The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 50 ผมมีภรรยาเพียงคนเดียวคือนารา
บทที่ 50 ผมมีภรรยาเพียงคนเดียวคือนารา
ตราบใดที่ขาของเขาดี คนอย่างเขาก็เป็นจุดสนใจของทุกคน เธอเป็นแค่ฝุ่นขนาดเล็กที่เป็นตัวแทน
เธอไม่อยากจะพูดอะไร พยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะนวดขาให้คุณ เย็นนี้คุณจะออกไปข้างนอก งั้นก็จะไม่ทานข้าวที่บ้านเหรอคะ”
“อืม ฉันจะออกไปทานข้าวข้างนอก คุณภรรยา เชื่อฉันนะ” เขาแตะหน้าผากเธอเบาๆ แล้วเลื่อนรถเข็นออกไป ลุงบีมออกมาเปิดประตูคฤหาสน์ทันทีและเข็นรถเข็นออกไป
นารามองรถเคลื่อนออกไป ยืนอยู่ที่ประตู เขากลับมาเพื่อบอกเธอว่าเย็นนี้จะไม่ทานข้าว แต่แค่โทรศัพท์มาก็พอแล้ว ทำไมต้องวิ่งกลับมาบอกด้วยตัวเอง
นารากลับเข้าไปในบ้าน ป้าอ้ายทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว “นายหญิงคะ อาหารเย็นพร้อมแล้ว คุณทานได้เลยนะคะ”
“ค่ะ”
คฤหาสน์บ้านตระกูลวรชัยลภัส พิมมี่เปิดประตูคฤหาสน์ เห็นบุรินทร์กับเขมินท์นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
เธอเดินเข้าไปทันที น้ำตาคลอในดวงตา “คุณพ่อคุณแม่คะ ฉันอยากได้การแต่งงานของฉันกลับคืนมา พวกคุณให้นารากับมาเถอะ ฉันไม่ให้เธอแทนที่ฉันแล้ว”
บุรินทร์มองลูกสาวตัวเองอย่างตกใจ “ไร้สาระ! แกคิดว่านี่เป็นการเล่นพ่อแม่ลูกหรือไง ตัวแกไม่อยากแต่งงานก็ไล่ให้น้องสาวไปแต่งงานแทนแก และเธอก็แต่งงานไปแล้ว แล้วอยู่ดีๆแกจะให้เธอกลับมาเนี่ยนะ! ฉันมีลูกสาวแบบนี้ได้ยังไง!”
“คุณพ่อ ก็ฉันคิดว่าวิษณุส์จะได้เป็นประธานของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์นี่คะ คิดไม่ถึงว่าคณพศจะกลับมาและคว้าตำแหน่งประธานไป แล้วคุณจะให้ฉันแต่งงานกับวิษณุส์ได้ยังไง! ลูกสาวของคุณต้องเป็นภรรยาของประธานบริษัทเท่านั้น!”
พิมมี่ร้องไห้หยดน้ำตากลิ้งลง เขมินท์ดึงเธอเข้าไปใกล้ “อย่าร้องไห้นะ พิมมี่ ถึงแม้ว่าวิษณุส์จะไม่ได้เป็นประธาน แต่เขาก็เป็นรองประธาน เมื่อแกแต่งงานกับเขาแกจะเพลิดเพลินไปกับความมั่งคั่งมากมาย ถึงคณพศจะเป็นประธานแต่เขาพิการ จะดีที่ไหนกัน”
“ไม่ค่ะ คุณแม่ เขาเป็นคนพิการก็ไม่เป็นไร แต่ฉันแต่งงานกับเขา ฉันกับเขาเป็นสามีภรรยากัน ตอนนี้ผู้ชายของฉันถูกนาราครอบครองไป ฉันไม่ยอม!”
พิมมี่ตะโกนอย่างเดือดดาล
บุรินทร์กับเขมินท์จ้องมองเธออย่างอึ้งๆ พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นคำพูดของลูกสาวที่รักมากว่ายี่สิบปี
“พิมมี่ แกเป็นคนให้นาราแต่งงานกับคุณชายสามแทนแกเอง แล้วตอนนี้แกมาพูดอย่างนี้ได้ยังไง! คุณปู่กษาปณ์ก็โกรธมาก พวกเราตระกูลวรชัยลภัสทำให้คุณชายสามต้องขายหน้า แกยังจะสร้างปัญหาไปถึงเมื่อไหร่! แกคิดเหรอว่าคุณกษาปณ์จะต้องการให้แกเข้าบ้าน! แกไม่เข้าใจเหตุผลเลยหรือไง!”
