The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 408 กลับบ้านเพื่อเจอเสียงนั้นที่ิอยู่ในใจ
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 408 กลับบ้านเพื่อเจอเสียงนั้นที่ิอยู่ในใจ
ตอนที่ 408 กลับบ้านเพื่อเจอเสียงนั้นที่ิอยู่ในใจ
เคนโด้มองดูพวกเขาที่ลืมชีวิตค่อยๆ ล้อมรอบ แล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างเลือดเย็น
คนพวกนี้อยากตายใช่ไหม
เขาไม่ได้พูดอะไรกับแจ็คสันอีก แล้วก็เดินจากไป
แต่สี่ทิศของเขาเต็มไปด้วยเสียงชักดาบ
เขาจ้องด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาจากด้านหลัง แล้วก็เสียงดาบที่ชักออกมา เขาหลบอย่างช้าๆ แล้วหันกลับไปดูหลายสิบคนที่ถือมีดแล้วเดินเข้ามาพร้อมกัน
เขาหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้น ยกขาขึ้น แล้วเตะคนที่กำลังจะแทงเขาออกไป ลอยบนอากาศแล้วตกลงมาบนหาดทราย
คนอื่นเริ่มกรูเข้ามา แล้วก็โดนเคนโด้เตะล้มลงกับพื้นเป็นรายคน แต่มีดของพวกเขากลับไม่โดนตัวเขาเลยสักนิด
แจ็คสันมือสั่น ตะโกนเสียงดัง “ฆ่ามัน ฆ่ามันให้ตาย”
คนที่ล้มอยู่บนพื้นพากันลุกขึ้นสู้กับเคนโด้อีกครั้ง เอามีดแทงมาทางเคนโด้ิ
สิ่งนึงที่เคนโด้รับไม่ได้คือการถูกฆ่าเพราะไม่ทำตามคำสั่ง ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความแค้น
เขาค่อยๆ คุกเข่าลง เก็บดาบมาหนึ่งเล่ม มองดูคนที่ลุกขึ้นมา หลับตาแล้วแทงเข้าไป
ร่างของคนนั้นกลายเป็นสองท่อนทันที
เคนโด้สะบัดดาบที่อยู่ในมือ ไม่ถึงสิบนาที ก็สามารถฆ่าคนได้ทั้งหมด
ในตาของเขามีแต่การทำลายล้าง แล้วก็ค่อยๆ เดินไปหาแจ็คสันทีละก้าว
“จริงก็อยากไว้ชีวิตพวกคุณอยู่หรอก แต่พวกคุณหาที่ตายกันเอง”
แจ็คสันถอยหลัง “เจนแกคิดจะทำอะไร อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ แกฆ่าคนบนเกาะฉันตายหมด แกยังอยากจะฆ่าฉันอีกหรอ”
ในมือของเคนโด้ถือดาบที่มีคราบเลือดอยู่ แล้วเดินเข้าไปใกล้แจ็คสันเรื่อยๆ “ตอนแรกผมไม่ได้อยากฆ่าพวกเขาหรอก แต่พวกเขาหาที่ตายกันเอง”
ในตอนนี้ เฮเลนวิ่งมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นสภาพของที่นี่แล้ว ก็ตะโกนกรี๊ดว่า “เจนแกบ้าไปแล้วรึไง แกอย่าฆ่าพ่อฉันนะเราพวกชีวิตนายไว้ นายจะฆ่าเราไม่ได้นะ”
เคนโด้ฟังที่เขาพูดแล้ว ก็ใจอ่อน เขาปล่อยดาบที่อยู่ในมือตกลงบนพื้นดัง “เคร้ง”
เคนโด้มองดูเฮเลนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็หันหลังเดินไป
เฮเลนค่อยๆ เก็บดาบที่อยู่บนพื้น แล้วพุ่งไปทางหลังของเคนโด้ เคนโด้ไม่ได้หันหลังมา เพียงแต่ยกขาขึ้นแล้วเตะดาบที่อยู่ในมือของเฮเลน
หันหลังกลับมามองเขาที่เลือดขึ้นหน้า “ในตอนแรก ผมคิดว่าคุณคือเสียงที่ผมคุ้นเคย แต่ตอนนี้นี้ดูแล้วคงไม่ใช่ ไว้ชีวิตพวกคุณสองพ่อลูกสักครั้งละกัน เพื่อตอบแทนกับการที่ช่วยชีวิตผมไว้ ถ้ายังห้ามอีก ก็ตาย”
เขาเหมือนคนที่มืดแปดด้าน มองดูเฮเลนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เดินจากไป
แจ็คสันสองพ่อลูกกอดกัน มองดูแผ่นหลังของเคนโด้ที่ค่อยๆ เดินจากไปอย่างเคียดแค้น
เคนโด้เดินข้ามศพพวกนั้นไป แล้วก็เจอกับทางข้างหน้าที่ดูสับสน
เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร และก็ยิ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน
เขาขับเรือออกมาจากเกาะนั้น แล่นอยู่กลางทะเลอย่างไม่มีที่หมาย พอถึงปากทางหนึ่งก็จอดลง แล้วหาสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจได้
แต่เขาก็ลอยอยู่ในทะเลมาหลายวัน ก็ยังไม่เจอที่ที่เป็นที่ของตัวเอง
จนถึงวันนี้ เขามาถึงฮาวาย เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง
