ง เพราะตอนที่ฉันทำงานฉันจะเหมือนกับคนบ้าไปเลยและจะไม่สนใจใคร!”
นาราได้มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ครั้งอีกครั้ง เธอรูปร่างภายนอกก็เหมือนผู้หญิงที่ใจดีนะ คนพวกนั้นน่าจะเข้าใจผิดแล้วแหละ
สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันนั้น นาราไม่อยากจะพูดอะไรมากกับเขา นาราได้แค่ยิ้มอย่างมีมารยาทและไม่ได้พูดอะไรต่อไป
เมษาสามารถเลื่อนขั้นจากพนักงานใหม่กลายเป็นผู้ช่วยผู้บริหารในระยะเวลาที่สั้นนี้ เธอต้องมีอะไรดีอย่างแน่นอน
อย่างแรกเลยคือความสามารถในการอ่านใจของคนและไม่ควรดูหมิ่น
นาราที่ไม่ได้พูดอะไรต่อไปนั้น เมษาก็ได้ขอลาและเดินออกมา” ผู้บริหารคณพศคุณกับคุณนารากินไปก่อนนะ ดิฉันต้องไปละ
พอดียังมีเรื่องจะต้องไปจัดการ”
เมษาที่ใส่รองเท้าส้นสูงก็ได้เดินไปทางประตู
นาราได้คิดในใจว่า “รอยยิ้มของเธอดูแจ่มใสมาก” นาราก็ได้มองไปที่เมษาที่จากไป
แต่คณพศกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น “อ่อ จริงหรอ? แต่ฉันคิดว่ามีเพียงแค่นาราเท่านั้น ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว”
นาราก็ได้รู้สึกตลก เธอได้เอามือไปจับที่แขนของคณพศที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ คณพศก็ได้ลืมเรื่องนี้ไปเลย
การออกอาหารของร้านอาหารนี้เร็วมาก ไม่นานคณพศก็ได้ยกอาหารที่ได้สั่งไปเมื่อกี้มา
นาราได้เห็นปลาดิบปลาแซลมอนที่มีขนาดใหญ่นั้น นาราตกตะลึงเธอได้ถามคณพศว่า “ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ เราสองคนจะกินหมดหรอ?”
คณพศได้ตักเนื้อปลาแซลมอนไปให้นาราอย่างอ่อนโยน “ทำไมต้องกินให้หมอละ? กินแล้วมีความสุขก็พอ”
นาราก็ได้จ้องไปที่คณพศ ฉันรู้ว่าเธอรวย “ฉันรู้ว่าเธอรวยที่สุดในเมืองธิตกล แต่นายอย่าใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองได้มั้ย?
นายเป็นคนที่ใช้เงินไม่เป็น ครอบครัวนายรู้หรือไม่นะ?”
คณพศที่กำลังคีบปลาแซลมอลข้างอยู่นั้น คณพศได้มองนาราตาค้าง ฉันแค่มากินข้าวนะ เธอไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้
ทั้งสองก็ได้สบตากันและยิ้มพร้อมกัน บรรยากาศก็ได้อบอุ่นขึ้น
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอย่างเคียดแค้นอยู่ในที่มืด ถ้าสายตาของคนที่จ้องนั้นเป็นมีด
ตอนนี้พวกเธอน่าจะโดนแทงจนเป็นแผลเต็มไปหมดแล้ว
นาราและคณพศที่ได้กินข้าวเที่ยงอย่างมีความสุขนั้น อีกฝั่งไลลาที่ถูกขังอยู่ในปราสาท ได้รู้สึกซึมเศร้าจนอยากจะไปตาย
ไลลาได้ถอนหายใจและกลิ้งไปมาบนที่นอน เธอเบื่อจะตายอยู่แล้ว
ตัวเองที่ถูกเคลลี่ลั่วกักขังอยู่นั้น เธอยังโง่ไปดื่มไวน์กับเขา? แถมยังถูกเคลลี่ลั่วเอาเปรียบอีกด้วย!
แต่ไม่ถูกนะ!
ไลลาได้คิดอย่างตั้งใจว่าแล้วหน้าของเธอก็ได้รู้สึกร้องขึ้นมา ตอนนั้นที่ฉันกินไวน์เข้าไป ฉันไม่รู้สึกตัวแล้ว
อาจจะเป็นฉันก็ได้ที่ไปปลับปลั้มเคลลี่ลั่วเอง!
อ่าๆๆ!
ไลลาได้ตะโกนอยู่ในใจอย่างเสียงดัง ไลลาในตอนนี้เหมือนจะบ้าไปแล้ว!
ไลลาที่รู้สึกพัวพันจนจะไปชนกำแพงเพื่อที่จะให้ตัวเองใจเย็นลงมา เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูรอยมา
ไลลาได้หยิบหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่นั้นขึ้นมา ไลลาได้มองไปที่ซอกประตู เธอได้เห็นใบหน้าของเคลลี่ลั่วที่ดูเหมือนหล่อกว่าทุกที่
สมองของเธอก็เหมือนถูกแช่แข็ง เธอได้เอาหมอนปิดหน้าตัวเองไว้ และได้ภาวนาในใจว่า ฉันไม่เห็น! ฉันไม่เห็น!
