The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 387 เขาถูกคลื่นซัดหายไป…
ตอนที่ 387 เขาถูกคลื่นซัดหายไป…
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของนารา คณพศก็รู้ได้ว่าในใจของเธอต้องการจะพูดอะไร จึงเอ่ยเบาๆ ว่า “ผมไม่เป็นไร ยชญ์พาลูกน้องไปค้นหาในทะเลแล้ว คุณวางใจเถอะ พวกเขาต้องหาเคนโด้เจอแน่”
นาราถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เธอถามด้วยจมูกที่ปวดตื้อ “มิราล่ะ? เขาเป็นอะไรรึเปล่า?”
คณพศส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร เพียงแต่ตอนนั้นรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้นเอง ตอนนี้เรื่องมันผ่านไปแล้ว เร็วๆ นี้เขาก็กลับมามีชีวิตชีวาแล้วล่ะ”
“ดีจัง” นาราพยักหน้าอย่างวางใจ สายตามองไปยังแขนของคณพศ “แขนของคุณ เจ็บรึปล่า?”
คณพศรู้สึกอบอุ่นในใจจากการที่นารามองมาอย่างนั้น “เจ็บสิ จะไม่เจ็บได้ยังไง” เขาพูดด้วยท่าทางออดอ้อน
มุมปากของนารายกขึ้น “งั้น งั้นคุณมานอนนี่สิ พักสักหน่อย ไม่ต้องนั่งตรงนั้นแล้ว นอนลงไปน่าจะดีกว่านะ”
แววตาคณพศส่องประกายอย่างดีใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนอนลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ขยับเข้าไปข้างตัวนารา พูดด้วยสีหน้าที่มีความสุข “มีคุณอยู่ข้างๆ ผมก็ไม่เจ็บแล้ว”
โพรงจมูกของนาราตื้อตันอีกครั้ง อยู่ๆ เธอก็นึกถึงเคนโด้ขึ้นมา ครั้งหนึ่งที่เขาเป็นไข้หนัก ส่วนเธอนั้นกำลังวุ่นกับการต้มซุปให้เขา เคนโด้ที่มีผ้าชุบน้ำวางอยู่บนหัวในตอนนั้นก็พูดแบบนี้เช่นกัน
คณพศไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ นาราจึงหลั่งน้ำตา ยังคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป จึงรีบพูดอธิบาย “ที่รัก ผมพูดจากใจจริงนะ ไม่ว่าคุณไปที่ไหน ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งหนใด แค่นอนอยู่ข้างๆ คุณ หัวใจของผมก็จะสงบ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งตัวมีแต่ความสุขท่วมท้น เจ็บแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ”
“อื้ม” นาราตอบรับเบาๆ “ไม่ต้องพูดแล้ว คุณบาดเจ็บอยู่ คุณต้องพักผ่อนให้มากๆ “
“แต่ที่รัก” ทันใดนั้นน้ำเสียงของคณพศก็เปลี่ยนไป “แต่ถ้าผมควบคุมมันไม่ได้จะทำยังไงดีล่ะ?”
นารามองหูของคณพศที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นสีแดงอย่างแปลกใจ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของเขา
เธอลอบมองส่วนล่างของคณพศ เห็นเป้ากางเกงของเขาที่ตุงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั่วทั้งใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมา
“…..” ผู้ชายคนนี้นี่มัน…. บาดเจ็บตั้งขนาดนี้ ยังจะมีใจมาคิดเรื่องนี้อยู่อีก
“คุณอย่าคิดเรื่องพรรค์นั้นทั้งวันจะได้ไหม ตอนนี้มันเวลาไหน คุณยังเอาแต่คิดเรื่องสัปดนอยู่ได้!”
คณพศกอดนารา “ที่รัก เพราะพวกเราแยกจากกันมานาน ผมคิดถึงคุณ….”
“ดูสิ ผมมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ตลอดเลย และก็ไม่สามารถบังคับเขาไม่ให้คิดถึงคุณได้ด้วย”
นาราแดงเถือกไปทั้งหน้า เธอผลักคณพศอย่างแรง แต่กลับได้ยินเขาร้องโอดโอย “เจ็บ….”
“อ้ะ? เป็นอะไรไหม? ฉันแตะโดนแผลของคุณเหรอ?” นารารีบหันกลับมาหาคณพศด้วยความเป็นห่วง แต่กลับสบเข้ากับแววตาอ่อนโยนเหมือนกับผิวน้ำของเขา
คณพศมองนาราอย่างลึกซึ้ง “ไม่เจ็บหรอก ไม่เจ็บเลยสักนิด ที่รัก ขอแค่มีคุณอยู่ ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย”
ว่าดังนั้น คณพศก็ยื่นมือข้างที่บาดเจ็บของตัวเอง รั้งนาราเข้ามาในอ้อมแขน กระชับเธอเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น “ที่รัก ผมอยาก….”
คณพศยังไม่ทันพูดจบ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเข้ามาอย่างกะทันหัน มิรากระโดดโลดเต้นเข้ามา “หม่ามี๊ ตื่นแล้วเหรอครับ?”
