The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 28 ที่รักคุณพูดอะไร
ตอนที่ 28 ที่รักคุณพูดอะไร
นาราปล่อยมือจากคณพศ พยักหน้าแล้วลงรถพยุงคณพศมานั่งรถเข็น คนใช้เข็นรถเข็นเข้าไปในบ้าน
นาราพูดกับคนใช้ว่า “มาเดี๋ยวฉันเข็นเอง”
หล่อนเข็นคณพศเข้ามาในบ้านมีคนใช้ตั้งแถวยิ้มรับหล่อน “สวัสดีค่ะคุณนายน้อยสาม ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะนายน้อยและคุณนายน้อยสาม”
เขามองดูเหล่าคนใช้แล้วหันมาดูนาราที่กำลังหน้าแดงจากนั้นรีบตอบกลับว่า”สวัสดีทุกคน”เหล่าคนใช้ต่างมองดูนารา ที่แท้คุณนายน้อยอายุยังน้อย และสวยขนาดนี้ ถึงแม้ทำไมทั้งสองคนถึงได้แย่งหล่อนกัน
นายน้อยสามสุดยอดเลยสามารถพาสาวงามกลับมาได้
เดินเข้าห้องรับแขก นารามองเห็นคนแก่ที่ผมขาวเกือบครึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้นอน เขาดูดีมากถึงแม้ผมจะขาวแล้วเกือบครึ่งก็ตามแต่สายตาของเขาดูแวววาวมาก
เขาดูน่าเกรงขามยิ่งนัก เขายิ้มมองมาทางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นและคนเข็นรถเข็น
นาราเติบโตที่บ้านตระกูลวรชัยลภัสทำให้หล่อนพอรู้ถึงพิธีการเหล่านี้อยู่ หล่อนอั้นความตื่นเต้นเอาไว้ แล้วเข็นรถเข็นไปหยุดอยู่ตรงหน้าของคุณกษาปณ์ “ขอโทษค่ะคุณปู่ที่นานขนาดนี้แล้วค่อยกลับมา”
เสียงของหล่อนนุ่มนวลยิ่งนัก กษาปณ์มองดูหญิงสาวที่สวมชุดเดรสสีฟ้าและสวมเสื้อคลุมขนสีเดียวกัน ผมยาวสลวยดวงตาใสราวกับน้ำใส
เขาชะงักถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้คือลูกครึ่งแต่บุรินทร์กับเขมินท์ล้วนเป็นคนเมืองธิตกล
แต่เขาก็รีบยิ้มผายมือ “มามาพิมมี่มาให้ปู่ดูหน่อยเร็ว อยู่บนเกาะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่เธอแต่งงานกับคณพศปู่ไม่ได้จัดงานให้ เป็นความผิดของปู่เอง แต่เธอสบายใจได้อะไรที่เป็นของเธอจะต้องเป็นของเธอแน่”
นารายิ้มแล้วเดินเข้าไป หล่อนยื่นมือไปกุมมือเขาเอาไว้ “ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่ งานแต่งก็แค่งานแต่ง หนูสบายดีค่ะ อยู่บนเกาะก็ดีค่ะ”
กษาปณ์หัวเราะ “ได้ ได้ นี่สิลูกสาวตระกูลวรชัยลภัสรู้เรื่องและเก่ง”
กษาปณ์ชี้ไปที่ผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง “นี่คือพ่อกับแม่สามีของเธอ เธอคงรู้จักแล้วอีกหน่อยก็กลับมากับคณพศมาอยู่ที่นี่บ่อยๆ”
เวลานี้นาราถึงได้สังเกตเห็นว่ามีคนอีกสองคนนั่งอยู่ข้างๆด้วยพวกเขาคือพ่อกับแม่ของคณพศ หล่อนตกใจ
แม่ของคณพศเคยเจอกับพิมมี่ หล่อนต้องจำได้แน่
พอหล่อนสบตากับรัมพร เลือดในตัวของหล่อนก็ไหลพุ่งทันที รัมพรแสะยิ้มมองมาทางหล่อน สายตาของรัมพรแสดงออกให้เห็นชัดเจนมากเลย
คุณรัมพรรู้ว่าหล่อนไม่ให้พี่สาว ในหัวของหล่อนตอนนี้คือไร้ความรู้สึกใดๆทั้งนั้น
มุขพลยิ้ม “พิมมี่ลำบากเธอแล้ว”
นารารีบลุกขึ้น “พ่อคะแม่คะ”
รัมพรตอนอย่างไม่ยิ้มว่า “ลำบากแล้ว อีกหน่อยคณพศคงต้องฝากเธอดูแลแล้ว”
คณพศนั่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขาดูหล่อนเจอกับคุณปู่ก็ไม่ได้อะไร ในใจของเขาเองก็แอบชื่นชมแต่ตอนที่หล่อนเจอกับรัมพรนั้น หล่อนดูแตกตื่น ความแตกตื่นนั้นบอกเขาว่า รัมพรรู้ว่าหล่อนไม่ใช่พิมมี่
เขาเงยหน้าขึ้นมองกษาปณ์ “คุณปู่พอได้แล้ว พิมมี่พาฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง ควรกินข้าวได้แล้ว”
กษาปณ์รีบยิ้ม “ได้ๆ ไปเถอะ”
คณพศมองดูนาราแล้วทำท่าให้หล่อนเข้ามาหา
หล่อนรีบเดินเข้ามาอยู่ข้างกายเขา แล้วเข็นรถเข็นเข้าลิฟต์ไปชั้นสาม
กษาปณ์ที่อยู่ข้างหลังก็ค่อยๆคลายยิ้มลง ส่วนรัมพรที่ก้าวไปข้างหน้ากำลังจะพูดอะไรแต่ถูกมุขพลห้ามเอาไว้
กษาปณ์หมุนตัวไม่ได้หันกลับมามองรัมพรกับมุขพลเลย แต่เขาตรงขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
ห้องหนังสือบนชั้นสองกษาปณ์เปิดลิ้นชักแล้วหยิบใบสำคัญการสมรสของคณพศกับพิมมี่ขึ้นมาดู มองเห็นรูปหญิงสาวที่อยู่ในนั้น เขามองนิ่ง หล่อนไม่ใช่ลูกสาวตระกูลวรชัยลภัส งั้นหล่อนเป็นใคร
ชั้นสาม นาราเข็นคณพศเข้าห้องไปอย่างลุกลี้ลุกลนใจหล่อนเต้นไม่หยุดเลย
คณพศมองดูหล่อนที่ยืนอยู่กลางห้อง หล่อนดูราวกับขวัญหายไปแล้วสีหน้าขาวซีด
รู้จักกลัวแล้วใช่ไหมตอนนี้
เขาจะคอยดูสิว่าหล่อนจะทนได้อีกนานแค่ไหน เขาเองก็รู้ว่าคุณปู่เริ่มสงสัยแล้ว
ครั้งนี้หล่อนยังจะปิดปังเขาอีก
ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพูดความจริงกับเขาเลยก็ดีเขาจะให้หล่อนโกหกต่อไป
นาราหันมามองผู้ชายคนนี้ที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะ “คณพศ….”
