The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 454 เธอต้องเหมือนคุณมากแน่นอน สวยเหมือนนางฟ้า
- Home
- The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง
- ตอนที่ 454 เธอต้องเหมือนคุณมากแน่นอน สวยเหมือนนางฟ้า
บทที่ 454 เธอต้องเหมือนคุณมากแน่นอน สวยเหมือนนางฟ้า
เมื่อนานมากแล้ว เธอคิดว่าตัวเองได้พบเจ้าชายที่น่าสงสาร แต่กลับลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหญิง
ตอนนี้ความฝันอันงดงามที่ถักทอด้วยตัวเองถูกฉีกขาดโดยคนที่รัก หัวใจของกาก้าแตกสลาย ยากที่จะประกอบขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นเป็นต้นมา วิษณุส์ก็แทบจะไม่กลับบ้านเลย ใจกาก้าตายโดยสมบูรณ์
ทุกๆ วันเธอเฝ้าอยู่ที่ประตูรอเงาของวิษณุส์ด้วยความหวัง รอจนถึงเที่ยงคืน แต่ทุกวันกลับว่างเปล่า
เมื่อใดที่ถึงเวลานี้ กาก้าจะกอดรุ่งอรุณที่อยู่ข้างกายเธอพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง
รุ่งอรุณน้อยฉลาดมาก เมื่อเห็นกาก้าร้องไห้เสียใจ ก็จะใช้มือเล็กตบหลังของกาก้า พลางพูดปลอบโยนกาก้าด้วย “คุณอย่าร้องไห้ ถึงคุณพ่อไม่ต้องการคุณ ก็ยังมีรุ่งอรุณนะ รุ่งอรุณจะอยู่กับคุณแม่ตลอดไป”
เมื่อกาก้าได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เธอกระชับกอดรุ่งอรุณในอ้อมแขนแน่น ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อรุ่งอรุณ
มีช่วงเวลาหนึ่ง เธอถึงขนาดอยากเอารุ่งอรุณไปคืนนารา หลังจากนั้นตัวเองจะไปมอบตัว
เธอไม่กลัวการติดคุก แต่เธอกลัววิษณุส์จะติดคุก
ผู้ชายที่เธอรักคนนั้น ถึงแม้เขาจะใจร้ายกับเธอมาโดยตลอด แต่เธอไม่สามารถไร้หัวใจกับเขาได้
เธอรักเขาไปอย่างขมขื่น อยู่อย่างต่ำต้อยด้อยค่า แต่เพราะความรักกลับยอมอดทนหวานอมขมกลืนเสมอ
*
ฮาวาย
ด้วยกำลังใจจากคณพศกับมิรา ในที่สุดนาราก็ค่อยๆ ก้าวออกมาจากภาวะซึมเศร้าสำเร็จ
เธอเริ่มเอาพู่กันที่เก็บไว้มานานออกมา ตั้งขาตั้งภาพ หันหน้าไปทางทะเลกว้างเริ่มวาดภาพ
ทุกวันและทุกวัน เธอจะใช้หัวใจทั้งหมดวาดภาพพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ใช้หัวใจของตัวเองวาดพวกมันโดยอธิบายช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด
ใต้ภาพทุกภาพที่เธอวาด ล้วนวาดร่างเงาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วย
เด็กผู้หญิงมักจะเป็นร่างเงาเสมอ เธอเหมือนดาวดวงน้อยบนท้องฟ้า ส่องสว่างนาราในทุกๆ วัน
ยามมองไปยังร่างเงาในภาพวาด ดวงตานาราเกิดประกายน้ำตา เธอใช้นิ้วหัวแม่มือลูบรูปเด็กผู้หญิงแผ่วเบา มันเหมือนกับการสัมผัสมือเล็กของลูกสาวตัวเองที่หายไป
ลูกรัก ไม่ว่าหนูจะอยู่ที่ไหน คุณแม่จะรักหนูชั่วนิรันดร์
นาราพึมพำในใจ สูดหายใจเข้าลึก หายใจออกช้าๆ เหมือนความหดหู่ในหัวใจได้คายออกไปด้วย
เธอรีบรวบรวมความคิดของตัวเอง รู้ว่าเมื่อครู่เธอเกือบถูกความเศร้าโศกท่วมท้นอีกครั้ง
วันนี้ อากาศดีมาก นาราตั้งใจเดินออกจากวิลล่า ไปตั้งขาตั้งวาดภาพบนชายหาด
สายลมทะเลอันสดชื่น อารมณ์ของนาราเปลี่ยนเป็นแจ่มใสเหมือนท้องฟ้าสีคราม เธอยกรอยยิ้มบางๆ ตวัดพู่กัน ใช้หัวใจวาดภาพมวลคลื่นซัดสาดตรงหน้า
เวลานี้เคนโด้ขับรถผ่านมาตรงนี้พอดี เพียงแวบเดียวเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ริมทะเล
ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เคนโด้ก็หยุดรถและลงมาโดยจิตใต้สำนึก แล้วก้าวเดินทอดน่องไปหานารา
นารากำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการวาดภาพ ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาข้างหลัง
ส่วนข้างหลังเธอไม่ไกล เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดเห็นเคนโด้ก็มองหน้ากัน รู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายนารา จึงไม่ได้พูดอะไร หันกลับไปซ่อนตัวต่อ
เคนโด้ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ เขามองนาราที่กำลังตวัดพู่กันวาดเกลียวคลื่น อดทนรอให้เธอวาดจนเสร็จ