นาราอายแทบแทรกดินหนี เธอเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงทันที “อื้ม ใช่จ้ะ หม่ามี๊ตื่นแล้วล่ะ”
มิราดีใจอย่างมาก รีบกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนารา “ดีจังเลย หม่ามี๊ ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอหม่ามี๊อีกแล้ว”
นารากอดมิราเอาไว้ ใช้มือลูบหลังเขา เอ่ยปลอบเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้วนะมิรา เป็นความผิดหม่ามี๊ไม่ปกป้องลูกให้ดี หม่ามี๊สาบานว่าจากนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
“อื้ม” มิราซบลงกับหน้าอกของนารา ใบหน้ายิ้มพริ้มพรายราวทูตสวรรค์ตัวน้อย
แต่คณพศที่อยู่ข้างๆ นั้นกลับไม่มีสีหน้าดีใจเลยสักนิด เจ้าหนูนี่ไม่มีตารึไง จะวิ่งเข้ามาในเวลาแบบนั้นนี้ทำไมกัน?!
แต่ถึงจะหงุดหงิดจนต้องเคี้ยวฟัน แต่ก็ทำได้แค่อดกลั้นกับความต้องการอันมหึมาของร่างกาย เมื่อสองวันก่อนเขาดื่มซุปได้แค่นิดหน่อย แม้แต่ซุปก็ไม่รู้รส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกินเนื้อ
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้คนที่ทำให้เขาต้องปวดหัวตรงหน้านี้เป็นภรรยากับลูกชายของเขากันล่ะ!
สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องพักผู้ป่วยตลอดช่วงเช้า บรรยากาศอบอุ่นกลมเกลียว
ตกเย็น ยชญ์ผู้รับผิดชอบการเก็บกู้ก็กลับมา
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง บรรยากาศก็หมองลง
เมื่อเห็นสีหน้าคาดหวังของนารา ยชญ์ก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ “น้องสะใภ้ ขอโทษจริงๆ ฉันกับทุกคนยุ่งกันตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังไม่เจอเคนโด้เลย”
ใบหน้าของนาราพลันขาวซีดราวกับกระดาษ “หาไม่เจอเลยอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ไม่เลย” ยชญ์ส่ายหน้า “ไม่เจออะไรเลย ที่นั่นเป็นจุดที่กระแสน้ำรุนแรงพอดี บางทีตอนที่พวกเขาตกลงไป คงจะถูกกระแสน้ำพัดไป อย่าว่าแต่เคนโด้เลย แม้แต่ไอ้เลววิษณุส์ พวกเราก็ไม่พบเลย”
ช่างเป็นความจริงที่น่าผิดหวัง ชั่วขณะหนึ่งนาราปวดร้าวแทบไม่อาจทนไหว เธอรีบเดินเข้าไปหายชญ์ จับแขนเขาอย่างแรง “ไม่ พวกคุณก็แค่ยังไม่เจอเท่านั้นเอง ฉันขอร้องพวกคุณ ได้โปรดไปค้นหาอีกครั้งนะคะ จะต้องเจอเขาแน่ๆ ต้องเจอแน่”
ยชญ์ส่ายหน้าอย่างมีสติ “น้องสะใภ้ ความจริงไม่เจอก็ถือเป็นเรื่องดี ถ้าหากเรากู้พบร่างจากในน้ำจริงๆ นั่นก็ต้องเป็นศพของเขาอย่างแน่นอน ตอนนี้หาเขาไม่เจอ บ่งบอกว่าเขาอาจถูกน้ำทะเลพัดไปแล้ว บางทีอาจถูกพัดไปยังเกาะที่ไม่รู้จัก นั่นคือยังคงมีความหวังว่ายังมีชีวิตอยู่”
“อย่างนั้นเหรอคะ? เป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอคะ?” นาราน้ำตาคลอเบ้า หันไปมองคณพศอย่างไม่อยากจะเชื่อ
คณพศพยักหน้า “ที่รัก สุดท้ายแล้วเคนโด้ก็เป็นน้องชายของผม ผมยิ่งไม่อยากจะเห็นเขาเกิดเรื่องแบบนี้ หาไม่เจอก็เป็นเรื่องดี เชื่อว่าเขาคงถูกน้ำพัดไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่รู้จัก ไม่แน่ว่าในเวลาสั้นๆ ก็อาจจะกลับมาก็ได้”
เรื่องเป็นเช่นนี้ นาราก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปแบบนี้
แต่ว่า ตอนนั้นที่เคนโด้ตกลงไปบนตัวเขาก็มีบาดแผลสาหัสขนาดนั้น เลือดชุ่มไปทั้งหน้าอกและหลัง เขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยจริงๆ รึเปล่า?
“ยชญ์ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นายติดประกาศไปทั่วโลก หากมีใครพบเห็นเคนโด้ ไม่ว่าเป็นหรือตาย จะมีรางวัลหนึ่งล้าน!” คณพศพูดอย่างใจเย็น “ภายใต้รางวัลนั่น จะต้องมีใครสักคนเจออย่างแน่นอน”
“ได้เลย ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ยชญ์เอ่ยจบก็ถอยออกไป ภายในห้องเหลือเพียงครอบครัวของคณพศทั้งสามคนอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้มิราแอบฟังอยู่เงียบตลอด จนเมื่อยชญ์เดินออกไป เขาจึงถามกับนาราเสียงเบา “หม่ามี๊ คุณลุงเคนโด้ที่ช่วยผมไว้ เขาจะไม่กลับมาแล้วจริงๆ เหรอครับ?”
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงมาจากดวงตาของนารา เธอรีบเช็ดมันออก มองมิราอย่างจริงจัง “ไม่ เขาจะกลับมา เขาต้องกลับมาแน่