The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 388 ให้ได้กอดคุณไว้โดยไม่ทำอะไร...
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 388 ให้ได้กอดคุณไว้โดยไม่ทำอะไร...
ตอนที่ 388 ให้ได้กอดคุณไว้โดยไม่ทำอะไร…
คณพศยื่นมือออกไปรวบนาราและมิราเข้ามาในอ้อมแขน “วางใจเถอะ เขาจะต้องกลับมาแน่นอน ผมรับประกัน”
“อื้ม” นารากลืนน้ำตาที่ไหลมาที่มุมปาก มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ใช่แล้ว เคนโด้เอาแต่พูดว่าโลกใบนี้มันสวยงามอย่างไร เขาจะไปทำพลาดได้ยังไง?
ค่ำคืนค่อยๆ หรี่แสง ท้องของคณพศเริ่มส่งเสียงประท้วง คณพศมองไปทางนาราด้วยความเก้อเขิน “ที่รัก ผมหิวแล้ว”
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้” นาราพูดพลางกำลังจะเดินออกจากห้องผู้ป่วย
คณพศใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บดึงนาราเอาไว้ “ไม่ต้องหรอก ที่รัก ผมก็แค่อยากกินแอปเปิ้ลสักลูก คุณปอกให้ผมหน่อยนะ?”
นารายังคิดว่าเขาอยากจะขออะไรซะอีก ที่แท้ก็แค่ปอก้แอปเปิ้ล “โอเค”
เธอหยิบ้แอปเปิ้ลผลหนึ่งออกมาจากตู้ แล้วใช้มีดปอกอย่างชำนาญ เปลือกแอปเปิ้ลห้อยลงมาเป็นเกลียว เธอปอกไปครึ่งลูกอย่างรวดเร็ว
ส่วนคณพศนั้นกำลังมองดูนาราที่กำลังใช้สมาธิ ภรรยาของเขาที่พอจริงจังขึ้นมาแล้ว ก็สวยราวกับนางฟ้าตกสวรรค์ทีเดียว
“ได้แล้วล่ะ เอ้า” นาราเอาเปลือกแอปเปิ้ลทิ้งลงไปในถังขยะ ก่อนส่งแอปเปิ้ลให้กับคณพศ “กินสิ”
คณพศใช้สายตาเหล่ไปยังมือที่พันผ้าพันแผลของตัวเอง “ที่รัก คุณรู้ไหม ว่าแขนผมกำลังบาดเจ็บล่ะ กำลังใส่เฝือกด้วย”
“แล้ว?” นาราหรี่ตามองคณพศ เธออยากจะเห็น ว่าเจ้าจอมวายร้ายนี่คิดจะทำอะไร
“ดูแลคนป่วยหน่อยสื ใครๆ ก็ทำกัน ที่รัก คุณป้อนผมหน่อยสิ?” คณพศคิดคำนวณกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัว ในใจก็แอบดีใจที่มิราหลับไปแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะมาแย่งแอปเปิ้ลกับตัวเอง
นาราเคืองเล็กน้อย รู้สึกว่าคณพศเอาแต่ทำตัวไม่มีเหตุผล แขนเขาข้างหนึ่งใส่เฝือกอยู่ก็จริง แต่มืออีกข้างก็ไม่ได้บาดเจ็บสักหน่อยนี่?
“คณพศ คุณเป็นผู้ชายที่สง่าผ่าเผย บาดเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ก็ให้คนอื่นป้อนให้แล้ว อายบ้างไหมเนี่ย?”
“แน่นอนว่าไม่ ที่รัก ผมหิวจะเป็นลมอยู่แล้ว คุณจะไม่สงสารผมหน่อยเหรอ?” คณพศแสร้งเม้มปากเหมือนรู้สึกผิด “ผมรู้ คุณคงคิดว่าบาดแผลของผมเบามากใช่ไหม?”
ทันใดนั้นนาราก็รีบปิดปากคณพศอย่างตกใจ “พูดเพ้อเจ้อ คุณพูดซี้ซั้วแบบนี้ได้ยังไง? ก็ได้ ก็ได้ ฉันยอมแล้วพอใจรึยัง?”้
ว่าดังนั้น นาราก็ใช้มีดหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งให้ถึงปากของเขา”
คณพศรับแอปเปิ้ลเข้าปากหน้าตาระรื่น ใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ที่รัก คุณนี่ดีจริงๆ บนโลกนี้ มีแค่คุณที่ดีกับผมที่สุด”
นาราถลึงตาใส่คณพศอย่างอารมณ์เสีย “เอาเข้าไป กินของอยู่ก็ยังไม่หยุดปาก กินดี อย่าพูดมาก กลืนระวังด้วย”
คณพศพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อื้ออื้อ กินแอปเปิ้ล ฮิฮิ”
มิราที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน “หม่ามี๊ ผมก็อยากกิน”
“ได้จ้ะ เอ้า” นาราย้ายแอปเปิ้ลที่จะส่งเข้าปากของคณพศไปให้มิราอย่างไม่ลังเล
คณพศหน้าบูดบึ้ง เจ้าหนูนี่ มากวนเขาโดยแท้เลย มันน่าตีจริงๆ!
“ไม่ได้ ผมยังกินไม่อิ่มเลย ที่รัก คุณห้ามลำเอียงนะ” คณพศว่าแล้ว ก็อาศัยคอยาวๆ ตะครุบแอปเปิ้ลที่หั่นแล้วกลับมาจากปากของมิรา
มิราเห็นว่าอาหารที่จะเข้าปากโดนแย่งไป ก็มุ่ยปากด้วยความโมโห ก่อนชี้ไปที่คณพศแล้วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “หม่ามี๊ ดูแดดดี้สิ! เขาแย่งของผมไปกิน!”
“คิดดูให้ดีนะ ต้องผู้ใหญ่ให้เด็กเหรอ ไม่ใช่ ต้องเด็กให้ผู้ใหญ่สิ! ลูกไม่เคยเรียนนิทานเรื่องข่งหยงสละลูกแพร์เหรอ?” เพื่อให้ได้กินแอปเปิ้ลเยอะๆ คณพศก็พูดจาเลอะเทอะออกมาได้หน้าไม่อาย
มิราถลึงตามองคณพศอย่างไม่ย่อท้อ “ฮึ่ม ผมเคยได้ยินแค่การเคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาผู้น้อยเป็นคุณธรรมอันดีงามเท่านั้นเอง”
“ใช่แล้ว เคารพผู้อาวุโสมาก่อน รักเมตตาผู้น้อยมาทีหลัง แดดดี้ของลูกก็คือผู้อาวุโส ไม่เคารพผู้ใหญ่ แล้วจะเมตตาเด็กได้ยังไง?” ในความเป็นนักธุรกิจ ความสามารถในการชักแม่น้ำของคณพศนั้นสุดยอด แน่นอนว่า ในเวลานี้เขากำลังกลับผิดเป็นถูกปนกันวุ่นได้อย่างเยี่ยมยอด
ตามคาด มิราถูกเขาหลอกจนสับสน ก่อนกระโดดลงจากเตียง เกาหน้าเล็กของตัวเองแล้วพูดแขวะ “แดดดี้ชอบหลอกเด็ก ก็แค่อยากกินแอปเปิ้ลเยอะๆ เท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย! ผมจะไปหาลุงยชญ์ ให้เขาพาไปกินข้าว ไม่เล่นด้วยแล้ว เชอะ!”
เมื่อพูดจบ มิราก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
นาราเป็นค่อนข้างเป็นห่วง จึงลุกขึ้นคิดจะตามมิราไป “ระวังหน่อย อย่าวิ่งเร็วแบบนั้นสิ รอหม่ามี๊ด้วย”
แต่เธอยังไม่ทันจะก้าวขา คณพศก็รั้งข้อมือของเธอเอาไว้ “ไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น ตอนนี้ผมก็ให้บอดี้การ์ดคอยคุ้มครองเขาอยู่ข้างตัว คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาแล้ว”
นารารู้ว่าคณพศนั้นพูดจริงทำจริง ในเมื่อเขาบอกแบบนั้น งั้นตัวเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของมิราแล้ว
เพียงแต่ ดึกดื่นขนาดนี้ ให้เธออยู่ร่วมห้องกับคณพศ ทำไมอยู่ๆ เธอถึงรู้สึกว่าความปลอดภัยของตัวเองเริ่มจะไม่แน่นอนซะแล้ว?
อย่างที่คิด พอมิราออกไปแล้ว บรรยากาศในห้องผู้ป่วยก็เริ่มคลุมเครือขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศของค่ำคืน หรือเพราะแสงของโคมไฟ ถึงได้มีฟองอากาศรูปหัวใจสีชมพูล่องลอยบินว่อนไปมาอยู่ในอากาศ
“ที่รัก มานี่เร็ว!” ดวงตาของคณพศลุกโชนเหมือนกองไฟสองกอง ที่แทบจะเผาไหม้นาราให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
นาราเดินเข้าไปนั่งลง มองแววตาเปล่งประกายของเขา
เธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองแข็งทื่อ เธออยากจะยืนขึ้นแล้วเดินออกไป แต่กลับพบว่าทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง ตัวเธอนั้นราวกับต้องมนต์ ตื่นเต้นจนแม้แต่นิ้วก็กระดิกไม่ได้
มือของคณพศโอบเอวบางของนารา รั้งเธอเข้ามาที่แผ่นอกของตัวเอง “ที่รัก ให้ผมได้กอดคุณไว้ได้ไหม? ผมสาบานว่าจะไม่ทำอะไรจริงๆ”
ว่าแล้วก็ไม่รีรอให้นาราตอบตกลง เขาออกแรงบังคับนาราเข้ามาในอ้อมกอด
นาราไม่กล้าต่อต้าน เพราะกลัวว่าจะกระทบบาดแผลของคณพศ แล้วจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหนักขึ้น
นาราพิงแผ่นอกของคณพศอย่างว่าง่าย ฟังเสียงหัวใจที่สงบและทรงพลังของเขาอย่างเงียบๆ
“ที่รัก คุณรู้ไหม? ปีกว่าที่คุณไม่อยู่ ผมก็กลับไปเหมือนเมื่อหกปีก่อนอีกครั้ง ผมเป็นราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ กินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกว่าชีวิตมันช่างเป็นของจอมปลอม ไร้เหตุผล หลายครั้งที่ผมดื่มจนเมา ผมนึกอยากกระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของบริษัทมาก”
“จริงๆ นะ หลายต่อหลายครั้ง ผมคิดว่าอยากจะกระโดดลงมาแบบนั้น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่ามันคงทำให้หัวใจของผมไม่ต้องเจ็บปวด”
“แต่ว่า ตอนที่ผมก้าวไปถึงขอบหน้าต่าง รอยยิ้มในอดีตของคุณก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผม ผมยังหาคุณไม่เจอเลยนี่นา แล้วจะจบชีวิตตัวเองอย่างโง่เขลาแบบนี้ได้ยังไง?”
“เพราะงั้น ผมจึงย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดผมก็เจอคุณ ผมอยากจะขอบคุณตัวเอง ที่เฝ้ารอมาจนถึงวันที่ได้พบคุณในที่สุด”