เขาไม่ได้แสดงอะไรออกมา เขาจ้องดูหล่อน “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปทานข้าวกัน อีกเดี๋ยวพี่รองก็จะมาทานข้าวด้วย”
มาถึงตรงนี้หล่อนก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว เพียงแต่หล่อนกลัวว่าตระกูลปัญญาพนต์จะโกรธพ่อของหล่อน
หล่อนหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้ยื่นให้คณพศเปลี่ยนเขามองดูหล่อน “เธอมีเรื่องจะคุยกับฉันหรอ”
“ฉัน…” หล่อนลังเลมองดูคณพศ ในสายตาของเขามีความหวัง เขากำลังรอให้หล่อนพูดใช่ไหม หรือว่าเขาจะรู้นานแล้วว่าหล่อนไม่ใช่พิมมี่
“ถ้าไม่มีพวกเราลงไปทานข้าวกัน” เขาหมุนล้อรถเข็นไปเปิดประตูเอง นารามองดูหลังของเขา
“คุณคณพศ” หล่อนก้าวเท้าใหญ่ๆไปหาเขา สองมือจับรถเข็นเอาไว้แน่น ดวงตาใสราวกับน้ำ “ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ ฉันไม่ใช่พิมมี่…..” หล่อนอดไม่ได้ที่จะพูดประโยคนี้ออกมาและถึงขั้นเสียใจที่ไม่บอกความจริงกับเขาตอนที่อยู่บนเกาะ แบบนี้เขาอาจจะยอมช่วยเธอ และตอนนี้หล่อนหมดทางสู้แล้ว หล่อนถึงได้นึกถึงเขาว่าต้องบอกความจริงกับเขา
“อืม…..” คณพศยิ้ม “ที่รักคุณพูดเรื่องอะไรเธอไม่ใช่ภรรยาของฉันงั้นใครคือภรรยาของฉันล่ะ ทำไมพอเจอคุณปู่ก็กลัวแล้วหรอ ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องกลัวมีฉันอยู่ทั้งคน”
เขายื่นมือมาจับมือหล่อน “ไปเถอะไม่มีอะไรหรอก”
“…..” มือของนาราถูกเขาลากเข้าไปในลิฟต์
ตอนที่นารากำลังจะกดลิฟต์ ลิฟต์ก็ถูกเปิดออกวิษณุส์ยืนอยู่ในนั้นเขาเห็นทั้งสองคนที่อยู่ข้างนอก สบตากับนารา เขาตกใจสะดุ้งชะงักไปครู่หนึ่ง
นี่หรอน้องสาวคนนั้นของพิมมี่ สวยจริงๆใบหน้าที่ขาวนวลดวงตาสีฟ้าครามที่กำลังตกใจทำให้คนเอ็นดูสงสาร
ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆเขาเจอคนมามาก ถ้าหากดูไม่ผิดผู้หญิงคนนี้สวยกว่าพิมมี่ และหล่อนทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงความไร้เดียงสา
ส่วนนาราเองก็สะดุ้งไม่แพ้กัน นี่คือวิษณุส์หรอ ดวงตาเขาดูปลิ้นปล้องนัก ไม่เหมือนกับคณพศที่เงียบขรึมและไม่สนใจอะไร
“พี่รองกลับมาแล้วหรอ” คณพศพูดแทรงขึ้น เขายื่นมือมาจับนารา “ที่รักนี่คือพี่รองวิษณุส์” พูดจบเขาก็ยิ้ม รอยยิ้มของเขาทำให้ใจของวิษณุส์ชาไปทั้งดวง
วิษณุส์รีบดึงสติกลับมา เขามองคณพศสายตาดูหัวเราะเยาะเขา “น้องสาม น้องสะใภ้สาม ในที่สุดก็ยอมกลับมาแล้ว ฉันคิดว่าชาตินี้น้องสามคงจะเอาน้องสะใภ้สามซ่อนเอาไว้ที่เกาะทั้งชีวิตซะแล้วอีกฮ่า ฮ่าๆ”