The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 314 การกลับมาของราชา
ตอนที่ 314 การกลับมาของราชา
มิรากระโดดลงมาจากตัวของคณพศ ก้าวขาไปในห้อง “คุณพ่อ อ้า นี่แหละคือสิ่งที่คุณแม่บอก เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็สามารถทิ้งสิ่งไม่ดีไว้ข้างหลังได้” คณพศมองดูมิราที่มีท่าทีจริงจัง ในใจของเขาเริ่มอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย เขาค่อยๆ เก็บเรื่องทุกข์ใจเอาไว้ พยายามที่จะระงับอารมณ์ปวดร้าวของตนเอง “มิรา มานี่ ไปที่ที่หนึ่งกับพ่อ”
มิราหยุดเดิน เอียงคอมองไปยังพ่อของตน “ไปไหนครับ”
“ไปเดี๋ยวก็รู้ ก่อนอื่นเราต้องไปซื้อช่อดอกไม้” คณพศพูดจากนั้นจึงหันไปสั่งป้าอ้ายที่ยืนอยู่ข้างๆ “ป้าอ้าย รบกวนช่วยเตรียมดอกไม้สำหรับไหว้หน่อยนะ ผมจะไปหาคุณปู่”
ป้าอ้ายจัดการตามคำสั่งของคณพศอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ป้าอ้ายไปส่งคณพศที่รถ บอกสถานที่ของสุสานที่ฝังศพของคุณกษาปณ์ จากนั้นป้าอ้ายจึงตามไปนั่งเบาะหลังรถ
รถเคลื่อนตัวไปยังสุสานของครอบครัวตระกูลปัญญาพนต์ คณพศที่นั่งอยู่ในรถเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีแรงขึ้น เมื่อรถถึงที่หมาย เขาคิดว่าตัวเองไม่ต้องใช้รถเข็นแล้ว พอดีกับที่ยชญ์และหมอศุกลไม่อยู่ เขาเลยถือโอกาสเดินมาจากรถเข็น เขาถือดอกไม้ที่ป้าอ้ายเตรียมให้ด้วยมือทั้งสองข้างเดินเข้าไปในสุสาน
มาถึงหน้าป้ายหลุมศพของกษาปณ์ เขาวางช่อดอกเดซี่อย่างระมัดระวัง ทำความเคารพโดยคุกเข่าทั้งสองข้างลง มือทั้งสองยันกับพื้น ศีรษะติดพื้น
มิราเมื่อเห็นพ่อทำเช่นนั้น เด็กน้อยก็ทำเช่นเดียวกับพ่อ คณพศค้อมคำนับสามครั้งจึงเงยหน้าขึ้น มองรูปของคุณปู่ที่อยู่บนป้ายหลุมศพ ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ความรู้สึกทุกอย่างพุ่งเข้ามา เขาเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้อีกแล้ว จึงร้องไห้โฮออกมา
ใครพูดว่าเป็นผู้ชายร้องไห้ไม่ได้ ก็แค่ไม่ถึงจุดที่ปวดใจเท่านั้นเอง
เขาร้องไห้จนแทบขาดจะขาดใจ ไม่ใช่แค่เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุณปู่ครั้งสุดท้าย แต่บวกกับความกลัวที่จะสูญเสียนาราไปอีกด้วย
มิราคุกเข่าเงียบๆ ตามพ่อของเขา มองดูพ่อของเขาที่ร้องไห้อย่างปวดใจ น้ำตาที่คออยู่นัยน์ตาของคุณพ่อเมื่อมองไปยังรูปบนป้ายหลุมศพของคุณทวด
หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาเพิ่งเห็นคุณพ่อร้องไห้เป็นครั้งแรก 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของคุณพ่อเลย วันนี้คุณพ่อกลับร้องไห้ การลาจากที่ยากจะพบกันอีก มิราพลันนึกถึงนิทานที่คุณครูเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมาป่าแก่กับลูกหมาป่า
หมาป่าแก่ตายไป ทำให้ลูกหมาป่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวในป่า
เมื่อคุณทวดเสียไป ทิ้งให้คุณพ่อร้องไห้
“คุณพ่อ ไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ ถ้าคุณทวดรู้ว่าคุณพ่อร้องไห้แบบนี้ คุณทวดจะเสียใจไปด้วยนะครับ”
มิราย้ายไปนั่งข้างๆ คุณพศ พูดเบาๆ และเขย่าแขนของคณพศ
คณพศร้องไห้อย่างเจ็บปวดเขานำสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจปล่อยออกมาผ่านน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เมื่อเขาได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจก็รู้สึกดีขึ้น เขาก้มมองมิรา เห็นใบหน้าที่แสดงความกังวลของลูกชาย จึงยกมือลูบหัวเด็กน้อย “มิราเด็กดี พ่อแค่นึกถึงตอนที่ไม่ได้เห็นหน้าคุณทวดของหนูเป็นครั้งสุดท้ายมันทำให้เจ็บปวดน่ะ เลยร้องไห้ออกมา”
“คุณพ่อไม่ร้องนะครับ คุณแม่เคยบอกว่าน้ำตาไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของลูกผู้ชาย พ่อร้องไห้ขนาดนี้ มิราอยากจะร้องไห้ตามไปด้วยเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดปลอบใจของมิรา ใจของคณพศที่อ่อนแอจากความเสียใจตอนนี้เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว
“โอเคครับ พ่อไม่ร้องแล้ว เราไปกันเถอะ” คณพศอุ้มมิราเดินออกมาจากสุสาน ตอนนี้เขาไม่ควรมานั่งเสียใจ เพราะมีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องจัดการ
คณพศจูงมือมิราให้ขึ้นรถ สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กลับบริษัท”
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากสุสานช้าๆ วิวนอกหน้าต่างรถเคลื่อนตัวสวนทางกับการเคลื่อนตัวของรถ คณพศหลับตาลง คุณปู่ หลับให้สบายนะครับ!
