The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่ 98 นายไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ
บทที่ 98 นายไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ
คณพศอย่างจะลงมือที่จะกวาดล้างอาชัญ ก็ต้องหาหลักฐานที่เขาทำลายบริษัท ในส่วนนี้ก็ปกติดี เพราะเขาอยากให้คุณท่านกษาปณ์รู้ว่าเขาเองนั้นแหละเป็นขุดหลุมฝังตัวเอง และไม่จำเป็นต้องให้คณพศลงมือเอง
แต่ที่เขาบอกว่าอยากจะให้ถ่ายรูปพิมมี่กับอาชัญ ส่วนนี้ยชญ์ไม่เข้าใจ
ถึงแม้ว่าใจจริงของเขามันชัดเจนอยู่แล้วว่าคณพศกับพิมมี่ไม่เข้ากันแม้แต่นิดเดียว
แต่ในสายตาคนนอก พิมมี่ก็คือเมียของคณพศไม่ใช่เหรอ
ถ้าอยากจะให้ถ่ายพิมมี่กับอาชัญ แล้วเอาไปแพร่ข่าวจริงๆ
นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการสวมเขาอันใหญ่ให้กับคณพศกันเหรอ?
ดังนั้นพอได้ยินสิ่งที่คณพศบอก ยชญ์ก็เลยประหลาดใจเล็กน้อย
ก็เลยพูดพร้อมมองเขา:“คณพศแบบนี้มันเหมาะสมเหรอ? นายที่มีชื่อเสียงกลับดันเมียตัวเองตกลง นายไม่กลัวคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเหรอ?”
คณพศเติบโตบนเกาะฟ้า ดังนั้นไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่คนเขากลัวกัน
ยชญ์ก็เลยรีบเตือนเขาทันที เพื่อไม่อยากให้เขาต้องมาวุ่นวายกับเรื่องร้ายแปดเข้ามารุมเร้าเขา
“มีอะไรให้หัวเราะเยาะ? เรื่องขำที่ชายสามตระกูลปัญญาพนต์พิการ ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้อกันถึงแปดเก้าปีเหรอ? อีกอย่าง ถึงเวลานั้นถ้ามีคนเยาะเย้ยมากขนาดนั้น ก็เอาเรื่องมาแก้ ไม่แน่อาจจะมีใครเห็นใจมากกว่าเดิมก็ได้”
คณพศไม่เห็นด้วยกับเรื่องกังวลใจของยชญ์
แผนนี้เขาคิดมานานหลายวันแล้ว เก็บกวาดอาชัญกับพิมมี่แค่นี้ก็พอแล้ว
เดิมทีเรื่องที่เขาแต่งงานกับพิมมี่เขาก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นอีกแล้ว
คิดอยากที่จะกลับมาเป็นสามีภรรยากับนาราให้ได้เร็วที่สุด และไม่ให้เธอต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมอีกแล้ว
“คณพศนายยังต้องการความเห็นใจจากคนอื่นเหรอ?” พอได้ยินคณพศพูดแบบนี้ ยชญ์ก็ค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นแล้วมองไปยังเขา
คณพศเขามีชื่อเสียงเป็นถึงประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ แต่ความเป็นจริงก็เป็นคุณชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ใหญ่ไฮโซ
เป็นถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างบริษัทระหว่างประเทศอย่างองค์กรบี.เค. คนอย่างคณพศยังต้องการความเห็นใจอีกเหรอ?
แต่ว่าคำพูดของยชญ์ที่ออกมาจากปากก็ได้ทำให้คณพศต้องมองบนใส่
“ฉันนั่งรถเข็นมาแปดเก้าปีแล้วนะ มันไม่พอให้เห็นใจหรือยังไงกัน?”
พูดเสร็จแล้ว คณพศก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว ยชญ์กับเด่นภูมิที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มีสีหน้างงๆ อยู่
แล้วก็เข็นรถเข็นของเขาต่อ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง
ตอนที่เขาออกไป คุณหญิงน้อยของเขายังนอนหลับอยู่เลย เขาก็เลยรีบกลับหน่อยเพื่อที่จะได้นอนกับเธอ
เด่นภูมิกับยชญ์ก็แยกย้ายจากคฤหาสน์เจหงส์
หนึ่งค่ำคืนผ่านไปได้อย่างเป็นสุข ทำให้นารารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเป็นหินที่แหลกกระจาย
แต่พอเธอเบิกตาออกก็เห็นว่าตนเองยังคงนอนอยู่ในอ้อมอกของเขาอยู่
ตามองไปยังชายหนุ่มที่นอนข้าง ขนตายาวของเขาก็มีเงาเล็ก ๆ สองใบปกคลุมใบหน้าหล่อเหลาของเขา
นาราอดใจไม่ไหวเลยเหม่อมองเขาดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก
ในหัวของเธออดคิดขึ้นมาไม่ได้ : “คณพศทำไมคิดถึงหน้าแบบนี้นะ? เหมือนกับชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากภาพวาดเลย ถ้าคุณยืนขึ้นได้แล้วจริงๆ ก็คงจะเป็นชายในฝันของหญิงสาวหลายคนแน่ๆ เลย” เธอห้ามตัวเองให้คิดไม่ได้
เดิมทีคณพศกำลังปิดตาอยู่ เพราะอยากจะเห็นว่านาราตื่นขึ้นมาแล้วจะทำอะไรกับเขา
แต่ปรากฏว่าเธอก็แค่มองเขาอย่างเหม่อลอย คณพศกลั่นไม่ไหวก็เลยยิ้มขึ้น
แล้วจึงเปิดตาขึ้นพร้อมมองไปยังหน้าเล็กๆ ของนารา: “ทำไม อยู่ต่อหน้าคนหล่อไม่มีใครเหมือนอย่างผม คุณไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอ? นารา คุณไม่มีได้หื่นกามจริงๆ”
“คุณ….คุณต่างหากที่เป็นคนหื่นกาม เช้าขนาดนี้ยังมาแกล้งทำเป็นนอนแล้วยังมาหลอกอีก” ไม่คิดว่าตอนที่แอบมองเขา คณพศก็ได้แอบมองอยู่เหมือนกัน
ใบหน้าเล็กของนารา ผ่านแปบเดียวก็แดงขึ้นอย่างมาก
แล้วรีบมุดหน้าไปที่แผ่นอกของเขา เพื่อไม่ให้เขามอง
แต่ท่าทีเหมือนนกน้อยของนารา คณพศไม่ค่อยชินซักเท่าไหร่
ก็เลยใช้มือจับคางของเธอแล้วเฉิดคางให้แหงนหน้าขึ้น แล้วก็ก้มหัวลงไปกดจูบหนักๆ จบริมฝีปากของเธอค่อยบวมขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นใส่ตาดวงร้อนผ่าวพูดขึ้น:“หืม? นารามั่นใจเหรอที่พูดว่าผมเป็นคนบ้ากาม? งั้นคุณลองพิสูจญ์กับตัวดูมั้ยว่ามันจริงหรือเปล่า?”