“คุณพ่อ ฉันไม่ได้สร้างปัญหา ฉันเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไป ฉันไม่น่าปล่อยให้นารามีความสุขที่ควรเป็นของฉัน ฉันกับคณพศเป็นสามีภรรยากัน หลังจากที่ฉันแต่งงานไปแล้ว คุณปู่กษาปณ์ต้องไม่โกรธอีก เพราะเขาก็อยากให้ฉันแต่งงานกับคณพศ ไม่ใช่เหรอคะ”
เธอนึกถึงรอยยิ้มที่อ่อนโยนของคณพศที่ให้กับนารา เธอจะเป็นบ้าด้วยความริษยา อะไรที่ทำให้ผู้ชายของเธอดีต่อนารา
บุรินทร์กำลังจะพูดต่อเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเห็นว่าเป็นสายของคณพศ
เขาเลื่อนกดรับทันที “สวัสดีครับท่านประธานคณพศ”
คณพศหยุดไปสักพัก “คุณบุรินทร์ คุณเรียกผมว่าคณพศเฉยๆก็ได้ครับ เพราะในความเป็นจริงผมกับนาราเป็นสามีภรรยากัน ผมอยากให้คุณทำอะไรให้ผมสักอย่างหนึ่งทันที”
“ครับ ได้ คุณชายสามมีอะไรก็สั่งมาได้เลยครับ” เขายังไม่กล้าเรียกชื่อของเขา กับชายคนนี้เขายังไม่ค่อยรู้จักนัก
“พรุ่งนี้ให้พิมมี่นำเอกสารไปสำนักงานเขตเพื่อดำเนินการเรื่องหย่า ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่คุณบุรินทร์ควรทำ” เขาพูดออกมาตรงๆ นั่นทำให้บุรินทร์อึ้งไป
“นั่น…..”
“ทำไมครับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณคิดจะทำอยู่แล้วเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นคนพิการหรอกเหรอถึงได้ให้ลูกสาวคนเล็กของคุณแต่งงานเข้ามา ลูกสาวคนเล็กแต่งงานมาแล้วก็แต่ง แล้วทำไมยังต้องใช้บัตรประชาชนของลูกสาวคนโตมาแต่งงานกับผม คุณบุรินทร์อยากให้ผมแต่งงานกับทั้งสองคนเหรอครับ แต่มันคงทำให้คุณผิดหวังแล้ว นี่คือวิถีทางทางกฎหมายตามหลักสังคม ผมมีภรรยาเพียงคนเดียว และตอนนี้นาราเป็นผู้หญิงของผมแล้ว ขอให้คุณบุรินทร์รีบไปจัดการเรื่องลูกสาวคนโตให้จบเรื่องด้วย การกระทำของผมคณพศคนนี้อาจจะทำให้คุณยังไม่เข้าใจ ผมชอบการทำและการตัดสินใจที่รวดเร็ว ไม่ชอบความเชื่องช้าอืดอาด เรื่องนี้ยิ่งเร็วยิ่งดี!”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของบุรินทร์กลายเป็นสีแดงสลับขาว ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่นั่นหมายความว่าตระกูลวรชัยลภัสต้องประจบตระกูลปัญญาพนต์ ไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับลูกสาวทั้งสองคน
เขาบุรินทร์ก็เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองธิตกล กล้าพูดได้ว่าเขาก็แค่คณพศเท่านั้น แต่เพราะความผิดของเขา เขายังจะพูดอะไรได้อีก
ในน้ำเสียงที่กดต่ำและหนักแน่นของคณพศ บุรินทร์ได้ยินความโหดเหี้ยมของเขาแล้ว
เขาพยักหน้าทันที “ได้ครับได้ ผมจะไปจัดการ ต้องขออภัยท่านประธานคณพศที่สร้างปัญหาให้คุณครับ”
คณพศหยุดไปครู่หนึ่ง “ผมเชื่อว่าคุณบุรินทร์เป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย เรื่องนี้ต้องฝากคุณแล้ว”
“ได้ครับ…ได้” วางสายจากคณพศแล้วก็มองตรงไปที่สองแม่ลูก
“คณพศบอกให้แกไปแจ้งหย่าพรุ่งนี้!”