คณพศนึกถึงวิษณุส์ เขาเคยให้โอกาสวิษณุส์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่วิษณุส์ก็ไม่เคยกลับเนื้อกลับตัว ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้วิษณุส์ทำผิดอีกแล้ว
ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวถึงบริษัท คณพศลงจากรถและก้าวเข้าโถงบริษัทด้วยความรวดเร็ว
บรรยากาศของบริษัทระดับสูงที่ประดับประดาด้วยความหรูหรา ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายที่สุด พนักงานที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเอง ถึงกับต้องวางงานของตัวเองลง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นคณพศก้าวเข้ามาในบริษัท
จำได้ว่าคุณวิษณุส์บอกว่าคุณคณพศติดยาหนักมาก แต่วันนี้เห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคณพศ ไม่เหมือนคนที่เคยติดยาสักนิด
“สวัสดีค่ะท่านประธาน!”
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านประธาน!”
เสียงพนักงานทักทายประธานของพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย ในสายตาของพนักงาน คนที่ดูมีอำนาจอย่างคณพศนี่แหละคือประธานที่แท้จริงของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
“อืม” คณพศไม่ได้ทักทายกลับอะไรมากมาย เดินเข้าลิฟต์ที่ใช้เฉพาะประธานบริษัท
ขณะเดียวกันในห้องประชุมขนาดใหญ่ วิษณุส์โยนรายงานของบริษัทลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ ด่าทอผู้ที่รับผิดชอบและผู้ถือหุ้น “บ้าไปแล้ว ทำไม 2-3 วันมานี่ราคาหุ้นของบริษัทตกฮวบขนาดนี้ ผมให้เวลาพวกคุณยังไม่พอหรือไง พวกคุณถึงเอาราคาหุ้นเดิมกลับมาไม่ได้ นี่พวกคุณทำอะไรกันอยู่!”
ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ ล้วนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์มาหลายปี อย่าว่าแต่คณพศเลย แม้แต่กษาปณ์ยังไม่เคยขึ้นเสียงกับพวกเขา วันนี้มาถูกวิษณุส์ด่าแบบนี้เหมือนโดนตบหน้าชัดๆ พวกเขาแสดงสีหน้าไมพอใจอย่างมาก “ช่วงนี้ที่ราคาหุ้นตกต่ำขนาดนี้ก็เพราะข่าวฉาวของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ไม่ใช่หรือไง เกี่ยวอะไรกับพวกเรากัน”
“ใช่ จริงๆ แล้วก็เพราะคุณวิษณุส์ที่ไม่รักษาภาพลักษณ์ของบริษัท ปล่อยข่าวเรื่องคุณคณพศติดยา อีกทั้งคุณกษาปณ์ก็มาเสียชีวิตในช่วงนี้พอดี ด้วยสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าผู้เล่นหุ้นต้องกระวนกระวายใจแน่นอน”
“เหอะ เพิ่งจะเป็นประธานหมาดๆ แค่สถานการณ์แบบนี้ยังแก้ไขไม่ได้แถมยังโยนความรับผิดชอบมาให้พวกเราอีก นี่มันเกินไปแล้ว!”
“ใช่ ตอนคุณคณพศอยู่ในตำแหน่งประธาน แม้เขาจะยโสไปหน่อย แต่ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เขาสามารถจัดการได้หมด ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ”
ในเวลานี้ห้องประชุมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้ถือหุ้นแต่ละคนรู้สึกไม่พอใจต่อวิษณุส์ พวกเขารู้สึกผิดหวังที่ตอนนั้นเห็นด้วยกับการให้วิษณุส์มารับตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
วิษณุส์เดิมที่กำลังโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แล้ว โกรธยิ่งกว่าเดิม เขาทุบโต๊ะอย่างแรง แล้วตะโกนออกมา “หุบปาก! กล้าดียังไงมาแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อหน้าฉัน ให้ไปปรึกษากันเองยังทำไม่ได้ยังมีหน้ามาว่าฉัน ไม่อยากทำก็ออกไปซะ!”
ผู้ถือหุ้นต่างยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ไม่ทำก็ไม่ทำ นายคิดว่าบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ในตอนนี้เหมือนแต่ก่อนงั้นหรือ ราคาหุ้นร่วงเอาๆ มูลค่าบริษัทในตลาดไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกเราจะถอนทุนคืนเพื่อป้องกันนายเอาทุนของพวกเราไปทำจนพังพินาศ”
“ใช่ คนไร้ประโยชน์อย่างนาย มีหน้ามาสั่งสอนพวกเรา คนไม่มีสมองอย่างนายน่ะ กระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์ตรงหน้า พวกเราไม่มีทางไม่มีทางเอาเงินไปลงทุนกับนายอีกแล้ว!”
“ไปกันเถอะ พวกเราขายหุ้นกันเถอะ ฉันรับไม่ได้กับการกระทำนี่จริงๆ”