พอเขาขึ้นฝั่งแล้ว ก็รู้สึกว่าอากาศที่นี่คือสิ่งที่คุ้นเคย เหมือนว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
สูดอากาศของเกาะเข้าไป แล้วเคนโด้ก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่
เขารู้สึกแปลกใหม่กับทุกอย่าง บนตัวเขาก็ไม่มีอะไรที่บอกได้ว่าเขาเป็นใคร ส่วนเงินก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ก็ทำไรไม่ได้ เขาทำได้แค่รอเวลากลางวันและกลางคืน ปกติก็จะพักอยู่บนเรือที่จอดใกล้ฝั่ง พอตกกลางคืนก็ออกมาเดินตามท้องถนนของฮาวาย
เพราะเขาเชื่อว่า ยังไงที่นี่ก็เป็นที่ของเขา
เพราะฉะนั้นถึงจะมี พายุฝน เขาก็ไม่ได้กลับไปหลบบนเรือ แต่กลับเดินฝ่าฝนไปตามหาที่ที่หนึ่ง
แล้วเขาก็เดินทางมาถึงที่นี่ ที่ที่เป็นบ้านบังกะโลสามชั้น ในบ้านมีไฟสว่างอยู่ และเหมือนกับดวงจันทร์ที่สว่างและดึงดูดเขา
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านบังกะโลสามชั้นนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ส่วนด้านนอกนั้นก็มีเคนโด้ที่ยืนตากฝนอยู่ มองดูแสงไฟสีเหลืองอ่อน
เขามองดูอย่างตั้งใจ มองเห็นรูปที่ส่องออกมาจากกระจกอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าทำไม ในใจกลับรู้สึกเจ็บ แล้วก็เเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้น
ถึงแม้ว่าเคนโด้จะสูญเสียความทรงจำไป แต่เขาก็รู้ว่าเงาของสองคนนั้นกำลังบ่งบอกถึงอะไรอยู่
แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาถึงต้องมีความรู้สึกโกรธกับการพอดรักของสามีภรรยาคู่หนึ่ง
หรือว่า เขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนี้
“ครืมม”
ฟ้าผ่าดังเปรี้ยง แยกฟ้าออกเป็นสองฝั่ง เคนโด้ใจกล้าแล้วก็เดินไปที่บ้านหลังนี้
เขาอยากจะไขความแปลกใจของเขา เขาแค่ต้องการจะตามให้ชัดเจน
ในใจของเคนโด้คิดแบบนี้ เขารีบเดินไปอยู่ข้างๆ บ้านหลังนั้น แล้วก็ัเคาะประตู แล้วก็เห็นว่าประตูไม่ได้ปิด
เขาลังเลสักพักอยู่กลางสายฝน แล้วก็เดินเข้าไปในสวนหน้าบ้าน
“เอี๊ยด”
ประตูถูกเปิดออก เคนโด้เดินเข้าไปข้างใน ข้างหน้าไม่ไกลก็คือบันได
แต่เขายังไม่ได้ขึ้นบันไดไป ด้านหลังของเขาก็มีแสดงสว่างขึ้น แล้วก็มีเสียงบอกว่าว่า “หยุดนะ ยกมือขึ้น”
“อย่าขยับ ถ้าขยับเรายิง”
เคนโด้หยุดเดิน แล้วก็หันกลับไปมองคนพวกนั้น
เห็นว่าไม่ไกลจากข้างหลังเขา เต็มไปด้วยตำรวจ
ตำรวจพวกนั้นถือปืนอยู่ แล้วก็จ่อปืนมาทางเคนโด้ แล้วตะโกนเสียงดัง “ตอนนี้เราสงสัยว่า คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่ผ่านมา เอามือกุมหัวไว้ ค่อยๆ เดินออกมา คุณควรจะอยู่เงียบๆ แต่สิ่งที่คุณพูดทุกอย่างจะเป็นหลักฐานให้กับตำรวจ”
ฝนยังคงตกไม่หยุด แล้วก็มีเสียงดังจากโทรโข่งดังอยู่กลางสายฝน ทะลุเข้ามาในหูของนาราที่เพิ่งนอนลง
เขาผลักคณพศที่อยู่ด้านล่างออก “เสียงอะไรดังมาจากข้างนอก ทำไมมีตำรวจด้วยล่ะ”
คณพศขมวดคิ้วแล้วลงจากเตียง เปิดหน้าต่างชั้นสองดู ก็อึ้งกับการที่มีชายชุดดำยืนอยู่เต็มสวนหน้าบ้านตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงมีตำรวจมาบ้านเรา”
นารามั่นใจว่าเป็นเสียงของตำรวจ แล้วก็ลงมาจากเตียง แล้วก็เดินไปอยู่ข้างๆ คณพศแล้วมองลงไป แล้วเขาก็อึ้งมันโดนฟ้าผ่า
เห็นแค่ว่าท่ามกลางสายฝนข้างนอก ไฟของตำรวจส่องเข้ามาจนลืมตาไม่ได้ แต่ยังไงก็ตามนารา มั่นใจและดูออก “เคนโด้”
เสียงของนาราทะลุผ่านสายฝน ดึงดูดความสนใจจากตำรวจและเคนโด้ เขาลืมการเผชิญหน้าไปสักพัก แล้วมองมาที่นารา
และนาราก็รู้สึกดีใจจนลืมทุกอย่างไป เขาเขย่งขาขึ้น จับมือของเคนโด้ “พระเจ้า เคนโด้ คุณกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”