พิมมี่ตกใจมาก ยืนขึ้นทันที “ฉันไม่หย่า ฉันจะไม่มีวันหย่า!” เธอร้องไห้และวิ่งขึ้นไปข้างบน
บุรินทร์มองตามหลังพิมมี่อย่างโมโหจัด “ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้แกทำตัวเอง จะโทษใครได้”
บุรินทร์ยืนขึ้นและเดินออกจากคฤหาสน์ไป
พิมมี่วิ่งไปที่ห้องนอน หาเอกสารทั้งหมดแล้วเอามันไปซ่อนไว้
เธอมองออกไปที่ต้นไม้นอกหน้าต่าง นารา ฉันจะไม่หย่าแน่นอน แกต้องการที่จะมีความสุขงั้นเหรอ มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นแหละ!
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดประตูและเดินลงไปข้างล่าง “พิมมี่ แกจะไปไหน” เขมินท์เรียกหยุดเธอไว้
“ฉันจะออกไปเดินเล่นค่ะ คุณแม่คะฉันไม่อยากหย่า”
“แต่พิมมี่ คุณชายสามโทรมาแล้วนะ คุณพ่อของแกก็สัญญาแล้ว แกก็อย่าดื้ออีกเลย”
“คุณแม่ แม้แต่คุณยังทำกับฉันแบบนี้เหรอ ฉันบอกว่าฉันจะไม่หย่าไง!” เธอวิ่งออกไป ‘ปัง!’ กระแทกประตูปิด
เขมินท์ส่ายหน้า
ปู่ชิง วิษณุส์เปิดห้องที่ชั้นบนสุด รอการมาถึงของคณพศ
และอีกห้องหนึ่ง คณพศกำลังเซ็นสัญญาการพัฒนากับคุณภู และมาพร้อมด้วยเสกข์
ทานอาหารจนเสร็จ คุณภูก็ลุกขึ้น “ประธานคณพศ ความร่วมมือที่น่าพอใจนี้ หลังจากนี้ฝากตัวด้วยนะครับ”
หลังจากเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว คณพศคลึงหัวคิ้วอย่างอ่อนล้า
“ท่านประธานครับ รองประธานวิษณุส์ยังคงรอคุณอยู่ครับ” เสกข์เข็นรถเข็นจะไปที่ห้องชั้นบนเพื่อไปพบวิษณุส์
“ดึกมากแล้ว กลับบ้านเถอะ”
“ครับ”
รถเข็นของคณพศออกจากปู่ชิงและตรงไปที่ลานจอดรถ
ในเวลานี้มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามายืนขวางรถเข็นของเขา “คุณชายสามโปรดรอสักครู่ค่ะ”
คณพศขมวดคิ้วแน่น มองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้า เธอสวมชุดเปิดเผยเนื้อหนัง รัดรูปให้เห็นรูปร่างงามชัดเจน ใบหน้าของหญิงสาวเป็นสีแดงเหมือนเมา
เธอมองคณพศอย่างตะกละตะกลาม มีความคับข้องใจในแววตามึนเมาเล็กน้อย ร่างกายไหวเอนอยู่ตรงหน้าคณพศ คณพศถอยรถเข็น หญิงสาวทิ้งตัวลงที่ขาของเขา กลิ่นน้ำหอมที่น่ารังเกียจเกือบทำให้เขาอาเจียนออกมา
“คุณนี่มันเป็นคนยังไง” เขาเหวี่ยงเธอออกไป
เขาเกลียดผู้หญิงที่แต่งหน้าหนา เขาเห็นยชญ์กอดผู้หญิงพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกขยะแขยง ดีที่ภรรยาตัวน้อยของเขาสะอาด ทั้งที่ไม่มีการใส่น้ำหอม ร่างกายยังเผยกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาโดยอัตโนมัติ