The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 41 จูบเธอ
บทที่ 41 จูบเธอ
ช่วงบ่ายคณพศค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นหญิงสาวที่ข้างเตียง นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังอ่านหนังสือเงียบๆ
เขายิ้มเล็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเธออยู่ข้างๆ “คุณภรรยา…”
นาราเงยหน้าขึ้นเห็นเขาลืมตาก็วางหนังสือลงทันที ลุกขึ้นยืน “คุณตื่นแล้ว หิวไหมคะ เจ็บแผลหรือเปล่า”
การแสดงออกถึงความกังวลของเธอทำให้คณพศรู้สึกดีมากเขายื่นมือออกไปจับที่มือเล็กของเธอ “ไม่เจ็บหรอก”
นาราปล่อยให้เขาจับมือ นั่งลงข้างเขาและใช้มือสัมผัสหน้าผากของเขา รู้สึกว่าอุณหภูมิปกติก็วางใจลง
“ฉันทำโจ๊กข้าวฟ่างไว้ให้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปตักมาให้คุณ” เธอมองเขาด้วยน้ำตาคลอ จนคณพศใจหายไปครู่หนึ่ง “ได้”
นาราคาค่อยๆ ดึงมือออกมาแล้วลุกเดินออกไปจากห้องหนังสือ
ชายหนุ่มมองที่แผ่นหลังบางของเธอ หัวใจพลันเต้นเหมือนขนนก ตั้งแต่พี่ใหญ่เสียชีวิตไป เขาก็เป็นหนามในตาของครอบครัว
ไม่เคยมีใครดูแลเขาแบบนี้มาก่อน ปีนั้นเขาขาหัก รักครั้งแรกของเขามาหาเขาและดูแลเขาเป็นเวลาครึ่งปี แต่ครึ่งปีนั้นเขากลับใจร้อนใส่
บางครั้งก็รู้สึกโกรธผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นพอครึ่งปีต่อมาเขาไปฝรั่งเศสก็หายไป
ตั้งแต่นั้นมา ความเกลียดชังต่อผู้หญิงของเขาก็มีมากขึ้น เพราะแม่ของเขาไม่เคยชอบเขา ไม่ต้องพูดถึงการมอบความอบอุ่นให้เขา
แต่หญิงสาวคนนี้หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บก็อยู่เคียงข้างเขา ดูแลเขาอย่างดี แล้วเขาจะไม่รู้สึกหวั่นไหวได้ยังไง
นาราถือชามโจ๊กข้าวฟ่างเดินมาที่ข้างเตียง “คุณทานเองได้หรือเปล่าคะ”
คณพศกำลังจะยื่นมือออกไปรับชาม เมื่อได้ยินคำถามนี้ก็ถอนมือออกทันที “ไม่ ฉันขยับมือไม่ได้”
“งั้นฉันป้อนให้ค่ะ”
นั่นคือสิ่งที่คณพศคิด
หญิงสาวพยุงเขาขึ้นพิงหัวเตียง ตักโจ๊กด้วยหนึ่งช้อนเล็กและเอามาเป่า จากนั้นก็ยื่นไปที่ริมฝีปากของเขา
“…….” คณพศเปิดปากเล็กๆ ทานโจ๊กที่หญิงสาวยื่นให้ เขาดูเหมือนเด็กเล็กๆ
นาราเป่าแต่ละคำก่อนทุกครั้งที่ป้อนให้ชายหนุ่ม ริมฝีปากสีชมพูของเธอก็เป่าโจ๊กแบบนี้
ไม่นานโจ๊กก็หมดชาม คณพศเลียริมฝีปาก รู้สึกว่าโจ๊กนี้อร่อยมากจริงๆ
นาราลุกขึ้นยืน “คุณยังไม่หายดีต้องทานน้อยหน่อย ตอนนี้สามารถทานได้เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวรอตอนเย็นค่อยทานใหม่”
“…….” ที่จริงเขายังอยากให้เธอป้อนเขาอีก
นารานำชามออกไป ชายหนุ่มเอนกายลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหายชญ์ “ตรวจสอบคนเมื่อวานได้หรือยัง”
“ตรวจสอบได้แล้ว นายคิดว่ายังมีใครอื่นอีกไหม ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนเป็นคนที่พี่สองของนายหามาหรอกเหรอ ฉันได้ยินมาว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนักเลงแก๊งเม็กซิกัน เขากำลังเตรียมตัวสำหรับเดือนหน้า ตอนนี้คงรอที่จะฆ่านายแทบไม่ไหวแล้ว” แล้วมีเสียงของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างยชญ์ดังขึ้น
คณพศขมวดคิ้ว “ชีวิตของฉันมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วก็นะ ระวังโรคด้วยล่ะ” พูดจบก็วางสายไป
ยชญ์อึ้งไป ฉิบหาย นี่มาแช่งให้เขาติดโรคเหรอวะเนี่ย แล้วหันมองไปยังหญิงสาวสองคน จากนั้นก็ผลักออก “ไสหัวไป!”
