The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 301 แผนร้ายของวิษณุส์
ตอนที่ 301 แผนร้ายของวิษณุส์
“ ใช่แล้ว คุณปู่ เราต้องตรวจให้ดี จะล่าช้ากับอาการป่วยของคณพศไม่ได้”วิษณุส์ตามติดมา ราดน้ำมันเข้ากองไฟ “ นารา ผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากให้เราเจอคณพศ ไม่แน่ว่าอาจคิดอะไรมิดีมิร้ายอยู่ก็ได้”
นาราถูกวิษณุส์ยั่วจนโกรธตัวสั่น เธอผายมือไปตรงหน้าวิษณุส์ “ วิษณุส์ พวกเราใครกันแน่ที่มีความคิดที่ไม่เหมาะไม่ควร ฉันคิดว่าคุณก็รู้แก่ใจดี!”
“ หุบปาก!”วิษณุส์ที่ถูกพูดแทงใจดำพาลโกรธขึ้นมา เขาผลักนาราออก แล้วพยุงกษาปณ์เดินไปข้างหน้า เขาเดาได้แล้วว่าคณพศอยู่ที่ห้องไหน อยู่ที่ห้องผู้ป่วยที่ศุกลเพิ่งเดินออกมาห้องนั้น!
นาราถูกวิษณุส์ผลักอย่างแรงจนล้มลงที่พื้น ศุกลรีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นมา “ คุณนาย คุณไม่เป็นไรนะครับ?”
นาราส่ายหน้า “ ไม่เป็นไรค่ะ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ได้ซะแล้ว”
ตอนที่พวกเขาพูดกันนั้น วิษณุส์ได้พยุงกษาปณ์เดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยที่ศุกลเพิ่งจะเดินออกมานั้นแล้ว
ผ่านบานหน้าต่างกระจกใส วิษณุส์มองเห็นคณพศที่ใบหน้าซีดราวคนตายถูกมัดติดกับเตียงคนไข้ด้วยโซ่เหล็กขึ้นก่อน ในใจเขากระโดดโลดเต้น ตะโกนบอกกษาปณ์ด้วยน้ำเสียงระรื่นอย่างควบคุมไม่อยู่ “คุณปู่ รีบมาดูสิครับ คณพศอยู่ที่นี่!”
กษาปณ์ได้ยินน้ำเสียงยินดีของวิษณุส์ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก แต่เมื่อเขาหันไปเห็นคณพศตามที่วิษณุส์ชี้ ทั้งร่างก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เพียงเห็นเตียงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยนั้น ร่างซูบผอมของคณพศที่นอนเป็นผักดวงตาปิดสนิท แถมบนตัวเขายังโดนพันล็อคด้วยโซ่เหล็กแน่นหนา
กษาปณ์ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาหันไปมองทางนารา แววตาดุร้ายแทบจะฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ “ เธอมัดชายสามไว้เพื่ออะไรกันแน่? ทำไมต้องใช้โซ่ล่ามเขาไว้!? เพราะอะไร?!”
วิษณุส์ที่อยู่ข้างๆ เองก็แปลกใจมากเช่นกัน คณพศที่ปกติจะหยิ่งทะนงทำไมถึงยอมให้คนอื่นปฏิบัติกับตัวเองด้วยวิธีหน้าอับอายแบบนี้กัน? เว้นแต่ว่า……
นารารีบเดินเข้ามา โบกมือโบกไม้อธิบาย “คุณปู่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะคะ…..คณพศเขา….“
กษาปณ์ขว้างไม้เท้าใส่นาราอย่างเดือดดาล “ โกหกมาได้หน้าไม่อาย! คาหนังคาเขาขนาดนี้ เธอยังจะไม่ยอมพูดความจริงออกมาอีก! ได้! ฉันจะเข้าไปถามเอง!”
ว่าดังนั้น กษาปณ์ก็ผลักประตูเปิดเดินเข้าไป วิษณุส์รีบตามเข้าไป กลัวจะพลาดข่าวที่ตัวเองอยากรู้
ในห้องผู้ป่วยคละคลุ้งด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ กษาปณ์มองคณพศที่ถูกมัดอยู่บนเตียงอย่างเจ็บปวดใจ เดินเข้าไปสัมผัสมือผอมแห้งของเขาอย่างหดหู่ “ ชายสาม? รีบตื่นได้แล้ว เธอเป็นอะไรไปกัน รีบบอกปู่มาเร็วเข้า”
อย่างไรก็ตามคณพศก็ยังนอนอยู่อย่างนิ่งสงบ ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
วิษณุส์ที่อยู่ข้างๆ แอบสงสัย แบบนี้มัน คงไม่ใช่ติดยาหรอกนะ?
ในใจคิดอย่างนั้น วิษณุส์จึงแอบเดินไปอีกด้าน ในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น เขาหยิกคณพศอย่างแรง
เขาหยิกอย่างรุนแรงมาก นั่นจึงทำให้คณพศลืมตาขึ้นมาได้สำเร็จ
กษาปณ์เห็นคณพศค่อยๆ ลืมตาขึ้น จึงนึกว่าเขาตื่นแล้ว รีบโน้มตัวลงไปข้างตัวเขา ถามอย่างกังวล “ชายสาม เธอเป็นอะไรไปกันแน่?”
