The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 334 ท่องไปในกรุงโรมเพื่อตามหาภรรยา
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 334 ท่องไปในกรุงโรมเพื่อตามหาภรรยา
บทที่ 334 ท่องไปในกรุงโรมเพื่อตามหาภรรยา
แต่เพื่อให้ดีไซเนอร์อย่างนาราคนที่เข้ามาช่วยชีวิตบริษัทของเขาอยู่กับบริษัทต่อไป แม้เงื่อนไขที่ไร้สาระกว่านี้วิลเลียมก็ตอบตกลงอย่างแน่นอน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงแค่ไม่แพร่งพรายข้อมูลส่วนตัวของเธอแค่นั้นเอง
ดังนั้นวิลเลียม จึงตอบตกลงเธอไปด้วยความสบายใจ อีกทั้งยังอนุญาตให้นาราไม่ต้องเข้าบริษัทมาทำงาน ทุกๆวันจะให้เด็กในบริษัทออกไปส่งแบบร่างให้เธอถึงที่
กิจการของบริษัทวิลเลียม เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ไม่บริหารกิจการให้ขยายออกไปก็ไม่ใช่ boss ที่ดี ดังนั้นวิลเลียม มองไปถึงการลงทุนที่ไกลขึ้นอย่างการลงทุนที่ประเทศจีน ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะ ประชาชนร่ำรวย เป็นสถานที่ที่คนอุปโภคบริโภคเยอะที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งในประเทศจีนบริษัทที่มีอิทธิพลจนไม่มีใครเทียบได้ คือ บริษัทตระกูลปัญญาพนต์แห่งเมืองธิตกล
เพื่อที่จะเข้าสู่ตลาดของประเทศจีนอย่างราบรื่น วิลเลียม นำผลงานที่ขายดีที่สุดของนาราส่งให้บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ทั้งหมด โดยหวังว่าผลงานที่เยี่ยมยอดเหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของผู้นำบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
ไม่นาน วิลเลียม ก็รู้ว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
เพราะว่าประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์บอกว่าเขาจะมาดูงานด้วยตัวเอง นี่เป็นโอกาสใหญ่ที่ดีงยิ่ง วิลเลียม ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เขาใช้ความพยายามอย่างมากคิดว่าจะทำอย่างไรให้บริษัทตระกูลปัญญาพนต์เสนอข้อเสนอที่มีสิทธิพิเศษที่สะดวกต่อการลงทุนมากขึ้น
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าคณพศประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์จะมาถึง วิลเลียม รีบโทรหานารา เพราะเมื่อครู่เข้าเพิ่งได้รับโทรศัพท์ ปลายสายแจ้งว่าประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ต้องการเจอดีไซเนอร์ของ บริษัทTM
เพื่อแสดงความเคารพต่อนาราและรักษาสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับนารา วิลเลียม โทรหานาราเพื่อสอบถามความเห็นของเธอ
ในขณะนั้นนารากำลังยืดเส้นยืดสายอย่างสบายใจ
เคนโด้เตรียมอาหารเช้าไว้บนโต๊ะเรียบร้อย บนโต๊ะประกอบด้วยน้ำส้ม 2 แก้ว ขนมปังโฮลวีตอีกทั้งยังมีสลัดผักที่คลุกไว้เรียบร้อยแล้ว
เคนโด้ได้ยินเสียงมือถือของนาราดังขึ้น ก็ยื่นหัวไปเรียกนารา “นารา มาทานข้าวเช้าได้แล้ว มือถือเธอดังด้วย รีบมารับเร็ว”
“โอเค ไปแล้วๆ” นาราเช็ดเหงื่อแล้วเดินไปที่ห้องครัวแบบเปิดโล่ง รับมือถือที่เคนโด้ส่งให้ กดปุ่มรับสายด้วยท่าทีสบายใจ “สวัสดีค่ะ นี่ใครคะ?”
เสียงของวิลเลียม ผ่านมาตามปลายสาย ดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์เขาจะดีมาก “คุณดีไซเนอร์ คุณรีบจัดการตัวเอง แล้วไปรับแขกที่สนามบินกับผม”
นารารู้สึกประหลาดใจ จะให้เธอไปรับแขกอะไร “Boss เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันจะทำงานออกแบบแค่เบื้องหลัง เรื่องอื่นๆ ฉันไม่เข้าร่วมทั้งหมด ดังนั้นเรื่องที่ไปรับแขกนี้ ฉันไม่ไปได้ไหมคะ?”
วิลเลียม รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “ใช่ ตอนนั้นผมตอบตกลงคุณไปแล้วว่าไม่ให้คุณร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของบริษัท แค่ให้คุณตั้งใจกับการออกแบบ แต่บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เราจะมีโอกาสตีตลาดที่ประเทศจีนได้ดีที่สุด พวกเขาได้เห็นการออกแบบของคุณแล้วถูกใจ พวกเขาชี้ชัดว่าอยากเจอเธอ ดังนั้นเพื่อบริษัท ถือเป็นข้อยกเว้นสักครั้งได้ไหม?”
นาราเงียบไปครู่หนึ่ง พูดจริงๆ ว่าเธอไม่ชอบการคบค้าสมาคมประเภทนี้เลย เพราะฉะนั้นเธอเลยบอกไปแต่แรกว่าเธอรับผิดชอบแค่งานออกแบบเท่านั้น
แต่วิลเลียมเป็นบอส มีความสุภาพกับเธอมาโดยตลอด นาราไม่อยากทำให้เขาเสียหน้า ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วตอบตกลง
“โอเคค่ะ แต่ว่าบอสคะ ฉันถามได้ไหมว่าเป็นบริษัทไหน?” เธอไม่รู้ว่าทำไมใจเธอถึงกังวลขึ้นมา เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบริษัทไหนถูกใจแบบร่างแล้วอยากเจอดีไซเนอร์ด้วยตัวเอง
วิลเลียม เมื่อได้ยินนาราตอบตกลง ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา “แค่คุณตอบตกลงก็โอเคแล้ว เดี๋ยวผมไปรับคุณ สำหรับเรื่องบริษัทอะไรผมคงไม่ต้องพูดถึง ผมว่าคุณน่าจะเดาได้นะ แน่นอนว่าต้องเป็นบริษัทที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ กิจการของพวกเขากระจายไปทุกที่ทั่วโลก เพียงแค่พวกเราได้รับการลงทุนจากเขา การตีตลาดในประเทศจีนก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย”
ด้าน วิลเลียม พูดอย่างมั่นใจ ฝ่ายนารากลับแข็งทื่อไปแล้ว “บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ไหนคะ คุณพูดถึงบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองธิตกลหรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้ว บริษัทเล็กๆ อย่างเรา ถูกบริษัทชั้นนำระดับโลกสนใจแบบนี้ โอกาสแบบนี้ช่างหาได้ยาก ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำมันให้ดี ห้ามให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรทั้งนั้น!”
ฝ่ายวิลเลียม พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่นารารู้สึกราวกับฟ้าผ่า เธอยืนอึ้งตะลึง
เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ลืมไปหมดว่าควรทำอย่างไรดี มือไม้อ่อนปวกเปียกจนมือถือหล่นลงพื้น
“คุณดีไซเนอร์ เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผมจะรีบไปรับคุณ” วิลเลียมพูดได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากปลายสาย ยังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาราหรือเปล่า เลยถามขึ้นอย่างกังวล “คุณดีไซเนอร์ คุณดีไซเนอร์?”
แต่ไม่ว่าวิลเลียมจะตะโกนเท่าใด ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสาย
วิลเลียม วุ่นวายใจจนคิ้วขมวด เขายกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นดูเวลา พบว่าเวลาที่บริษัทตระกูลปัญญาพนต์จะมาถึงเหลือไม่ถึง 20 นาที
“ไม่ได้การละ ไม่ทันแน่ๆ ฉันต้องไปรับเธอก่อน” วิลเลียมเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังห้องพักที่นาราเช่าอาศัยอยู่
ทว่านาราหลังจากที่คุยกับโทรศัพท์กับวิลเลียมจบ เธอก็ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น สมองขาวโพลนไปหมด ขนาดมือถือของตัวเองหล่นลงพื้นยังไม่รู้ตัว
ในปีนี้ เพื่อหนีจากการตามหาของคณพศ เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะหลบอยู่ที่อิตาลี ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่กรุงโรมนี่
แม้แต่เวลาที่เธอทำงานออกแบบ เธอพยายามไม่ให้มีอะไรเกี่ยวกับชื่อของตัวเอง เธอทำงานอยู่เบื้องหลังเท่านั้น เพราะกลัวว่าจะมีเบาะแสให้คณพศตามหาตัวเธอเจอ
แต่เธอคาดไม่ถึงจริงๆ ว่านักลงทุนที่จะลงทุนกับบริษัทTM ในครั้งนี้ จะเป็นบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ นี่เรียกว่าเรื่องบังเอิญ หรือว่าจะเป็นโชคชะตาที่น่าอัศจรรย์กันนะ?
อีกทั้งเมื่อได้ฟังวิลเลียมพูดว่าคนที่มาจากบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ชี้ชัดว่าต้องการพบดีไซเนอร์ภาพร่างแบบเหล่านี้ ดูเหมือนข้อมูลของเธอจะถูกเปิดเผยซะแล้ว
แต่ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเธอมันรั่วไหลออกไปตอนไหนนะ บนแบบร่างของเธอทั้งหมด เธอเพียงแค่เขียนตัวอักษรเจม ลงไปเท่านั้น ไม่เคยเซ็นชื่อของตัวเองลงไปเลย
แท้จริงแล้วมันผิดพลาดตรงไหนกันแน่?
นารานั่งยองอยู่บนพื้น ระหว่างที่เธอกำลังคิด แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่นั้น เคนโด้ที่ยุ่งอยู่ในครัวได้ยินเสียงมือถือตกลงบนพื้น เขานึกว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับนารา จึงรีบวิ่งมา “นาราเธอเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เมื่อเขาเดินมาถึงก็พบว่านารานั่งยองเหม่ออยู่ที่พื้น สีหน้าดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร แววตาว่างเปล่าดูไม่มีชีวิตชีวา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เคนโด้กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที ถามคนที่นั่งยองอยู่ข้างๆ “นารา เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
นาราเมื่อได้ยินคำถามของเคนโด้ สติก็กลับมา เธอหันหน้าที่ซีดมามองเคนโด้ด้วยสีหน้าเหมือนไม่มีใครช่วยอะไรได้ “เคนโด้ คณพศเขามาแล้ว”
“อะไรนะ?” เคนโด้ตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าคณพศจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันแบบนี้
นาราตอบกลับไปด้วยคำเดิม “นายฟังไม่ผิดหรอก คณพศเขามาแล้ว”