คณพศเพิ่งวางสายไป นาราก็ผลักประตูเข้ามา “เปลี่ยนเสื้อผ้าของคุณใหม่เถอะค่ะ ฉันจะช่วยพาคุณไปห้องนอน นอนที่นี่มันอึดอัดเกินไป”
ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวกับชุดนอนที่สะอาด แล้วมองไปที่เตียง มันเล็กไปหน่อย เขานอนคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากนอนกับผู้หญิงคนนี้มันก็จะเล็กเกินไป
เขาพยุงตัวช่วยนาราเปลี่ยนชุด การเคลื่อนไหวของเธอแผ่วเบา กลัวที่จะสัมผัสบาดแผลของเขา ชายหนุ่มก้มลงมองเธอ หน้าผากของเธอมีเม็ดเหงื่อเล็กน้อยที่เกิดจากความกังวล ใบหน้าเล็กเป็นสีแดง
เขาหันหน้ามาจูบลงบนใบหน้าของเธอ นาราตกใจ ใบหน้ากลายเป็นสีแดง
“คุณภรรยา มานี่ซิ” เขาจับแขนเธอด้วยมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
นารากลัวที่จะสัมผัสบาดแผลของเขาจึงโน้มตัวลงไปหาทันที “มีอะไรเหรอคะ”
คณพศดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา มือข้างหนึ่งจับคางของเธอ “ให้ฉันจูบเธอ”
นาราหัวใจเต้นแรง เธอไม่กล้าผลักเขา แค่หลับตาลงให้เขาจูบแต่โดยดี
“หึ” นาราลืมตาขึ้นทันที เห็นรอยยิ้มหวานของชายหนุ่ม
“ฉันยังไม่ทันจูบเธอก็หลับตาแล้ว คุณภรรยาชอบจูบของฉันมากเลยใช่ไหม” เขายิ้มเหมือนปีศาจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บอยู่ นาราต้องหยิกมือเขาแน่ จะผลักเขาออกไปแต่เขาบาดเจ็บ และยังเป็นเพราะเพื่อปกป้องการบาดเจ็บของเธออีก
“…….” เธอกำลังอยากจะพูด แต่ปากของชายหนุ่มมาประกบปากเธอไว้เสียก่อน
การจูบใช้เวลาประมาณสิบนาทีชายหนุ่มถึงเพิ่งปล่อยหญิงสาว มองใบหน้าเล็กเขินอายจนแดงก่ำของหญิงสาวก็หัวเราะเสียงต่ำ “เด็กดี แบบนี้ฉันชอบ”
นารารีบถดตัวออก แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นบนรถเข็นและเข็นเข้าไปในห้องนอน
ห้องนอนอยู่ชั้นสอง นาราก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม หัวใจเธอเต้นจนจะกระโดดออกมาจากหน้าอกของเธอแล้ว
เธอผ่อนคลายตัวเอง มันไม่ใช่อาการหลงรัก มันเป็นแค่สัญชาตญาณของมนุษย์ การจูบก็เหมือนกับความปรารถนา
ผู้ชายคนนี้หล่อมากเธออดไม่ได้ที่จะไม่ผลักเขาออก และเขายังได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องตัวเธอเองอีก
คณพศนอนลงบนเตียงในห้องนอน มองดูหญิงสาวที่รีบหลบออกไป แล้วหัวเราะชอบใจ มันเหมือนกับการโดนยิงที่หัวไหล่
เมื่อนาราเดินออกไปแล้วก็ได้เห็นลุงบีมเข้ามาจากข้างนอก
เห็นสีหน้าแดงก่ำของเธอก็เดินเข้าไปทันที “คุณนายน้อยเกิดอะไรขึ้นครับ คุณชายตื่นแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เขาตื่นแล้ว ทานโจ๊กไปชามหนึ่ง ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
ลุงบีมพยักหน้า “ตั้งแต่วันที่คุณชายนั่งรถเข็น ต่อมาเขาก็ถูกล้อมกรอบและตามฆ่าโดยใครก็ไม่รู้ครับ คุณชายของเราเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้ แล้วขาก็เป็นแบบนี้ นึกไม่ถึงว่ายังจะมีคนใจไม้ไส้ระกำต้องการทำร้ายเขาได้ลงคอ”
นารามองลุงบีม “ตรวจสอบไม่ได้เลยเหรอคะว่าเป็นใคร ทำไมต้องทำร้ายเขา”
ลุงบีมฉุกคิดบางอย่าง “คาดการณ์คร่าวๆว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นคนในตระกูล ปัญญาพนต์ครับ เห็นว่าคุณชายดีขึ้น บางทีวันหนึ่งเขาอาจจะลุกขึ้นยืนได้ จึงกลัวว่าเขาจะกลับไปเป็นประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์”
นาราได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็รู้ได้ว่าลุงบีมหมายถึงอะไร คงจะเป็นวิษณุส์!
เธอนั่งอยู่บนโซฟาในความเงียบ มองออกไปยังต้นไม้นอกหน้าต่าง ทำไมวิษณุส์ถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ทั้งที่น้องชายของตัวเองเป็นแบบนี้แล้ว ยังหาคนมาฆ่าเขา ไม่คิดว่าพิมมี่จะชอบคนที่เหมือนกับเธอ ต่างล้วนเห็นแก่ตัว ทั้งสองคนช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมคู่ควรกัน
ในอีกสองสามวันต่อมา นาราดูแลคณพศอย่างดี ชายหนุ่มรู้สึกดีกับการดูแลอย่างใกล้ชิดของหญิงสาว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและป้อนอาหาร เขาทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสา สนุกเพลิดเพลินกับการบริการของหญิงสาว