“ อ้ากกก! อ้ากกก! อ้าก!”คณพศตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง ส่ายหัวไม่หยุด “ เอายามา! รีบเอายามาให้ฉัน!”
ความเป็นไปได้ต่างๆ ที่กษาปณ์ครุ่นคิดในใจเมื่อครู่ ไม่ได้นึกถึงเลยสักนิด ว่าจะต้องพบกับสถานการณ์แบบนี้ เขาถอยหลังมาสองก้าวด้วยความตกลง ทันใดนั้นก็คิดได้ถึงความเป็นไปได้หนึ่ง สถานการณ์แบบนี้มันติดยาเสพติดชัดๆ ! เขารู้สึกเวียนหัวหน้ามืด ร่างกายเอนไปข้างหลังช้าๆ
“ นายท่าน? นายท่าน?”ศุกลรีบเข้าไปคว้าตัวกษาปณ์ที่ทรุดตัวลงตรงหน้า พบว่าเขาเป็นลมไปแล้ว
ทุกคนตกใจมือเท้าสะเปะสะปะ “ พระเจ้า นายท่านหมดสติไปแล้ว!”
“ทำไงดี? ทำไงดี?”
ในขณะนั้น เสียงคำรามของคณพศกับเสียงตื่นตระหนกของทุกคนดังผสมปนเปกันไปหมดอยู่ในห้องผู้ป่วย
“เร็วเข้า พานายท่านไปห้องฉุกเฉิน” ศุกลหยุดความวุ่นวายทั้งหมด รีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับกษาปณ์ แต่ทำไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะไม่เป็นผล จึงตะโกนไปยังหมอที่อยู่ด้านหลัง “ เตรียมห้องผ่าตัดเร็ว ต้องรีบช่วยนายท่าน!”
ทันใดนั้นทั้งห้องก็แตกตื่น สถานการณ์นี้แม้แต่วิษณุส์ยังตกตะลึง เดิมทีเขาแค่อยากทดสอบอาการของคณพศ ไม่นึกว่ากษาปณ์จะวิตกจนเป็นลมหมดสติไป เยี่ยมจริงๆ ฟ้าเข้าข้างเขาแล้ว!
นาราตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เธอนึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ กษาปณ์จะมาปรากฎตัวที่โรงพยาบาล ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะหมดสติไปด้วยสถานการณ์ของคณพศในตอนนี้ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว เธอได้แต่เข้มแข็งเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับกษาปณ์ก็พอ
ในขณะที่ทุกคนวุ่นกับการช่วยกษาปณ์ วิษณุส์ก็ปลีกตัวไปอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้เป็นยามดีที่เขาจะได้โต้กลับ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะพลาดโอกาสนี้!
ตลอดทาง วิษณุส์ขับรถไปอย่างเร็วเร่ง ยังไม่ถึงบริษัท เขาก็ส่งข้อความให้ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์มาเข้าร่วมประชุมเรียบร้อยแล้ว
ในใจวิษณุส์เต็มไปด้วยความลิงโลด เร่งรถขับไปถึงบริษัท ขึ้นลิฟต์เฉพาะของประธานขึ้นไปยังห้องประชุมที่ชั้นบนสุด
ในห้องประชุมเต็มไปด้วยเหล่าผู้ถือหุ้นของบริษัท พวกเขาได้รับแจ้งจากวิษณุส์ ว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของบริษัทต้องแจ้งให้กับทุกคน ในฐานะนักธุรกิจ ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบรุดมาโดยไม่รีรอ
วิษณุส์ยืนอยู่ในลิฟต์ มองรูปลักษณ์ชาญฉลาดและมีความสามารถของตนที่สะท้อนในกระจก แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
หึหึ คณพศ รอก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันก็จะลบนายออกไปจากบริษัทซะ
“ติ๊ง!”
ลิฟต์ถึงชั้นบนสุด วิษณุส์เดินออกมาอย่างพึงพอใจ ปัดฝุ่นบนแขนเสื้ออย่างเย่อหยิ่ง ก่อนเดินไปยังห้องประชุมขนาดใหญ่
ในห้องประชุมนั้นส่งเสียงอื้ออึง ด้วยเพราะเหล่าผู้ถือหุ้นนั้นไม่ได้เห็นหน้าค่าตาคณพศมานานมากแล้ว ในเวลานี้ยังได้รับข้อความที่คลุมเครือจากวิษณุส์อีก จึงได้กระซิบกระซาบกันอย่างนั่งไม่ติด
ที่วิษณุส์ต้องการคือผลลัพธ์นี้ เขายืนฟังเสียงที่เยี่ยมยอดเหล่านั้น ก่อนค่อยๆ เปิดประตูเดินเข้าไป
พอเขาปรากฏตัว เหล่าผู้ถือหุ้นก็พากันหยุดพูด แล้วพุ่งสายตาทั้งหมดไปยังตัววิษณุส์
“ สวัสดีทุกท่าน ที่ผมเชิญทุกคนมาในวันนี้ เพื่อบอกข่าวที่น่าเศร้าให้กับพวกคุณ”วิษณุส์พยายามอย่างหนักควบคุมความคิดที่อยากหัวเราะออกมาให้ดังลั่นของตัวเอง แล้วแสร้งพูดอย่างเจ็บปวด “ประธานคณพศของพวกคุณ ตอนนี้เขามีอาการติดยาอย่างรุนแรง