ฉันไม่ได้ยิน ไม่ได้ยิน ฉันนอนไปแล้ว นอนไปแล้ว
ในใจของไลลาได้กล่อมตัวเองให้ตัวเองนอน อยากที่จะกั้นให้เสียงของเคลลี่ลั่วให้อยู่ข้างนอก
แต่เคลลี่ลั่วไม่อนุญาตให้เธอทำแบบนั้น
เคลลี่ลั่วได้เดินไปที่ข้างเตียงของไลลา และดึงหมอนที่ไลลาเอามาปิดหน้าตัวเองนั้นออกไป “นี้เธออยากขาดอากาศหายใจตายหรอ?”
หมอนที่ถูกดึงออกไป ไลลาไม่มีที่ซ่อนอีกแล้ว หน้าเธอได้แดงไปหมดแล้ว ไลลาไปก้มหัวและมองไปที่ผ้าปูที่นอนสีชมพู
“ฉันพึ่งตื่นฉันไม่ได้ยินสิ่งที่นายพูดเลย”
เคลลี่ลั่วก็ได้ยิ้ม แต่เคลลี่ลั่วก็ไม่ได้เปิดโปงไลลาที่กำลังโกหกอยู่ “ได้ข่าวว่าสองวันที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยกินข้าว? เป็นเพราะอาหารที่ทางครัวทำนั้นไม่อร่อยหรือไม่?”
ไลลาได้ส่ายหัว “ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากกินเฉยๆ อาหารที่ทางครัวเขาทำอร่อยจริงๆนะ”
“ใช่หรอ” เคลลี่ลั่วได้ทำตาหยี “ฉันคิดว่าหลายวันที่ผ่านมาพวกพ่อครัวขี้เกียจซะอีก ฉันจะให้พวกเขาเก็บของกลับบ้าน”
“ไม่ ไม่ใช่นะ! เป็นที่ฉันเองที่ไม่ค่อยอยากกินข้าว ไม่เกี่ยวกับพ่อครัวจริงๆ!” ไลลาที่ได้ยินเคลลี่ลั่วพูดแบบนั้น
เธอก็ได้ทำไรไม่ถูก เพราะเธอไม่อยากให้พ่อครัวโดนไล่ออกเพราะเธอ!
“ดีแล้ว แต่ถ้าพวกเขาทำอาหารรสชาติที่เธอชอบไม่ได้ ฉันก็จะไล่พวกเข้าออกอยู่ดี”
เห็นเคลลี่ลั่วที่เผด็จการแบบนี้ ทำให้ไลลาหมดคำพูดไปเลย ไลลาก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเขา สายตาของเคลลี่ลั่วก็ได้จ้องกลับมาหาเธอ ทำให้เธอตกใจ
ทำไมถึงมองฉันด้วยแววตาแบบนี้?
ไลลาได้รู้สึกผิดและพูดว่า “พวกเขาทำอาหารได้อร่อยมากจริงๆ แต่เป็นฉันเองที่ไม่ค่อยอยากกิน”
เคลลี่ลั่วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากมาดูไลลาขนาดนี้
หลังจากคืนนั้นผ่านมา เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ว่าจะทำอะไรก็เห็นแต่ใบหน้าของไลลาที่มีรอยยิ้ม
และเคลลี่ลั่วยังรู้สึกคิดถึงความรู้สึกที่สบายในคืนนั้น
หรือว่าตัวเองเริ่มที่จะชอบไลลาขึ้นมาแล้ว?
เคลลี่ลั่วได้ตกใจกับความคิดตัวเอง เขาได้ส่ายหัว ไม่มีทางเขารักหวานมาตั้งหลายปี เขาจะชอบคนอื่นไม่ได้ไง?
ไลลาได้มองไปที่เคลลี่ลั่วด้วยความงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงแสดงสีหน้าแบบนี้
“ฉัน ฉันออกไปเดินเล่นได้มั้ย? ที่นายเคยสัญญาไว้กับฉันนะ” ไลลาได้รวบรวมความกล้าและถาม
เคลลี่ลั่วก็ได้ตอบตกลงในทันที “ถ้าเธออยากออกไป เธอจะออกไปตอนไหนก็ได้”
ไลลาไม่เชื่อหูของตัวเอง เคลลี่ลั่วจะตอบตกลงกับเธอได้ง่ายดายขนาดนี้ เธอดีใจจนลืมว่าจะพูดอะไรไปแล้ว
“ปราสาทนี้ใหญ่มาก ถ้าเธอไม่มีใครไปเดินเป็นเพื่อนเธออาจจะหลงทางได้ เดียวฉันให้โลลิต้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอนะ
เคลลี่ลั่วพูดจบก็ได้ไปเรีนกโลลิต้า”
ไม่นาน โลลิต้าก็ได้เดินมา ทำความเคารพไลลาและบอกว่า “เห็นเจ้านายบอกว่าคุณนาราอยากออกไปเดินเล่นหรอ?”
“ใช่ ฉันอยากไปเดินเล่นแถวๆนี้นะ”
“ได้ค่ะ คุณนาราตามหนูมาค่ะ”