The fake แต่งงานหลอกๆ แต่รักฉันของจริง - ตอนที่159 คนที่ฉันรักมีแค่เธอ
บทที่ 159 คนที่ฉันรักมีแค่เธอ
นารามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ถึงแม้ว่าฉันจะต่ำต้อยด้อยค่า แต่ก็ไม่ขนาดที่จะสามารถใช้สามีร่วมกับใครได้ คุณพศ คุณปล่อยฉันไปเถอะ” แค่เพียงนึกถึงภาพนั้น หัวใจของเธอก็เหมือนกับถูกบดขยี้
แล้วจะไปฮันนีมูนกับเขาได้ยังไง!
“เธอพูดอะไรของเธอหน่ะ?” พศมอเธออึ้งๆ “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับณัจยาเลย คนที่ฉันรักมีแค่เธอคนเดียว ยัยโง่เอ้ย” เขาหล่ะอยากจะผ่าหัวเธอออกมาจริงๆอยากจะรู้นักว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะไปแตะต้องตัวณัจยา แล้วเธอจะไปใช้สามีร่วมกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง!
“คุณพศ ณัจยาเธออยู่กับคุณมานานขนาดนั้น แถมยังเป็นรักแรกของคุณอีก แค่ฉันเห็นรูปภาพของเธอในหนังสือของคุณ ฉันก็พอจะรู้แล้วว่าคุณน่ะยังลืมเธอไม่ได้” นาราผลักพศให้พ้นตัว
“ฉันไปหล่ะ อ้อแล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิด ที่พวกคุณใช้วิธีที่โหดร้ายแบบนี้มาบังคับฉัน” เธอผลักตัวเธอเองออกจากอ้อมกอดเขาก่อนจะหันหลังให้กับห้องหนังสือแล้วเดินจากไป
พศยืนตะลึงงันมองร่างที่สะบัดตัวหายไปนั้น เขาโกรธจนแทบบ้าตาย!
เขารู้สึกผิดอะไร? พวกเธอบังคับอะไรเธอ?
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย?
พศยืดตัวขึ้นก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหเาด่นภูมิ
“ไปหามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ว่าณัจยาได้ทำอะไรกับนารามั้ย” ถ้าหากว่าณัจยาทำอะไรกับนาราจริงๆหล่ะก็ เขาจะไม่คิดถึงความเมตตาที่เขามีให้ในปีนั้นอีกต่อไป
ฟางเส้นสุดท้ายของเขาคือนารา ไม่ว่าใครก็ตามที่มาแตะต้องฟางเส้นสุดท้ายของเขา เขาก็จะจัดการให้สิ้นซาก
ตอนที่พศลงไปชั้นล่างนั้น เขาก็ไม่เห็นแม้ร่างของนาราแล้ว นั่นทำให้เขากลุ้มใจเป็นอย่างมาก
เขาจึงปรี่รถไปที่บริษัท
พอขับไปถึงหน้าประตูบริษัทเขาก็ลงจากรถ ตอนที่เขาลงจากรถส่วนตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัทนั้นเอง
ก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
เขาเหลือบตาไปมองแวบเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นพิมมี่!
เมื่อถูกชนเข้ากับพิมมี่อย่างไม่มีเหตุไม่มีผล พศรังเกียจมากจริงๆที่ตัวเขาจะถูกถ่ายรูปในลักษณะแบบนี้ นั่นทำให้เขาไม่คิดที่จะแยแสเธอเลย
ใครจะไปรู้หล่ะว่าพิมมี่ไม่คิดที่จะปล่อยโอกาสนี้ให้เสียไปง่ายๆ เธอแสร้งร่วงลงไปกับพื้นก่อนจะทำเป็นว่าเธอโดนชนอย่างแรงก็ไม่ปาน “โอ้ย เจ็บจังเลย คุณพศ คุณชนฉัน”
พศหยุดฝีเท้าของเขาลง มองพิมมี่ที่แสร้งทำเป็นเจ็บอย่างรู้สึกขยะแขยง
ถึงแม้ว่าในใจนั้นจะไม่พอใจพิมมี่มากๆ แต่เมื่อคิดที่จะใช้พิมมี่เป็นเครื่องมือในการลงทัณฑ์วิษณุส์ จึงทำเป็นถามด้วยความห่วงใย “เจ็บตรงไหนรึเปล่า? ให้ฉันพาไปส่งโรงพยาบาลมั้ย?”
พิมมี่แค่อยากจะคุยกับพศเท่านั้น ใครจะกล้าให้เขาไปส่งที่โรงพยาบาลหล่ะ?
เธอทำเป็นพยายามลุกจากพื้นด้วยท่าทีที่อ่อนแอ ทำหน้าตาอ่อนแรง “ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก
พศไม่คิดเลยว่าพิมมี่จะเลิกแกล้งเจ็บได้ในเวลาชั่วครู่ ริมฝปากของเขากระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่นั่นก็เพียงเสี้ยววิเท่านั้นก่อนจะพูด “งั้นก็ดีแล้ว งั้นวันหลังก็เดินระวังหล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว”
เมื่อเห็นว่าพศกำลังจะเดินไป พิมมี่กรีบร้องท้วงไว้ “คุณพศคะเดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” เธอรออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว เพื่อที่จะบอกเรื่องนารากับคนอังกฤษนั่นให้เขารู้
พศขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะกลับตัวมทางพิมมี่ “เรื่องสำคัญอะไร?”
พิมมี่หลุกหลิกตาไปมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาพศ “ก็คุณไปได้ไม่กี่วัน ฉันเห็นนาราอยู่กับคนอังกฤษคนหนึ่ง เขาหัวเราะต่อกระซิกกันไปมา แค่คุณระวังหน่อยก็ดีค่ะ อย่าให้คนพวกนั้นมาสวมเขาให้คุณได้”
พศรู้เจตนาของพิมมี่ รู้ว่าเธอต้องการที่จะมาแทนที่นาราของเขา แต่ดูเธอพูดอะไรไม่ได้ดูตัวเองเลยเนี่ยมันเหมาะสมแล้วหรือไง? แม้ว่าเขาจะรังเกียจผู้หญิงคนนี้ แต่ว่าเขาก็ต้องปล่อยเธอเอาไว้เพื่อคอยเฝ้าวิษณุส์
แต่ถึงแม้ว่าเขาจึงเกลียดเธอมากขนาดไหน แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นก็ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน
“เธอช่วยเล่าเรื่องเมื่อกี้อีกทีสิ้ ว่าเธอไปเจอกับคนอังกฤษที่ว่านั่นที่ไหน?” ใบหน้าของพศหมองลง ในขณะที่เดินเข้าไปใกล้พิมมี่ ถ้าสิ่งที่เธอพูดมันไม่เป็นความจริงแม้เพียงแค่ครึ่งเดียว ฉันจะหักคอเธอ”
แม้ว่าพิมมี่จะมีประโยชน์กับเขาก็ตามที แต่หากเทียบกับนาราตัวน้อยของเขาแล้ว พิมมี่ก็จะกลายเป็นคนไร้ค่าขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้ด้วยหน้าตาทะมึงทึง จู่ๆเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขายังคุยกับเธอดีอยู่เลย ทำไมถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วพริบตาแบบนี้ ที่แท้นาราก็เป็นจุดตายของเขา ไม่สามารถแตะต้องได้!
ดีจริง เมื่อเห็นพศเสียอาการ เธอจะได้ใช้คนอังกฤษคนนั้นเป็นเครื่องมือที่ทำให้ร้าวฉาน มันจะดีที่สุดหากถ้านาราชอบพอกับผู้ชายคนนั้นแล้วหนีไปด้วยกัน
เธอจึงแสร้งทำเป็นกลัวว่าเขาจะมาหักคอเธอก่อนจะพูด “ฉะ ฉันพูดความจริงนะคะ ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองกลับไปถามพ่อบ้านของคุณได้เลย เขาก็เห็นเหมือนกัน”
“งั้นหรอ?” สายตาของพศราวกับไฟที่รุกเดือดพล่านในนรก “ถ้าฉันรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมามันไม่จริงหล่ะก็ ฉันจะทำให้เธอตายอย่างอนาถจเลยทีเดียว!”
พอพูดจบ เขาก็ทิ้งพิมมี่ไว้ที่เดิมและเดินก้าวฉับๆเข้าบริษัทไป
นารา ไปหัวร่อต่อกระซิกกับชายอังกฤษนั่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?
ดวงตาของเขาเย็นกร้าวจนทำให้เสกข์ที่กดลิฟท์ให้สั่นไปทั้งตัว
การไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศครั้งนี้มันเป็นไปด้วยความราบรื่นไม่ใช่หรอ ทำไมท่านประธานกลับมาถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้?
พอพศเดินจากไปพิมมี่ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดรอบๆตัวเธอก็มีอากาศถ่ายเทสักที พศดูโกรธมากเสียจนน่ากลัว แต่เธอก็ยังอยากจะใส่ควอนนาราต่อไป ถ้าไม่มีนาราที่ยังอยู่ในฐานะภรรยาของคุณพศหล่ะก็ ตำแหน่งภรรยาท่านประธานมันก็ควรจะเป็นของเธอ
ผู้ชายแบบนี้เท่านั้น ที่คนอย่างพิมมี่คู่ควร
เธอมองขึ้นไปยังตึกสูง ก่อนจะพูดกับตัวเองในใจ นารา ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ฉันจะเอาคุณพศมาจากเธอให้ได้ เพราะผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน
หลังจากนั้นไม่นาน พิมมี่ก็เดินจากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงของเธอ
เมื่อพศทำงานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว หกโมงเศษเขาก็กลับบ้านเลย
ที่คฤหาสน์เจหงส์
ลุงบีมเปิดประตูให้เขาด้วยความเคารพ และเมื่อพศเดินเข้ามาในบ้านเขาก็โค้งคำนับ “คุณชาย”
“อ้อ” พศทักขึ้นเสียงเย็น “นาราหล่ะ?”
“อยู่ด้านบนครับ ให้ผมเรียกเธอมาด้านล่างให้มั้ยครับ?” ลุงบีมถามอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง” ยังดีที่เธอยังไม่ได้ไป พศเดินเข้าไปหาด้วยความหัวร้อน ตรงขึ้นบันไดด้วยโทสะ แต่ขึ้นไปได้เพียงสองก้าวก็หันมาถาม “ลุงบีม สองสามวันก่อนนาราได้ไปกับผู้ชายอังกฤษบ้างมั้ย? เมื่อนึกถึงเรื่องที่พิมมี่บอก เขาจึงหันกลับมาถามลุงบีม
ลุงบีมชะงักไปแปปนึงก่อนจะตอบอย่างสัตย์จริง
“ไม่ครับ แต่สองสามวันก่อนมีผู้ชายคนอังกฤษมาหาเธอ ชื่อว่าลั่ว พูดเหมือนจะพาคุณนาราไปประเทศอังกฤษ ผมเพิ่งโทรหาคุณไป สองสามวันนี้นอกจากไปโรงเรียนแล้วก็อยู่แต่ในวิลล่า ไม่รู้ว่าได้ไปเจอกับคนอังกฤษนั่น