สาวน้อยอย่างเธอ เมื่อวานก็เกือบจะโดนเขาสอดใส่ไปจนเหนื่อยก็เลยพึ่งตื่นเอาป่านี้
แต่เธอยังกลับมาบ่นใส่ว่าเขาเป็นคนบ้ากามอีก
อืม เป็นเมียคณพศจริงๆ ไม่ผิด ตอนที่มาแถงกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตา
“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว!ฉันแค่พูดล้อเล่นเอง คุณอยากมาบ้าตามฉัน!” เดิมที่ก็พึ่งจะโดนคณพศทำซะเขินอย่างนารา อยู่ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วก็เลยตกใจขึ้นมาทันที
รีบโบกมือด้วยความตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าคณพศจะทำอย่างนั้นกับเธออีกครั้ง
ชายคนนี้ช่างเหมือนหุ่นยนต์จริงๆ เหมือนตรงที่ไม่รู้จักเหนื่อยนี้แหละ
ทุกครั้งเลยเธอโดนเขาทำจนเหมือนกับเสียไปแล้วครึ่งชีวิต ดังนั้นเธอก็เลยไม่กล้าจะแย่งไฟอีก จึงรีบเชื่อฟังอย่างร้อนรนราวกับเอาใจพระราชา
หรือที่พูดกันว่า รู้กาละเทศเป็นสมบัติของคนดี?
เห็นสภาพอย่างนี้ของนาราที่กำลังตีหน้าครึม ราวกับจะเอาคืนคณพศให้ได้ เขาก็เลยอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา
แล้วจึงเอื้อมมือไปแตะจมูกโด่งเล็กๆ ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่;“คุณพูดดีหนิ เหมือนที่คุณว่าคุณก็กลัวไปแล้ว”
อย่างรอเขาจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้กัน เขาจะมอบสิ่งที่นาราต้องการมาตลอดให้ได้
จนถึงเวลานั้นก็จะดูว่าเธอมีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดกับเขาเรื่องที่ต้องจากไป เวลานั้นเขาคงจะยืนได้แล้ว
คณพศคิดอยู่ในใจว่าอยากจะสร้างตาข่ายดักจับนาราเอาไว้
แต่นาราที่กำลังกลัวคณพศจะทำแบบนั้นกับเธออีกในเช้าวันนี้ ก็ตั้งใจทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
แล้วก็ได้พูดกับเขา:“คณพศมีเรื่องอยากจะถามคุณ ถามได้มั้ยคะ?”
เมื่อว่าเขมินทร์เข้ามาคฤหาสน์เจหงส์ด้วยสภาพร้องไห้อย่างนั้น คงคิดว่าเข้าไม่ได้พูดโกหกแน่ๆ
ดังนั้นนาราก็เลยรู้สึกแปลกใจอย่างมากว่าทำไมคณพศถึงต้องลงลือกับพิมมี่
ในตอนแรกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะแต่งกับพิมมี่ให้ได้หรือว่าแค่จะเอาคืนอาชัญกัน ตอนนี้อีกนิดก็จะฆ่าเธอทิ้งแล้ว นาราก็เลยรู้สึกงงเป็นอย่างมาก
สำหรับคำที่นาราพูดขึ้น คณพศตอบตกลงด้วยความไม่ลังเลกับเธอ : “ถามมาสิ”
แค่เธอต้องการจะรู้ไม่ว่าอะไรเขาก็จะบอกเธอได้ทั้งหมด
ถ้าเขาบอกว่าชอบเธอจริงๆ ซึ่งก็ได้พูดออกมาแล้ว และก็ตั้งมั่นว่าทั้งชีวิตนี้จะเลี้ยงดูเธอไปตลอด
“เมื่อวานแม่ฉัน….มาบอกว่าอีกนิดคุณก็ฆ่าพิมมี่ทิ้งแล้ว มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?” เห็นว่าคณพศตอบโดยไม่กังขา นาราก็เลยกล้าถามขึ้นมา
เดิมที่เรื่องนี้เธอจะถามคณพศตั้งแต่เมื่อวาน
แต่คำพูดมันติดอยู่ข้างปากก็เลยพูดออกไปไม่ได้ และตอนนี้บรรยายดีแบบนี้ แล้วเธอก็ไม่กลัวคณพศจะโกรธด้วย