The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่122 ผมตัดสินใจแล้ว
บทที่ 122 ผมตัดสินใจแล้ว
ที่เขาจัดการวิษณุส์ครั้งนี้ ผลกระทบน่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วก็ยัยผู้หญิงอย่างพิมมี่นั่น ไม่อยากหย่ากับเขาก็ไม่ได้แล้ว
เพราะฉะนั้นอีกไม่นานเขาก็จะกลับมาเป็นโสดเหมือนเดิม แล้วก็จะแต่งงานกับนาราได้แล้ว
จนถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถเล่าความจริงทุกอย่างให้นาราฟัง
บอกเธอว่าเขาสามารถยืนขึ้นได้แล้ว ยังไงเขาก็ทนเห็นนาราคอยนวดขาให้เขาทั้งวันทั้งคืน หรืออ่านตำราต่างๆไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ เลยทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์จึงมีแนวโน้มที่จะตกลงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะฉะนั้นบุคคลที่เกี่ยวข้องของเรื่องนี้อย่างคุณพศ ก็จำเป็นต้องจัดงานแถลงข่าว
ทันทีที่คุณพศเข็นวีลแชร์เข้ามาในห้องแถลงข่าว พวกนักข่าวก็ต่างกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ถามคำถามคุณพศไม่หยุด
พอเห็นเหตุการณ์ดังนี้แล้ว เสกข์ที่มากับคุณพศก็รีบเข้ามาสกัดกั้นพวกนักข่าวให้ออกห่าง
แล้วก็ให้บอดี้การ์ดคอยกั้นพวกนักข่าวไว้ แล้วพูดว่า “ขอเชิญนักข่าวทุกท่านไปถามคำถามที่ห้องแถลงข่าวนะครับ เดี๋ยวท่านประธานของพวกเราจะตอบข้อสงสัยทีละข้อ”
การที่คุณพศตอบตกลงมางานแถลงข่าววันี้ ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาพร้อมทีจะเผชิญหน้ากับคำถามเหล่านี้แล้ว
พอได้ยินเสกข์พูดดังนั้น พวกนักข่าวก็ไม่มารุมคุณพศอีกต่อไป
และพอบอดี้การ์ดคอยกั้นให้ทุกคนออกไป คุณพศก็เขียนวีลแชร์ไปที่ที่นั่งประธาน
คุณพศพึ่งจะประจำที่ นักข่าวพวกนั้นก็ทนไม่ไหวละก็รีบกรูกันถามคำถามออกมา
“ขอถามหน่อยครับท่านประธาน เรื่องที่วิษณุส์และภรรยาของคุณเป็นชู้กัน คุณคิดยังไงครับ?”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจำไม่รู้จักนิสัยใจคอของท่านประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ที่ลึกลับคนนี้เท่าไหร่นัก
แต่พวกนักข่าวก็รู้สึกว่าการที่เรื่องนี้ถูกเปิดโปงแบบนี้ คุณพศในฐานะที่เป็นผู้ชายก็ต้องรู้สึกยากที่จะยอมรับบ้างแหละ
ระหว่างพวกนักข่าวรอคำตอบ ก็ต่างเพ่งกล้องไปที่คุณพศ
พอถึงเวลาก็จะเขียนคอลั่มที่น่าสนใจ จำนวนคนที่คลิกเข้ามาอ่านน่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ คุณพศก็รู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นเขาก็เลยได้แต่ยิ้ม
หลังจากนั้นก็ตอบพวกนักข่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “สำหรับเรื่องนี้ ผมรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก”
“ในฐานะที่เป็นสามีของพิมมี่ การที่โดนภรรยาของตัวเองนอกใจ เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะยอมรับเลย”
“แต่ว่าหลังจากสงบสติอารมณ์มาหลายวัน ผมได้ตัดสินใจแล้ว”
“ในเมื่อพี่ชายของผม วิษณุส์กับพิมมี่รักกันด้วยใจจริง ผมก็ยอมที่จะช่วยให้พวกเขาสมหวัง”
“ตอนนี้ผมให้ทนายของผม เตรียมดำเนินการเรื่องการฟ้องหย่าเรียบร้อยแล้ว”
“เหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลกระทบที่เลวร้ายมาก บริษัทตระกูลปัญญาพนต์ของเราก็จะทำการลงโทษวิษณุส์”
“เพราะฉะนั้นวันนี้ที่จัดงานแถลงข่าวขึ้น ก็เพื่อที่จะชี้แจงให้ทุกท่านเห็นว่า เรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว”
“ผมค่อนข้างที่จะนับถือคนสองคนที่รักกันอย่างห้ามไม่ได้ เพียงแต่ว่าวิธีการของพวกเขา ทำให้รู้สึกปวดใจเท่านั้นเอง”
ตอนแรกนักข่าวพวกนี้ก็อยากจะถามคำถามทิ่มแทงคุณพศ ยั่วยุให้เขาโกรธ
แล้วก็เอาไปเขียนคอลั่ม ให้ข่าวเรื่องนี้ร้อนแรงต่อไปอีกนาน
แต่ว่าพวกเขานึกไม่ถึงเลยว่า แค่พวกเขาถามออกไปคำถามเดียว คุณพศก็จะตอบมายาวขนาดนี้
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาเซอร์ไพรส์มากกว่านั้นก็คือ ผู้ถูกกระทำอย่างคุณพศไม่เพียงแต่ไม่มีท่าทีโกรธแค้น แถมยังอ่อนโยนและสุขุม
ไม่ได้ประณามผู้คนที่หักหลังเขาเลยแม้แต่น้อย
แถมยังเต็มใจที่จะหย่ากับพิมมี่ ทำให้พวกเขาสองคนสมปรารถนา ต้องเป็นคนที่ใจกว้างขนาดไหนถึงจะตัดสินใจแบบนี้ได้กัน?
แต่ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า นับตั้งแต่ที่คุณพศได้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ ก็ได้ทำการกุศลมามากมาย
ถ้าเกิดไม่รู้ว่า คุณพศมีความสามารถขนาดไหน
การกระทำของเขาในครั้งนี้ ก็สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้ความสามารถ
ถึงแม้คุณพศจะประกาศออกมาชัดเจนแบบนี้แล้ว พวกนักข่าวก็ยังไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่
แล้วก็พูดจาอย่างจ้องจับผิดว่า : “ถ้ายังงั้นความหมายของท่านประธานก็คือ ถ้าเกิดว่าพิมมี่หย่ากับคุณแล้ว คุณก็จะไม่ห้ามที่เธอไปคกับพี่ชายคุณ แล้วก็ยอมรับได้ถ้าพวกเขาแต่งงานกันงั้นหรอคะ?”
ต่อให้คุณพศใจกว้างขนาดไหนก็ไม่มีทางยอมรับได้หรอก ภรรยาของตัวเองกลายมาเป็นพี่สะใภ้ แล้วต้องเจอหน้ากันทุกวันในบ้านของตัวเองงั้นหรอ?
แต่พอได้ยินนักข่าวถามออกมาดังนั้น คุณพศก็ยิ้มออกมา
แล้วก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงสุขุมเหมือนเดิม : “ผมบอกไปแล้วไงครับ ต่อให้พวกเขาจะคบกัน ผมก็จะไม่ไปขัดขวาง”
“ สำหรับเรื่องที่พวกเขาจะแต่งงานกันหรือไม่นั้น ก็คงต้องให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายเจรจากันเอง เรื่องนี้ผมไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไร”
คำตอบของคุณพศเหมือนจะเป็นการปิดคำถามของหัวข้อนี้
พูดจาครบถ้วนไม่มีช่องโหว่ว ทำให้คนอื่นไม่สามารถฉแวยโอกาสจากคำพูดของเขาได้เลย
เพราะฉะนั้นพวกนักข่าวที่เจอคำตอบของเขาไป ก็ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรต่อดี
ตะลึงไปพักนึง ตอนที่กำลังจะถามจี้ต่อนั้น เสกข์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เห็นว่าใกล้จะหมดเวลาแล้ว
ก็เลยเดินไปด้านหน้าแล้วพูดกับพวกนักข่าวว่า “โอเค นักข่าวทุกท่านครับ ตอนนี้งานแถลงข่าวของเราขอจบเพียงเท่านี้”
พอพูดจบ เสกข์ก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาสั่งให้พวกบอดี้การ์ดคุ้มกันทางให้คุณพศออกไปจากห้องแถลงข่าว
ยังไงเขาก็รับปากกับกษาปณ์ไว้แล้ว ไม่ว่าจะยังไง ช่วงเวลานี้เขาต้องดูแลคุณพศให้ดี
สถานที่แถลงข่าวแบบนี้ไม่ควรจะให้คุณพศอยู่นาน
ในที่สุดสถานที่ที่คุณพศมาร่วมงานแถลงข่าวนั้น ก็ค่อยๆสงบลง
แต่ว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตัวละครหลักอย่างวิษณุส์และพิมมี่ กลับหายไปอย่างน่ามหัศจรรรย์
พวกปาปารัซซี่ที่ไปคอยรออยู่ที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลปัญญาพนต์หรือคฤหาสน์ของวิษณุส์ หรือแม้แต่หน้าประตูบ้านของตระกูลวรชัยลภัส
ก็ไม่เคยถ่ายรูปของสองคนนี้ได้เลย
ตรงกันข้าม คุณพศที่ได้รับผลกรรมจากการกระทำนี้มากที่สุดกับแสดงออกด้วยท่าทีใจกว้างขนาดนี้ ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกนับถือในตัวเขา
และการที่คุณพศไปฟ้องกับศาล ก็เพราะว่าเรื่องนี้สร้างผลกระทบที่เลวร้าย แถมยังต้องได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนอย่างมากมาย
และวันที่ตัดสินคดีความนั้น จำเลยอย่างพิมมี่ก็ไม่มาฟังคำตัดสิน
เพราะฉะนั้นความเป็นสามีภรรยาระหว่างคุณพศกับพิมมี่นั้น ก็สิ้นสุดลงตามคำสั่งศาล
คุณพศที่ในที่สุดก็ได้รับอิสระซักที ก็เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสบายใจ แล้วก็นัดเจอนาราที่คฤหาสน์
หลังจากเกิดเรื่องอันตรายขึ้นที่คฤหาสน์ครั้งที่แล้ว
คุณพศเลยตัดสินใจจะซื้อคฤหาสน์ให้นาราใหม่
ถ้าเกิดว่าเธอชอบที่นี่ล่ะก็ ก็สามารถออกแบบและสร้างให้เหมือนเดิมก็ได้
แต่พอคุณพศพูดออกมาดังนั้น นารากลับไม่เห็นด้วย
เพราะว่าที่นี่มีความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย เธออยากที่จะอยู่ที่นี่
เพราะฉะนั้นคุณพศเลยต้องจำใจยอมเธอ ให้ลุงบีมไปหาคนมาแก้ไขซ่อมแซมคฤหาสน์ทั้งหลัง ติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา