The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 338 เขาคิดถึงเธอจนเป็นไข้ใจ
บทที่ 338 เขาคิดถึงเธอจนเป็นไข้ใจ
ยชญ์ผิดหวังสุดๆ ถ้ารู้ว่าต้องมารับงานแบบนี้ ให้พูดยังไงเขาคงไม่มากรุงโรมกับคณพศอย่างแน่นอน
“บินมาตั้งนาน ฉันก็เหนื่อยแล้ว พักผ่อนสักหน่อย เรื่องดินเนอร์คืนนี้ค่อยว่ากัน” คณพศพูดจบก็หมุนตัวเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแบบเร็วๆ แล้วเอนตัวลงบนเตียงกว้างเพื่องีบสักพัก
จริงๆ แล้วเขาไม่เหนื่อยกายแม้แต่น้อย แต่เขากลับเหนื่อยใจเล็กน้อย เดิมนึกว่าจะได้มาเจอนาราที่นี่ แต่กลับโดนหลอก ผลของมันทำร้ายเขาจนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร
คณพศเอนลงบนเตียงด้วยความหดหู่หงอยเหงา เขาค่อยๆ ปิดตาลง พึมพำในใจ ‘นารา ถ้าเธอยังอยู่ก็ส่งข่าวคราวให้ฉันบ้าง ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน’
หลายวันที่ผ่านมา ความคิดถึงมีผลกับการใช้ชีวิตของเขามาก เมื่อเขาหลับตาก็พลันคิดว่าเธออยู่ข้างกายและสัมผัสเธอ
ยชญ์ดูมีกำลังทั้งกายและใจดีมากเมื่อเทียบกับคณพศที่ดูหดหู่เหลือเกิน เขาเห็นคณพศหลับไปแล้ว จึงถือโอกาสเดินออกจากห้องเพื่อลงไปบาร์น้ำข้างล่างโรงแรม
ขณะที่คณพศนอนอยู่บนเตียงแล้วกำลังจะเคลิ้มหลับไปนั้น เขาก็ละเมอขึ้นมา
เมฆขาวลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าสีคราม ใต้เท้าเขาคือสนามหญ้าเขียวชอุ่มที่ได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต
คณพศเดินไปบนสนามหญ้าอย่างไร้จุดหมาย มีต้นแปะก๊วยต้นใหญ่อยู่ไกลๆ ปรากฏร่างของคนที่เขาคุ้นเคยนั่งอยู่ใต้ต้นแปะก๊วย
เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยสวมกระโปรงผ้าโปร่งสีขาว คณพศรู้สึกว่าใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาเดินไปหาร่างที่อยู่ใต้ต้นไม้อย่างเงียบๆ ราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ
ใกล้เข้าไป….. ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
คณพศเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เขาค่อยๆ เห็นหลังของร่างนั้นแล้ว
เขาชะงัก เขามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรักอย่างสุดใจ คนที่เขาคิดถึงอย่างสุดหัวใจ เขาดึงเอวเธอเข้ามากอดแน่น เสียงแผ่วเบาที่ออกมาจากใจ “นารา ในที่สุดผมก็หาคุณเจอแล้ว ดีจริงๆ เลย คุณรู้ไหมว่าผมคิดถึงคุณแค่ไหน?”
คนที่อยู่ในอกของเขาเงยหน้าขึ้น เป็นนาราที่คณพศคิดถึงอย่างสุดหัวใจจริงๆ เธอมองคณพศกลับด้วยสายตาเป็นประกาย ซบลงที่ไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยน พูดด้วยน้ำเสียงที่ออกมาจากใจ “ค่ะ ฉันก็คิดถึงคุณ”
ได้ฟังน้ำเสียงของนาราแล้ว ความคิดถึงที่เขาสะสมมานานกลับกลายเป็นความอิ่มอกอิ่มใจ เขามองนาราด้วยสายตาเป็นประกาย ค่อยๆ ก้มหน้าลงและโน้มริมฝีปากไปยังริมฝีปากสีแดงเย้ายวนที่ทำให้เขาหลงใหล
แต่ทว่าเมื่อเขากำลังจะโน้มริมฝีปากไปยังริมฝีปากแดงเย้ายวนนั่น ก็มีกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนลอยมาแตะจมูก
กลิ่นเหม็นคาวนี่ เหมือนกลิ่นของปลาเค็มที่ใกล้จะเน่า เหม็นจนทำให้คณพศลืมตาโพลง
เขาพบว่าไม่มีท้องฟ้าสีคราม ไม่มีเมฆขาว ไม่มีต้นไม้สีเขียว ไม่มีแม้แต่นารา ภาพสวยงามที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อครู่เขาแค่ฝันไปเท่านั้น
แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาตกใจไปกว่านั้นคือ เจมม่า ที่สวมชุดราตรีคอลึกสุดๆ ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แถมยังอยู่ในท่าที่มือของเขากำลังกุมมือเธออยู่
นี่มันเป็นอะไรที่น่ากระอักกระอ่วน คณพศสะบัดมือเจมม่าออกราวกับถูกไฟช็อต ถามอย่างสงสัย “เอ่อ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เจมม่า มีสีหน้าผิดหวัง ตอนแรกเธอจะมาชวนคณพศไปงานดินเนอร์ แต่เคาะประตูเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก จึงถือโอกาสผลักเข้ามา
จากนั้นก็เห็นคณพศนอนหลับอยู่บนเตียง ขนาดตอนเขาหลับยังหล่อจนทำให้หายใจแทบไม่ออก เธอเลยเดินเข้าไปหาเขา ไม่ได้ปลุกให้เขาตื่นแต่กลับสำรวจใบหน้าของเขาตอนหลับอย่างเงียบๆ
แต่เธอไม่คิดว่าคณพศที่กำลังฝัน อยู่ดีๆ ก็จับมือเธอ อีกทั้งยังตะโกนเรียกภรรยา ทำให้เธอตะลึงไป เธอไม่รู้จะแสดงท่าทีอย่างไร มันเป็นความสุขที่เปี่ยมล้นไปทั้งกายโดยไม่สามารถอธิบายได้
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุด สิ่งที่กระตุกใจเธอยิ่งกว่ามันอยู่ตอนท้าย ขณะที่เธอกำลังเพ้อฝันว่าตัวเองเป็นภรรยาของคณพศ คนที่กำลังฝันอยู่อย่างคณพศก็จับมือเธอและเอามือเธอไปแนบริมฝีปาก
ความสุขมันมาเร็วเกินไป เจมม่าตัวสั่น ตื่นเต้นจนอยากจะเต้นออกมาเลย
ผู้ชายที่ดีและหล่อสง่าอย่างนี้ แถมยังมีทรัพย์สินอีกมากมาย มาเรียกเธอว่าภรรยาอีกทั้งยังทำเป็นแกล้งหลับเอามือเธอไปจูบอีก
โอมายก็อด เธอจะทนไม่ไหวแล้ว ใครก็ได้มาช่วยเธอที!
ตั้งแต่เล็กจนโตเจมม่าเติบโตที่กรุงโรม เธอได้ยินคนชมเธอว่าสวยจนชิน เจอผู้ชายหลายประเภทที่ทำทีเข้ามาพูดคุยแล้วขอเบอร์มือถือ แต่เธอยังไม่เคยเจอผู้ชายที่สุขุมอย่างเขา สายตาเย็นชาของเขาแม้จะไม่ได้ทำอะไร ก็ทำให้เธอตกหลุมรักได้
พระเยซูพระเจ้าได้โปรดช่วยเธอด้วย ได้โปรดทำให้เธอสามารถควบคุมตัวเองได้ อย่าให้เธอโดนผู้ชายที่ดีเลิศแบบนี้จูบเข้าให้ก็จะเป็นลมแล้ว
เหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเธอ ตอนที่คณพศเกือบจะจูบหลังมือของเธอ เขาก็ชะงักไปและขมวดคิ้วขึ้นมา
ทันใดนั้นเหมือนเธอเข้าไปในห้องเย็น ผิดหวังจนเกือบจะตบหน้าตัวเองสักครั้ง จะเรียกหาพระเจ้าทำไมเนี่ย พระเจ้าตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว ให้ประธานคณพศโน้มตัวมาหาฉันเถอะ
ตอนที่เจมม่า มีสีหน้าคิดนู้นคิดนี้อยู่ คณพศจึงถามแบบอดรำคาญไม่ได้ “คุณ เจมม่า ผมอยากรู้ว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เจมม่าเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันสติของเธอกลับคืนมา เธอมองคณพศแบบอายๆ “ประธานคณพศ ตอนแรกฉันจะมาเชิญคุณกับคุณยชญ์ไปงานดินเนอร์ที่พวกเราตั้งใจจัดให้คุณ แต่ฉันเคาะประตูเท่าไรก็ไม่มีคนตอบรับ ฉันเลยถือโอกาสผลักประตูเข้ามา เห็นคุณนอนหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุกคุณนะค่ะ”
“อ่อ” คณพศลากเสียงยาว ลุกนั่งบนเตียงอย่างไม่ค่อยพอใจ “งั้นคุณก็เลยถือโอกาสมายืนอยู่ที่เตียงผม แล้วรอให้ผมตื่น? หึหึ คุณ เจมม่าที่บ้านคุณไม่สอนหรอ ว่าอย่ามาใกล้ผู้ชายที่กำลังหลับอยู่น่ะ?”
เดิมคณพศมีความสุขเพราะฝันถึงนารา ใครจะรู้พอตื่นขึ้นมาเจอผู้หญิงแขนใหญ่เอวหนาอย่างเจมม่า หมดความอยากกินอะไรเลย คำว่าไม่มีความสุขเขียนอยู่เต็มหน้าเขา แม้แต่น้ำเสียงในการพูดก็ไม่แสดงความเกรงใจแล้ว
เจมม่าโดนคณพศเหน็บแนมจนหน้าแดง แถมยังกลัวว่าคณพศจะดูถูกเธออีก จึงรีบอธิบาย “ฉัน… ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะประธานคณพศ ฉันแค่… แค่…”
“พอเถอะ ให้เรื่องนี้จบตรงนี้เถอะ รบกวนคุณช่วยออกไปก่อน ผมขอเวลาจัดการตัวเองสักครู่” คณพศพูดจบก็เชิญเจมม่าออกไปอย่างมีมารยาท
ความไม่พอใจแสดงออกมาทางหัวคิ้วที่ขมวดของเขา เจมม่ารู้ว่าควรทำอย่างไรในตอนนี้จึงผลักประตูเดินออกไปข้างนอก ประจวบเหมาะกับยชญ์ที่เดินกลับมาพอดี เมื่อเขาเห็นเจมม่า จึงอึ้งไปสักครู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณ เจมม่า?” ยชญ์มองเจมม่าที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแบบงงๆ จึงออกปากทักทาย