หลังจากนั้น เคนโด้เห็นนาราวาดเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มุมขวาล่างของภาพ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเสียงเบา “นารา คุณวาดได้เยี่ยมมาก ส่งภาพให้ผมได้ไหม”
นาราเพิ่งพบว่ามีคนมาอยู่ข้างหลัง เธอหันหน้าไปมอง พบว่าเป็นเคนโด้ จึงเผยยิ้มบางให้เขา ชี้ไปยังร่างเงาของเด็กผู้หญิงในภาพวาด “เคนโด้ คุณดูนี่สิ นี่คือลูกสาวที่หายไปของฉัน ตอนนี้เธอต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน และมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม”
เวลานี้ลมทะเลพัดเข้าใส่ขาตั้งภาพวาดของนารา นำพาภาพวาดที่เธอวาดไว้ก่อนหน้านี้พากันม้วนเปิดขึ้น
เคนโด้ถึงได้เห็นว่าที่แท้มุมขวาล่างของแต่ละภาพ ล้วนแล้วแต่วาดรูปเด็กผู้หญิงเอาไว้
ถึงแม้มองหน้าของเด็กผู้หญิงไม่ออก แต่เด็กผู้หญิงในทุกภาพสวมเสื้อผ้าต่างกัน และทำท่าทางแตกต่างกันไป
เคนโด้อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเล็กน้อย เขาพยักหน้าอย่างหนัก “ใช่แล้ว เธอต้องสวยมากแน่นอน ดวงตาก็จะเป็นสีฟ้าจางเหมือนคุณ เหมือนนางฟ้า”
นารายิ้ม น้ำตาไหลตาม “เคนโด้ ลูกสาวของฉัน จะกลับมาในสักวัน ใช่ไหม”
“ใช่ เธอเป็นนางฟ้าที่สวยที่สุด จะกลับมาหาคุณแน่นอน” เคนโด้บอกอย่างนั้นแล้วช่วยเช็ดน้ำตาให้นารา จากนั้นก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างปวดใจ “นารา คุณต้องร่าเริงขึ้นให้ได้นะ แบบนี้ถ้าเจ้าหญิงตัวน้อยของคุณกลับมา คุณถึงจะสามารถใช้รูปลักษณ์ที่ดีที่สุดต้อนรับเธอ”
นาราซาบซึ้งใจขยับกอดเคนโด้พลางร้องไห้หนัก ก่อนจะถูกเธอกระจายความกดดันอันหนักหน่วงไปทั้งร่าง “เคนโด้ จริงใช่ไหม เธอจะกลับมาจริงๆ ใช่ไหม”
เคนโด้ตบหลังนาราเบาๆ เสียงนุ่มปลอบประโลม “จริงสิ คุณวางใจ เธอจะต้องกลับมาแน่นอน”
นาราร้องไห้สักพัก ความหดหู่ในหัวใจถึงค่อยถูกขจัดปัดเป่าไป เธอฝืนยิ้มออกมา ขอบคุณเคนโด้เสียงเบา “เคนโด้ ขอบคุณคุณมาก”
“ยัยโง่ ขอบคุณผมทำไม” เคนโด้ช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลจากหางตาให้นาราอีกครั้ง แล้วโอบไหล่เธอพาออกจากชายหาด “คุณดูสิท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านนะ”
นาราพยักหน้า ทั้งสองหันหลังเดินไปทางบ้านพักของนาราที่ตั้งอยู่ริมทะเล
พวกเขาเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เห็นคณพศกับพริมกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา มองพวกเขาอยู่เงียบๆ
คณพศไม่ได้พูดอะไร เขาก้าวสองก้าวเดินเข้าไปหานารา เอื้อมมือออกไปดึงมือของนารา แล้วพูดเสียงเบาว่า “นารา ผมมารับคุณกลับบ้าน”
เมื่อพูดจบก็ประคองกอดนารา มุ่งหน้าไปยังวิลล่า
นาราโผล่ศีรษะออกมาจากอ้อมแขนของคณพศ โบกมือลาให้เคนโด้ที่อยู่ข้างหลัง
เคนโด้โบกมือตอบ เขาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง แล้วขึ้นรถไปกับพริม ขับรถกลับไปที่บ้านของตัวเอง
*
บนรถ เคนโด้ไม่ได้พูดอะไรอีก ใบหน้าเรียบนิ่งตลอดเวลา
ปีกว่าที่ผ่านมานี้ เพราะเรื่องที่นาราสูญเสียลูกสาว ทำให้อารมณ์ของเคนโด้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ใบหน้าหมองหม่นเกือบทุกวัน
และเขาก็พยายามช่วยนาราตามหาลูกสาวที่หายไปของเธอด้วย แต่กลับไม่มีข่าวคราวเลย
ภายใต้บรรยากาศนี้ พริมเองก็ทำตัวน่ารักไม่กล้าส่งเสียง ทุกๆ วันดูแลจัดการบ้านของเคนโด้อย่างขะมักเขม้น กลัวว่าตัวเองจะไปทำให้เคนโด้ไม่พอใจ
เคนโด้กลับถึงบ้านด้วยจิตใจมัวหมอง จอดรถแล้วขึ้นไปชั้นบน
เขาโพสต์บนอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องราวที่นาราสูญเสียลูกสาวไปในปีนั้น เสนอให้รางวัลราคาสูงกับพยานที่บังเอิญผ่านมาที่โรงพยาบาลในปีนั้นว่ามีบ้างไหม
ดังนั้นในทุกวันทันทีที่กลับมาก็จะขึ้นไปข้างบนก่อน เพื่อดูว่ามีข่าวใหม่ออกมาหรือไม่
เห็นร่างเคนโด้รีบร้อนขึ้นไปข้างบน พริมจึงรีบไปเข้าครัวแล้วง่วนทำนู่นทำนี่